EP.782…เสรีรัตน์อย่ากลับมา”หลอกหลอน”กันอีกเลย..


นายกอภิสิทธิ เวชชาชีวะ (webmaster@abhisit.org); pakjira_999@hotmail.com; คุณปานเทพ กล้าณรงค์ราญ (panthep@nacc.go.th); paisal@dharmniti.co.th; pissanu.19@hotmail.com; tra832@yahoo.com (tra832@yahoo.com); สมัชชาประชาธิปไตย (sptthai2009@gmail.com

9/10/2553

หลังจากได้ฟังการให้สัมภาษณ์ นายปิยะพันธ์ จำปาสุต วันนี้เมื่อช่วงบ่ายโมงกว่าทางสถานีโทรทัศน์ ช่อง“หอยม่วง” แล้ว…

ขอประกาศว่า…เราอนุญาติให้ นายเสรีรัตน์ ประสุตานนท์ และ นายนิรันดร์ ธีรนาถสิน พร้อมคณะผู้บริหารทอท.ที่เกี่ยวข้องกับกรณีปาร์คกิ้งฯทั้งหมดทุกคน

“ลาออก” ผ่านอีเมลมายังท่านประธานปิยะพันธ์ ได้นะครับ.. 5555

นายเสรีรัตน์กลับมาวันนี้แล้วนี่นา…จัดการธุระให้กลุ่มเผาเมืองเรียบร้อยแล้วรึครับทั่น..!

เพราะจากคำสัมภาษณ์ของท่านประธานปิยะพันธ์ที่เริ่มต้น ด้วยคำถามที่ผู้สื่อข่าวถามว่า…” เกิดเรื่องในสนามบินสุวรรณภูมิจนดังฉาวโฉ่ขนาดนี้ มีคำถามตามมาจากผู้คนในสังคมว่า ทำไมคุณปิยะพันธ์ จำปาสุต ยัง“นั่ง”อยู่ในฐานะนี้ได้อย่างไร...”?

และท่านประธานปิยะพันธ์ก็ตอบอย่างไม่ต้องคิดเลยครับว่า…” อันที่จริงเรื่องที่เกิดขึ้นนี้ เป็นความรับผิดชอบของผู้บริหารทอท.เอง เพราะผมเป็นบอร์ดมีหน้าที่กำกับดูแลนโยบายของการท่า ไม่ใช่หน้าที่ของผมที่จะต้องลงมาเสนอข่าวการแก้ปัญหาต่างๆเหล่านี้ ที่ผมทำอยู่นี้ก็มากเกินหน้าที่ของผมแล้วครับ…”

โอแม่เจ้า…ประทับใจมาก..ขอบอกครับ…และท่านประธานปิยะพันธ์ยังตอบถึงคำถามกรณีที่ว่า ข่าวเรื่องมีมีเสธ.ต่างๆเข้ามาในก่อเหตุในสนามบินว่า…

“ผมไม่รู้เรื่องหรอกครับ…จะเสธ.ไหนอะไรเกี่ยวข้องกับใครนั้น ต้องไปถามเอากับผู้บริหารทอท.ที่รับผิดชอบโดยตรง!”

และมาถึงตอนสำคัญที่ท่านประธานเล่าไว้แต่บังเอิญคำพูดของท่านประธานไม่ตรงกันเองน่ะครับ….ท่านประธานเล่าไว้ว่าดังนี้ครับ…

“บังเอิญว่าเมื่อวันนั้นผมต้องเดินทางไปเชียงราย จึงไปขึ้นเครื่องช่วงประมาณ หกโมงเย็น..ก็เพิ่งได้ข่าวในตอนนั้นว่ามีคนบุกเข้ามาในสนามบิน ผมก็ให้ผู้บริหารติดตามและรายงานผมเป็นระยะๆ พอประมาณช่วงเที่ยงเราก็เข้าควบคุมพื้นที่กลับคืนมาได้…”

เออ…ผมจะบอกท่านประธานปิยะพันธ์ว่า..ท่านคงได้รับรายงานมา“ไม่ถูกต้อง”แล้วครับ… หรือ ไม่คนที่รายงานท่านก็เป็นพวกมี”จินตนาการ”(แปลว่ามั่วครับ) เพราะ ในความเป็นจริง วันนั้นเหตุการณ์ลุกลามบานปลายไปจนกระทั่งช่วงประมาณ บ่ายสองกว่าๆ ซึ่งหลังจากที่มีการ”รับเสด็จ”ทูลกระหม่อมพระองค์เล็ก สมเด็จเจ้าฟ้าหญิงจุฬาภรณ์ฯ .. ทรงเสด็จกลับจากต่างประเทศ และเสด็จลงเครื่องมาเวลาประมาณบ่ายโมงกว่าๆครับ…!

หลังจากทูลกระหม่อมพระองค์เล็กเสด็จกลับไปเพียงชั่วโมงเศษๆ…มีเสียงปืนดังขั้นติดๆกันประมาณกว่าสิบนัดครับ… เล่นเอาผู้โดยสารและพนักงานที่ปฏิบัติงานในสนามบินสุวรรณภูมิในขณะนั้น..ตกใจกลัวถามกันเซ่งแซ่ครับว่าเกิดอะไรขึ้น…? และมีกลุ่มตำรวจจำนวนมากออกมาปราม ไม่มีผู้บริหารทอท.เลยแม้แต่ “หัวเดียว” ครับ…

จริงครับที่นายณรงค์ชัย ถนัดช่างแสงออกมาให้ข่าวในช่วงเที่ยงว่า…เข้าไปเจรจากับกลุ่มกองกำลังไม่ทราบฝ่ายแล้ว และสามารถควบคุมได้แล้วในช่วงเที่ยง…แต่หลังจากนั้น ไม่มี”ใคร” รายงานให้ท่านประธานปิยะพันธ์ทราบหรือครับ?

นี่จึงถือเป็นเรื่องอุจอาจที่ไม่สามารถอภัยให้ได้ครับ…ผู้บริหารทอท.“ต้องรับผิดชอบครับ..” เหตุใดจึงปล่อยให้มีคนบุกรุกเข้ามาตั้งแต่วันที่ 24/9/2553 และ“ปิด”ข่าว สั่งไม่ให้พนักงานทอท.พูดเรื่องนี้? เหตุใดจึงปล่อยให้มีการผลัดเปลี่ยนกำลังคนมาตลอดหลายวันจนเกิดเรื่องในวัน”รับเสด็จ”? แสดงว่าไม่เเคารพยำเกรง ในพระเกียรติฯของ “เบื้องสูง” ไม่รู้ถึงความเหมาะสมใดๆ แล้วนั่งเป็นผู้บริหารระดับนี้กันอยู่ได้อย่างไรครับ?

ในวันที่ 24/9/2553 กลุ่มชายชุดดำเข้ามา 200 กว่าคน แต่ผู้บริหารทอท.มีการให้ข่าวว่าเป็น “การซ้อมแผนฉุกเฉิน”? และไม่จัดการใดๆ ทั้งที่ในวันนั้นไม่มีการซ้อมใดๆทั้งสิ้น… ในวันที่เกิดเหตุ นายอนิรุทธ์ ถนอมกุลบุตร จะต้องเข้าประจำตำแหน่งผอ.สุวรรณภูมิวันแรก..แต่กลับไม่มีใครเห็นศีรษะเลย  ซึ่งเป็นเรื่องที่ผู้บริหารทอท.จนถึงวันนี้ก็ยังไม่มีคำตอบ…นะครับ และถ้าจะตอบวันนี้ ถามจริง ท่านประธานคิดจริงๆหรือครับว่า..จะมีใครเชื่อ?

เมื่อถูกถามเรื่องกลุ่มมาเีฟียในการท่า ท่านประธานก็ตอบชัดเจนว่า “..มาเฟียไม่ได้เข้าแก๊งค์กับการท่าฯ…” งั้นผู้บริหารทอท.คงต้องตอบแล้วครับว่า…พี่ชายที่เป็นทหารของนายอนิรุทธ์ มีเข้ามาในสุวรรณภุมิพร้อมคนติดอาวุธครบมือกว่า 40 คน ซึ่งคือคนขับแท๊กซี่ทั้งนั้นจริงหรือเปล่า แล้วใครหนอเป็นเจ้าของรถแท๊กซี่..? …แต่มีการพกมีดพร้าและปืน? เกี่ยวอะไรครับกับบริษัทปาร์คกิ้งฯ (เรื่องกองกำลังไม่ทราบฝ่าย ผู้ประกอบการยอมรับเองว่า…มีทหารสามพวกครับ)

อย่างเสธ.คนอื่นที่เป็นข่าว เขาอ้างว่ามีชื่อเป็นกรรมการในบริาษัทที่ได้สัมปทาน? ยังพอฟังได้ แต่ก็ผิดอยู่ดีเพราะเอาอาวุธเข้ามาทำไม.. แต่เสธ.ต้อยตามที่สื่อเรียก  เป็นกรรมการที่มีส่วนได้เสียอะไรไหมครับ…ด้วยความเคารพนะครับ ผมวิจารณ์ไปตามข่าวครับ…

และก่อนถึงอาคารจอดรถ ทำไมผู้บริหารทอท.จึงไม่สะกัดรถที่บรรทุกคนเหล่านี้เข้ามา?  หรือทุกคนเข้ามาด้วยรถแทีกซี่ครับ? งั้นยิ่งผิดหนักเข้าไปอีกครับ การละเลยละเว้นไม่แก้ปัญหาใดๆแล้วบอกว่าไม่มีเรื่องอะไร..ตอบแบบนี้…จับฉลากมาเป็นผู้บริหารกันหรือครับ อย่าแปลกใจเลยถ้าจากนี้ไป…ไม่มีบริษัทดังๆที่ไหนเขาให้งานพวกคุณทำ…ก็โคเสียปานนี้…เนี่ยนะ..?

ไม่เพียงเท่านั้น วันนี้ท่านประธานให้สัมภาษณ์ว่า “ผมไม่รู้หรอกครับเสธ.ไหนเป็นเสธ.ไหน..เรื่องเหล่านี้เป็นหน้าที่ของผู้บริหารทอท.ระดับบริหารต้องจัดการ”...นั่นปะไร..ตอบชัดทะลุแก้วหูเลยครับ  แบบนี้ภาษาชาวบ้านเขาเรียกว่า…“ชิ่ง” หรือ “โยน” แล้วใช่ไหมครับ…?

แต่ท่านประธานทำถูกแล้วครับ และสมควรทำมานานแล้ว เพราะการเอามือเปล่าๆไปรับ “เผือกร้อนๆ”เอง..ไม่มีคนฉลาดที่ไหนเขาทำครับ…เรื่องนี้ถ้าท่านประธานหรือใครพยายามเบี่ยงเบนประเด็นและไม่ยอมรับว่า การที่มีคนบุกเข้ามาสนามบินถืออาวุธครบมือ…ได้แล้วยังไม่เป็นความผิดของผู้บริหารทอท….ผมว่า ท่านไม่พูดก็ไม่มีใครว่าเป็นใบ้ครับ…

การที่ท่านประธานปิยะพันธ์ออกมาให้สัมภาษณ์เช่นนี้ ภาษาการเมืองเขาว่า “ตัดเชือก” แล้วใช่ไหมครับ ถ้าผมเป็นนายเสรีรัตน์  นายนิรันดร์และพวก จะขอลาออกแล้วครับ…เพื่อเตรียมตัวไปรับกรรมสู้คดี….

เพราะขืนอยู่ต่อไป…อาจถึงขั้นต้องทำศัลยกรรมเปลี่ยนใบหน้า..เพราะใบหน้านี้ ถูก”ตีตรา” ไปแ้วครับ…!

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า….ความจริงเท่านั้นที่คงอยู่ จะพูดโกหกอย่างไรสุดท้ายก็ถูกจับได้อยู่ดี แล้วทำไมไม่พูดความจริง… มันยากนักหรือครับ..กับการจะทำเรื่องที่ถูกต้องและสุจริตสักครั้งในชีวิต!

ผู้บริหารจอมฉาวทั้งหลาย…ออกไปให้พ้นจากทอท.ได้แล้วครับ…หรือยัง “ดัง” กันไม่พอครับ? พวกคุณไม่อาย..แต่ผมอายครับ..!

จาก นายวาซาบิครับผม….

โพสท์ใน categorized | ใส่ความเห็น

EP.781…บทลงโทษผู้บริหารทอท.ครับ..


ช่วย”ลาออกก่อน”จนกว่าจะพิสูจน์ได้ว่าไม่ผิด(บทลงโทษผู้บริหารทอท.)Quantcast

ขอความกรุณาจัดการด่วนครับ…

นายกอภิสิทธิ เวชชาชีวะ (webmaster@abhisit.org); pakjira_999@hotmail.com; คุณปานเทพ กล้าณรงค์ราญ (panthep@nacc.go.th); paisal@dharmniti.co.th; pissanu.19@hotmail.com; tra832@yahoo.com (tra832@yahoo.com); สมัชชาประชาธิปไตย (sptthai2009@gmail.com

9/10/2553

ผมว่าเรื่องสัมปทานอาคารจอดรถ จะไปกันใหญ่  กลายเป็นความเสียหายระดับประเทศไปแล้วครับ และกำลัง on the way ไปทั่วโลกด้วยครับ ทั้งหมดล้วนเป็นฝีมือของผู้บริหารหลักๆของทอท. ที่เติบโตมีอำนาจเพราะการกระทำเพื่อตนเองและพรรคพวก

ทั้งหมดคือ ความบกพร่องในหน้าที่ของกลุ่มผู้บริหารทอท.เองทั้งนั้นครับ…ทำ ให้ภาพลักษณ์ ของประเทศเสียหาย ในสายตาชาวโลก ทำให้ความเชื่อมั่นในเรื่องความปลอดภัยของสนามบินติดลบ ทำให้โอกาสที่จะได้ใบรับรองสนามบินอย่างถูกต้อง”ห่าง” ไกลมากขึ้นไปอีก ทำให้รับและทอท.สูญเสียรายได้มหาศาล เพราะยังมีอีกหลายเรื่อง ที่ผู้บริหารทอท.กลุ่มนี้ ใช้”วิธีการ” แบบเดียวกันนี้ ทำให้ทอท.เสียผลประโยชน์ไปโดยไม่จำเป็น..ทำให้ทอท.ถูกฟ้องร้องโดยใช่เหตุ

ผู้บริหารเหล่านี้ไม่เคยเดือดร้อนด้วยทั้งที่เกิดจากการกระทำของพวกตน เอง ทั้งนั้นครับ..ความเสียหายเหล่านี้ ต้นตอเกิดจากความฉ้อโกงในสันดานของตัวบุคคล จึงสมควรที่ผู้บริหารที่มีรายชื่อต่อไปนี้ที่เกี่ยวข้องโดยตรงในกรณีฉาวนี้ “ต้อง” ร่วมกันชดใช้..ครับผม..

ผู้ บริหารทอท.ที่มีชื่อต่อไปนี้คือบุคคลที่เกี่ยวข้องที่เป็นต้นเหตุแห่ง ความสูญเสียทั้งหมดของทอท. อย่างที่ไม่สามารถจะปฏิเสธใดๆได้  และเพราะเรื่องนี้ใหญ่จนเป็นความเสียหายระดับประเทศไปแล้ว

จึงขอความกรุณาผู้มีอำนาจในบ้าน เมืองนี้ มอบหมายให้หน่วยงานของรัฐทีตรวจสอบการทุจริตอย่าง ปปช. สตง. ปปง. ปปท. สำนักตรวจการแผ่นดิน กรุณารับเรื่องนี้เข้าพิจารณาเป็นประเด็นความผิดของผู้บริหารทอท.ด้วยครับ

ฉนั้น เมื่อเรื่องนี้…บ.ปาร์คกิ้งฯทั้งสองฝ่ายเป็นผู้ยื่นฟ้องทอท.  จึงต้องขอให้ สหภาพทอท.ออกมารักษาผลประโยชน์ให้ทอท. และพนักงานทอท.ทุกคนด้วยการ ให้การฟ้องร้องเหล่านี้  ค่าเสียหายต่างๆที่จะเกิดขึ้นที่ผู้ประกอบการจะเรียกร้องนั้น ให้ตกเป็นภาระแก่ผู้บริหารสายพัฒนาธุรกิจ และผู้บริหารทอท.ทุกคนที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้ทั้งหมด ที่อยู่ในตำแหน่งณ.ช่วงเวลานั้นรับผิดชอบทั้งหมด และ

ขอให้ท่านรมต.คมนาคม หรือผู้ที่มีอำนาจเหมาะสม กำหนดบทลงโทษผู้บริหารทอท.กลุ่มนี้ดังนี้ครับ…

1. กำหนดให้ผู้บริหารที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ทั้งหมด “ลาออก” จากราชการไปก่อน(สถานเดียวเท่านั้น)…จนกว่าจะพิสูจน์ได้ว่าไม่มีความผิดใน เรื่องดังกล่าว เมื่อท่านรมต.โสภณ เป็นคนของพรรคภท. ซึ่งกำกับดุแลมหาดไทย และก่อนนี้กำกับตำรวจทั่วประเทศ  เมื่อนายตำรวจกระทำความผิด ใช้ระบบสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน จนกว่าคดีความจะตัดสินว่าไม่มีความผิด…

จึงเห็นสมควรว่าควรใช้ระบบนี้กับผู้บริหารองค์กรของรัฐเช่นกัน เพราะ เป็นการป้องกันความสูญเสียที่อาจเกิดขึ้นได้อีกจากการเลียนแบบความประพฤติ ของผู้บริหารทอท.กลุ่มนี้ ที่วางรากฐานการทุจริตไว้ทุกส่วนงานของทอท. ไม่มีเหตุผลใดที่จะมองว่าไม่ยุติธรรม เพราะทอท.สูญเสียเกินกว่าจะเสียอะไรไปมากกว่านี้แล้ว เมื่อทำแล้วไม่คิด ก็ควรออกไปให้พ้นจากทอท. เพื่อคิดให้ได้ก่อน…

2. ขอให้มีการ “งด” จ่ายเงินเดือน และสวัสดิการใดๆที่พนักงานทอท.จะได้รับ จนกว่าจะพิสูจน์ได้ว่าไม่มีความผิด…(ใช้ ระบบเดียวกับตำรวจครับ)อีกประการ หนึ่ง เป็นการดีที่จะช่วยทอท.ประหยัดงบในเรื่องการจ่ายเงินเดือน ซึ่งแต่ละคนมีเงินเดือนหลักแสนทั้งนั้น และทุกวันนี้คนก็เกินงานอยู่แล้ว ไม่งั้นพนักงานทอท.จะเอ้อระเหยออกไปทานข้าวกันครั้งละ3-4 ชั่วโมงเชียวหรือ? ไปเดินเล่นชีอปปิ้งกันกระจาย วันๆไม่ทำงานทำการ แต่สิ้นเดือนมารับเงินเดือน ปลายปีรับโบนัส

รู้สึกเสียดายเงินของแผ่นดินที่ต้อง “จ่าย” ให้แก่ผู้บริหารทอท.กลุ่มนี้ ที่มีแต่เรื่องฉาว และทุจริตได้ทุกเรื่องที่เกี่ยวข้อง…นำเงินเดือนเหล่านั้นของผู้บริหารกลุ่ม นี้ไว้จ่ายค่าความเสียหายที่กำลังถูกฟ้องร้องดีกว่า เหมือนกับตำรวจไงครับ เมื่อต้องออกจากราชการก็ห้ามรับเงินเดือนด้วยและผลประโยชน์ หรือสวัสดิการใดๆจากทอท.อีก จนกว่าจะพิสูจน์ได้ว่า ไม่มีความผิดแล้วค่อยกลับเข้ามาทำงานใหม่..ไม่ คิดว่าผู้บริหารเหล่านี้จะอด ตายหรอกครับ ก้แต่ละคนคุยเขื่องว่าล้วนใหญ่โตทั้งนั้น มีบารมีมากมาย เงินที่กอบโกยไปมากมี..น่าจะอยู่สู้คดีได้อย่างสบายๆครับ

3. ขอให้ “งด” จ่ายโบนัสปีนี้ให้กับผู้บริหารทอท.ที่เกี่ยวข้องในกรณีนี้ทุกคน  และให้สิ้นสุดการทำงานภายในสิ้นเดือนนี้ทันที..เพราะ เมื่อทำแต่ความเสียหายให้ทอท.อย่างที่มี หลักฐานทั้งนั้น เหิมเกริมกันมามาก น่าจะได้เวลาเก็บของเก่ากินสักที…เพื่อให้สำนึกได้ว่า เมื่อต้องสูญเสียเงินของตนเองบ้างจะเป็นเช่นไร เพราะที่ผ่านเป็นเงินของทอท.จึงไม่รู้สึกว่าความเสียหายเกิดขึ้น..

4. ห้าม ผู้บริหารทอท.ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ และมีชื่อระบุอยู่ด้านล่าง ใช้เงิน และ บุคคลากร ของทอท.ให้ความช่วยเหลือในด้านกฎหมายเพื่อต่อสู้คดี ที่เกิดการฟ้องร้องจากผู้ประกอบการ เพราะเวลาตัดสินทำก็กระทำกันอย่างรีบเร่ง มุบมิบทำ ไม่โปร่งใส ไม่ฟังคำทัดทาน ไม่รอบคอบ มุ่งแต่ผลประโยชน์ที่ตนจะได้ ยามเกิดความเสียหายจะมา”อ้าง”ทอท.ให้ต้องรับภาระในขั้นตอนของการสู้คดี.. นั้น..ไม่ใช่ครับผม..!

เชื่อผมเถอะครับ ถ้ามีบท”ลงโทษ” เช่นนี้ แม้จะปราบทุจริตได้ไม่หมด แต่จะทำให้คนที่เจริญรอยตาม มีสติยั้งคิดได้ และอาจเปลี่ยนใจเลิกกระทำทุจริต..เพราะความเด็ดขาดเท่านั้น ที่เหมาะสมใช้กับข้าราชการประเภทนี้ครับ…

เพราะถ้า “ไม่มีควมผิดจริงๆ” ยังกลับมารับใช้ชาติได้เหมือนเดิม ก่อนจะทำอะไรที่เกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ของชาติจะได้ รู้จัก”ยั้งคิด” เมื่อสำนึกเองไม่ได้ ก้สมควรให้ผู้อื่นจัดการ “สำนึก” ให้ครับ..

ผู้บริหารทอท.ที่เกี่ยวข้องแน่ๆในเรื่องนี้ ซึ่ง “สมควรถูกลงโทษ ให้ออกจากงานไปก่อน” จนกว่าจะพิสูจน์ได้ว่าไม่มีความผิด…มีรายชื่อ ดังต่อไปนี้คือ…

1. นายเสรีรัตน์ ประสุตานนท์ ในฐานะกอญ.ผู้ที่ไม่มีสิทธ์ปฏิเสธความรับผิดชอบใดๆได้เลย รับเงินเดือนจากทอท.ไปเดือนละหกแสน วันๆทำอะไร มัวแต่ให้คะแนนตัวเองกับพวกมิน่าจึงมองไม่เห็นความรับผิดชอบในหน้าที่ที่จะ ต้องมีในฐานะ ผู้นำองค์กร..

2. นายนิรันดร์ ธีรนาถสิน ในฐานะกรรมการรายได้ ที่ขอเอี่ยวทุกเรื่องของทอท.ที่เกี่ยวกับผลประโยชน์ รวมทั้งเป็นผู้ดำเนินการจัดการร่วมกับนายเสรีรัตน์มาทุกขั้นตอนในเรื่องนี้ และในทุกเรื่องของสัมปทาน กรุราตรวจสอบดุเถอะครับ ตั้งแต่เป็นแค่พนักงานระดับ 9 ก็ต้อง”เจ๋อ”มันทุกเรื่องของทอท. เช่นเดียวกับนายเสีรัตน์ และนางศศิสุภา  ทั้งที่บางครั้งไม่มีเกี่ยวข้องก็ขอแต่งตั้งเข้าไปเกี่ยวจนได้…แต่เรื่องนี้ ทั้งบงการสั่งการกำกับดำเนินการทุกอย่าง จึงต้องรับผิดชอบเต็มๆครับ

3. นายนิตินัย ศิริสมรรถการ ในฐานะเป็นรองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ สายงานพัฒนาธุรกิจ ที่ต้องรับผิดชอบโดยตรงร่วมกับผู้บริหารตั้งแต่ระดับ 8 ขึ้นมาทุกคนในสายงานนี้ในขณะนั้น แต่ถ้าตัดสินใจลาออกไปก่อนอาจพอทำให้เกี่ยวข้องเบาบางลงเพราะเพิ่งมาใหม่ แต่ไม่มีผลงานสมราคาคุย กรุณาไสบั้นท้ายและร่างกายออกไปให้พ้นทอท.ด้วยครับ..

4. นส.ศศิสุภา สุคนธทรัพย์ ในฐานะตำแหน่งผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ สายงานพัฒนาธุรกิจ ที่ร่วมรับรู้ทุกนโยบายของทอท.มาทุกเรื่องจริงๆมาตลอด เพราะชอบแส่เรื่องผลประโยชน์ เวลาได้ก็จะเอาส่วนแบ่ง เวลาเสียควรช่วยควักจ่ายครับผม และเพราะกระสันอยากได้ตำแหน่งมานัก จนวางเกมวางตัวมาตลอดเพื่อขึ้นเป็นผู้บริหารระดับสูงให้ได้ทั้งที่ไม่มีผล งานอะไรเลย

ยังเป็นที่รังเกัียจจากพนักงานทอท.ขั้นสูงสุดในฝ่ายหญิงพอๆกับ นางระวิวรรณ นางมนฤดี และนางสุกัญญาด้วย แต่กับเรื่องนี้ต้องร่วมรับผิดชอบ เพราะด้วยตำแหน่งของงานที่ต้องรับผิดชอบเต็มที่อยู่แล้ว แต่จากปากคำของนางดวงใจ จึงรู้ว่ายังเป็นต้นคิดวางแผนร่วมกันมากับนายเสรีรัตน์ นายนิรันดร์ และคนที่มีชื่ออยู่ในบทนี้ทุกคน ตั้งแต่แรกจนกระทั่งมีเรื่องฉาวขึ้นมากลับไม่เห็นศีรษะเลย

5. นายศิโรตม์ ดวงรัตน์ ในฐานะผอ.ฝ่ายพัฒนาธุรกิจในขณะนั้น  ซึ่งต้องร่วมรับรู้กันเป็นกลุี่่่่มเสมอ เพราะกลัวผลประโยชน์จะรั่วไหลไปที่พวกอื่น ด้วยตำแหน่งหน้าที่การเข้าร่วมประชุมรับรู้ทุกอย่างจำเป้นต้องรับผิดชอบ อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ครับ

6. – 7. นางสุภาภรณ์ บุรพกุศลศรี และผู้ช่วย พูนสิริ ในฐานะผู้บริหารระดับ 11 และ 10 ตามลำดับของสายงานการเงิน ที่ไม่สามารถควบคุมกำกับเรื่องการเงิน จนทำให้ทอท.ขาดรายได้ แล้วเที่ยววางแผนจะเก็บรายได้จากทางอื่น เมื่อรายได้ที่ควรได้แน่ๆกลับเพิกเฉย เมื่อผุ้ประกอบการนำเงินมาจ่ายก็ไม่ยอมรับ อ้างข้อกฎหมาย ว่าเขาไม่เกี่ยวข้องกับสัมปทาน

แต่กลับไปริบเงินที่เป็นค่าการันตีของเขา ทั้งที่บอกเองว่าเขาไม่ใช่ผู้ได้รับสัมปทาน? ยังไม่นับรวมถึงเรื่องกองทุนสำรองเลี้ยงชีพของพนักงานทอท.ที่เปลี่ยนเจ้า จัดการบริหารอย่างมีเลศนัยที่เป็นตัวตั้งตัวตี ร่วมกับนางกัลยา ผกากรอง…

8. นางดวงใจ คอนดี ผู้บริหารระดับ 10 ที่เป้นตัวอย่างชัดเจนให้สมควรต้องกำหนดบทลงโทษตามที่กล่าวไว้ด้านบน เพราะนางดวงใจ เจริญตามรอยเท้านางสมบัติ คุณประเสริฐ ทุกประการ จึงวางอำนาจและดิ้นรนให้ตนเองได้มายืนในจุดนี้ ยอมทำทุกอย่างเพื่อให้ตนได้ผลประโยชน์

เคยร่วมอยุ่ในกลุ่มกับนางเกษิณี สุคันธารุณ (ที่ให้ลุกน้องออกมาปล่อยข่าวว่า ที่ต้องยอมลงทุนมีอะไรกับนายชยากรเพราะจะให้ช่วยเรื่องนี้…รู้กันซะนะ ครับ..) ผู้ที่ตั้งโต๊ะเรียกเก็บเงินเร่ขายพื้นที่ เชิงพานิชย์ในสนามบินตั้งแต่สนามบินยังไม่เปิด ทำกันอย่างโจ๋งครึมไม่ยำเกรงใคร เพราะในขณะนั้นมีนายมล.ย่อมผู้อื้อฉาวเรื่องเงิน300ล้านที่หายไปของ TAGS

นางดวงใจจึงใช้อำนาจบาตรใหญ่  จนทำให้ลิ่วล้อแต่คนที่ตามรับใช้สอพลอมีพฤติกรรมส่อไปทางทุจริตด้วย นอกจากเรื่องนี้ที่เป็น ตัวการจัดการขั้นตอนต่างๆแล้ว ยังมีเรื่องสัมปทานในฟรีโซนของบริษัทเจมินายน์ที่ร่วมลงทุนกับTAGS ที่ประธานปิยะพันธ์บอกกับสื่อว่า จัดการไปแล้ว แต่ใครรู้บ้างลับหลังแอบมุบมิบมาร่วมกับเจมินายน์ ทั้งที่เป็นบริษัทที่ไม่เคยมีประสบการณ์ใดๆในเรื่องบริหารจัดการฟรีโซนเลยครับ..?

ไม่เพียงเท่านั้น นางดวงใจยังใช้อำนาจหน้าที่ที่ตนมี เอื้อไปยังหลานสาวหลานเขยนอกใส้อย่างนางมณินทร แก้ววงศ์วัฒนา ที่อาศัยข้อมูลภายในเนื่องจากเป็นลุกน้องในกลุ่มของนายเสรีรัตน์ นำเอาโครงการต่างๆอย่างเข่นป้ายโฆษณา ป้ายบอกทางและอีกสารพัดเรื่องที่เป็นผลประโยชน์ในสุวรรณภูมิออกมาแสวงหา”ค่า สินบน” เช่นบริษัทโลตัส ที่เคยเข้ามามีชื่อในเรื่องพื้นที่เชิงพานิชย์ ศูนย์ขนส่งสุวรรณภูมิ…

แม้เวลานี้นางดวงใจจะถูกสั่งแขวนไปแล้ว  เพราะกรณีแป้งร่ำ ซึ่งยังไม่มีการทำสัญญา แต่กับเรื่องที่ทำสัญญาแล้ว  เกิดความเสียหายแล้ว  ผู้บริหารทอท.ในเรื่องนี้กลับไม่มีใครได้รับบทลงโทษใดๆ ได้แต่ยื้อไปวันๆ?

เพราะโทษที่นางดวงใจได้รับ ไม่สามารถ”หยุดยั้ง”ทุจริตของผู้บริหารทอท.  หรือทำให้พฤติกรรมทุจริตของผู้บริหารทอท.ลดน้อยลงได้  เพราะ ล้วนเป็นคนไม่กลัวกฎหมายทั้งนั้น จึงจำเป็นต้องลงโทษ คือให้ ผู้บริหารทอท.ที่เกี่ยวข้องในกรณีนี้ทุกคน “ออกจากราชการไปก่อน” …ดีที่สุดครับ

9. นายณรงค์ชัย ถนัดช่างแสง ผู้เกี่ยวข้องทุกเรื่องที่เกี่ยวกับสัมปทานต่างๆในทอท. เพราะเป็นมือวางอันดับหนึ่งในการเปลี่ยน ปรับ แก้ไข สอดใส้ แทรกเสริม แต่งเติม ลักไก่ เรื่องของทีโออาร์ จน กลายเป็นต้นแบบของวิธีการทุจริตด้วยเอกสารอย่างน่าเกลียดและเป็นเยี่ยง อย่างของลูกน้องในสายงานของกลุ่มนายนิรันดร์ นายเสรีรัตน์ และสายงานพัสดุ

ซึ่งเวลานี้นางศศิสุภา ได้ปรับตำแหน่งขึ้นมานั่งบริหารคุมสายงานนี้เอง(สายอำนวยการ)

ทั้งที่นางศศิสุภาเอง มีความผิด และต้องร่วมในความรับผิดชอบในงานสายพัฒนาธุรกิจกรณีปาร์คกิ้ง แมเนจเม้นท์ฯแต่กลับได้รับรางวัลให้ปรับขึ้นมาคุมงานพัสดุและบุคคลากรระดับ 11??(แปลกนะครับ?)

คิดว่าสมองประธานปิยะพันธ์อาจไม่มีคลื่นดี ที่จะยอมรับในเรื่องที่..สุจริต..หรือเปล่าไม่ทราบครับ? เพราะผุ้บริหารที่โกงได้ถูกใจท่านประธานปิยะพันธ์ จะได้รับการปรับขึ้นทุกคน โดยเฉพาะที่เกี่ยวกับงานสายพัฒนาธุรกิจด้วย..?

จึงสมควรต้องให้”ลาออก” ไปก่อนทุกคน ก่อนที่ต่อมสมองจะเป็นพิษจนหมดทางเยี่ยวยา

10. นายอนิรุทธ์ ถนอมกุลบุตร คนนี้ปฏิเสธหลีกเลี่ยงไม่ได้เลย เพราะเป็นผู้ที่ใช้อำนาจจากหน้าที่การงานในทอท.ช่วยแสวงหาผลประโยชน์เข้าตระกูลตนเอง มาช้านานตั้งแต่สมัยดอนเมือง จนกระทั่งยอมทำลายทอท.ด้วยการ”เปิดทาง” ให้กลุ่มชายชุดดำไม่ทราบฝ่าย บุกเข้ามาในสนามบินสุวรรณภูมิ  ทั้งที่มีหน้าที่ดูแลโดยตรง

เพราะในวันที่เกิดเหตุรุนแรง จนมีเสียงปืนดังขึ้น เป็นวันที่มีการ”รับเสด็จ”ด้วย แต่กลับไม่รับรู้และไม่ออกมาแก้ปัญหาใดๆทั้งที่เป็นผอ.สุวรรณภูมิ

อีกทั้งสื่อทุกสำนักกล่าวอ้างว่าเป็นผู้รู้เห็นเกี่ยวข้องกับกองกำลังส่วนที่3 ที่มาจากพี่ชายแท้ๆของนายอนิรุทธ์เอง เพราะถ้ามองจากระยะ ทางกว่ากองกำลังชุดดำจะเข้ามาถึงตัวอาคารจอดรถได้ ถ้าผุ้บริหารทอท.ไม่เป้นใจให้เข้ามา จะเข้าถึงอาคารจอดรถได้ง่ายดายอย่างไร เพราะระยะทางยาวของโทลล์เวย์ย่อมมองเห็นจำนวนขบวนของรถที่ขนกองกำลังคนเข้า มา..? แต่ทำไมผู้บริหารทอท.กลับไม่มีใครใส่ใจ?

ที่สำคัญ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เกิดเรื่องเช่นนี้ แต่ ผู้บริหารทอท.กลับไม่ป้องกัน และไม่รับรู้แต่ปล่อยให้ชายชุดดำผลัดเปลี่ยนกำลังกันตลอด 24 ชม.ถึง 7 วันเต็มจนมาถึงจุดร้ายแรงในวันที่ 1 ตุลาคม ทั้งหมดเฉพาะในเหตุวันนั้น ถือเป็นความรับผิดชอบโดยตรงโดยหน้าที่ของ นายอนิรุทธ์ เป็นเรื่องที่ผิดทั้งข้อกฎหมาย เป็นการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ เพราะมีการรับเสด็จในวันนั้น และเสียงปืนดังขึ้นหลังการรับเสด็จเพียงชั่วโมงเดียว..

ยังผิดในเรื่องกฎระเบียบของข้าราชการรัฐวิสาหกิจ และถือเป็นการท้าทายอำนาจรัฐในสถานการณ์ที่บ้านเมืองต้องการความสงบเป็น อย่างยิ่งเช่นนี้

ถ้าบอร์ดทอท.ยังขืนดันทุรัง “ยื้อ” ไว้ไม่ให้ลาออกไปก่อน ขบวนการมาเฟียคงเหิมเกริมหนักข้อขึ้น เพราะทุกวันนี้แม้แต่บุตรสาวนส.ภาคินีณัฐ และลุกน้องแต่ละคนในทีมของนายอนิรุทธ์ ได้กระทำการข่มขู่พนักงานผุ้บริสุทธืไปทั่ว ทั้งการปล่อยข่าวทำลายชื่อเสียงเพื่อนๆพนักงานด้วยกัน และการข่มเหงวางอำนาจเอาแต่ใจ บ้าจินตนาการ ชอบสร้างเรื่องใส่ร้ายทำลายบุคคลอื่น ทีี่เป็นคุณสมบัติประจำตัวของบุตรสาวนายอนิรุทธ์ จนเลื่องลือทั่วทอท.ทุกวันนี้

จนอาจนำมาซึ่งการทำให้เกิดการเข้าใจผิดอย่างรุนแรงแล้วในหมู่คนบางคน   มีการทำร้ายใครต่อใครอีกหลายคน  ซึ่งขณะนี้ทราบว่าแต่ละคนที่ถูกทำร้ายกำลังเก็บทุกข้อมูล และการกระทำที่เกี่ยวข้องกับตัวนายอนิรุทธ์และบุตรสาว รวมถึงลูกน้องของนายอนิรุทธ์ทุกคนไว้เป็นหลักฐานครับ   เน้นว่าทุกคนครับ..เพราะแต่ละคนมีประวัติทุจริตติดตัวทั้งนั้น…ครับ..(ส่วนตัวผมแนะนำให้ฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายเลยนะครับ เพราะถ้าข้อมูลหลุดมาจากการบันทึกสายโทรศัพท์ว่าใครพูดกับใครอย่างไร สั่งการอะไรบ้าง)

พี่ๆสหภาพทุกคนกรุณาระวังตัวด้วย ต้องช่วยกันจับตาพฤติกรรมมาเฟียกลุ่มนี้ให้ดี..นะครับ เพราะถ้าลองขนคนเข้ามาบุกสนามบินได้อย่างไม่เกรงกลัวกฏหมายนั่นแปลว่าสามารถ ทำอะไรก็ได้ที่ร้ายแรงกว่านี้ครับ…

พอจวนตัวก็อ้างชื่อนายทหารชั้นผุ้ใหญ่ ? ดังนั้นถ้ามีผู้ใดถูกจ้องทำร้ายพวกพี่ กรุณาคิดถึงผู้บริหารทอท.กลุมนี้ และพรรคพวกไว้ด้วยนะครับ   เพราะพวกพี่ๆไม่มีศัตรูที่ไหนนอกจากผู้บริหารทอท.ที่กำลัง“ร้อนตัว”กลุ่มนี้ ครับ..

จึงสมควรต้องให้ “ลาออก” ไปก่อนจนกว่าจะพิสูจน์ได้ว่า..ไม่มีความผิดครับ..

ส่วนลิ่วล้อที่สนับสนุนรับใช้กันอยู่ ก็สมควรถูก”รื้อ”เรื่องที่เคยทำไว้ในอดีตออกมาตีแผ่ให้สังคมช่วยกันหาบทลงโทษครับ

11. นส.ผานิต เสถียเสพย์ และคณะกรรมการทุกชุดที่เกี่ยวข้องกับสัญญาสัมปทานในกรณีนี้ ไม่ว่าจะจัดจ้าง ตรวจเอกสาร ตรวจการจ้าง เทคนิค ทุกกลุ่มในเรื่องนี้  สมควรต้อง “พักงาน” ครับ เพราะบกพร่องในหน้าที่

12. นางสุกัญญา ชำนาญเวช(แต่ เปลี่ยนชื่อใหม่แล้วนะครับ)ในขณะที่มีการพูดคุยในเรื่องนี้ จนกระทั่งมีการประมูลต่างๆ ได้เข้าร่วมรับรู้และแสดงความคิดเห็นอย่างอวดตัว เหมือนโชคดีที่”ลาภ”ก้อนใหญ่จะเข้ามา และเป็นผู้บริหารระดับ 8 ในสายงานพัฒนาธุรกิจในขณะนั้น ซึ่งแม้การประชุมนอกรอบตามโรงแรมดังๆแถววิภาวดี ก้เข้าร่วมด้วย หรือกรณีที่ไม่ได้ไปร่วม จะใช้วิธีการโทรศัพทืเช็กข้อมูลเพื่อให้ทราบความคืบหน้าต่างๆในกรณีนี้ เพราะต้อง”รายงาน”ให้นายศรีสุขทราบอีกที่หนึ่ง…

เมื่อเร็วๆนี้ ก็เพิ่งได้รับการปรับตำแหน่งให้ขึ้นเป็นระดับ 9 ทั้งที่ไม่เคยมีผลงานใดๆมาก่อนในชีวิต นอกจากเก็บข้อมูลในทอท.ของผู้บริหารทุกคนให้นายศรีสุข  และยุแหย่ให้พนักงานผู้บริหารแตกแยกเพื่อจะได้”ล้วง”ข้อมูล จริงบ้างแต่งเองบ้างแต่ทำให้เสียหายกันมากนักต่อนักแล้วครับ..

เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้ทอท.ต้องเสียหาย เสียชื่อเสียง เสียผลประโยชน์ เสียเปรียบในเรื่องต่างๆ ที่ไม่สมควรเสีย แต่เกิดจากพฤติกรรม การกระทำที่ไม่โปร่งใส การสร้างภาพ(แล้วฝังใจว่าคนอื่นรู้ไม่เท่าทัน) หรือเกิดจากความร่วมมือ ความบกพร่องของผู้บริหารทอท.ที่แท้จริงไม่มีความสามารถในการทำสิ่งดีๆใดๆให้ แก่องค์กรทอท.เลย

เพื่อไม่ให้มีการเลียนแบบเอาเยี่ยงอย่าง ไม่เห็นความสำคัญของส่วนรวม ไม่มองประโยชน์ทอท.เป็นหลัก  แต่ใช้ปากอ้างสร้างภาพ  แต่ไม่สนใจว่าความเสียหายที่เกิดขึ้นจากเรื่องนี้  จนทั่วโลกเขามองกลับมาถึง “ระดับความคิด” ของผู้บริหารทอท.กลุ่มนี้ ว่าทำไมประเทศไทยจึงใช้คนที่มีระดับความคิดความอ่านเช่นนี้มานั่งบริหารงาน ในองค์กรระดับชาติ อย่างทอท.?

เพราะความเสียหายอับอายไปทั่วโลกดังกล่าว แต่ประธานบอร์ดทอท. กลับมีความพยายามจะให้สัมภาษณ์สื่อ เพื่อเจตนาให้สังคมมองข้าม”ความผิดและความรับผิดชอบ”ของผู้บริหารทอท.อยู่นั่น เอง..โดยไม่เอ่ยถึงความรับผิดที่ผู้บริหารทอท.กระทำ แต่กลับมั่วพูดแต่เรื่องความขัดแย้งของผุ้ประกอบการ เหมือนกำลังจะปกปิดปิดบังหลบเลี่ยงความผิดให้แก่กัน หรือเป็นเพราะประธานบอร์ดเองรู้เห็นเป็นใจในเรื่องนี้ไม่ทราบครับ? ท่านจึง”เลี่ยง”เหลือเกิน

ทำให้ยิ่งมองเห็นความจำเป็นที่จะต้องลงโทษด้วยการ ให้ผู้บริหารทั้งสิบกว่ารายนี้ “ลาออกจากงาน” ไปก่อนจนกว่าจะพิสูจน์ได้ว่าไม่มีความผิด เพราะถ้ายังขืนปล่อยให้นั่งสัมภาษณ์แก้ตัวไปวันๆเช่นนี้ หรือสอบกับคณะกรรมการที่ล้วนแต่เป็นลูกน้องในสายพรรคภูมิใจไทยด้วยแล้วนั้น เชื่อว่าสังคม “รับไม่ได้” อีกต่อไปแล้วครับผม…

แปลกนะครับ งานการไม่ทำ เอาแต่เรื่องผลประโยชน์ แต่ยื้อกันไว้ไม่ยอมปลดไม่ยอมลงโทษ  ต่อให้นั่งกินหญ้าร่วมวงด้วยกับผู้บริหารกลุ่มนี้ ยังรู้เลยครับว่า…นี่คือต้นเหตุ”ของความทุจริตทั้งหลายในทอท.  และ

เพื่อไม่ให้มีใครเอาเยี่ยงอย่าง กระทำตนเช่นนี้อีก  ถ้าผู้บริหารทอท.กลุ่มนี้ไม่มีความผิดจริงๆ คุณก็ค่อยกลับมาทำงานแล้วกัน จะได้ไม่เที่ยวพูดกันอย่างคะนองปากอีกว่า…” สนามบินไม่ใช่ของเราคนเดียว ประเทศชาติไม่ใช่ของเราคนเดียว..โกยๆให้เยอะแล้วก็ไป  เราไม่ทำคนอื่นก็ทำ…”

ลงโทษอย่างนี้..จะได้ไม่ริพูดริทำเช่นนี้อีก ถ้าไม่พอใจกรุณา “ไสศีรษะ” ไปอยู่แผ่นดินอื่นเสีย ..อย่าเที่ยวข่มขู่จะปิดปากใคร….ใหญ่เป็นคนเดียวหรือครับ?

แต่ละคนกอบโกยโกงไปเยอะ หยุดทำงานสักพักคงไม่ทำให้อดตายหรอกนะครับ

ผมขอฝากท่านนายกนด้วยนะครับ..

ด้วยความนับถือและเชื่อมั่นท่านเสมอนะครับ

จาก นายวาซาบิ

http//hisowasabi.wordpress.com

โพสท์ใน categorized | ใส่ความเห็น

EP.780…..ก็แค่”ขู่”สร้างภาพ?..ฉึกๆๆ


ซาเล้งขู่เขย่า บอร์ดทอท. ปาร์กกิ้งโวย

โดย ASTVผู้จัดการรายวัน

ASTVผู้จัดการรายวัน- “โสภณ”ขู่พิจารณาการทำหน้าที่บอร์ด ทอท. หากผลสอบชี้ทอท.เสียหายจากปัญหาอาคารจอดรถสุวรรณภูมิ ด้าน”ปาร์คกิ้ง”ชี้ทอท.ยกเลิกสัมปทานไม่ถูกต้อง ด้านทอท.เตรียมแผนเข้าบริหารแทน

นายโสภณ ซารัมย์ รัฐมนตรีว่ากระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า หากคณะกรรมการการตรวจสอบการใช้พื้นที่ในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิและระบบการคมนาคมขนส่งที่มีนายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม ปลัดกระทรวงคมนาคมเป็นประธาน ตรวจสอบปัญหาสัญญาการบริหารลานจอดรถภายในสนามบินสุวรรณภูมิแล้วพบว่า บริษัทท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท.ได้รับความเสียหาย ก็มีความจำเป็นที่จะต้องพิจารณาการทำหน้าที่ของคณะกรรมการ(บอร์ด) ทอท.ที่มีนายปิยะพันธ์ จัมปาสุต เป็นประธานด้วย

นายธนกฤต เจตกิตติโชค กรรมการผู้มีอำนาจลงชื่อทำนิติกรรมผูกพันบริษัท ปาร์คกิ้ง แมนเนจเม้นท์ จำกัด กล่าวยืนยันว่า ที่ผ่านมาบริษัทไม่ได้ผิดสัญญา ดังนั้นการบอกเลิกสัญญาของทอท.ถือว่าผิดเงื่อนไขสัญญาประเด็นที่ระบุว่า ในระหว่างอายุสัญญา 5 ปี หากทอท.ประสงค์ขอบอกเลิกสัญญาก่อนครบกำหนด ต้องบอกกล่าวเป็นหนังสือให้ผู้รับสัมปทานทราบล่วงหน้าก่อนไม่น้อยกว่า 30 วัน ในขณะที่ทอท.ได้ลงนามในหนังสือยกเลิกสัญญาเมื่อวันที่ 6 ต.ค. 2553 และให้มีผลตั้งแต่วันที่ 11ต.ค. 2553 ดังนั้น ในวันที่ 11 ต.ค. นี้ บริษัทฯ จะไม่ออกจากพื้นที่โดยเด็ดขาด

โดยหลังจากลงนามสัญญาวันที่ 30 เม.ย. 2553 บริษัทฯไม่สามารถเข้าพื้นที่อาคารจอดรถได้ เนื่องจากมีกลุ่มคนคล้ายทหารได้รับมอบอำนาจของนายธรรศ พจนประพันธ์ เข้าไปดำเนินการควบคุมและครอบครองทรัพย์สินในพื้นที่ ซึ่งบริษัทฯได้ทำหนังสือแจ้งทอท.มาโดยตลอด แต่ทอท.ไม่ได้มีการดำเนินการใดๆ โดยหลังจากวันที่ 30 เม.ย. 2553 บริษัทฯไม่สามารถเข้าพื้นที่ได้ จึงได้มีการขอคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวของศาลแพ่งและสามารถเข้าพื้นที่ได้เมื่อวันที่ 30 ก.ค.2553

“ทอท.ไม่สามารถปฎิเสธได้และทอท.ยังปล่อยให้กลุ่มคนดังกล่าวเข้าไปเก็บค่าจอดรถเป็นเงินกว่า 80 ล้านบาท “นายธนกฤตกล่าว

ทั้งนี้ ตามสัญญา บริษัทฯจะต้องดำเนินการติดตั้งระบบสารสนเทศ 2 ส่วน คือ ระบบซอฟต์แวร์การจัดเก็บเงินอัตโนมัติ และระบบที่เกี่ยวข้องกับการรักษาความปลอดภัย (Safety) มูลค่ารวมประมาณ 45 ล้านบาท โดยได้ติดตั้งในส่วนของระบบจัดเก็บเงินอัตโนมัติเรียบร้อยแล้ว คิดเป็นการลงทุนประมาณ 20 ล้านบาท ที่เหลือยังไม่แล้วเสร็จเป็นระบบด้านรักษาความปลอดภัย ซึ่งเมื่อบริษัทฯไม่สามารถเข้าพื้นที่ได้ ทำให้ดำเนินการติดตั้งไม่ได้ โดยหลังจากเข้าพื้นที่ได้วันที่ 30 ก.ค. 53 ยังพบว่าระบบที่ติดตั้งไปแล้วได้รับความเสียหายและต้องเสียค่าใช้จ่ายในการฟื้นฟูระบบกว่า 10 ล้านบาทอีกด้วย

นายธนกฤต กล่าวว่า บริษัทปฎิบัติถูกต้องตามสัญญาแต่ไม่ได้รับการคุ้มครองจากทอท. การจัดเก็บค่าจอดรถ ระหว่าง 1 พ.ค.-29 ก.ค.53 บริษัทฯ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง แต่ทอท.อ้างเหตุบริษัทฯไม่ส่งรายได้ จึงหักหลักประกันสัญญาของธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) 66 ล้านบาท ซึ่งการหักดังกล่าวไม่น่าจะถูกต้องเพราะหลักประกันสัญญาจะหักได้ต้องยกเลิกสัญญาก่อน

แต่ทอท.กลับให้เจ้าหน้าที่ทอท.ไปเบิกเงินมาจากธนาคาร อย่างไรก็ตามขณะนี้บริษัทฯได้รับสิทธิ์ตามมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยเลื่อนการจ่ายผลประโยชน์ตอบแทนของเดือนก.ย. 53ไปเป็นเดือนธ.ค.53 แทน

***ทอท.เข้าเก็บค่าจอดรถแทนแล้ว

รายงานข่าวแจ้งว่า (วานนี้ 7 ต.ค.) เวลาประมาณ 18.30 น. ทอท.ได้ให้เจ้าหน้าที่ของทอท. เข้าไปดำเนินการจัดเก็บค่าจอดรถแทนเจ้าหน้าที่ของปาร์คกิ้งฯ แล้วหลังจากเมื่อวันที่ 6 ต.ค. นายสมชัย สวัสดีผล รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ทอท. (สายงานวิศวกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศ) ในฐานะรักษาการกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ทอท.ได้ลงนามในหนังสือแจ้งยกเลิกสัญญาสัมปทานบริหารอาคารจอดรถท่าอากาศยานสุวรรณภูมิกับบริษัทปาร์คกิ้งฯโดยการยกเลิกมีผลตั้งแต่วันที่ 11 ต.ค. 53

***ทอท.พร้อมเข้าพท.เก็บค่าจอดรถใน72 ชม.หลังเลิกสัญญา

ด้านว่าที่ ร.ท.อนิรุทธิ์ ถนอมกุลบุตร ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิทอท.กล่าวว่า ทอท.ได้เตรียมความพร้อมแผนดำเนินการสำหรับการเข้าไปจัดเก็บค่าจอดรถหลังจากยกเลิกสัญญาสัมปทานบริษัทปาร์คกิ้งตั้งแต่วันที่ 11 ต.ค. 53 ภายใน 72 ชั่วโมง

งั้นผมขอถามต่อนะครับว่า..จะมั่นแน่ใจได้อย่างไรครับว่า เงินสดค่าจัดเก็บจะไม่หายไปไหน เพราะนายอนิรุทธ์เอง ก็คือหนึ่งในผู้บริหารที่ต้องร่วมรับผิดชอบในกรณีของปาร์คกิ้งฯด้วย และยังฉาวด้วยการเปิดทางให้กลุ่มชุดดำเข้ามาในวันที่ 1 ตุลาที่ผ่านมา

เพราะยืนยันแล้วว่ามีพี่ชายของนายอนิรุทธ์ร่วมด้วย ทั้งที่ไม่ได้เป็นผูัประกอบการใดๆในเรื่องนี้ จะแน่ใจหรือครับว่าเงินจะไม่หาย เมื่อนายอนิรุทธิ มีส่วนในเรื่องทุจริตมาตั้งแต่ดอนเมือง จนถึงการควบคุมรปภ.ในสุววรณภูมิก่อนหน้านี้..?

เงินสดจากการจัดเก็บของทอท. เคยหายวันละหลายแสนบาทมาตลอดเวลาทุกครั้งที่จัดเก็บเอง ลุกน้องนายอนิรุทธ์เองก็ล้วนแต่รับสินบน ทุจริตวางอำนาจข่มขู่ทุกคน..?แบบนี้ไม่ใช่แล้วครับท่าน..! จนบัดนี้เงินทีหสยไปวันละกว่าสองแสนในช่วงที่นายอนิรุทธ์ นายเสรีรัตน์ และลุกน้องดูแลในครั้งก่อน เงินไม่ได้เข้าบริษัทครบๆครับ  ถามว่าเงินหายไปไหนวันละกว่าสองสามแสนบาทครับ? ไม่มีใครตอบได้…แล้วยังจะให้ทีมนี้จัดเก็บเงินสดหรือครับ? ช่วยกันหรือไงท่าน?…

สื่อช่วยตีข่าวนี้ด้วย สหภาพหาข้อมูลด้วยครับ ช่วงนั้นเงินหายไปเข้ากระเป๋าใครครับ? นายอนิรุทธ์และลุกน้องจึงสร้างบ้านใหม่อย่างครึกโครมเรียงตัว ปปง.ตรวจสอบลูกน้องนายอนิรุทธ์ได้เลยนะครับผมท้า..!

โพสท์ใน categorized | ใส่ความเห็น

EP.ึ779..”คนไทย”ไม่โง่ รู้ทันผู้บริหารทอท.หมดแล้ว..!


9/10/2553

แฉคนของนักการเมืองอีสานใต้เจ้าของพรรคภูมิใจไทยอยู่เบื้องหลัง เอาสัมปทานที่จอดรถสนามบินสุวรรณภูมิเร่ขายเอกชน 2 รายซ้ำซ้อนกัน ระบุ ทอท.รู้เห็น พอเกิดเรื่อง แทนที่จะยกเลิกทันที กลับปล่อยไปเรื่อยๆ แล้วหักเอาเงินค้ำประกันจากเอกชน ขณะเดียวกันก็ปล่อยมาเฟียนักการเมืองเก็บเงินเข้ากระเป๋าตัวเอง จวก แผน”ซาเล้ง”ขึ้นป้ายดันรถเมล์ 4 พันคัน ถามโง่ๆ อยากได้รถเมล์เก่าหรือรถเมล์ใหม่ ท้าแน่จริงขึ้นป้าย “อยากได้นักการเมืองโกงหรือนักการเมืองดี”


รายการเมืองไทยรายสัปดาห์ ออกอากาศทาง เอเอสทีวี ทุกวันศุกร์ ช่วงเวลา 20.30-22.30 น. วันศุกร์ที่ 8 ตุลาคม 2553 นายสนธิ ลิ้มทองกุล นางจินดารัตน์ เจริญชัยชนะ และนางสาวสโรชา พรอุดมศักดิ์ ดำเนินรายการ

ช่วงที่ 2

สโรชา – กลับเข้าสู่เมืองไทยรายสัปดาห์นะคะ ตั้งแต่เราเป็นเมืองไทยรายสัปดาห์ มาจนกระทั่งมาเป็นพันธมิตรฯ มาเป็นยามเฝ้าแผ่นดิน จนกลับมาเป็นเมืองไทยรายสัปดาห์อีกครั้ง เราพูดถึงเรื่องของสนามบินสุวรรณภูมิหลายต่อหลายครั้งเหลือเกิน มหากาพย์แห่งการโกงของประเทศไทย รวมตัวกันอยู่ที่สนามบินสุวรรณภูมิ ล่าสุดมันก็มีภาพออกมา ซึ่งจะเรียกได้ว่า Amazing Thailand ก็ว่าได้นะคะ เพราะว่าในประเทศอื่นไม่เคยเห็นสิ่งเหล่านี้ ชายฉกรรจ์ 200 คน แต่งชุดดำ เข้าไปยึดที่จอดรถของสนามบินสุวรรณภูมิ เหตุเกิดขึ้นมาก็เพราะว่าคนสนิทของนักการเมือง นำเรื่องของการจัดเก็บค่าจอดรถไปเร่ขายนักลงทุน นักลงทุนปรากฏว่ามี 2 เจ้าที่เข้ามาลงทุนในโครงการนี้ ลงทุนเสร็จปรากฏว่ามันทับซ้อน ในที่สุดแล้วทั้งสองเจ้าก็แย่งกันในการเก็บค่าจอดรถ

จนในที่สุดแล้วมีชายฉกรรจ์มายึดที่จอดรถ จนส่งผลให้ทาง ทอท.ได้ออกมาประกาศที่จะยุติสัมปทาน ยกเลิกสัมปทานทั้งหมด โดยอ้างว่าปัญหาเยอะ 2 เจ้าตกลงกันไม่ได้เสียที เอาเป็นว่ายกเลิกสัมปทานแล้วกัน เดี๋ยวเรามาประมูลกันใหม่

คำถามก็เกิดว่า มันเกิดขึ้นได้อย่างไร แล้วจริงๆ แล้ว ทอท.ก็ปล่อยให้มันเกิดอยู่ตั้งนาน เรื่องเกิดมาตั้งแต่มีนาคม-เมษายน ปีนี้ นะคะ แล้วก็เป็นเเรื่องถกเถียงกันระหว่าง 2 นิติบุคคล จนกระทั่งในที่สุดแล้วก็เกิดเหตุการณ์ภาพอย่างที่เห็นนี่ล่ะค่ะ ว่ามีชายฉกรรจ์มายึดพื้นที่ลานจอดรถของสนามบินสุวรรณภูมิ ที่เก็บไป เก็บค่าจอดรถไป ตามสัมปทานแล้วต้องส่งต่อให้กับ ทอท. แต่ในที่สุดปรากฏว่า เก็บได้ช่วงระยะเวลาหนึ่ง เขาบอกว่าในเวลาเพียงไม่กี่วัน เก็บได้ 60 ล้านบาท ในที่สุดก็ไม่รู้นะคะว่าไปที่ไหน เพราะว่าไม่ได้ส่งต่อให้กับ ทอท.

จินดารัตน์ – คือถ้าคุณผู้ชมใช้บริการสนามบินสุวรรณภูมิ แล้วเอารถไปจอด ขาออกตอนจ่ายตังค์ค่าจอดรถ มันจะมีหลายช่องนะคะที่ออกไป จะมีช่องปกติที่มีพนักงาน และจะมีช่องไม่ปกติซึ่งมีชายฉกรรจ์ยืนอยู่กลุ่มหนึ่งประมาณสัก 10 คน เขาจะเรียกรถทางนี้ๆๆ เขาจะใช้วิธีแบบนี้ คือเมื่อก่อนมันยังไม่เกิดเรื่องนี้ เราก็เอ๊ะ ช่องนี้มันช่องพิเศษอะไร เพิ่งมาถึงบางอ้อว่า อ๋อ มันเกิดปัญหาแบบนี้กัน ความเลวทั้งหมดที่มันเกิดขึ้นก็เพราะคนใกล้ชิดนักการเมืองนี่ล่ะ เอาสัญญาสัมปทานที่ว่าไปเร่ขาย ปรากฏว่าตอนนี้ ถามว่า ทอท.นิ่งเฉยอยู่ตั้งนานได้อย่างไร เขาบอกว่าก็ไม่เดือดร้อน เอาเงินค้ำประกันที่บริษัททั้งสองมาทิ้งไว้ให้ หักไปทีละวันๆ สิ ไม่ส่งฉันก็หักจากเงินนี้ ฉันไม่เดือดร้อน สุดท้ายพอเรื่องมันแดง คุณปิยะพันธ์ จัมปาสุต ก็เลยบอกยกเลิก เอาใหม่ๆ ประมูลใหม่ได้หรือคะ มันเหมือนรถเข็นง่อยๆ ห่วยๆ ในสนามบิน มันเหมือนระบบ รปภ.ที่เราเคยมีปัญหา มันเหมือนอีกหลายต่อหลายเรื่อง คุณสนธิคะ วันนี้เราจะถึงขั้น เราจะทนรับสภาพแบบนี้ไปได้อีกนานแค่ไหน

สนธิ – ถามผมได้อย่างไร ต้องไปถามคุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ คุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ท่านอาจจะเตรียมตั้งคณะกรรมการ

จินดารัตน์ – ขึ้นมาสอบ

สโรชา – อีกแล้วครับท่าน

สนธิ – มาตรวจสอบข้อเท็จจริง แต่มันมีข้อคิด แอน กับแอ้ม เรื่องที่จอดรถ ทอท. ผมไม่อยากให้มองเฉพาะจุด เป็นเฉพาะที่จอดรถ ถ้าจะพูดเรื่อง ทอท.อย่างเดียวในขณะนี้ ก็ต้องถามคำถามซึ่งผมคิดว่ายังไม่มีใครถาม ผมไม่เชื่อว่า ทอท.ไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้น เพราะว่าการท่าอากาศยานแห่งประเทศไทยนั้น ขึ้นอยู่กับนายโสภณ ซารัมย์ ก็คือรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม นายปิยะพันธ์ จัมปาสุต ก็รู้สึกจะไม่ได้เป็นแค่ประธาน ทอท.อย่างเดียวนะ แต่เป็นประธาน ขสมก.ด้วยใช่ไหม

จินดารัตน์ – ใช่ค่ะ แล้วอดีตคงจำกันได้

สนธิ – อดีตจำกันได้ นายปิยะพันธ์ จัมปาสุต ก็คือคนของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อย่างเต็มตัว ที่มีเรื่องมีราวเป็นอดีตนายกสมาคมรัฐศาสตร์แห่งประเทศไทย

จินดารัตน์ – ของจุฬาฯ

สนธิ – ของจุฬาฯ แล้วออกมาพูดเชียร์ทักษิณเต็มที่ ผมคิดว่าประการแรก ทอท.ถูกอิทธิพลของนักการเมืองสายพรรคภูมิใจไทย เพราะในเมื่อขึ้นอยู่กับกระทรวงคมนาคม คุณปิยะพันธ์ไม่ได้เป็นใครหรอก นอกจากเป็นคนของภูมิใจไทย แล้วนักการเมืองที่ให้ลูกน้องตัวเองเอาสัมปทานไปเร่ขาย ก็เป็นลูกน้องของคนที่เป็นเจ้าของพรรคภูมิใจไทย ก็เป็นคนทางจังหวัดภาคอีสานใต้ อดีตก็มีตำแหน่งแห่งที่เป็นเสนาบดีในรัฐบาลครั้งหนึ่ง จนกระทั่งโดนศาลรัฐธรรมนูญพิพากษาว่าให้หมดสิทธิ์ในการดำรงตำแหน่งทางการเมือง ถามว่าเขาได้สัมปทานมาอย่างไร เขาก็ต้องได้สัมปทานมาจากอิทธิพลของนักการเมืองนั่นเอง เมื่อได้ไปแล้ว บอร์ด ทอท.ก็ต้องรู้อยู่แล้วว่าคนๆ นี้ได้สัมปทานไป คนๆ นี้เอาสัมปทานให้ลูกน้องตัวเองไปเร่ขายกับ 2 เจ้า อย่างที่แอ้มบอก โดยที่ 2 เจ้านั้นไม่รู้กันเลยนะ

สโรชา – ไม่รู้ว่ามีอีกเจ้าหนึ่ง

สนธิ – ไม่รู้ว่ามีอีกเจ้าหนึ่ง ผมถึงบอกว่า มันก็ใช้ได้เหมือนกับคำว่าความโง่ไม่เข้าใครออกใครเลยนะ มันเข้าไปทุกจุดเหมือนกันนะ มันไม่จำเป็นต้องเข้าเสื้อแดงอย่างเดียวนะ ก็คือว่า พอมันเข้าไปปั๊บ ประเด็นสำคัญก็คือว่า ทอท.รู้เห็นเป็นใจอยู่แล้ว เพียงแต่ว่า เรื่องมันแดงขึ้นมา พอเรื่องมันแดงขึ้นมาแทนที่จะยกเลิกสัมปทานไปเลย ก็ถือว่า ในเมื่อมีเงินค้ำประกันอยู่แล้ว ก็ให้ทำไปเรื่อยๆ ก็หักออกจากเงินค้ำประกัน ในขณะซึ่งหักออกจากเงินค้ำประกัน ไอ้ฝ่ายมาเฟียของพวกนักการเมืองนั้น มันก็เก็บเงินไปด้วย คือพูดง่ายๆ ทอท.สมรู้ร่วมคิดให้ไอ้พวกมาเฟีย และพวกนักการเมือง ที่ได้สัมปทานไป เก็บเงินเข้ากระเป๋าตัวเอง แล้วเขาบอก ทอท.เสียประโยชน์ เขาก็จะเถียงว่าไม่เสียอะไรนี่ ก็หักออกจากเงินค้ำประกัน ก็คือสรุปง่ายๆ ว่างานนี้คือการสมรู้ร่วมคิดของคณะกรรมการการท่าอากาศยานแห่งประเทศไทย ร่วมมือกับนักการเมือง ซึ่งเป็นลูกน้องของเจ้าของพรรคภูมิใจไทย เพื่อที่จะไซฟ่อนเงินออกไป โดยที่ ทอท.ก็ไม่เสียประโยชน์ เพราะว่าไปหักออกจากตรงนั้น คนที่ซวยก็คือ ไอ้นักธุรกิจ 2 คน นั่นคือข้อแรก อันนี้ก็เลยพิสูจน์ชัดว่าการฉ้อราษฎร์บังหลวง และการคอร์รัปชั่นในยุคของสนามบินสุวรรณภูมิในขณะนี้ไม่ได้ด้อยหรือน้อยไปกว่าสมัยที่ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นนายกฯ จะต่างกันตรงที่ว่าสมัยคุณทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกฯ นั้นเป็นสมัยของการก่อสร้าง จะมีการฉ้อราษฎร์บังหลวงในช่วงของการก่อสร้าง แล้วการให้สัมปทานตอนนั้นก็คิดแปะเจี๊ยะมา คิดเงินใต้โต๊ะที่เข้ากระเป๋าตัวเอง แต่หลังจากนั้นก็มีการฉ้อราษฎร์บังหลวงต่อ ไม่ว่าจะเป็นของการที่ให้ย้ายสนามบินดอนเมือง กลับมาอยู่สุวรรณภูมิ เพื่อเป็นข้ออ้างในการสร้างเทอร์มินอล3 เพื่อจะคอร์รัปชั่นเรื่องค่าก่อสร้างอีก อันนี้เห็นได้ชัด ไม่ได้ต่างจากกรณีรถเมล์ NGV 4,000 คัน เห็นได้ชัด

คำถามวิเคราะห์ข้อที่ 2 มีอยู่อย่างนี้ว่า ด้วยเหตุผลของการปะทะกันในระหว่างของผู้ซึ่งเกี่ยวข้อง เหมือนกับมีแก๊งมาเฟียอันธพาลเข้าไปแย่งรัฐทำมาหากิน ถึงแม้ ทอท.จะอ้างว่าตัวเองหักเงินออกจากเงินประกันได้ก็จริง แต่โดยกรอบประเพณีและวิธีการแล้ว คุณจะปล่อยให้คนข้างนอกมาตั้งโต๊ะเก็บเงิน เก็บเงินอีกช่องได้ยังไง มันทำไม่ได้อยู่แล้ว เมื่อทำไม่ได้แสดงว่า อิทธิพลของพรรคการเมืองพรรคนั้น ครอบคลุมจนถึงตำรวจภูธรภาค 1 คือตำรวจที่นั่นคือ สภ.อ.ราชาเทวะ

สภ.อ.ราชาเทวะ ขึ้นกับตำรวจภูธรภาค 1 ล่าสุด ใครเป็นนายพลที่รักษาการตำรวจภูธรภาค 1 พล.ต.ต.ศรีวราห์ เข้าใจรึยัง ต้องอ่านเกมให้ทะลุ พล.ต.ต.ศรีวราห์ เป็นคนของนักการเมืองสายพรรคภูมิใจไทย ที่ยังไม่ได้รับการแต่งตั้ง เหตุผลเพราะตัวเองถูก พล.ต.อ.เสรี เตมียเวส กล่าวหากล่าวโทษไปยังนายกรัฐมนตรีว่า ฉ้อฉลเวลาในการไปปฏิบัติราชการภาคใต้ เพื่อเอาเวลาทวีคูณนั้น เอามาบวกเวลาเก่าที่ตัวเองมี เพื่อให้ตัวเองมีอาวุโสพอที่จะเป็นผู้บัญชาการได้ แต่ขณะที่ตัวเองอ้างว่า ตัวเองไปปฏิบัติราชการภาคใต้ ตัวเองยังไปเรียน วปอ.ด้วย พล.ต.อ.เสรี ก็บอกว่า คุณจะเรียนทั้ง วปอ. และไปทำงานภาคใต้ได้ยังไง แสดงว่าคุณฉ้อฉลเวลา

เพราะฉะนั้นแล้ว คุณจะเห็นได้ชัด เมื่อเห็นได้ชัดอย่างนี้ ขยับภาพนี้ให้มันใหญ่ขึ้น นี่แค่จุดๆ หนึ่งนะ เมืองไทยตอนนี้เป็นอย่างนี้หมดแล้ว เข้าใจยัง เมื่อเมืองไทยเป็นอย่างนี้หมดแล้ว เหมือนอย่างที่ผมเล่าให้คุณแอนฟังวันนี้ ว่า วันนี้มีเจ้าหน้าที่สถานทูตญี่ปุ่น 2 คน มาพบผม มาถามผม พอพูดเรื่องนี้หัวเราะทันที ก็มาพูดภาษาอังกฤษ สไตล์ญี่ปุ่น อาโน มิสเตอร์สนธิ ดิส อิส ช็อกกุ ช็อกกุคือ ช็อก (Shock) แต่คำว่าช็อก ภาษาญี่ปุ่นต้องมี กุ ต่อ ผมก็ฟังเกือบตาย แกก็อยากรู้เรื่องเมืองไทย ผมก็เลยพยายามอธิบายเหตุการณ์ในเมืองไทยให้ฟังเป็นเรื่องๆ ไป อธิบายไป จนเยอะแยะไปหมด แกก็ จู่ๆ แกก็บอกว่า I’m sorry มิสเตอร์สนธิ แล้วก็หันไปหาเลขาเอกของแก แล้วแกก็พูดภาษาญี่ปุ่นกัน พูดตั้งนานเลย และหันกลับมา และบอกว่า sorry I don’t understand ที่ผมพูดไปครึ่งชั่วโมงแกไม่เข้าใจเลย ผมก็เลยไม่รู้จะพูดยังไง ผมเลยบอกแกอย่างนี้ ผมว่าเอาอย่างนี้ดีกว่า สถานการณ์เมืองไทยตอนนี้ ถ้ามองย้อนหลังไปประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น เหมือนสถานการณ์ในยุคก่อน ยุคสมัยราชวงศ์เมจิ ผมบอกว่า ยู รู้ เมจิ yes yes I know เมจิ ผมบอกว่า ก่อนที่เมจิจะเกิดขึ้น หรือก่อนที่จะมีโชกุน โตกุกาว่า เป็นผู้รวมญี่ปุ่น สมัยนั้น ผมบอกว่า ญี่ปุ่นมีแก๊งหลายแก๊งใช่ไหม มีแก๊งอันนี้ มีแก๊งนู้น ในที่สุดแล้ว โชกุน โตกุกาว่า ก็เลย แต่ละแก๊งก็มีกองทัพตัวเอง ไม่พอใจคนนี้ล้ำเส้นก็ยกทัพไปตี ตีเสร็จไอ้นี่ถอย ไอ้นี่แพ้ ก็ไปรวมกับไอ้นี่

จินดารัตน์ – ก็เหมือนสามก๊กนะเหรอคะ

สนธิ – ไม่เหมือนสามก๊ก เหมือนประเทศไทยตอนนี้ สนั่น ขจรประศาสน์ เดินสายเพื่อเอาพรรคพวกนี้มารวมตัวกัน เอาบรรหาร ชาติไทย ขณะเดียวกัน เพื่อแผ่นดินจะเข้ามาร่วมกับประชาธิปัตย์ เพื่อเตะภูมิใจไทยออก นึกออกรึยัง เข้าใจไหม มันเหมือนกันเลย จนกระทั่งในที่สุด โชกุน โตกุกาว่า เห็นว่า ญี่ปุ่นเป็นอย่างนี้ต่อไปไม่ได้ แล้วจักรพรรดิ์ ซึ่งอยู่ที่เมืองเอโดะ ก็มีความรู้สึกเป็นจักรพรรดิ์ที่ไม่มีอำนาจ โชกุนเป็นคนที่มีอำนาจ โชกุนเลยปราบทุกแก๊ง ปราบหมด และรวมทุกคนให้เข้าไปอยู่ในที่เดียวกัน ความเป็นเอกภาพอันเดียวกันหมด โตกุกาว่า เลยเป็นโชกุนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นคนหนึ่ง ญี่ปุ่นเลยเริ่มมีเสถียรภาพมาตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นไป ทูตญี่ปุ่นคนนี้ก็บอกว่า แล้วใครจะเป็นโชกุน โตกุกาว่า ในเมืองไทย ผมบอก กูไม่รู้หรอก ผมบอกกู้รู้อยู่อย่างเดียว ว่าลักษณะเมืองไทยตอนนี้ ก็เหมือนลักษณะก่อนราชวงศ์เมจิจะเกิดขึ้นที่ญี่ปุ่น มันเลยเข้าใจ

เพราะฉะนั้นแล้ว จะเห็นได้ชัดว่า มันเกิดขึ้นได้ยังไง มันเกิดขึ้นได้ยังไงในที่จอดรถ โดยตำรวจไม่ทำอะไร ไม่ใส่ใจ โดยที่ ทอท.รู้อยู่แล้วว่า มีการจะปะทะกัน ทอท.ก็ไม่ยกเลิกสัมปทาน แล้ว ทอท.ไม่ยกเลิก ยังไม่เท่ากับเมื่อมีแก๊งชุดดำปะทะกัน ทอท. ต้องแจ้งตำรวจ และตำรวจก็ไม่เข้าไปทำอะไร ถึงเข้าไปทำอะไร ก็ไปทำกับอีกฝ่าย ซึ่งเป็นฝ่ายตรงกันข้าม ไปจับปืนฝ่ายตรงข้ามเพื่อให้ฝ่ายตรงข้ามไม่มีอาวุธ และอีกฝ่ายจะได้มีอาวุธ นี่คือลักษณะตำรวจไทย เหมือนกับที่คลองเตย จำได้ไหม มีกลุ่มหนึ่งไปประมูลที่ที่คลองเตยได้ แล้วมาขึ้นราคา พ่อค้าแม่ค้าที่อยู่ต่อเขาไม่ยอม ก็สู้กัน มีการยิงกัน ไล่ฆ่ากัน ทั้งหมดนี้มันมาจาก เสธ.เกเร ทหารเกเร ทั้งนั้นเลย แล้วพวก เสธ. พวกทหารหลายคนนี่ก็ขึ้นอยู่กับหัวหน้าแก๊ง ซึ่งเป็น เสธ.ใหญ่ มีหลายๆ เสธ. แล้วพวกเสธ.ใหญ่พวกนี้ก็เป็นพวกมีกองกำลังของตัวเอง ไอ้ที่ระเบิดหรือที่ยิงกันที่ราชประสงค์ หรือที่มีเรื่องมีราว แม้กระทั่งยิงปืน M79 ใส่เรา บางส่วนก็เป็นพวกกระเฬวราก ที่อยู่ภายใต้ เสธ. เสธ.เป็นคนสั่งมา คุณแอนเริ่มเห็นหรือยังตอนนี้ นี่คือเมืองไทยไง เพราะฉะนั้นแล้วเหตุการณ์ที่สนามบินสุวรรณภูมิ มันเป็นภาพสะท้อน ภาพสะท้อนของเมืองไทย การระเบิดที่เมืองนนท์ ก็เป็นภาพสะท้อนของความไม่มีเสถียรภาพในเมืองไทย วันนี้รัฐบาลก็ไม่ได้ทำอะไร ก็ปล่อยให้ตำรวจทำ โชคดีอยู่อย่างเดียวคือ ภาค 5 ที่มี พล.ต.ต.ชัยยะ ศิริอำพันธ์กุล มี พล.ต.ต.สมหมาย กองวิสัยสุข ที่เชียงใหม่ ยังมี พล.ต.ต.ท.ทรงธรรม อัลภาชน์ ยังแข็งอยู่ ซึ่งสามารถที่จะจัดการกับปัญหาต่างๆ ได้ แต่ว่าเมืองไทยมันไม่ได้มีแค่กองบัญชาการภาค 5 อย่างเดียว เมืองไทยมันมีภาค 1 ภาค 2 ภาค 3 ภาค 4 ภาค 6 ภาค 7 ภาค 8 ก็เอาอย่างนี้ดีกว่า เขาแข็งขนาดไหน ที่ภาค 5 จนกระทั่งพวกกลุ่มเสื้อแดง แกนนำเสื้อแดง จะประชุมแกนนำเสื้อแดงที่เชียงใหม่ พวกเชียงใหม่ประชุมกัน ไม่ล้าประชุมที่เชียงใหม่ มาประชุมที่พิษณุโลก ภาค 6 หนีจากภาค 5 มาจุมพิตภาค 6 แสดงว่าอะไรรู้ไหม แสดงว่าถ้าตำรวจเอาจริง อะไรมันก็เอาอยู่ แต่มีคำถามต่อว่า แล้วทำไมตำรวจภาค 1 ไม่เอาจริง เพราะตำรวจภาค 1 มันขึ้นอยู่กับนักการเมืองคนหนึ่ง ตำรวจภาค 2 ก็จะขึ้นอยู่กับนักการเมืองคนหนึ่ง ตำรวจภาค 3 ภาค 4 อีสานเหนือ อีสานใต้ ก็ขึ้นอยู่กับนักการเมือง คนเดียวกับที่คุมภาค 1 ตำรวจภาค 3 ภาค 4 เขาระบุเลยนะว่า เขารู้ทันทีเลยนะว่าใครจะเดินทางมาจาก จ.เลย มาเป็นผู้การ จ.อุดรฯ แล้วเขารู้ทันที เพราะว่าผู้การเลยเป็นคนของนักการเมืองคนนั้น ด้วยเหตุนี้เราก็เลย มันเหมือนกับบ้านเรามี War lord ขุนศึกเยอะเหลือเกิน มีขุนศึกภาคนี้ ขุนศึกกลุ่มนี้ ขุนศึกพรรคการเมืองนี้ ขุนศึกโน้นขุนศึกนี้ ภาคอีสาน จ.โคราช หลายคน สุวัจน์ ลิปตพัลลภ ก็รวมตัวกัน สู้กับบุญจง ซึ่งเป็นคนของภูมิใจไทย ทางภูมิใจไทยก็เลยต้องย้ายผู้ว่าฯ ซึ่งเป็นคนของตัวเอง เอามาเพื่อปราบสุวัจน์พวกนี้ เห็นหรือยัง เพราะฉะนั้นข้าราชการเมืองไทยก็เลยกลายเป็นเครื่องไม้เครื่องมือของพวกขุนศึกทั้งหลาย แล้วขุนศึกษาทั้งหลายมีอำนาจวาสนามาจากไหน ก็มาจากการเมือง การเมืองมาจากไหนก็คือการซื้อสิทธิ์ขายเสียง เพื่อเอาเข้ามานั่งในนี้ เพราะนั้นแล้วการเมืองเลยต้องรวมตัวกัน และไหลโยกย้าย ไหลเทไป ระหว่างซึ่งยังตกลงกันไม่ได้ ไม่มีใครมีอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาด มันก็จะเกิดพวกขุนศึกต่างๆ เยอะแยะไปหมด และมันไม่มีวันที่จะมีอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาด เพราะตราบใดที่ยังต้องพึ่งพากันอยู่ ตราบใดที่ยังร่วมกัน ตราบใดที่พี่เติ้งของเรา ที่สุพรรณ ส่งพี่หนั่นของเราจาก จ.พิจิตร ทำตัวเป็นจระเข้ เลื้อยไปเลื้อยมา ไปคุยคนนู้นคนนี้ วันดีคืนดี พี่หนั่นจะกลายเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ยุ่งตายห่าอีกแหละ งงไปหมดเลย

จินดารัตน์ – แต่ไม่ใช่ว่าเกิดไม่ได้นะ

สนธิ – เกิดขึ้นได้ ไม่ใช่เกิดไม่ได้ เพราะฉะนั้นจะเห็นได้ชัดว่า การเมืองทุกวันนี้ ที่มันโทษจะต้องใช้คำว่า บัดซบ เลวทรามต่ำช้า เพราะว่า นักการเมืองเท่านั้นเป็นต้นเหตุ ที่จอดรถสุวรรณภูมิเกิดขึ้นเพราะใคร ก็ไม่ใช่เพราะนักการเมืองซังกะบ๊วยคนนี้หรือ ที่เป็นลูกน้องนักการเมืองใหญ่ ที่นักการเมืองใหญ่มันมีลูกน้องคุมการท่าอากาศยาน แล้วลูกน้อง คนนี้ นักการเมืองซังกะบ๊วยคนนี้เลยไปขอสัมปทานลูกพี่มัน

สโรชา – นักธุรกิจเขาบอกว่า พอเกิดปัญหา หลอกให้เขาลงทุนซ้ำซ้อนกับคนอื่นแล้วไม่พอ พอเกิดปัญหาแล้วมีเสธ.คนหนึ่ง มาหาเขา บอกว่า เอามาร้อยล้าน เดี๋ยวเคลียร์ปัญหาให้ นั่นคือสาเหตุที่เรื่องมันแดงขึ้น เพราะเขาไม่ยอมจ่ายเพิ่มอีก 100 ล้าน

จินดารัตน์ – ทั้งที่ก่อนหน้านั้น เขาจ่ายไป 20-30 ล้านแล้วนะ ไม่ใช่น้อยๆ และจะมาเอาของเขาอีก 100 ล้าน

สโรชา – เขาบอกว่า 100 ล้านเคลียร์ปัญหาจบ เขาบอก และนักธุรกิจไม่ยอมจ่าย เลยเป็นปัญหา

จินดารัตน์ – ตำรวจต้องถอนแจ้งความเลยนะ เขาบอกว่า เขากลัวนักธุรกิจ 2 คนนี้จะฟ้องกลับ หาว่ากลั่นแกล้ง ตอนแรกตำรวจไปช่วยแหละ นะ ไปช่วยบรรดาชายฉกรรจ์ทั้งหลาย แต่ขอฝากนิดนึง คุณสนธิ ขออนุญาตนะคะ มีแท็กซี่เขาร้องเรียนมา เดี๋ยวนี้เรากลายเป็นที่พึ่งของแท็กซี่ไปด้วย เขาบอก เขาไปจอดรถรับผู้โดยสารที่แอร์พอร์ตลิงก์ สถานีลาดกระบัง แล้วมันมีคนเดินเก็บส่วยแท็กซี่คันละ 20 30 ทุกวัน แล้วเขาบอกว่าให้ช่วยดูหน่อย ตำรวจเขาว่างมากนะคะ สน.ลาดกระบัง ช่วยดูหน่อย แล้วคนที่ไปเก็บ ไม่ใช่ตำรวจในพื้นที่ด้วย เขาแบ่งพื้นที่กันกินแบบนี้เลยนะ ฝากบอกหน่อยนะคะ เพราะว่าอย่าปล่อยทิ้งไว้ ถ้าปล่อยทิ้งไว้ จะมีคนแอบเอากล้องไปถ่าย จะลำบาก

สนธิ – เมืองไทยนะแอน คุณโตไม่ทัน ผมโตทัน แต่ผมก็ไม่ได้โตไรมากนัก เพราะอายุยังไม่มากเท่าไร เมืองไทยวันนี้ มันเหมือนยุคก่อนจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ กุ๊ย อันธพาล นักเลงในเครื่องแบบ เต็มบ้านเต็มเมืองไปหมด ยิ่งใหญ่กันมาก ยิ่งใหญ่กันมากเลย แม้กระทั่งข้าราชการที่คิดว่า ไม่น่าจะเป็นไปได้ ก็อยู่เบื้องหลังพวกกุ๊ยอันธพาลทั้งหลาย สมัยก่อน สมัยผมหนุ่มๆ ผมไม่เคยเห็นเลยนะข้าราชการทำตัวแบบนี้ แต่สมัยนี้ข้าราชการอยู่เบื้องหลังคนโน้นคนนี้หมด เพราะฉะนั้นแล้วเมืองไทยขณะนี้กุ๊ยเต็มเมือง อันธพาลเต็มเมือง แล้วกุ๊ย อันธพาลมีที่มาที่ไปนะ คนที่อยู่เบื้องหลังกุ๊ย อันธพาล คอยให้การปกป้องคือ นักการเมือง ทั้งนั้น เพราะฉะนั้นแล้วชาติบ้านเมืองอยู่ต่อไปไม่ได้แล้วแบบนี้ ไม่มีทาง มันต้องมีการเปลี่ยนแปลง ผมยังยืนยันว่า นักการเมืองปัจจุบันต้องหยุด ต้องเลิกเล่นการเมือง 5 ปี ไปทำมาหากินอะไรก็ตาม คอร์รัปชั่นไปก็เยอะแล้วก็ใช้เงินคอร์รัปชั่นอยู่กันเฉยๆ แล้วถึงเวลาปฏิรูปบ้านเมือง วันนี้เราต้องหยุดปฏิรูปการเมือง แต่เราต้องมาจัดระเบียบสังคมซะใหม่ ต้องเริ่มจากการจัดระเบียบสังคมซะก่อน ถ้าเราไม่จัดระเบียบสังคมที่ใครควรอยู่ตรงไหนต้องอยู่ตรงนั้น เราจะมีกุ๊ย มีนักเลงภายใต้เครื่องแบบ มีอันธพาลทั้งหลายเดินเต็มบ้านเต็มเหมืองหมด ถ้าเราจัดระเบียบสังคม ใครเป็นกุ๊ยจับเข้าคุกหมด ใครเป็นอันธพาลจับเข้าคุกหมด เสร็จเรียบร้อยเราค่อยมาปฏิรูปประเทศไทยว่าเราจะปฏิรูปกันอย่างไร

สโรชา – ฟังๆ ดูเหมือนจะต้องทำให้ตำรวจพึ่งได้

สนธิ – ต้องทำให้ตำรวจพึ่งได้

สโรชา – ในกรณีที่ดึง 11 นักรบของเสื้อแดงมาเป็นพยานได้ เขาบอกต้นตอเพราะพลเมืองดีไว้ใจตำรวจที่ย้ายไปใหม่แล้วมาบอกว่ามันผิดปกติ เป็นคนนอกเข้ามาในพื้นที่ แล้วเข้าไปตรวจสอบ จริงๆ เป็นอย่างนั้นจริงๆ แต่ส่วนใหญ่ไม่เป็นอย่างนั้น เขาไม่ไว้ใจ เพราะเขาพูดไปตำรวจอาจจะเล่นงานเขาด้วยซ้ำไป

จินดารัตน์ – ทั้งหลายทั้งปวงที่คุยกันมาหลายสัปดาห์ ถ้าคุณผู้ชมประมวลภาพ ทุกอาทิตย์จะมีคำพูดหนึ่งของคุณสนธิทุกครั้ง คือปัญหาทั้งหมดเกิดขึ้นมาจากนักการเมืองแต่เพียงผู้เดียว

สนธิ – นักการเมืองทั้งนั้น นักการเมืองทั้งนั้นเลย

จินดารัตน์ – ตำรวจจะพึ่งได้ไม่ได้ แหมติดใจป้ายโฆษณาของ “น.1พึ่งได้” งั้น น.อื่นก็พึ่งไม่ได้

สโรชา – พึ่งไม่ได้ตัวใครตัวมัน

สนธิ – นักการเมืองบางคนใช้ทริกโง่ๆ ที่คิดว่าคนไทยโง่ คุณเห็นโฆษณา

สโรชา – ป้ายรถเมล์หรอคะ

สนธิ – ที่ป้ายรถเมล์

สโรชา – คืออะไร”คุณชอบรถเมล์เก่าหรืออยากได้รถเมล์ใหม่”

จินดารัตน์ – มี 2 กล่องนะคะ กล่องใสด้านล่างเป็นกล่องให้หยอดความคิดเห็น ซ้ายมือชอบรถเมล์เก่า ขวามืออยากได้รถเมล์ใหม่ ดูมันตั้งคำถาม

สนธิ – เอางี้ คำถามนี้อุปมาอุปไมยคือเป็นคำถามที่เจาะไปที่กิเลสคน เจาะไปที่คนที่ไม่คิดให้รอบคอบ หรือไม่ได้ใช้ปัญญา ซึ่งผมไม่ตำหนิคนซึ่งลงคะแนนเสียงว่าอยากได้รถเมล์ใหม่ เพราะอุปมาอุปไมยเหมือนกับวันหนึ่ง ผมถามแอนว่าอยากได้รถคันเก่าหรือคันใหม่

จินดารัตน์ – ก็แหง

สนธิ – ก็แหงใครๆ ก็อยากได้รถคันใหม่ เหมือนกับถามเด็ก ถามลูกเราว่า อยากได้โทรศัพท์ไอโฟนหรืออยากได้โทรศัพท์เก่า เด็กก็บอกว่า อยากได้ไอโฟน เป็นคำถามโง่ๆ ที่คิดแบบโง่และเจ้าเล่ห์ ประเด็นคือว่า เพื่อมาบอกว่านี่นะคนหยอดมาแล้วนะ อยากได้รถเมล์ใหม่เต็มไปหมด รถเมล์เก่ามีอยู่ 10 ใบ รถเมล์เก่ามีอยู่ 2,000 ใบ เพื่อมาสร้างความชอบธรรมให้รถเมล์เอ็นจีวี รถเมล์นรก 4 พันคันผ่านไป ถ้าอย่างนั้นผมจะถามบ้าง ผมจะถามว่าอยากได้นักการเมืองขี้โกง หรืออยากได้นักการเมืองดี

สโรชา – เอาอย่างนี้เลยนะ

จินดารัตน์ – ซ้ายมือชอบนักการเมืองเก่าอยากได้นักการเมืองแบบใหม่

สนธิ – ง่ายๆ ผมถามง่ายๆ อย่างนี้

สโรชา – อย่างนี้ล้มหลามนะคะ เชื่อว่าไม่มีใครตอบว่านักการเมืองเก่า

สนธิ – หรือเอาง่ายๆ ก็ได้ติดป้ายเลยตู้ 2 ตู้ อยากได้โสภณ ซารัมย์ หรืออยากได้ สนธิ ลิ้มทองกุล ง่ายๆ หรือว่า อยากได้เนวิน ชิดชอบ หรืออยากได้ สนธิ ลิ้มทองกุล ง่ายๆ คือการตั้งคำถามแบบอย่างได้เฉยๆ มันไม่ใช่คำตอบ มันเป็นทริกในการจะสร้างความเห็นเทียม อันนี้ผมเรียกว่าความเห็นเทียม

จินดารัตน์ – ฮิตนะคะ

สนธิ – กำลังฮิตมาก

สโรชา – อะไรก็เทียมไปหมด

สนธิ – เหมือนกับว่าออกกฎหมายนิรโทษกรรม

สโรชา – ผิวเผินไม่ต้องคิดลึก ไม่ต้องคิดถึงเหตุผล ซื้อรถเมล์ใหม่ไม่ต้องคิดถึงค่าใช้จ่าย หรือซื้อรถใหม่ก็ไม่ต้องคิดว่าจะเป็นหนี้เขาอีกกี่แสน

สนธิ – ถูกต้อง ขอให้ซื้อตอนนี้แล้วข้าได้ค่าคอมมิชชั่น ร่ำรวยไป ในอนาคตข้างหน้าขาดทุนอย่างไรหรือไปไม่รอดก็เรื่องของมึง เรื่องของชาติบ้านเมืองเราไม่เกี่ยว

จินดารัตน์ – ไม่รู้จะอ่านดีรึเปล่านะคะ แรงพอสมควรในหน้าเฟซบุ๊คเมืองไทยรายสัปดาห์ จากคุณมาลีบอกว่า อีปลื้มกับอีเพ็ญพวกเดียวกัน ชิมิชิมิ อีกความเห็นว่า ปลาดุกของคุณแอนคงกลัวตายช้า ช่วยบอกมันด้วยว่า เวรกรรมไม่ต้องรอชาติหน้า ไอ้ฟาย

สโรชา – แรงๆ ทั้งนั้นในเฟซบุ๊ค

จินดารัตน์ – คุณสนธิช่วยถามนายกฯ ทีว่าเมื่อไหร่จะถอดยศตั๊กขี้ซะที

สนธิ – อันนี้ก็จริง

สโรชา – นานมาก

สนธิ – พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร สมควรจะถูกถอดยศ เพราะว่าการถอดยศนั้นเขาทำกันเป็นประจำ ไม่ใช่ต้องใช้เวลาพิจารณา นี่เป็นเวลาตั้งกี่ปีมาแล้ว คำตอบนี้คุณอภิสิทธิ์ต้องเป็นคนตอบ คุณอภิสิทธิ์จนกระทั่งวันนี้ยังไม่ตัดสินใจเด็ดขาดว่าจะเอาอย่างไรกับ พัชรวาท วงษ์สุวรรณ, สุชาติ เหมือนแก้ว ในกรณีที่ ก.ตร.บีบคุณอภิสิทธิ์ บอกว่าต้องแต่งตั้งคุณพัชรวาทกลับไปอีกครั้ง

สโรชา -อารมณ์อยากดึงไปถึงต้นปีรอยุบสภารึเปล่า

สนธิ – ท่านคงจะอย่างนั้น

จินดารัตน์ – จากนักการเมืองท้องถิ่นบอกว่า อยากให้วิเคราะห์ถึงเนวินกับพรรคภูมิใจไทย พูดไปเยอะแล้ว พูดทุกอาทิตย์เลย

สนธิ – โอ๊ยอย่าไปพูดเลย ง่ายๆ

จินดารัตน์ – อย่าทอดทิ้งผู้บาดเจ็บและผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์ 7 ต.ค.นะคะ ดูแลนะคะ

สนธิ – ไม่เคยครับ

จินดารัตน์ – จากหนองคาย บอกว่า ไม่พอใจกรณีที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาสังคมฯ จะมอบเงินช่วยเหลือ นายสมัยและครอบครัว จากฉะเชิงเทรา, ชลบุรี, สระบุรี บอกว่า เป็นกำลังใจให้คุณสนธินะคะ จากชลบุรี คำถามส่วนตั๊วส่วนตัว เดี๋ยวถามคุณสนธิหลังจอ ถามเรื่องพระ กทม.บอกว่า อยากเห็นตำรวจที่เตะพี่น้องพันธมิตรฯ อยากเห็นหน้าคนใจ

สนธิ – พระ พระถาม

จินดารัตน์ – คือเขาบอกว่า อยากทราบว่าหลวงปู่ละมัย เพชรบูรณ์ ให้ปรอทพระมา จริงรึเปล่ารอดชีวิตมาได้ทุกวันนี้

สนธิ – ถ้าผมจำไม่ผิด วันนั้นผมห้อยหลวงตามหาบัว ผมห้อยองค์จตุคามรามเทพ แต่ที่สำคัญคือ ตอนผมถูกยิงผมมีสติ ผมก็ประนมมือระหว่างผมก้มลงไป จิตผมสงบ ผมระลึกถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ผมบอกว่าหากผมถึงเวลาที่จะต้องไปตามเวรตามกรรมก็ให้ผมไป ไปอย่างสงบ คือถูกนัดเดียวตายไปเลย แต่หากผมยังมีความจำเป็นต้องอยู่เพื่อทำงานให้ชาติบ้านเมือง ก็ขอให้ผมไม่เป็นไร จบแค่นั้น พลังพุทธคุณ

จินดารัตน์ – จาก กทม. เชื่อมั่นและขอฝากความหวังให้คุณสนธิ จากสุขุมวิท บอก เมื่อไหร่จะมีการชุมนุมอีกครั้ง นครปฐม ถามความคืบหน้ากรณีเขาพระวิหาร รัฐบาลเงียบ

สโรชา – เขาไปเจรจากับฮุน เซน อยู่

สนธิ – ยังทำอยู่ ใจเย็นๆ ทางเราติดตามอย่างใกล้ชิด ถึงเวลาที่เราจะต้องออกมาชี้แจงหรือแถลงการณ์ไม่เห็นด้วยเราจะทำ

จินดารัตน์ – ยังไงอยากทราบความคืบหน้าต้องถาม คุณปานเทพ สันปันน้ำ เข้าไปในเฟซบุ๊คได้ จากร้อยเอ็ด มีคนพบเห็นการฝึกอาวุธที่กาญจนบุรี อยากให้ไปช่วยตรวจสอบด้วย ฝากถามปลื้มด้วยว่า ปลื้มหรือไม่ที่เสื้อแดงทำลายชาติวางระเบิด ปลื้มมากไหม คนลำพูนบอก บางโรงพักที่ลำพูนเสื้อแดงทั้งโรงพักเลย

สนธิ – ใช่ครับ แต่ว่าถ้าหัวไม่ส่ายหางจะไม่กระดิก

สโรชา – วันนี้เราจะทิ้งท้ายกันด้วยบทเพลงที่จะรำลึกถึงผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บทั้งหมดในเหตุการณ์ 7 ต.ค.และ 193 วันแห่งการต่อสู้ของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย สัปดาห์นี้หมดเวลาเพียงเท่านี้นะคะ เราทั้ง 3 คนลาไปเพียงเท่านี้ สวัสดีค่ะ

โพสท์ใน categorized | ใส่ความเห็น

EP.778..ยำใหญ่..ปาร์คกิ้งฯ!


9/10/2553

“สุพจน์” สั่งฝ่ายกฎหมายพลิกตำรายำใหญ่ เชิญเจ้าหน้าที่ ทอท. ที่เกี่ยวข้องแจง 12 ต.ค.นี้ คาดยื่นฟ้องได้สัปดาห์หน้า …

นายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม ปลัดกระทรวงคมนาคม ในฐานะประธานคณะกรรมการตรวจสอบการบริหารพื้นที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิที่เกี่ยวกับการคมนาคมขนส่ง เปิดเผยภายหลังประชุมนัดแรกวานนี้ (8 ต.ค.) ว่า ได้หารือเร่งด่วนกรณีที่บริษัทท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. ยกเลิกสัญญาสัมปทาน ประกอบกิจการบริหารจัดการอาคารและลานจอดรถหน้าอาคารผู้โดยสารท่าอากาศยานสุวรรณภูมิซึ่งได้ มอบหมายให้ผู้บริหาร ทอท.ไปจัดหาเอกสารหลักฐานกรณีที่บริษัทปาร์คกิ้ง แมนเนจเม้นท์ จำกัดกระทำผิดสัญญาอย่างไรบ้าง จะได้ใช้เป็นหลักฐานหากบริษัทปาร์คกิ้งฯฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายจาก ทอท.

อย่างไรก็ตาม เบื้องต้นพบว่าบริษัทปาร์คกิ้งฯไม่ได้กระทำตามเงื่อนไขสัญญาที่กำหนด หลังจากนี้คณะกรรมการฯจะได้เชิญเจ้าหน้าที่ ทอท.ที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นคณะกรรมการพิจารณารายได้ คณะกรรมการร่างทีโออาร์ คณะกรรมการพิจารณาผลการประกวดราคา คณะกรรมการพิจารณาเงื่อนไขสัญญาสัมปทานมาชี้แจงในวันที่ 12 ต.ค.นี้ และจะเชิญผู้ถือหุ้นในบริษัทปาร์คกิ้งฯมาให้ข้อมูลในวันที่ 11 ต.ค.นี้ด้วย

ขอแทรกครับ..

ผมต้องขอรบกวนพี่เกษม ณ.สหภาพทอท.อีกเรื่องแล้วครับ ช่วงนี้สหภาพทอท.อาจต้องเสียสละเข้ามาทำงานวันหยุดแล้วล่ะครับ เพราะเกรงจะไม่ทันการครับ ให้สังเกตุว่า…ขณะนี้ทั้งปลัดสุพจน์ ทั้งบอร์ด ทั้งคณะกรรมาธิการ มีความพยายามจะให้ปัญหาในเรื่องปาร์คกิ้งฯไปเน้นที่เรื่อง”ความผิด”ของผู้ประกอบการอย่างเดียว

แต่ไม่เน้นหนัก หรือ ไม่มีการกำหนด “บทลงโทษ” ให้ผู้บริหารทอท.ที่เกี่ยวข้อง”ก่อน”เลย ทั้งที่มีความจำเป็นมากที่จะต้องดำเนินการก่อนจะมีการทำในส่วนอื่น หรือ พวกเขากำลัง”ช่วย” กันอีกแล้วครับ..?

เพราะอย่างที่รู้ๆกันว่า ปลัดสุพจน์เองก็ไม่ใช่ใครที่ไหน เป็นลุกน้องเก่าของนายศรีสุขเอง และเป็นกลุ่มก้อนเหนียวแน่นกันมากับประธานปิยะพันธ์  จึงอาจกำลังช่วยพวกเดียวกันอยู่ก็ได้  จึงทำเป็นขึงขังว่า…จะลงโทษผู้บริหารแน่ “ถ้า”มีความผิดจริง!

ที่ทอท.เสียหายเพราะผู้บริหารกลุ่มพวกเดียวกับท่านปลัดสุพจน์นี้ไม่ใช่หรือ ที่เป็นต้นเหตุทำให้ผุ้ประกอบการรายนี้เข้ามา?  ไม่ใช่ผู้บริหารกลุ่มนี้หรือที่ไม่รู้ว่าโครงการผิดพรบ.ร่วมทุน? แล้วปล่อยให้นั่งบริหารอยู่ได้อย่างไร หรือกลัวว่า จะทำให้ต้องอดอยากปากแห้งถ้าไม่มีผู้บริหารกลุ่มนี้อยู่ทำงานให้…หรือครับท่านปลัดสุพจน์ ? ต้องรออะไรอีกครับ?

เป้นวันที่มีการรับเสด็จนะครับ  (หมิ่นฯนะครับท่านปลัดฯ..ไม่รู้หรือครับ) ปล่อยให้ปืนลั่นเป็นสิบนัดได้อย่างไรครับ ? ผิดพรบ.ฉุกเฉิน แสดงให้เห็นว่าไม่มีปัญญาควบคุมสถานการณ์ได้ เพราะการบุกเข้ามา ไม่ใช่เพิ่งทำเป็นครั้งแรกครับ…

เมื่อเรื่องนี้โด่งดังและกลายเป็นความเสียหายระดับประเทสไปแล้ว จึงคิดว่าอาจต้องให้ผู้มีอำนาจที่มีศักยภาพสูงกว่า “ปลัด” เข้ามาจัดการ และเป็นการให้เกิดความรู้สึกว่า…เชื่อถือได้ในการตรวจสอบ เพราะเท่าที่ดู

แค่เริ่มจากปลัดสุพจน์ มานั่งแท่นทำเอง คิดว่าผู้บริหารทอท.กลุ่มนี้อาจพ้นผิดเพราะจะเบี่ยงเบนไปเรื่อยๆจนได้ โถ…จะมาดุอะไรล่ะครับ แค่ปล่อยให้เกิดเหตุการณ์วันที่ 1 ตุลาคมที่ผ่านมาได้จนฉาวอย่างนี้..ก็ถือว่ามี “ความผิด” แล้วครับท่าน…

แค่ข้อนี้ เด็กอนุบาลตะแคงดูดนมใช้หัวแม่โป้งคิดให้ ยังรู้เลยครับ แล้วระดับผู้ทรงคุณวุฒิอย่างผู้บริหารทอท. อย่างท่านปลัด อย่างท่านรมต. มองไม่ออก ไม่เห็นความผิดเนี่ยนะครับ…อายเด็กอนุบาลแย่เลยครับท่าน..!

จะ “ช่วยกัน” เพราะมีผลประโยชน์ร่วมกันมา ก็บอกมาตรงๆดีกว่าไหมครับ…ผมย้ำอีกที คนไทยไม่โง่ครับ….จึงอย่าใช้มุกแสร้ง “ขึงขัง” แต่ปล่อยรอด(จนได้) …เพราะท่านจะอับอายไปชั่วลูกชั่วหลาน..ว่าช่วยพวกเดียวกัน เพราะอะไร ถ้าไม่ใช่เพราะ…ร่วมกันทำ!

จาก นายวาซาบิ ครับผม

ปล. ผมจะเสนอ “บทลงโทษ” ที่สมควรใช้กับผู้บริหารทอท.กลุ่มนี้มาให้พี่ๆในสหภาพทอท.ทำหนังสือ”ยื่น” ไปทุกสำนักงานของรัฐ และจะขออนุญาติส่งตรงไปถึงท่านนายกฯ และท่านท่านประธานปปช.ด้วยเลยนะครับ..เตรียมอ่านนะครับ

เพราะตรวจสอบมาแล้วว่า สามารถกระทำได้จริงครับ…เพราะหน่วยงานของตำรวจก็ใช้วิธีนี้..อะไรที่ไม่เคยทำ ถ้าเปลี่ยนแปลงแล้วทำให้ทอท.ดีขึ้น ทำไมจะไม่ได้รับการสนับสนุนละครับ? …

ต้องช่วยกัน “หยุด” การกระทำที่”ส่อ” ไปทางทุจริต และกลุ่มผู้บริหารมาเฟียในทอท.ครับ...!

โพสท์ใน categorized | ใส่ความเห็น

EP.777…ผู้บริหารทอท.มีความผิดเรื่อง”พรบ.ร่วมทุนแน่ๆ”แล้วครับ!


9/10/2553

ASTVผู้จัดการรายวัน – ปลัดสุพจน์เปิดปมสัญญาปาร์คกิ้งส่อโมฆะ ชี้มูลค่าโครงการเกิน 1,000 ล้านเมื่อรวมอาคารจอดรถ บอร์ดทอท.จ่อทำผิดกฎหมาย ยัน 2 อาทิตย์สรุปได้ก่อนล้วงสัญญาอื่นต่อ เผยกรณี ทอท.บุกยึดที่จอดรถคืนและเปิดฟรี ส่อมีปัญหาหวั่นเอกชนฟ้องศาล ทอท.เสียเปรียบ เรียกกรรมการปาร์คกิ้ง 3 คนชี้แจง 11 ต.ค.นี้ ด้านบอร์ดทอท.เรียกประชุมวาระพิเศษ 11 ต.ค.

ขอแทรกนะครับ

เมื่อโครงการมูลค่าเกินพันล้าน..ออกจากปากท่านปลัดกระทรวงเอง นั่นยิ่งหมายความว่า…ผู้บริหารตั้งแต่นายเสรีรัตน์ ลงมา นายนิรันดร์ และเจ้าหน้าที่ผู้บริหารในสายงานพัฒนาธุรกิจ สายงานการเงินตั้งแต่ระดับ8ขึ้นไป มีความผิดหมดทุกคนครับผม (ถ้าจะปฏิเสธอีกก็จะขัดแย้งกันเองกับคำพูดของท่านปลัดสุพจน์นะครับ)

เพราะเป็นถึงผุ้บริหารระดับนี้ จะอ้างว่า “รู้เท่าไม่ถึงการณ์ ไม่คำนวนให้รอบคอบ หรือไม่รู้” ไม่ได้เด็ดขาดครับ!

เมื่อบกพร่องขนาดนี้  แต่ทำไมประธานปิยะพันธ์จึง  “ปรับตำแหน่ง” ให้ผู้บริหารกลุ่มนี้ในสายงานเหล่านี้ “ยกชุด” ได้อย่างไรครับ?  ท่านเอาสมองส่วนใดคิดครับ ซ้ายขวาหน้าหลังหรือส่วนล่างคับ..

ฉนั้นจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องขอให้มีการ “ยกเลิกคำสั่งแต่งตั้ง” ที่มีผลปรับตำแหน่งเมื่อวันที่ 1 ตุลาที่ผ่านนี้ทั้งหมดด้วยครับ เพราะผุ้บริหารที่ได้ปรับขึ้น ล้วนเป็นผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องปาร์คกิ้งแมเนจเม้นยกแผง…ถ้าท่านปลัดสุพจน์ และรมต.จริงใจจะแก้ปัญหานี้ ต้องยุติธรรม และรังับยกเลิกคำสั่งครับ.. เพราะมองอย่างไรมันก็”ขัดแย้ง” กับการกระทำนะครับท่าน..!

นายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม ปลัดกระทรวงคมนาคมในฐานะประธานคณะกรรมการตรวจสอบการบริหารพื้นที่ในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิที่เกี่ยวกีบการคมนาคมขนส่งเปิดเผยภายหลังการประชุมวานนี้ (8 ต.ค.) ว่า ได้เชิญว่าที่ ร.ท.อนิรุทธิ์ ถนอมกุลบุตร ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ, ฝ่ายกฎหมายและฝ่ายพาณิชย์ของบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท.

มาชี้แจงข้อมูลเกี่ยวกับการให้เอกชนบริหารจัดการอาคารและลานจอดรถท่าอากาศยานสุวรรณภูมิพื้นที่ 1.6 แสนตารางเมตร รองรับได้ 6,000 คัน ซึ่งเบื้องต้นพบว่าทอท.มีการดำเนินการบกพร่องหลายเรื่อง เช่น ทีโออาร์การประกวดราคา เข้าข่ายเอื้อประโยชน์ให้เอกชนหรือไม่ มีการเปิดให้แข่งขัน,การบริหารสัญญาในเรื่องการจ่ายผลตอบแทนให้ ทอท.ไม่เป็นไปตามสัญญาและการให้สัมปทานโดยหลีกเลี่ยงพระราชบัญญัติว่าด้วยการให้เอกชนเข้าร่วมงานหรือดำเนินการในกิจการของรัฐหรือ พ.ร.บ.ร่วมทุน 2535 หรือไม่ เป็นต้น

ทั้งนี้ หากตรวจสอบแล้วพบว่าโครงการนี้มีมูลค่าเกิน 1,000 ล้านบาทแต่ ทอท.ไม่ปฎิบัติตามพ.ร.บ.ร่วมทุน 35 ก็ถือว่าผิดกฎหมายและโครงการเป็นโมฆะ ส่วนคนที่เกี่ยวข้องก็มีความผิดฐานทำให้รัฐเสียหาย ซึ่งทอท.ต้องชี้แจงรายละเอียดเรื่องนี้ โดยคณะกรรมการฯเห็นว่าโครงการนี้น่าจะมีมูลค่าเกิน 1,000 ล้านบาทเนื่องจากต้องนำมูลค่าของอาคารจอดรถมารวมด้วย

เพราะถือว่าอาคารจอดรถสร้างขึ้นเพื่อกิจกรรมการจอดรถอย่างเดียว ซึ่งแตกต่างจากสัญญาร้านค้าเชิงพาณิชย์และร้านค้าปลอดภาษีของกลุ่มคิงเพาเวอร์ฯ ที่มูลค่าไม่เกิน 1,000 ล้านบาท เพราะไม่สามารถนำมูลค่าของอาคารผู้โดยสารมารวมด้วยได้ เพราะอาคารอาคารผู้โดยสารมีวัตถุประสงค์เพื่อให้บริการกิจกรรมอื่นด้วย

ผู้สื่อข่าวถามว่า เรื่องนี้จะกระทบถึงคณะกรรมการ ทอท.ที่มีนายปิยะพันธ์ จัมปาสุต เป็นประธานหรือไม่นั้น นายสุพจน์กล่าวว่า เมื่อตรวจสอบไปลึกๆ จะต้องพบข้อเท็จจริงแน่นอน เจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องต้องพูดความจริงเพราะคงไม่ยอมรับผิดแทนคนที่สั่งให้ทำแน่

ผู้สื่อข่าวถามว่า ช่วงที่อนุมัติโครงการนายสุพจน์เป็นบอร์ด ทอท.อยู่ด้วยนายสุพจน์กล่าวว่า บอร์ด ทอท.อนุมัติหลักการโครงการช่วง ม.ค. 53 ซึ่งตนเป็นบอร์ดแต่ช่วงประมูลเสร็จ เม.ย.นั้นตนออกจากบอร์ด ทอท.แล้ว นอกจากนี้คณะกรรมการฯยังมีข้อสงสัยกรณีการจัดแบ่งรายได้ให้ ทอท. 75 % นั้นคำนวณจากอะไร หรือการกำหนดคุณสมบัติในทีโออาร์ว่าผู้เข้าประมูลต้องมีประสบการณ์ในการบริหารที่จอดรถขนาด 1,000 คันเป็นเวลา 3 ปีติดต่อกันถือเป็นการเปิดให้แข่งขันมากแค่ไหน และการบริหารสัญญาที่ผิดพลาด โดยเฉพาะประเด็นการจ่ายเงินรายได้ขั้นต่ำให้ทอท.จะต้องนำส่งให้ทอท.ล่วงหน้าต้นเดือน

ซึ่งจากการรายงานเบื้องต้นพบว่าบริษัทคู่สัญญาไม่ได้มีการนำส่งรายได้ ดังกล่าวและการปล่อยให้เอกชนเข้าไปจัดเก็บค่าจอดรถระหว่างวันที่ 1-30 เม.ย.โดยเอกชนไม่ได้จ่ายรายได้ขั้นต่ำให้ทอท. ซึ่งฝ่ายบริหารจะต้องกลับไปจัดทำรายละเอียดเพื่อนำมารายงานในวันที่ 12 ต.ค.นี้

***เชิญ กก.ปาร์คกิ้ง 3 คนชี้แจง 11 ต.ค.

นายสุพจน์กล่าวว่า ในวันที่ 11 ต.ค.นี้ จะเชิญกรรมการผู้มีอำนาจของบริษัท ปาร์คกิ้ง แมนเนจเม้นท์ จำกัด 3 ฝ่าย คือ นายธนกฤต เจตกิตติโชค, นายจุมพล ญาณวินิจฉัยและนายธรรศ พจนประพันธ์ มาให้ข้อมูล ซึ่งหากมีการให้ข้อมูลเกี่ยวกับนักการเมืองคณะกรรมการฯ พร้อมรับฟังแต่คนพูดต้องรับผิดชอบสิ่งที่พุดด้วย จากนั้นในวันที่ 12 ต.ค.นี้ จะเชิญคณะกรรมการที่เกี่ยวข้องกับการประมูลโครงการ 4 ชุดมาให้ข้อมูล ประกอบด้วยคณะกรรมการพิจารณารายได้ของทอท. , คณะกรรมการร่าวงทีโออาร์, คณะะกรรมการชี้แจงเงื่อนไขการประมูลและคณะกรรมการพิจารณาผลการประมูล คาดว่าจะได้ข้อสรุปใน 2 สัปดาห์

***ทอท.ยึดคืน-ให้ใช้ที่ฟรีส่อมีปัญหา

นายสุพจน์กล่าวถึงการที่ ทอท.เข้ายึดพื้นที่และทำการจัดเก็บค่าจอดรถแทน ปาร์คกิ้งฯ และเปิดให้ใช้บริการฟรีตั้งแต่ช่วงเย็นของวันที่ 7 ต.ค.53 ซึ่งก่อนกำหนดยกเลิกสัญญา วันที่ 11 ต.ค. นั้นอาจจะมีปัญหาทางข้อกฎหมายได้ โดยเฉพาะการบอกเลิกสัญญานั้น ตามกฎหมายน่าจะต้องมีการแจ้งกับบริษัทล่วงหน้าหรือไม่ และหากบริษัทไปขออำนาจศาลคุ้มครอง และเรียกค่าเสียหาย จะทำให้ ทอท.เป็นฝ่ายเสียเปรียบได้ ซึ่งเรื่องนี้ได้ทักท้วง ทอท.ไปแล้ว

นายปิยะพันธ์ จัมปาสุต ประธานบอร์ด ทอท. กล่าวว่า ในวันที่ 11 ต.ค.นี้ บอร์ดจะมีการประชุมวาระพิเศษ โดยผู้บริหารทอท.จะรายงานถึงกรณีปัญหาอาคารจอดรถสุวรรณภูมิ และการดำเนินการในช่วงที่ผ่านมา พร้อมกันนี้จะมีการขออนุมัติจากบอร์ดในเรื่องที่เกินอำนาจของฝ่ายบริหารด้วย เช่น การยกเว้นเก็บค่าจอดรถในช่วงที่บอกเลิกสัญญากับปาร์คกิ้ง เป็นต้น

***ธนกฤตสวน ปธ.ทอท.เชื่อถือไม่ได้

นายธนกฤต เจตกิตติโชค กรรมการผู้มีอำนาจลงชื่อทำนิติกรรมผูกพันบริษัท ปาร์คกิ้งกล่าวว่า การที่ ทอท.ส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปจัดเก็บค่าจอดรถโดยไล่พนักงานของบริษัทเมื่อเย็นวันที่ 7 ต.ค. ก่อนกำหนดยกเลิกสัญญามีผลวันที่ 11 ต.ค.นั้น ทำให้นายปิยะพันธ์เป็นคนที่เชื่อถือคำพูดไม่ได้ ซึ่งหนังสือเลิกสัญญาเพิ่งถึงบริษัทวันที่ 8ต.ค.ดังนั้นบริษัทจะต้องขออำนาจศาลคุ้มครองแน่นอน

ส่วนกรณีการจ่ายรายได้ให้ทอท.นั้นนายธนกฤตกล่าวว่า ทอท.กำหนดให้บริษัทจ่ายเงินภายในวันที่ 18 ของทุกเดิน ไม่ได้ให้จ่ายต้นเดือนและเมื่อเซ็นสัญญา 30 เม.ย. 53 บริษัทก็ไม่สามารถเข้าพื้นที่ได้.

โพสท์ใน categorized | ใส่ความเห็น

“เนวิน”ผู้ล่า หรือ คน


9/10/2553
คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น

ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์ ชักน่าหวาดเสียวเสียแล้วกับเหตุการณ์รุนแรงที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งในช่วงนี้ หลังล่าสุดระเบิดสนั่นบางบัวทอง นนทบุรี ที่สมานเมตตาแมนชั่น เมื่อคืนวันอังคารที่ 5 ตุลาคมที่ผ่านมา ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตทันที 4 ราย

ก่อนหน้านั้น เพียงสองวัน มีการจับกุมตัวชายผู้ต้องสงสัย 11 คนได้ที่จังหวัดเชียงใหม่บนการข่าวของทหารและตำรวจว่า ทั้งหมดเป็นอดีตผู้เคลื่อนไหวคนเสื้อแดงที่มีแผนจะเข้ามาก่อเหตุทำร้ายฝ่ายตรงข้ามเสื้อแดง ถึงขั้นระบุว่ามีการไปซุ่มดูหน้าบ้านของคนสำคัญในรัฐบาลอย่าง อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี

เป้าสังหารคนสำคัญอีกคน คือเนวิน ชิดชอบ แกนนำพรรคภูมิใจไทย-ผู้ก่อตั้งกลุ่มเสื้อน้ำเงิน ที่มีการอ้างว่าค่าเด็ดหัวเนวิน พุ่งสูงถึง 20 ล้านบาท

ข้อเท็จจริงจะเป็นอย่างไร คงขึ้นอยู่กับการสอบสวนขยายผลของตำรวจและทหาร แต่เชื่อว่า นับจากนี้ การคุ้มกันความปลอดภัยให้กับเนวินและคนในครอบครัว รวมถึงเครือญาติ คงยกระดับการคุ้มกันมากขึ้นยิ่งกว่าไข่ในหิน และนั่นย่อมเป็นดัชนีชี้วัดให้ค่าหัวเนวินมีราคาสูงมากยิ่งขึ้นไปด้วย!

ความยิ่งใหญ่ บารมีคับฟ้าของเนวินในวันนี้ ที่ต้องแลกกับชีวิตที่ไม่เป็นสุขมากนัก ต้องคอยระแวดระวังทุกฝีก้าว และหากถูกยิงถล่มไม่รู้ว่ารถกันกระสุนที่นั่งอยู่ และเหล่าบอดี้การ์ดที่มาจากทหารตำรวจจำนวนเป็นกองร้อย จะคุ้มกันให้มีชีวิตเนวินรอดปลอดภัยได้หรือไม่

ทีมข่าวการเมืองASTV ผู้จัดการ ขอชี้ว่า สิ่งที่เกิดขึ้นและเป็นอยู่กับเนวิน แสดงให้เห็นว่า โลกนี้ไม่มีอะไรได้มาฟรี ๆ

อยากใหญ่มาก ก็ต้องทำใจเช่นกันว่า ชีวิตต้องเป็นแบบนี้ อำนาจ-บารมี ที่พยายามสะสมไว้ อาจแลกกับสิ่งที่ไม่มีใครรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น

ทำให้หลายคนนึกถึงคำสอนในเรื่องกงกรรมกงเกวียน ที่ใครทำอะไรไว้ ก็ต้องได้สิ่งนั้นเป็นการตอบแทน

อย่างที่เคยมีเรื่องเล่ากันทั่วไปว่า บางคนก่อนหน้านี้อาจเคยเป็น “ผู้ล่า” คือล่าทั้งชีวิตเหยื่อ ล่าทั้งอำนาจ ทรัพย์ บารมี ดังนั้น ผลกรรมที่ทำไว้ก็ทำให้ต้องกลับกลายมาเป็น “เหยื่อ” ที่ถูกคนที่เคยไล่ล่าเอาคืนบ้าง นี้คือความเชื่อตามหลักศาสนาพุทธ ที่ว่าไม่มีใครหนีพ้น กฎแห่งกรรม

โดยเฉพาะ เนวิน คนที่ชอบบอกว่า หากมีเวลาเกือบทุกปีก็จะเดินทางไปประเทศอินเดีย เพื่อไปยังสังเวชนียสถาน ก็น่าจะเข้าใจหลักข้อนี้ดี

ต้องยอมรับความจริงด้วยว่า เนวินเป็นคนหนึ่งที่มีศัตรูการเมืองรายรอบอยู่มากมาย อันเป็นผลจากการที่ตระกูลชิดชอบขึ้นมาผงาดเป็นใหญ่ในถิ่นอีสานใต้ บุรีรัมย์-ศรีสะเกษ-สุรินทร์ กุมอำนาจทั้งทางการเมืองทุกระดับ ตั้งแต่ระดับชาติยันท้องถิ่น รวมถึงผูกขาดธุรกิจหลายอย่างในพื้นที่โดยใช้เวลาสิบกว่าปี ย่อมต้องมีปมความขัดแย้งที่ไปเหยียบขาคนอื่นไม่มากก็น้อย ที่ทำให้มีคนถูกกระทำแค้นฝังหุ่นรอจังหวะเอาคืน

ยิ่งในการเมืองระดับชาติด้วยแล้ว การที่กลุ่มอำนาจเสื้อน้ำเงิน และพรรคภูมิใจไทย สยายปีกเข้าไปมีเอี่ยวในหลายวงการ ตั้งแต่ธุรกิจสนามบิน การกีฬา การประมูลจัดซื้อจัดจ้างในหน่วยราชการ สื่อสารมวลชน รับเหมาก่อสร้าง รวมถึงการแต่งตั้งโยกย้ายหลายหน่วยงาน ตั้งแต่มหาดไทย ตำรวจ ทหาร ที่มีข้อครหาว่าเล่นพรรคเล่นพวก สร้างฐานอำนาจการเมือง เอาแต่คนใกล้ชิดไปรับตำแหน่งใหญ่ๆ เพื่อเป็นมือเป็นไม้ในการแสวงหาผลประโยชน์

แถมยังพยายามจัดตั้ง “กองกำลังเสื้อน้ำเงิน” ขึ้นมา ปะทะกับ “เสื้อแดง”ของทักษิณ ชินวัตร และพรรคเพื่อไทย

เนวินและพรรคภูมิใจไทย จึงย่อมมีคนไม่พอใจมากเป็นธรรมดา หลายคนจึงไม่แปลกใจแม้แต่น้อยเมื่อรู้ว่าเนวินคือเป้าหมายอันดับแรกๆ ของกลุ่มเคลื่อนไหวที่ไม่ปรากฏนามหมายหัวจะเด็ดชีวิต

เพียงแต่ศัตรูของเนวินที่สร้างไว้มากมาย ตามรายทางสิบกว่าปีที่เนวินเล่นการเมืองกว่าจะขึ้นมาเป็นใหญ่ในเวลานี้ อาจใช้จังหวะนี้ ผสมโรง เข้ามาก่อเหตุ จนทำให้หากมีอะไรเกิดขึ้น ก็อาจทำให้การสอบสวนหลงทางได้เช่นกัน

ทีมข่าวการเมืองฯ ไม่ได้ต้องการเห็นเหตุรุนแรงใดๆ เกิดขึ้นกับใครทั้งสิ้น โดยเฉพาะการใช้ศาลเตี้ยมาตัดสินเอาชีวิตคน และก็ไม่ได้ต้องการเห็นเนวินถูกเป่าดับ และไม่ได้อยากเห็นเนวินใช้ชีวิตแบบไม่เป็นสุขเพราะเกรงอันตราย

แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วงจากรูปการเหตุรุนแรงต่างๆ ที่เกิดขึ้นทั้งในกรุงเทพมหานคร และปริมณฑล รวมถึงจังหวัดใหญ่ๆ เช่น เชียงใหม่ ที่นายคะแนน สุภา พ่อตาเนวิน โดนยิงเอ็ม 79 ถล่มสำนักงานมาแล้ว

วันนี้ แม้ ”บุรีรัมย์” ตระกูล”ชิดชอบ” จะยึดครองแทบทั้งจังหวัด ทว่าก็น่าเป็นห่วงไม่น้อย ว่าความรุนแรงที่เกิดขึ้นจากกรุงเทพมหานคร นนทบุรี เชียงใหม่ วันหนึ่งข้างหน้าอาจลามเข้าไปก่อเหตุในบุรีรัมย์บ้างก็ได้

เป็นที่รู้กันดีว่า สนามเลือกตั้งบุรีรัมย์ ฝ่ายเพื่อไทย ของทักษิณ ชินวัตร ก็ไม่ยอมให้ภูมิใจไทย ชนะยกจังหวัดในการเลือกตั้งที่จะมีขึ้น เพื่อหวังหักหน้าเนวิน และภูมิใจไทย

ขณะที่พรรคอื่นอย่างชาติไทยพัฒนา ก็จ้องจะเข้าไปแทรกของที่นั่งบ้างเช่นกัน ทำให้สนามเลือกตั้งบุรีรัมย์มีแนวโน้มแข่งขันกันดุเดือด รุนแรง

ขนาดเลือกตั้งครั้งที่แล้ว กลุ่มเนวิน ที่อยู่กับพรรคพลังประชาชน อาศัยกระแสเสื้อแดงและทักษิณ ชินวัตร หาเสียงในบุรีรัมย์ ที่ถือว่ากระแสแรงสุดๆ ก็ยังไม่ชนะยกจังหวัด เพราะมีก้างขวางคอคนสำคัญที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นลูกทีมเนวิน ชิดชอบ

นั่นก็คือ ปณวัตร เลี้ยงผ่องพันธ์ อดีต ส.ส.บุรีรัมย์ หลายสมัย

ที่ต่อมาแม้ชนะการเลือกตั้งแต่ปณวัตร อดีตส.ส.บุรีรัมย์ เขต 4 โดนตัดสิทธิคดียุบพรรคชาติไทย เลยส่งนางเจติยา เลี้ยงผ่องพันธ์ เมียลงแทน แต่ก็แพ้ให้กับพีระพงษ์ เฮงสวัสดิ์ อดีต ส.ส บุรีรัมย์ที่เนวินฝากส่งในนามพรรคเพื่อแผ่นดินไปประมาณหมื่นคะแนน

เชื่อได้ว่า รอบหน้า ปณวัตร และพรรคพวกในบุรีรัมย์ คงต้องขอแก้มือให้หายแค้น ดังนั้น สนามเลือกตั้งบุรีรัมย์รอบหน้า จึงน่าจับตาไม่น้อย

ที่มั่นใจเช่นนั้น ก็ด้วยเหตุที่ว่า ปณวัตร คนนี้ สมัยอยู่ประชาธิปัตย์ เคยถูก 2 มือปืนลอบยิงด้วยปืน 9 ม.ม.เข้าทางด้านหลัง 5 นัด แต่รอดตายอย่างปาฏิหารย์ เมื่อกลางดึกคืน วันที่ 18 ธ.ค. 2542 หลังเจ้าตัวกลับจากการประชุมสภาฯไม่กี่นาที เพื่อกลับเข้าที่พักในซอยประดิพัทธ์ 15

จนต่อมาตำรวจออกหมายจับผู้เกี่ยวข้อง ซึ่งหนึ่งในนั้นที่ตำรวจพบว่ามีส่วนพัวพันในคดีนี้แต่ยังไม่สามารถติดตามจับกุมตัวมาดำเนินคดีได้ก็คือ

ทวีศักดิ์ หรือทวีชัย ชิดชอบ ฉายา “แอ๊ดขาว” พี่ชายแท้ๆ ของเนวิน

ที่ถูกออกหมายจับพร้อมบัญชา แซ่ตั้ง หรือ ตั้ง สำรวยทรัพย์ และ วรวิทย์ ศรีสกุลพาณิชย์ ในข้อหาร่วมกันวางแผนจ้างวานมือปืนไปยิงปณวัตร

แต่ที่ถูกศาลตัดสินลงโทษไปแล้วก็คือ ชัยยศ หรือ อ๊อด รุ่งเจริญพร หนึ่งในมือปืน ซึ่งศาลอาญาได้มีคำตัดสินเมื่อ 20 ม.ค.43 ให้จำคุกตลอดชีวิต

อันสะท้อนให้เห็นว่าสนามเลือกตั้งบุรีรัมย์ เล่นกันหนักแน่ เพราะมีทั้ง “คนล่า” และ “คนถูกไล่ล่า” ซัดกันมันหยดแน่

แต่ในการเมืองระดับชาติ ข่าวการตั้งค่าหัวเนวิน และการวางแผนลอบสังหารเขา คงทำให้เนวินสงสัยตัวเองเหมือนกันว่า

ยามนี้เขาคือ คนล่า หรือ คนถูกล่า กันแน่?

โพสท์ใน categorized | ใส่ความเห็น

EP.776.เรื่องนี้ยังไงๆผู้บริหารทอท.ที่เกี่ยวข้องก็ทำผิดกฏหมายครับ!


9/10/2553

กมธ.ทหารข้องใจ ชุดดำบุกลานจอดรถสุวรรณภูมิผิดพ.ร.ก.ฉุกเฉินเย้ย”ศอฉ . “ไร้น้ำยา จี้จัดการสีเขียวนอกแถว

พ.ต.ท.สมชาย เพศประเสริฐ ส.ส.นครราชสีมา พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ(กมธ.)การทหาร สภาผู้แทนราษฎร  เปิดเผย  กรณีกลุ่มชายฉกรรจ์นับร้อยแต่งกายคล้ายชุดทหารบุกยึดลานจอดรถสนามบินสุวรรณภูมิ โซน 2 ชั้น 1 เมื่อวันที่ 1 ตุลาคมที่ผ่านมา ว่า จากการตรวจสอบของกมธ.และการหาข้อมูลในเชิงลึกกรณีดังกล่าว มีสาเหตุสำคัญมาจากการขัดผลประโยชน์กันระหว่างบริษัทเอกชนที่ร่วมกันถือหุ้นบริษัทรับสัมปทานดูแลที่จอดรถกันเอง ในเรื่องของการแบ่งรายได้ จนไม่สามารถพูดคุยตกลงกันได้ โดยเริ่มขึ้นที่บริษัทหนึ่งได้ไปหานายทหารนอกราชการที่เรียกว่าเสธ.สังกัดทหารอากาศคนหนึ่งนอกราชการซึ่งรู้จักกันและมีอิทธิพลและมีลูกน้องให้เข้ามาช่วยเคลียร์ แต่เมื่อมีการพาทหารเข้ามา อีกบริษัทจึงไปพาเสธ.นอกราชการจากทหารบกกับลูกน้องมาด้วย เลยเกิดปัญหาดังกล่าวขึ้น ทำให้ต่างฝ่ายต่างเกิดการเผชิญหน้ากัน โดยแต่ละฝ่ายมีทั้งลูกน้องที่เป็นทหาร และการว่างจ้างชายฉกรรจ์ซึ่งไม่ใช่ทหารมาช่วย โดยให้ค่าจ้างรายละ 500-1,000 บาทต่อวัน

พ.ต.ท.สมชายกล่าวอีกว่า นอกจากทหารอากาศและทหารบกนอกราชการที่มีส่วนแล้ว ยังทราบว่ามีตำรวจด้วยส่วนหนึ่ง โดยมีการฝากฝังให้ตำรวจช่วยดูแล เมื่อมีอิทธิพลหลายส่วนเข้ามาเกี่ยวข้องและบริษัทขัดแย้งกันเองปัญหาเลยลุกลามอย่างที่เห็น แต่กรณีนี้ไม่เกี่ยวกับฝ่ายการเมือง เพราะฝ่ายการเมืองจะจัดการเรื่องผลประโยชน์อย่างเดียว ปัญหาการกระทบกระทั่งกันเป็นเรื่องของเอกชนที่ต่างฝ่ายต่างตามพวกกันมาเอง  ทั้งหมดเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นมานานแล้ว เพราะเอกชนเป็นคนวิ่งไปหาคนเหล่านั้นเอง เลยกลายเป็นประเพณี เมื่อวิ่งไปหานายทหารเหล่านั้นก็ต้องลงมาดู

“ทางแก้คือต้องอย่าทำให้ทหารว่างงาน และควรปรับลดขนาดของกองทัพ เพราะปัจจุบันมีมากที่แต่งตั้งไว้แต่ไม่มีงานให้ทำ คนเหล่านั้นก็เลยออกนอกแถว ในอดีตวงการทหารจะมีวันโยธาในทุกวันพุธเพื่อทำกิจกรรมร่วมกัน อาทิ ทำความสะอาดหน่วย แต่ปัจจุบันหายไป แต่งตั้งแล้วห้องทำงานยังไม่มีให้ พอวันโยธาผู้ใหญ่ก็ไปตีกอล์ฟ แทนที่ทหารจะได้เจอกันอบรมสานสัมพันธ์กันก็ไม่มี เรื่องนี้ถ้ารัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมเอาจริงและกวดขัน ทหารนอกแถวจะน้อยลง”ประธานกมธ.การทหาระบุ

พ.ต.ท.สมชาย กล่าวว่า สำหรับการดำเนินคดีชายชุดดำดังกล่าวนั้นคงเป็นเรื่องยาก เพราะในวันเข้าผลักดัน หัวหน้าที่เป็นทหารไม่ยอมลงจากรถ อีกทั้งตำรวจในพื้นที่ไม่กล้าเนื่องจากมีผู้ใหญ่ฝากมาให้ช่วยดูแล และอยู่ในช่วงแต่งตั้งโยกย้ายตำรวจซึ่งอาจทำให้เกิดความเกรงกลัว จึงทำได้เพียงเชิญตัวไปสอบปากคำบันทึกไว้แล้วปล่อยตัวไปทั้งหมดโดยอ้างว่าไม่มีหลักฐานและยังไม่มีพฤติการณ์กระทำความผิดเพราะแค่ไปยืนกันเฉยๆ ไม่เข้าข่ายกฎหมายอาญา อีกทั้งพ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับอากาศยานยังไม่ประกาศใช้

แต่ในความจริงสามารถตั้งข้อกล่าวหาได้เลย โดยเฉพาะการตั้งข้อกล่าวหาซ่องโจรไว้ก่อน อีกทั้งสนามบินสุวรรณภูมิยังถือว่าเป็นพื้นที่ประกาศใช้พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 แปลกใจว่าเหตุใดจึงไม่ดำเนินการตามพ.ร.ก.ฉุกเฉิน เพราะแค่ข้อกล่าวหาละเมิดพ.ร.ก.ฉุกเฉินชุมนุมกันเกินกว่า 10 คนก็เข่าข่ายแล้ว และจะสู้คดีได้ยากมากเพราะมีอำนาจตามพ.ร.ก.ค้ำยันไว้ แต่กลับไม่ดำเนินการ เรื่องนี้แม้แต่ศอฉ.(ศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน)ยังสามารถเข้าไปจัดการได้”ประธานกมธ.การทหาระบุ

ขอแทรกนะครับ

พี่ๆสหภาพทอท.จดหัวข้อนี้ไว้เลยนะครับ และช่วยรีบดำเนินการกับผู้บริหารทอท. กลุ่มที่ต้องรับผิดชอบทั้งหมดได้เลยครับ ผมก็บอกแล้วว่าผิดแน่ๆ ทอท.เป็นเจ้าของบ้าน เหมือนคุณอยู่บ้านคุณแล้วมีใครบุกเข้ามาอยู่เป็นอาทิตย์ แต่คุณนั่งดูเฉยๆใช้ชีวิตปกติได้อย่างไร ถ้าคุณเจ้าบ้านไม่รู้เห็นเป็นใจด้วย จะอ้างว่าเพราะไม่มีเหตุร้าย หรือต้องรอให้มีเหตุร้ายก่อนคุณเจ้าบ้านจึงค่อยลุกขึ้นมา”ระวัง” คนเข้ามาไม่ใช่ทำครั้งแรก ทำไมไม่ป้องกัน อกเสียจากว่าเจ้าบ้านรู้กัน หรือรู้จักกันใช่ไหมครับ?

ด้าน พล.อ.ต.มณฑล สัชฌุกร โฆษกกองทัพอากาศ กล่าวถึงพ.ต.ท.สมชายพาดพิง”เสธ.”สังกัดกองทัพอากาศอยู่ในเบื้องหลังกลุ่มชายฉกรรจ์ว่าหากกองทัพอากาศตรวจสอบแล้วพบว่ามีข้าราชการทหารอากาศเข้าไปทำสิ่งที่ไม่ถูกต้องก็ต้องมีการดำเนินการตามระเบียบ ทั้งนี้พล.อ.อ.อิทธพร ศุภวงศ์ ผู้บัญชาการทหารอากาศ(ผบ.ทอ.)  กำชับตลอดเวลาให้กำลังพลประพฤติปฏิบัติอยู่ในกฎระเบียบไม่ไปทำในสิ่งที่ส่งผลกระทบกับสังคม

“หากกมธ.ทหารสามารถยืนยันชัดเจนได้กองทัพอากาศจะดำเนินการ แต่ต้องหมายความว่าผู้ที่ถูกกล่าวหาต้องเป็นทหารอากาศที่อยู่ในกองทัพอากาศ ทั้งนี้เราไม่อยากพาดพิงใคร  การที่กล่าวอ้างว่าเป็น เสธ.ทหารอากาศ ก็อยากให้พูดให้ชัดเจน เพราะการพูดแบบนี้เป็นการพูดลอยๆ ไม่มีหลักฐานชัดเจน คนฟังอาจเข้าใจผิดได้ จะส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของกองทัพอากาศ” โฆษกทอ. ระบุ

ขอแทรกนะครับ..

แล้วถ้าเสธกองทัพอากาศที่เขาพูดถึงคือ เสธ.ต้อย ตามที่เป็นข่าวในสื่อต่างๆ ซึ่งคือพี่ชายของรองหมวดอ้อยล่ะครับ? ใครๆก็รู้ว่าเป็นผู้มีอิทธิพลตั้งแต่ดอนเมืองแล้ว ที่สำคัญหมวดอ้อยได้ขึ้นเป็นผอ.สุวรรณภูมิช่วงนั้นพอดี และเสธ.ต้อยไม่มีหุ้นอยู่ในปาร์ดกิ้งแต่ทำไมจึงเข้ามา? เป็นที่รู้กันหมู่ผู้บริหารและพนักงานทอท.ว่าเสธ.ต้อยส่งกำลังคนเข้ามาจริง…เพราะอนิรุทธ์”เปิดทาง”สะดวกขนาดนั้น ทั้งที่เป็นข้าราชการ เพราะจะเอาใจ”นาย” ไล่ปาร์คกิ้งฯออกไปให้สำเร็จหรือเปล่าครับ?

โพสท์ใน categorized | ใส่ความเห็น

EP.773…มีส่วนร่วมปราบทุจริตภาครัฐ…


เตรียมแผนเดินหน้านำประชาชน มีส่วนร่วมปราบทุจริตภาครัฐ/ตรวจสอบงาน

ดร.ธีระชน มโนมัยพิบูลย์ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานการประชุมหารือการบูรณาการความร่วมมือระหว่างกรุงเทพมหานครและสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ กระทรวงยุติธรรม (สำนักงาน ป.ป.ท.) ในการดำเนินโครงการกรุงเทพฯ โปร่งใส สร้างชีวิตใหม่ให้คนเมือง ครั้งที่ 1/2553

โดยมีผู้เข้าร่วมประชุมประกอบด้วย นายประยงค์ ปรียาจิตต์ รองเลขาธิการ ป.ป.ท. นางสุจิตรา จริศักดิ์ ผู้อำนวยการกลุ่มปราบปรามการทุจริต ภาค 5-6 น.ส.อรณิช สุขบาล ผู้อำนวยการกลุ่มนโยบายและยุทธศาสตร์ นางฉวีวรรณ นิลวงศ์ ผู้อำนวยการกลุ่มงานพัฒนามาตรการป้องกันการทุจริต นางวรัญญา โรหิตเสถียร รองผู้อำนวยการสำนักยุทธศาสตร์และประเมินผล ดร.พีระพงศ์ ศิริเกษม ผู้อำนวยการกองยุทธศาสตร์บริหารจัดการ นายสุขุม คุณากรธรรม หัวหน้ากลุ่มงานยุทธศาสตร์บริหารจัดการ ผู้แทนจาก 6 กลุ่มเขต และนายรักษา สุทิน ผู้อำนวยการกองวินัยและส่งเสริมสมรรถภาพ สำนักงาน ก.ก.

สำหรับการประชุมหารือในครั้งนี้เป็นการประชุมผู้มีส่วนเกี่ยวข้องเพื่อร่วมกันกำหนดแนวทางและรายละเอียดโครงการ วัตถุประสงค์เพื่อต้องการให้ภาคประชาชนมีส่วนร่วมในการบริหารจัดการ อีกทั้งรับรู้และมีส่วนร่วมตัดสินใจในโครงการต่างๆ ที่กทม. และสำนักงานเขตดำเนินการ เพื่อเฝ้าระวังไม่ให้มีการทุจริตเกิดขึ้น อีกทั้งร่วมกันตรวจสอบการทำงานของฝ่ายราชการให้มีความโปร่งใส เช่น การเรียกรับผลประโยชน์ต่างๆ ของภาครัฐ การจัดเก็บป้ายผิดกฎหมาย การดำเนินการหาบเร่แผงลอย เป็นต้น ซึ่งที่ประชุมได้มอบหมายให้สำนักงานเขตพิจารณาโครงการที่สอดคล้องกับโครงการกรุงเทพฯ โปร่งใส สร้างชีวิตใหม่ให้คนเมือง พร้อมข้อคิดเห็นต่างๆ ของโครงการ ส่งให้สำนักงาน ก.ก. เพื่อเป็นข้อมูลสำหรับเข้าสู่การประชุมในครั้งต่อไป

อย่างไรก็ตามในส่วนของมาตรการป้องกันและปราบปรามการทุจริตภาครัฐของกรุงเทพมหานคร ได้มีการสัมมนาเพื่อสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับนโยบายและทิศทางการดำเนินการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ ตามแผนปฏิบัติการป้องกันและปราบปราม การทุจริตภาครัฐของกรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2552-2555 พร้อมทั้งมีตัวชี้วัดซึ่งเป็นการประเมินผลการปฏิบัติราชการประจำปี เพื่อขอรับเงินรางวัล ซึ่งเน้นให้ข้าราชการทำงานด้วยความโปร่งใส มีคุณธรรม จริยธรรม ซึ่งในอนาคตอาจเพิ่มเติมยุทธศาสตร์ต่างๆ ให้เหมาะสม เช่น ช่วยประหยัดงบประมาณภาครัฐ และประชาชนมีส่วนร่วมดำเนินการ เป็นต้น

วันที่ 8/10/2010

โพสท์ใน categorized | ใส่ความเห็น

EP.774…ปลัดสุพจน์ส่ง”ซิก” ไม่เอาบอร์ดทอท.แล้วคร้าบ…


8/10/2553

คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น

“ทอท.” หักดิบ “ปาร์กกิ้ง” ส่งกำลังยึดพื้นที่อาคารจอดรถ “สุวรรณภูมิ” เรียบร้อยแล้ว เผยปฏิบัติการสายฟ้าแลบ ตะเพิด จนท.ปาร์กกิ้ง ออกจากตู้เก็บเงิน ทั้งทางเข้าและทางออก พร้อมนำใบประกาศขับไล่ติดหราในพื้นที่อาคาร ขณะที่ผู้บริหารปาร์คกิ้ง เตรียมยื่นศาล ปค.วันนี้ เพื่อขอความคุ้มครองฉุกเฉิน

มีรายงานข่าวว่า บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท.ได้ส่งกำลังเจ้าหน้าที่เข้ายึดพื้นที่อาคารจอดรถของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ทสภ.) โซน 2 และโซน 3 คืนจากบริษัท ปาร์คกิ้ง แมนเนจเม้นท์ จำกัด และสามารถเข้าควบคุมพื้นที่ได้เรียบร้อยแล้ว

รายงานเพิ่มเติมระบุว่า ปฏิบัติการดังกล่าวเริ่มขึ้นประมาณเวลา 18.00 น.วันที่ 7 ตุลาคม 2553 (วานนี้) โดยฝ่ายกฎหมายของ ทอท.ได้นำกำลังศูนย์รักษาความปลอดภัยของ ทสภ. ร่วมกับกำลังตำรวจ สภ.ราชาเทวะ เข้าควบคุมพื้นที่อาคารจอดรถดังกล่าว พร้อมนำใบประกาศขับไล่ไปติดหน้าที่ทำการของ บ.ปาร์คกิ้ง ซึ่งเป็นคู่สัมปทานจัดเก็บค่าที่จอดรถสนามบินสุวรรณภูมิออกจากพื้นที่ เนื่องจากกระทำผิดสัญญา นอกจากนี้ ทอท.ยังได้มีคำสั่งยกเลิกสัญญา ตั้งแต่วันที่ 6 ตุลาคม 2553 ที่ผ่านมา

รายงานข่าวยังระบุว่า การเข้ายึดพื้นที่คืนในครั้งนี้ ทอท.ได้ขับไล่เจ้าหน้าที่เก็บเงินของ บ.ปาร์คกิ้ง จำนวนกว่า 20 คน ออกจากตู้เก็บเงินทั้งหมด ทั้งด้านทางเข้าและทางออก โดยมีเจ้าหน้าที่ของ ทอท.เข้ามาควบคุมตู้เก็บเงิน เพื่อปฎิบัติหน้าที่แจกบัตรเข้าออก โดยไม่คิดค่าจอดรถ

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ ทอท.เปิดเผยกับสื่อมวลชนว่า การดำเนินการในครั้งนี้ เป็นการเข้ามาสวมสิทธิ์ ในการเข้าจัดการพื้นที่แทนบริษัทเอกชนที่มีปัญหา ซึ่งสามารถเข้ามาได้ทันที เพราะในสัญญาระบุว่า ทอท.สามารถยกเลิกสัญญาได้ภายใน 7 วัน นับแต่วันที่ 6 ตุลาคม 2553 ที่เป็นวันบอกเลิกสัญญา

สำหรับเหตุผลที่ต้องยกเลิกสัญญา ได้แก่

1.บริษัทรับสัมปทานไม่นำส่ง ค่าผลประโยชน์ตอบแทนและยอดรายได้ให้ในระยะที่กำหนด

2.ไม่เพิ่มวงเงินหลักประกันให้ครบจำนวนตามสัญญา และ

3.ไม่ติดตั้งอุปกรณ์และระบบสารสนเทศภายในระยะเวลาที่กำหนด

ล่าสุด มีรายงานว่า นายธนกฤต เจตกิตติโชค กรรมการ บ.ปาร์คกิ้ง เตรียมเดินทางเข้ายื่นศาลปกครอง วันนี้ เพื่อขอคุ้มครองฉุกเฉินในเรื่องดังกล่าว

ขอแทรกนะครับ

ผมว่าเรื่องนี้จะไปกันใหญ่ และกลายเป็นความเสียหายระดับประเทศไปแล้วครับ

เพราะความบกพร่องในหน้าที่ของกลุ่มผู้บริหารทอท.เองทั้งนั้นครับ…

ฉนั้นเมื่อเรื่องนี้…บ.ปาร์คกิ้งฯทั้งสอลฝ่ายเป็นผู้ยื่นฟ้องทอท. สหภาพทอท.ต้องออกมารักษาผลประโยชน์ให้ทอท. และพนักงานทุกคนด้วยการ ให้การฟ้องร้องเหล่านี้ ไปตกเป็นภาระแก่ผู้บริหารสายพัฒนาธุรกิจ และผู้บริหารทอท.ที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้ทั้งหมด ที่อยู่ในตำแหน่งณ.ช่วงเวลานั้นครับ..

ไม่ว่าจะเแป็น

1. นายเสรีรัตน์ ประสุตานนท์ ในฐานะกอญ.

2. นายนิรันดร์ ธีรนาถสิน ในฐานะกรรมการรายได้ และขอเอี่ยวทุกเรื่องของทอท.ที่เกี่ยวกับผลประโยชน์ รวมทั้งเป็นผู้ดำเนินการจัดการร่วมกับนายเสรีรัตน์มาทุกขั้นตอนในเรื่องนี้

3. นายนิตินัย ศิริสมรรถการ ในฐานะเป็นรองอำนวยการสายงานพัฒนาธุรกิจ ที่ต้องรับผิดชอบตรงทุกคนในสายงานนี้

4. นส.ศสิสุภา สุคนธทรัพย์ ในฐานะตำแหน่งผู้ช่วยสายงานพัฒนาธุรกิจ ที่ร่วมรับรู้ทุกนโยบายของทอท.มาทุกเรื่องจริงๆมาตลอด เพราะชอบแส่เรื่องผลประโยชน์ เวลาได้ก้จะเอาแบ่ง เวลาเสียควรช่วยควักจ่ายครับผม

5. นายศิโรตม์ ดวงรัตน์ ในฐานะผอ.ฝ่ายพัฒนาธุรกิจในขณะนั้น  วึ่งต้องร่วมรับรู้กันเป็นกลุี่มเพราะกลัวผลประโยชน์จะรั่วไหลไปที่พวกอื่น

6. นางสุภาภรณ์ บุรพกุศลศรี

โพสท์ใน categorized | ใส่ความเห็น