สัญญานรบครั้งสุดท้ายของ”ทักษิณ”


15/10/2553

หลังจากพยายาม “ทวงคืนอำนาจ” ที่ถูกคณะนายทหารยึดไปเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549 ทุกวิถีทาง ทั้ง “บนดิน” และ “ใต้ดิน” มาอย่างยาวนานถึง 4 ปี

แต่ก็ไม่มีทีท่าว่าจะได้ “อำนาจนั้นคืนมา” และไม่เพียงเท่านั้น นับวันสรรพกำลังที่ทุ่มเทลงไปก็เริ่มลดถอยลงไปเรื่อย ๆ โดยเฉพาะ “กองกำลังเสื้อแดง” ที่ครั้งหนึ่ง

ทักษิณ ชินวัตร เคยตั้งความหวังว่า “กองกำลังเสื้อแดง” จะเป็น “ทัพหน้า” ที่สามารถต่อกรกับกองทัพของรัฐบาลได้ เพราะได้ตัว ทั้งนายทหารประจำการและนายทหารนอกราชการทั้ง “ฝ่ายบู้” และ “ฝ่ายบุ้น” เข้ามาอยู่ในอาณัติเกือบ 100 นาย

ทักษิณ ชินวัตร กล้าลงทุนให้ นปช.ซึ่งเป็นแกนหลักของกลุ่มคนเสื้อแดง สร้างโรงเรียน นปช.ขึ้นในท้องที่ที่ตัวเองเคยมีอิทธิพลอยู่ เปิดสอนคนรากหญ้าทั้งทางด้านการเมือง การปกครอง และการใช้อาวุธ

ทักษิณ ชินวัตร ระดมทุนจากเพื่อนนักธุรกิจก่อการร้ายขึ้นในประเทศไทยด้วยความมั่นใจว่าต้องชนะและสามารถกลับสู่อำนาจได้อย่างสง่างาม

ขณะเดียวกัน ทักษิณ ชินวัตร ก็สร้างข่าวให้สังคมเห็นว่า เขาพร้อมที่จะวางมือจากการเมืองอย่างสิ้นเชิง(เพื่อให้ฝ่ายตรงข้ามตายใจ)

ทักษิณ ชินวัตร ประกาศหลายครั้งว่า เลิกเล่นการเมือง

และจะอุทิศตัวเองไปเป็นอาจารย์ในสถาบันการศึกษาของต่างชาติ แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่ปรากฎว่าไปสอนหนังสือที่ไหน

ทักษิณ ชินวัตร ประกาศตัวว่า จะอุทิศตัวเองเพื่อสังคมด้วยการ ตั้งมูลนิธิสร้างอนาคตเพื่อชีวิตที่ดีกว่า หรือ Building a Better Future Foundation มีเว็และทำเว็บไซต์ชื่อ http://www.buildingbetterfuture.org โดยทักษิณนั่งเป็นประธานมูลนิธิด้วยตัวเอง แต่ก็ไม่มีความคืบหน้าในเรื่องนี้

ทักษิณ ชินวัตร ประกาศให้คนเสื้อแดงที่ร่วมชุมนุมต่างกรรมต่างวาระว่า จะไปลงทุนในประเทศต่าง ๆ มีทั้งทำเหมืองเพชร เหมืองทอง หรือแม้กระทั่งลงทุนซื้อเกาะทั้งเกาะ ฯลฯ

แต่ทั้งหลายทั้งปวงนั้น ทักษิณ ทำไปเพื่อให้มีแผ่นดินเหยียบอย่างถูกต้อง ป้องกันไม่ให้บางประเทศส่งตัวทักษิณกลับไปในฐานะผุ้ร้ายข้ามแดน

ขณะเดียวกัน ทักษิณ ชินวัตร ก็พยายามสร้างภาพเรียกร้องให้เกิดความปรองดองของคนในชาติ ทั้ง ๆ ที่ในความเป็นจริงนั้น ทักษิณ ชินวัตร สนับสนุนคนเสื้อแดงให้เปิดเกมรุกรัฐบาลในทุกรูปแบบ

ทักษิณ ชินวัตร พยายาม “ผูกใจ” คนที่ห่างไกลปืนเที่ยงด้วยการให้คำมั่นสัญญาว่าจะกลับมาช่วยเหลือทุกคน เช่น สัญญาว่าจะกลับมารับใช้ชาติ เพราะอายุ 60 ปียังทำอะไรได้อีกมาก

ทักษิณ ชินวัตร เรียกร้องความสงสารและเห็นใจจากชาวบ้านว่าคิดถึงบ้านมาก อยากกลับมาบ้านเหลือเกิน ไม่อยากตายอยู่ในทะเลทราย ฯลฯ   ทักษิณ ชินวัตร กล้าแม้จะโกหกชาวบ้านว่า หากได้กลับมาจะไปปลูกบ้านอยู่กับชาวบ้าน ให้ทุนแก่เยาวชน และสร้าง ทีวี.ดาวเทียม 100 ช่องเพื่อสนับสนุนประเทศไทยไปสู่สากล

แต่จนแล้วจนรอดสิ่งที่ ทักษิณ ชินวัตร เป็นเพียงวิมานในอากาศทั้งสิ้น

วันนี้ ทักษิณ ชินวัตร ที่เคยประกาศต่อหน้าคนเสื้อแดงว่าจะเลิกเล่นการเมือง ก็ “ตระบัดสัตย์เล่นการเมือง”

เขาส่งภาพและเสียงมายังการประชุมพรรคเพื่อไทย เครื่องมือทางการเมืองของตัวเอง

ทักษิณ ชินวัตร ใช้เวลา 1 ชั่วโมงครึ่ง “อบรม-สั่งสอน”หัวหงอก – หัวดำ ทั้งพลเรือนและคนในเครื่องแบบที่นั่งอยู่ในห้องประชุมของพรรคเพื่อไทย

ราวกับ ทักษิณ ชินวัตร เป็น “หัวหน้าพรรคเพื่อไทย”

ทั้ง ๆ ที่ ทักษิณ ชินวัตร เป็นนักโทษหนีคดีอาญา และถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองเป็นเวลา 5 ปี

ผมไม่สนใจหรอกว่า ทักษิณ ชินวัตร ใช้วาทะหลอกล่อหัวหงอก-หัวดำ ทั้งพลเรือนและคนในเครื่องแบบด้วยเรื่องอะไรบ้าง

เพราะเชื่อว่า สื่อมวลชนแขนงต่าง ๆ และนักข่าวอาสาของ OKNATION คงรายงานรายละเอียดให้ทราบแล้ว

แต่ผมอยากตั้งข้อสังเกตว่า

การตระบัดสัตย์จากที่ว่า “จะไม่เล่นการเมือง” ด้วยการลงมาบัญชาการเลือกตั้งให้แก่พรรคเพื่อไทยด้วยตัวเองของทักษิณ ชินวัตร ชนิดที่ไม่เกรงใจ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ในครั้งนี้ น่ากลัวครับ

เพราะนี่คือ “เพลงดาบสุดท้าย” ในการทวงคืนอำนาจของทักษิณ ชินวัตร อย่างแท้จริง

วันนี้ กลุ่มคนเสื้อแดงที่เขาฟุมฟักให้เป็นกองกำลังส่วนตัว ถูก “ตีแตก-พ่ายยับ”

นักรบ “ปากกล้า” หลายคนที่เคยอวดศักดาเดชบนเวทีราชประสงค์หากไม่ถูกจับกุมคุมขัง ก็หนีเตลิดหัวซุกหัวซุน เหมือนหมาถูกน้ำร้อนลวก

ที่เหลืออยู่เห็น ๆ นอกจากอัปลักษณ์ กักขฬะ ต่ำทราม จนผู้คนในสังคมส่ายหน้า รับไม่ได้แล้ว

วันนี้ ยังถูก “สาวไส้” เน่า ๆ ออกมาประจานว่า “เอาแต่ได้” – “เห็นแก่ตัว” – “โกงเพื่อน” – “เอาตัวรอด” ฯลฯ แต่ก็คงจะไปไม่รอดสักวันหนึ่ง

การหันมาใช้ พรรคเพื่อไทย ซึ่ง “เครื่องมือ” ชิ้นสุดท้ายที่เหลืออยู่ จึงถูกต้อง

นี่คือ สัญญาณอันตรายต่อสังคมไทยและประเทศไทย ว่า ทักษิณ ชินวัตร “เอาจริง”

เขาพร้อมที่จะ “ทำทุกอย่าง” ให้พรรคเพื่อไทยได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งทั่วไปที่จะเกิดในปีหน้า

เขาจึงกล้ากำหนดว่า ใคร ? จะเป็น “หุ่นหัวหน้าพรรค” ที่เขาสามารถเชิดได้…

เขาจะกำหนดนโยบายการหาเสียงด้วยตัวเอง

เขากล้าประกาศค่าแรงขั้นต่ำล่อใจผู้ใช้แรงงานว่า ถ้าพรรคเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาลจะจ่ายค่าแรงขั้นต่ำวันละ 300 บาท

เขากล้าประกาศว่าจะรับผู้จบปริญญาตรีเข้าทำงานในอัตราเงินเดือน ๆ ละ 15,000 บาท

เขากล้าประกาศว่าจะรับจำนำข้าวเปลือกที่ 15,000 บาทต่อเกวียน ฯลฯ

ไม่ว่าทุกอย่างจะเป็นไปได้หรือไม่ก็ตาม… แต่เขาต้องการให้ทุกคนในประเทศไทย “เชื่อเขา”

ผมเขียนเรื่องนี้ด้วยความเป็นห่วงครับ

ห่วงว่า หากมีการเลือกตั้งทั่วไปจริง (หากมีนะครับ-ฮา) แล้วถ้าพรรคเพื่อไทยของทักษิณ ชินวัตร แพ้ยับเยิน จะด้วยสาเหตุใดก็ตาม

ผมหวั่นใจอยู่ 2 อย่างคือ ประเทศไทยจะกลายเป็นทะเลเพลิงเพราะน้ำมือทักษิณ ชินวัตร ?

หรือ ทักษิณ ชินวัตร ฆ่าตัวตายหนีอาย ที่มีเงินแต่ทำอะไรไม่ได้ ?

 

 

โพสท์ใน categorized | ใส่ความเห็น

EP.787..ผู้บริหารทอท.อ่านเรื่องนี้หลายๆเที่ยวนะครับ..!


ป.ป.ช.จ่อเชือด“เนวิน แอนด์ เดอะแก๊งค์”ฮั้วคดีเซ็นทรัลแล็บ

11/10/2553

เนวิน ชิดชอบ อดีตรมช.กระทรวงเกษตรและสหกรณ์

ASTVผู้จัดการ – ป.ป.ช.ได้ฤกษ์พิจารณาคดีเซ็นทรัลแล็บหลังใช้เวลาสอบพยานเพิ่มนานร่วม 2 ปีกว่า ลงความเห็นมีการสมยอมราคาชัด ทั้งเจ้าหน้าที่รัฐและเอกชนร่วมกระทำความผิด ลุ้นระทึก “เนวิน แอนด์ เดอะแก๊งค์” ถูกเชือดพร้อมกับคนในตระกูล “ชาญวีรกูล” ถุงเงินพรรคภูมิใจไทย

ในที่สุด คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ซึ่งประชุมพิจารณาคดีทุจริตโครงการจัดซื้อเครื่องมือ อุปกรณ์วิทยาศาสตร์ของบริษัทห้องปฏิบัติการกลางตรวจสอบผลิตภัณฑ์สินค้าการเกษตรและอาหาร จำกัด (เซ็นทรัลแล็บ) เมื่อวันที่ 7 ต.ค. 53 ก็ได้ลงความเห็นว่าคดีดังกล่าวมีการสมยอมราคา หรือ “ฮั้ว” กันชัดเจน โดยมีเจ้าหน้าที่รัฐกระทำความผิดร่วมกับเอกชน แต่ยังมีบางประเด็นที่ต้องสอบปากคำเพิ่มเติมจึงส่งสำนวนให้อนุกรรมการไต่สวนข้อเท็จจริงสรุปเรื่องทั้งหมดก่อนเสนอให้ที่ประชุมคณะกรรมการป.ป.ช.วินิจฉัยอีกครั้ง

คดีทุจริตเซ็นทรัลแล็บ ถือเป็นอีกคดีที่นายเนวิน ชิดชอบ และพวก ถูกตั้งข้อกล่าวหาว่ากระทำความผิดจากคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อรัฐ (คตส.) ซึ่งคตส.ได้ส่งสำนวนคดีดังกล่าวมาให้คณะกรรมการป.ป.ช.ดำเนินการต่อเมื่อเดือนมิ.ย. 51 หลัง คตส.หมดวาระลง และคณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้ตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนคดีขึ้นมาใหม่ โดยมี เมธี ครองแก้ว กรรมการ ป.ป.ช. เป็นประธาน

หากย้อนกลับไปพลิกสำนวนคดีนี้ คตส. ได้สรุปผลสอบและตั้งข้อกล่าวหาผู้ร่วมกระทำความผิด ดังนี้

1) การกำหนดนโยบายเพื่อจัดตั้งบริษัทห้องปฏิบัติการกลาง พบว่า เรื่องที่เสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรีครั้งแรกเป็นการดำเนินงานในลักษณะองค์กรมหาชน

แต่ต่อมาผู้รับผิดชอบโครงการเปลี่ยนแปลงรูปแบบเป็นลักษณะบริษัทจำกัด เพื่อไม่ต้องปฏิบัติตามกฎหมายและข้อบังคับที่หน่วยงานต้องถือปฏิบัติ ทำให้การดำเนินงานในรูปบริษัททำได้ง่ายขึ้น เช่น การเลือกบุคคลเข้ามาเป็นคณะกรรมการ การใช้จ่ายเงิน การออกกฎระเบียบของบริษัท

เวลานั้นในที่ประชุมครม. มีหลายหน่วยงานท้วงติงและให้กลับไปพิจารณาทบทวนใหม่เพราะอาจไปซ้ำซ้อนกับหน่วยงานอื่นที่รับตรวจสารตกค้างในสินค้าเกษตรอยู่แล้ว และเงินที่นำไปจัดตั้งและการดำเนินการต่างๆ ของบริษัทก็เป็นเงินของรัฐ ก็ควรยึดกฎระเบียบของรัฐเป็นสำคัญ

อย่างไรก็ตาม หลังนำเรื่องเข้าที่ประชุมครม.ก็มีการจัดตั้งบริษัท และปรากฏว่า นายเนวิน ชิดชอบ รมช.เกษตรฯ ขณะนั้น เข้าไปนั่งเป็นประธานเพื่อกำหนดนโยบายและสั่งการให้การดำเนินงานทั้งหมดของบริษัทห้องปฏิบัติการฯ เป็นไปตามความต้องการของตนเอง

คณะกรรมการ คตส. ชี้ว่า การจัดตั้งหน่วยงานนี้ในรูปบริษัทจำกัดเป็นการกระทำที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ 2540 มาตรา 87 ที่ไม่ให้รัฐค้าขายแข่งขันกับเอกชน ไม่สอดคล้องกับภารกิจของกระทรวงการคลัง ตาม พ.ร.บ.ปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม พ.ศ. 2545 มาตรา 10 และ พ.ร.บ.ส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลาง และขนาดย่อม พ.ศ. 2543

2) การก่อตั้งบริษัทไม่ได้ศึกษาความคุ้มทุนเพราะเมื่อ คตส. เข้าไปตรวจสอบ พบว่า การดำเนินไม่ประสบผลสำเร็จ มีลูกค้าน้อย เพราะสินค้าที่ผ่านการรับรองจากบริษัทห้องปฏิบัติการกลางฯ แล้ว แต่ผลการรับรองก็ต้องไปผ่านการพิจารณาจากห้องปฏิบัติการของหน่วยราชการอีก ซ้ำราคาค่าตรวจจากห้องปฏิบัติของภาครัฐต่ำกว่าอีกด้วย

นอกจากนั้น ยังพบการจัดซื้อเครื่องมือและอุปกรณ์วิทยาศาสตร์ในราคาแพงแต่ใช้งานไม่คุ้มค่า บางสาขาไม่ได้ใช้ บางสาขาพื้นที่อยู่ในจังหวัดห่างไกลจากทะเล ไม่มีลูกค้าตรวจสอบอาหารทะเลแต่กลับซื้อเครื่องมือที่ใช้ตรวจสอบอาหารทะเลเพราะจัดซื้อเครื่องมือเหมือนกันทุกสาขา

3) สถานะของบริษัทห้องปฏิบัติการกลาง ฯ มีสถานะเป็นหน่วยงานของรัฐประเภทรัฐวิสาหกิจไม่ใช่บริษัทจำกัด ตาม พ.ร.บ.ต่าง ๆ เช่น พ.ร.บ.พนักงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ พ.ศ. 2534 มาตรา 4 พ.ร.บ.คุณสมบัติมาตรฐานสำหรับกรรมการ และพนักงานรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. 2518 มาตรา 4 และพ.ร.บ.พัฒนาการเศรษฐกิจ และสังคมแห่งชาติ พ.ศ. 2521 มาตรา 4

4) การดำเนินการจัดซื้อวัสดุอุปกรณ์ของบริษัทห้องปฏิบัติการกลาง ฯ นั้นมีการกระทำผิดกฎหมาย ตั้งแต่การกำหนดคุณลักษณะเฉพาะและราคากลางของเครื่องมือ และอุปกรณ์ทางวิทยาศาสตร์ของบริษัทห้องปฏิบัติการกลาง ฯ เพื่อนำไปใช้ในการประกวดราคา มีลักษณะเป็นการให้ประโยชน์กับบริษัทเอกชนบางราย และกีดกันบริษัทอื่น ๆ มีความผิดปกติในการดำเนินการในการประกวดราคา

เช่น การจัดซื้อเครื่องมือ และอุปกรณ์วิทยาศาสตร์ พบว่า มีความผิดปกติ เช่น การประมูลจัดซื้อ มีบริษัทเอกชนบางราย ใช้แหล่งเงินในการออกหนังสือค้ำประกันธนาคารแห่งเดียวกัน บุคคลที่ดำเนินการเป็นคนเดียวกัน

รวมทั้งบริษัทที่เข้าประมูลหลายแห่งได้รับใบอนุญาตให้เป็นตัวแทนการขายเครื่องมือ จากบริษัทจำหน่ายเครื่องมือรายใหญ่รายหนึ่ง ถือเป็นการกีดกันผู้เสนอราคารายอื่น และกรรมการรายหนึ่งที่ทำหน้าที่กำหนดคุณลักษณะเครื่องมือ มีความสัมพันธ์ทางครอบครัวกับผู้บริหารระดับสูงในบริษัทขายเครื่องมือรายหนึ่งด้วย

นอกจากนั้น เครื่องมือที่จัดซื้อก็มีราคาสูงมากกว่าความเป็นจริง เพราะกระบวนการซื้อขายเครื่องมือของเอกชนเป็นลักษณะการซื้อเครื่องมือมาเป็นทอดๆ เช่น กิจการร่วมค้าบริษัทสิทธิพร ฯ ซึ่งเป็นผู้ประมูลการจัดหาเครื่องมือทาง วิทยาศาสตร์ไม่ได้จัดซื้อเครื่องมือจากบริษัทผู้ผลิต เช่น บริษัทเอจิเลนต์ ฯ โดยตรง แต่ได้ให้บริษัทเอกชนอื่น เช่น บริษัท เอส. ดับเบี้ลยู. เอ็น. คอมพิวเทค จำกัด (ซี่งไม่มีประสบการณ์ในการประกอบธุรกิจประเภทการค้าเครื่องมือทางวิทยาศาสตร์ มาก่อน และภายหลังเลิกกิจการไปหลังจากการซื้อขายสินค้าครั้งนี้) ดำเนินการซื้อจากบริษัทเหล่านั้น และนำมาขายกับกิจการร่วมค้าบริษัทสิทธิพร

อีกทั้งยังมีบางบริษัทเป็นผู้ดำเนินการในลักษณะตัวแทนจำหน่ายสินค้าให้กับบริษัทผู้ผลิตสินค้า เช่น บริษัทเวิลด์สยาม กรุ๊ป จำกัด เป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้าของบริษัทเอจิเลนต์ฯ

ทั้งนี้ บริษัทต่าง ๆ ดังกล่าวนั้นมีความเกี่ยวพันใกล้ชิดกันในการประกอบธุรกิจกับโครงการต่าง ๆ ของกระทรวงเกษตรฯ โดยจากการตรวจสอบเส้นทางการเงิน ที่โอนไปจากกิจการร่วมค้าบริษัทสิทธิพร ฯ ที่ได้เงินไปจากบริษัทห้องปฏิบัติการกลาง ฯ พบว่า บริษัทเหล่านี้ ได้เคยเข้าร่วมประมูลงานข้อมูลในโครงการอื่นของกระทรวงเกษตร และสหกรณ์ 3 โครงการ ที่เกี่ยวเนื่องมาแล้ว ชี้ให้เห็นว่าบริษัทเอกชนเหล่านี้ มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกัน

จากการซื้อขายสินค้ากันหลายทอดดังกล่าว ทำให้ราคาสินค้าสูงขึ้น มากกว่าที่ควรจะเป็นโดยมีส่วนต่างประมาณ 343 ล้านบาท อันทำให้บริษัทห้องปฏิบัติการกลาง ฯ เสียประโยชน์จากการจัดซื้อวัสดุอุปกรณ์ของบริษัทดังกล่าว

ที่สำคัญ เงินที่ได้รับไปจากบริษัทห้องปฏิบัติการกลาง ฯ ถูกสั่งจ่ายเป็นเช็คมากกว่าหลายร้อยใบ ไปให้บุคคล และบริษัทเอกชนที่เกี่ยวข้องจำนวนมาก ก่อนที่เงินจำนวนนี้จะถูกถอน เป็นเงินสด และหายไปโดยไม่สามารถติดตามได้ และมีเงินจากบริษัทห้องปฏิบัติการกลาง ฯ บางส่วนโอนข้าไปในบัญชีของกลุ่มนักเล่นหุ้นกลุ่มหนึ่งด้วย

ผลการตรวจสอบของ คตส. ได้ชี้มูลความผิดบุคคลที่เกี่ยวข้องกว่า 53 คน ประกอบด้วย

1.กลุ่มนักการเมือง คือนายเนวิน ชิดชอบ รมช.เกษตร และสหกรณ์ ขณะนั้น โดยใช้อำนาจสั่งการ และชี้นำในการดำเนินการโครงการดังกล่าว มีความผิดตาม มาตรา 10,11,13 พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 ประกอบมาตรา 84 ประมวลกฎหมายอาญา และมาตรา 66 แห่งพ.ร.บ. ป.ป.ช.

2.คณะกรรมการบริหาร กรรมการผู้จัดการ คณะกรมการบริษัท คณะทำงานด้านเทคนิคสถานที่ และอุปกรณ์ และคณะทำงานพิจารณาด้านเทคนิคอุปกรณ์ ของ บริษัท เซ็นทรัลแล็บ ได้ร่วมกันกำหนดคุณสมบัติหรือล็อกสเปกในลักษณะเจาะจง และมีคณะกรรมการบางคนมีส่วนได้เสียกับการดำเนินการครั้งนี้ มีความผิด ตามมาตรา 11 พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2542 หรือ พ.ร.บ.ฮั้ว ประกอบมาตรา 151 แห่งประมวลกฎหมายอาญา และมาตรา 8 แห่งพ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์กรหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2502

ทั้งนี้ ในส่วนของการประกวดราคาที่ไม่ชอบ เห็นควรดำเนินการกับกรรมการผู้จัดการ และคณะกรรมการบริหาร ตามมาตรา 11 และ 12 แห่งพ.ร.บ.ฮั้ว มาตรา 157 แห่งประมวลกฎหมายาญา และมาตรา 8 พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดต่อพนักงานของรัฐฯ พ.ศ.2502

3.กลุ่มบริษัทเอกชน รวมกันฮั้วในการเสนอราคามีความผิดตามาตรา 4 ,9 แห่ง พ.ร.บ.อั้ว และมาตรา 341 แห่งประมวลกฎหมายอาญา

และกลุ่มที่ 4 บุคคล และนิติบุคคล ที่ร่วมกันในการสมยอมราคา และฉ้อโกงรัฐ ทำให้รัฐเสียหายมีความผิด ตามมาตรา 5 ,9 แห่ง พ.ร.บ.ฟอกเงิน พ.ศ. 2542 ซึ่งต้องรับโทษตามมาตรา 60,61 ตาม พ.ร.บ.ดังกล่าว และมีความผิดฐานรับของโจร ตามมาตรา 357 แห่งประมวลกฎหมายอาญา

นอกจากการกล่าวหาของ คตส.แล้วจะมีการส่งเรื่องไปยัง ป.ป.ง. และดีเอสไอ เพื่อสอบประเด็นการฟอกเงินด้วย

ทั้งนี้ เมื่อตรวจสอบรายชื่อ 53 ผู้ถูกกล่าวหาในคดีเซ็นทรัลแล็บ จะพบรายชื่อบุคคลถูกกล่าวหาในคดีกล้ายางซึ่งศาลยกฟ้องไปแล้ว เช่น เนวิน ชิดชอบ รมช.กระทรวงเกษตรฯ และกลุ่มข้าราชการกรมวิชาการเกษตร เช่น ฉกรรจ์ แสงรักษาวงส์ อดีตอธิบดีกรมวิชาการเกษตร, นาย สมชาย ชาญณรงค์กุล และ นายจิรากร โกศัยเสวี เป็นต้น

ส่วนบริษัทเอกชนขาใหญ่ที่ตกเป็นผู้ถูกกล่าวหา คือ บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด ที่มี นางทัศนีย์ ชาญวีรกูล หรือ นายวัลลภ รุ่งกิจวรเสถียร หรือ นายมาศถวิน ชาญวีรกูล หรือนายวรพันธ์ ช้อนทอง หรือ นางสนอง ชาญวีรกูล กรรมการผู้มีอำนาจกระทำแทนในปัจจุบัน นายอนุทิน ชาญวีรกูล อดีต รมช.สาธารณสุข ในฐานะกรรมการผู้มีอำนาจในขณะเกิดเหตุ ที่มอบอำนาจให้ นายประเสริฐ คงเคารพธรรม เป็นผู้เสนอราคา

ในสำนวนการตรวจสอบของคณะอนุกรรมการ คตส. ยังพบข้อมูลว่า คณะกรรมการที่พิจารณาข้อมูลเรื่องอุปกรณ์วิทยาศาสตร์ หรือกำหนดสเปกค มีความสัมพันธ์ เป็นสามีภรรยา กับบุคคลที่อยู่ในบริษัทจำหน่ายเครื่องมืออุปกรณ์วิทยาศาสตร์รายหนึ่ง ที่เข้ามาเกี่ยวข้องกับโครงการเซ็นทรัลแล็บด้วย โดยรายแรก เป็นภรรยาของผู้บริหารระดับสูงในบริษัท ส่วนรายที่สอง เป็นภรรยาของข้าราชการคนหนึ่งในหน่วยงานของกระทรวงเกษตรฯ และทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาบริษัทแห่งนี้

ผลสอบของ คตส.ข้างต้นเป็นฐานให้คณะอนุกรรมการ ป.ป.ช. นำไปสอบพยานเพิ่มเติมอีกนับร้อยปาก เพื่อให้สำนวนรัดกุม มัดกลุ่มผู้ร่วมกระทำความผิดให้ดิ้นไม่หลุด ก่อนที่จะส่งให้อัยการสูงสุด พิจารณาสั่งฟ้องคดีต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ต่อไป

โพสท์ใน categorized | ใส่ความเห็น

EP.786…รึจะเอา”ถ่านร้อนๆ”…เผาสมบัติตนเอง..!


11/10/2553

ผมจะบอกให้นะคร้าบ….

ถ้าท่านปลัดสุพจน์   ท่านรมต.โสภณ  และบอร์ดทอท….จะฝืนกระแสสังคมที่มีต่อเรื่องทุจริตอาคารจอดรถครั้งนี้…

ท่านเหลือบๆมองการเมืองด้วยนะคร้าบ….“ขึ้นลง” เป็นสัจธรรม…

วันนี้ท่านยัง “ขึ้น” อยู่….ฝืนอะไรไว้ ถึงจะ โค-ตะ-ระ น่าเกลียดท่านอาจไม่แคร์…

พรุ่งนี้..อาจไม่ใช่อย่างวันนี้…ที่เคย “ฝืน” ไว้อย่าให้มันกลับมาหลอกหลอนนะครับ…

ด้วยความเคารพ…เราจะรอนะครับ…ไม่นานหรอกครับ….

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า….อย่าเอามือปิดฟ้า…

อย่าเอาถ่านร้อนๆมาเผาสมบัติตนเอง(ที่โกงมา)!……55555!

โพสท์ใน categorized | ใส่ความเห็น

EP.785..อยากดันทุรัง..ระวังจะ”เสียหมดตัว”!


11/10/2553

ขอแทรกก่อนนะครับ..

ผมจะกระซิบอะไรให้นะครับท่านปลัด..สุพจน์….

เรื่องนี้ต้อง “จัดการ” ให้ดี และถ้าพวกท่านยังคิดจะเบี่ยงเบนด้วยการหาข้ออ้าง

เพื่อคงไว้ซึ่งสถานะของผู้บริหารทอท.กลุ่มนี้ละก็…อย่าหาว่าผมไม่เตือนท่านๆนะครับ…

อะไรๆที่พวกท่านๆพยายามสร้างภาพไว้ หรือ คำพูดใดๆที่ท่านๆพูดไว้…

จะใช้เป็น “หลักฐาน” ได้นะคร้าบ….

เรื่องนี้ยิ่งใหญ่เกินจะ”กระเตง”ไว้อีกต่อไป…ไม่เชื่อคอยดู..นะครับ…

เดินผิดนิดเดียว…เสียหายยาว…ครับ…(หมายถึงพวกท่านๆแหละครับ…555555)

จาก นายวาซาบิ ครับผม

ปลัดกระทรวงคมนาคม เรียก ทอท.แจงเหตุทุจริตสัมปทานลานจอดรถสนามบินสุวรรณภูมิ ล่าสุด บอร์ดทอท.เรียกประชุมด่วน 13.30 น. มติยกเลิกสัญญาสัมปทาน…

11 ต.ค. นายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม ปลัดกระทรวงคมนาคม ในฐานะประธานคณะกรรมการตรวจสอบการใช้พื้นที่ๆ เกี่ยวข้องระบบการคมนาคมขนส่งในสนามบินสุวรรณภูมิ เปิดเผยถึงแนวทางในการแก้ไขปัญหาข้อขัดแย้งลานจอดและอาคารจอดรถบริเวณสนามบินสุวรรณภูมิ ว่า ในส่วนของกระทรวงคมนาคมคงไม่สามารถสอบสวนหาข้อเท็จจริง และเอาผิดกับผู้ที่เกี่ยวข้องได้ เพียงแต่มีหน้าที่ในการรวบรวมสรุปข้อเท็จจริงทั้งหมดที่เกิดขึ้น และส่งไปให้บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือทอท. เนื่องจากผลกระทบที่เกิดขึ้น ได้ส่งผลต่อประชาชนที่มาใช้บริการสนามบินสุวรรณภูมิ

โดยในช่วงบ่าย กระทรวงคมนาคมจะเรียกผู้บริหารทอท. และคณะกรรมการทั้ง 3 ชุด ประกอบด้วยคณะกรรมการพิจารณารายได้ คณะกรรมการจัดทำร่างทีโออาร์ และคณะกรรมการพิจารณาผลการประกวดราคา มาสอบถามข้อเท็จจริง รวมถึงนายเสรีรัตน์ ประสุตานนท์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ทอท. ในฐานะประธานคณะกรรมการพิจารณารายได้ มาสอบถามและชี้แจงข้อสงสัยของคณะกรรมการ ที่ผู้บริหารทอท.ไม่สามารถชี้แจงได้ โดยคณะกรรมการตรวจสอบการใช้พื้นที่ จะสอบสวนปัญหาที่เกิดขึ้นว่าเกิดอะไร มีสาเหตุมาจากไหน และข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร ผิดพลาดตรงไหน โดยเฉพาะในประเด็นเหตุผลที่ทอท.ต้องเปิดให้มีการสัมปทานบริหารอาคารจอดรถ จากเดิมที่ทอท.มีแผนจะเข้าบริหารเอง และมีการนำระบบจัดเก็บค่าที่จอดรถอัตโนมัติมาใช้ เงื่อนไขการประกวดราคาที่กำหนดทำให้ทอท.บริหารสัญญาได้อย่างมีประสิทธิภาพหรือไม่ และการพิจารณาผลการประกวดราคาใช้หลักเกณฑ์อะไร ทำให้ทอท.เสียหายหรือไม่ และทำไมถึงเกิดปัญหาขึ้น และประเด็นสำคัญคือ โครงการดังกล่าวมีมูลค่าโครงการเกิน 1,000 ล้านบาทหรือไม่ เพราะถ้าเกิน 1,000 ล้านบาท จะต้องเข้าพ.ร.บ.ร่วมทุน ปี 2535 และถ้าเป็นเช่นนั้นก็ถือว่าการทำสัญญาดังกล่าวเป็นโมฆะ และเป็นการดำเนินการโดยผิดกฎหมาย และต้องหาตัวผู้รับผิดชอบความเสียหายที่เกิดขึ้น

ด้านนายสุพจน์ กล่าวว่า ทอท.จะต้องเร่งแก้ปัญหาการบริหารจัดการอาคารจอดรถในช่วงสูญญากาศ หลังจากพบว่าผู้โดยสารเกิดความสับสนเรื่องการจัดเก็บค่าบริการลานจอดในช่วงนี้ ดังนั้นทอท.ต้องทำแผนบริหารอาคารจอดรถสนามบินสุวรรณภูมิให้ชัดเจน เพื่อแก้ปัญหาดังกล่าว ทั้งนี้ที่ผ่านมาตั้งแต่เกิดปัญหา ทางกระทรวงคมนาคมยังไม่ได้รับรายงานเป็นลายลักษณ์อักษรใดๆ จากทอท.เลย และในวันพรุ่งนี้จะเรียกผู้บริหาร บริษัท ปาร์คกิ้งแมเนจเม้นต์ จำกัด เข้ามารายงานเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะเรื่องการจัดเก็บค่าจอดรถ แต่ไม่ได้ส่งรายได้ให้ทอท. ทั้งที่ในสัญญาระบุให้บริษัทต้องส่งเงินให้ทอท.ล่วงหน้า 1 เดือน

นอกจากนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า นายปิยะพันธ์ จัมปาสุต ในฐานะประธานบอร์ดทอท. ได้เรียกประชุมบอร์ดทอท.ด่วน ในเวลา 13.30 น. โดยมีวาระด่วน เพื่อมีมติยกเลิกสัญญาสัมปทาน การให้บริการจัดเก็บค่าจอดรถ บริเวณลานจอด และ อาคารจอดรถ หน้าอาคารที่พักผู้โดยสารสนามบินสุวรรณภูมิ

โพสท์ใน categorized | ใส่ความเห็น

EP.784…ต้อง”ลาออกก่อน..”สถานเดียวครับผม…!


“การเป็นขุนนางแค่เงยหน้าไม่อายฟ้า ก้มหน้าไม่อายคน เท่านี้ก็พอแล้ว ไยต้องกังวลอะไรมากมาย”

 

มหกรรม “งาบ- โกง-เขมือบ” ที่ “สุวรรณภูมิ”ยังมีอีกอื้อซ่า!
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 11 ตุลาคม 2553 00:00 น.
คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น

เสรีรัตน์ ประสุตานนท์

ผ่าประเด็นร้อน

บรรดาแกนนำ-อดีตรัฐมนตรีคมนาคมของพรรคภูมิใจไทย ทั้งโสภณ ซารัมย์ รมว.คมนาคม-ทรงศักดิ์ ทองศรี อดีตรมช.คมนาคม รีบปฏิเสธพัลวันว่า

ไม่ได้ส่วนเกี่ยวข้องในการรับผลประโยชน์ธุรกิจสัมปทานลานจอดรถสนามบินสุวรรณภูมิ หน้าอาคารผู้โดยสารเอ และบี พื้นที่ 1.6 แสนตารางเมตร หลังจากมีหนังสือร้องเรียนจากผู้บริหารบริษัท ปาร์คกิ้งแมนเนจเม้นท์ จำกัด ผู้ได้รับสัมปทานดังกล่าว ที่ล่าสุดถูกบริษัทท่าอากาศยานไทย (ทอท.) บอกเลิกสัญญา

ที่ระบุว่า มีนักการเมืองที่เกี่ยวข้องกับโครงการรถเมล์เอ็นจีวี 4 พันคัน และการแต่งตั้งปลัดกระทรวงมหาดไทยข้ามหัวข้าราชการคนอื่น มีเอี่ยวด้วยกับการทำสัญญาที่ไม่ปกติ

เพราะก่อนหน้าการประมูลและร่วมทุนของบริษัทเพื่อเข้าทำธุรกิจ ได้มีนักการเมืองนำโครงการไปเร่ขาย ในเงื่อนไขให้แบ่งผลประโยชน์ 75 % และ 25 %

ท่ามกลางกระแสข่าววิจารณ์กันไปทั่วในวงการธุรกิจประมูลงานภายในสนามบินสุวรรณภูมิว่า มีเงินทอนทำหล่นเรี่ยราดกันตั้งแต่ทางเข้ายันทางออกสนามบินสุวรรณภูมิเป็นตัวเลขสูงนับร้อยล้านบาท

ภาพชายฉกรรจ์นับร้อยคนพร้อมอาวุธครบมือ บุกเข้ายึดลานจอดรถสนามบินสุวรรณภูมิ สนามบินแห่งชาติของประเทศไทย เมื่อ 24 ก.ย. 53 เป็นการกระทำที่ไม่แตกต่างอะไรไปกับ “ผู้ก่อการร้าย” ซึ่งไม่เห็นตำรวจจะดำเนินคดีอะไร ทั้งที่สนามบินสุวรรณภูมิ อยู่ในพื้นที่จังหวัดสมุทรปราการ ที่มีการบังคับใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ

ทีกับกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยชุมนุมอย่างสงบ ปราศจากอาวุธ มีแต่การปราศรัยทางการเมืองสลับการร้องเพลง ที่ด้านนอกอาคารสนามบินสุวรรณภูมิ ตำรวจกลับตั้งข้อหาอุจฉกรรจ์ว่าเป็นผู้ก่อการร้าย

จากนั้นเมื่อเหตุการณ์คลี่คลาย จึงพบว่าเบื้องหลังเหตุการณ์ยึดลานจอดรถสนามบินสุวรรณภูมิ เกิดขึ้นจากการขัดแย้งผลประโยชน์ของกลุ่มธุรกิจ ผู้เข้าประมูลงานอาคารที่จอดรถสนามบิน โดยมีคนของทอท.-บริษัทเอกชน-คนมีสีทั้งทหาร ตำรวจ รวมถึงนักการเมืองบางกลุ่มเข้ามาเกี่ยวข้องเป็นขบวนการ

ถือเป็นเรื่องอื้อฉาวที่เกิดขึ้นบนการแสวงหาผลประโยชน์จากสนามบินสุวรรณภูมิ และบริษัททอท. ที่เกิดขึ้นซ้ำซากกับพฤติกรรมจ้อง“เขมือบ” ทุกอย่างที่ขวางหน้า จนเรียกได้ว่า

สนามบินสุวรรณภูมิ ขุดตรงไหน เจอทุจริตที่นั่น

อย่างเมื่อเร็วๆนี้ ก็มีกรณี เสรีรัตน์ ประสุตานนท์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ทอท. ที่ใช้อำนาจประธานคณะกรรมการพิจารณารายได้ ไปอนุมัติให้บริษัท แป้งร่ำ รีเทล จำกัด ได้งานสัมปทานลานจอดรถระยะยาว กว่า 62,000 ตารางเมตร อายุสัมปทาน 15 ปี ไปทำสุวรรณภูมิ สแควร์ ต่อมาบอร์ดทอท.มีมติให้ยกเลิกสัญญา เพราะเป็นการทำผิดระเบียบ ผลก็คือกรรมการพิจารณารายได้ชุดดังกล่าวหลายคนถูกโยกย้าย

ยกเว้น เสรีรัตน์ ที่แค่โดนปลดจากตำแหน่งประธานคณะกรรมการพิจารณารายได้ ของทอท. แต่กับตำแหน่งกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ทอท. กลับไม่โดนผลกระทบอะไร ทั้งที่เจ้าตัวยื่นใบลาออกแสดงความรับผิดชอบ

แต่บอร์ดทอท.ที่มี ปิยะพันธ์ จัมปาสุต ซึ่งผลักดันโครงการเช่ารถเมล์ 4 พันคันในฐานะประธานบอร์ดขสมก.ให้กับเนวิน ชิดชอบ เต็มที่ อีกหนึ่งตำแหน่ง กลับไม่อนุมัติใบลาออกให้ เสรีรัตน์

หรือเป็นเพราะ เสรีรัตน์ คือพี่ชายของ ศรีวิไล ประสุตานนท์ เมีย วีระ มุสิกพงศ์ อดีตประธาน นปช. ที่ระยะหลังมีข่าวลือในพรรคภูมิใจไทยว่า ต่อสายคุยกับเนวิน ชิดชอบ บ่อยครั้ง ถึงขั้นฝากฝังโยกย้ายผู้ว่าราชการจังหวัดคนหนึ่งในภาคใต้ ที่เป็นเพื่อนสนิทกับวีระ ตั้งแต่สมัยเล่นการเมืองใหม่ๆ ที่จังหวัดสงขลา และได้เป็นผู้ว่าฯไปเรียบร้อยโรงเรียนนปช. แล้วด้วย

รวมทั้ง ฝ่ายการเมืองในพรรคภูมิใจไทย คงพอใจผลงาน เสรีรัตน์ ที่พยายามเอาผิดพันธมิตรฯ มาตลอดในการปั้นข้อหาผู้ก่อการร้าย จึงทำให้เสรีรัตน์ ไม่เคยโดนผลกระทบอะไรเลยไม่ว่าการเมืองในกระทรวงคมนาคม-ทอท. จะเปลี่ยนไปกี่ขั้วต่อกี่ขั้ว

แค่เรื่องอื้อฉาวการเก็บเงินค่าที่จอดรถสนามบินสุวรรณภูมิ และกรณีสัมปทานบริษัทแป้งร่ำ ซึ่งจะเห็นได้ว่าเกิดขึ้นในเวลาไล่เลี่ยกัน แล้วอีกหลายเรื่องที่เป็นผลประโยชน์ในสนามบินแห่งนี้ซึ่งมีการหมกเม็ด ปิดเงียบ กลบเกลื่อน กันไว้ เชื่อได้ว่าต้องมีอีกมาก เพียงแต่ยังไม่โผล่ออกมาให้สังคมได้รับรู้

อันสะท้อนให้เห็นว่า การบริหารสนามบินสุวรรณภูมิ หากให้คะแนนในเรื่องความเป็นธรรมาภิบาล โปร่งใส ไร้ทุจริต แล้ว รับรองได้ว่า

สอบตกร้อยเปอร์เซ็นต์

ยิ่งตอนนี้กำลังจะมีการเดินหน้าก่อสร้าง“โครงการพัฒนาสนามบินสุวรรณภูมิ เฟส 2” มูลค่าโครงการ 6.2 หมื่นล้านบาท ระยะเวลาดำเนินการโครงการ 6 ปี (2554-2559) ก็ยิ่งต้องจับตามองให้ดีว่าจะมีการแสวงหาประโยชน์ในการประมูล จัดซื้อจัดจ้าง อะไรต่างๆ ในสุวรรณภูมิ เฟส 2 หรือไม่ เพราะดูแล้วมีช่องทางให้หากินได้มากมาย ไม่ว่าจะเป็นการว่าจ้างบริษัทวิศวกรที่ปรึกษา การประมูลผู้รับเหมาก่อสร้างรันเวย์ การติดตั้งอุปกรณ์ต่างๆ ภายในเช่นอุปกรณ์ตรวจวัตถุระเบิด

เพราะแค่สุวรรณภูมิ เฟส 1 กว่าจะสร้างเสร็จ เปิดดำเนินการได้ ก็ล่าช้าไปกว่าที่ควรจะเป็นหลายสิบปี เหตุผลก็เพราะมีการ ทุจริต หาผลประโยชน์จากเกือบทุกโครงการในสนามบินแห่งนี้

เอาแค่ที่เป็นข่าวหรือมีคดีความกัน แค่ไล่เรียงกันมาดูก็จะพบว่ามีมากมายจนจำไม่ไหว

อาทิ การประมูลหาผู้รับเหมาก่อสร้างโครงการที่มีข่าวในทางลบมาตลอดนับแต่เริ่มมีการเปิดให้ยื่นซองประกวดราคา , การว่าจ้างบริษัทถมทรายเพื่อสร้างรันเวย์สนามบิน ,การก่อสร้างงานที่ไม่ได้มาตรฐาน เพราะเร่งรีบและใช้วัสดุไม่ได้คุณภาพจนเกิดปัญหาตามมามากมายเมื่อสนามบินเปิดใช้บริการแท็กซี่เวย์ และรันเวย์ของสนามบินสุวรรณภูมิเกิดรอยร้าวเป็นบริเวณกว้างหลังเปิดใช้ได้ไม่นาน

ข่าวความผิดปกติในการติดตั้งท่อส่งเครื่องปรับอากาศแบบซีพีแอร์ และการติดตั้งระบบไฟฟ้าภายในสนามบิน 400 เฮิรตซ์และก่อสร้างอาคารที่พักผู้โดยสารที่ไม่ได้มาตรฐาน,การประมูลพื้นที่เชิงพาณิชย์ของสนามบินให้กับกลุ่มคิงส์เพาเวอร์ ของวิชัย รักศรีอักษร กลุ่มทุนใหญ่ของพรรคภูมิใจไทย เหล่านี้เป็นต้น

โดยมีหลายกรณีซึ่งมีคดีความอยู่ในชั้นการสอบสวนของป.ป.ช.ที่รับไม้ต่อมาจากคตส.เช่น โครงการออกแบบและปรับเปลี่ยนสายพานลำเลียงกระเป๋า และเครื่องตรวจวัตถุระเบิด หรือ ซีทีเอ็กซ์ 9000, โครงการก่อสร้างเครือข่ายท่อร้อยสายไฟภายในสนามบินสุวรรณภูมิรวมถึงโครงการแอร์พอร์ตลิงก์ ที่มีบริษัทชิโน-ไทย ของคนพรรคภูมิใจไทยเกี่ยวข้องด้วย

จึงเชื่อได้โดยสนิทใจว่า “งาบ-โกง-เขมือบ” สุวรรณภูมิ ยังมีอีกมากมาย ไม่จบแค่เรื่องผลประโยชน์ค่าที่จอดรถที่ถือว่ายังเป็นเงินที่จิ๊บจ้อย เมื่อเทียบกับผลประโยชน์ในส่วนอื่นๆ ที่คนจ้องตาเป็นมันในการรุมทึ้งสนามบินแห่งนี้ !

ขอแทรกนะครับ

นี่หากะไดพาดให้นายเสรีรัตน์”ลง” แล้วนะ ถ้าไม่รีบลงเที่ยวนี้ ท่าทางจะช่วยอะไรไม่ได้แล้ว..รีบตัดสินเร็ว! แม้เบื้องหลังการขอลาออกของนายเสรีรัตน์ จะเป็นเพียงการสร้างภาพว่า นายเสรีรัตน์ยอมรับผิดชอบ ทั้งที่รู้กันกับบอร์ดแล้วว่า ยังไงไก้ไม่ออก แม้ชีวีจะดับดิ้น็จะด้านอยู่โกงให้สิ้นแผ่นดินไทยก็ตาม..! แต่เราอภัยให้ เพราะดูจากสถานการณืแล้ว นายเสรีรัตน์มีเรื่องต้องเตรียมตัวหลายเรื่อง ถ้ายังมัวนั่งอยู่อย่างนี้…..เฮ้อ..ไม่อยากจะคิดครับ !

ส่วนที่สื่อรับรู้เพียงว่าผู้บริหารอย่างนายนิรันดร์ ถูกโยกไปนั่งสายงานภูมิภาค และให้พ้นจากกรรมการรายได้ของทอท. เพราะถูกลงโทษแล้วนั้น ต้องขอเรียนให้ทราบนะครับว่า “ถูกหลอก”กันครับ… เพราะล่าสุด นายนิรันดร์ ได้รับแต่งตั้งให้เป็นกรรมการรายได้ ทอท.เนื่องจากเกี่ยวข้องกับสายงานภูมิภาค จึง”ต้องเป็น” โดยตำแหน่งครับผม…

นี่ไงครับที่นายปิยะพันธ์วางแผนไว้ จำได้ไหมครับว่า ต้องให้นายนิรันดร์ ไปคุมดอนเมือง นั่นคือต้องไปอยู่ในตำแหน่งระดับ 10 ครับ (ถึงจะเรียกว่าถูกลงโทษจริง) แต่มาเปลี่ยนแปลงเป้นให้มาอยู่สายงานภูมิภาค เพื่อเข้าไปจัดการเครือข่ายทุจริตพวกเดียวกันในท่าต่างจังหวัดครับ อย่างนี้จึงไม่ใช่การลงโทษครับ..

และเนื่องจากเรื่องทุจริตปาร์คกิ้งฯทำความเสียหายให้ประเทศชาติมากมาย และทำให้ทอทงเสียผลประโยชน์อย่างเห้นชัดเจนมาก แม้เวลานี้จะใช้บทลงโทษอะไรก็ไม่เหมาะสมแล้ว นอกจาก ต้องมีคำสั่งให้ “ลาออกจากราชการไปก่อน จนกว่าจะมีข้อพิสูจน์ได้ว่าไม่มีความผิด” ครับผม..

เหตุที่ต้องใช้บทลงโทษนี้กับทีมผู้บริหารทอท.ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องทั้งหมด ทั้งในสายงานพัฒนาธุรกิจ และสายงานการเงินด้วยทั้งหมด ตั้งแต่ระดับ 8 ขึ้นมา เพราะถือว่าเป็นผู้บริหารที่รับทั้งนโยบาย และ นำมาปฏิบัติโดยตรงครับ เพราะจะทำให้”หลาบจำ” และช่วยลดจำนวนผู้กล้าในทอท.ที่อยากกระทำทุจริตทั้งหลายให้เหลือน้อยที่สุดนะครับ

การลงโทษในแบบอื่นๆ ที่ผ่านมาในทอท.ไม่ทำให้กลุ่มผู้บริหารทอทงเหล่านี้ หยุด…พฤติกรรมได้ ในเมื่อเพียงคดีชู้สาวกรณีนายตำรวจ ยังถึงต้องให้ออกจากราชการไว้ก่อน เพราะเกรงจะทำให้องค์กรเสียหายเสียภาพพจน์ไปมากกว่านี้ ยังทำมาแล้ว ทำไมกับกรณีที่ทอทงเสียหายไปแล้ว ประเทศชาติเสียชื่อไปแล้ว ความปลอดภัยกระทบไปแล้ว ยิ่ง”สมควรที่สุด” ที่ต้องใช้บทลงโทษตามที่ทีมงานฯนี้เสนอไป…ครับผม

จึงฝากพี่เกษมที่รักยิ่งของเรา และสหภาพทอท.ปกป้องผลประโยชน์ทอท.ด้วยการ ยื่นเสนอบทลงโทษนี้ต่อผู้มีอำนาจทุกหน่วยงานของรัฐ รวมถึงท่านนายกฯอภิสิทธ์ ให้รบกวนท่านช่วย “จัดการ”ด้วย… แม้จะใช้กรลงโทษเพียงแค่แขวนตำแหน่ง..ไม่เพียงพอแล้วครับ…ต้องให้”ลาออกก่อน” และตัดสิทธ์ที่ควรได้ทั้งหมด เพื่อให้ไปมีเวลาสู้คดีเต็มที่ จนกว่าศาลจะตัดสินนะครับ..ว่าไม่ผิด..!

ใครที่เข้าขัดขวางวิธีการลงโทาเช่นนี้ ต้องถือว่า เป็นผู้มีเจตนาไม่บริสุทธ์…และจัดเป็นพวกที่มีส่วนได้ส่วนเสียกับผู้บริหารทอท.กลุ่มดังกลุ่มนี้ด้วยครับ ใครที่ขัดขวางข่มขู่กลุ่มพนักงานทอท.ที่ต้องการปกป้องผลประโยชน์ทอท. ขอให้สหภาพ นำรายชื่อและตำแหน่งบุคคลนั้นๆ ขึ้นโชว์บนบอร์ดเลยนะครับ ให้เหมือนพวกพนักงานทอท.ที่ “ทุจริตเวลาทำงาน ” ไปเดินเล่นช๊อปปิ้ง เดินตลาด หรืออกไปพักเที่ยงครั้งละ 3-4 ชั่วโมง คนเหล่านั้นก็สมควรได้โชว์ชื่อด้วยนะ

โพสท์ใน categorized | 1 ความเห็น

EP.783…สื่อนอกตีข่าว 7 ภาษา..ทักษิณเลว!


11/10/2553

คมชัดลึก :“ฟอรีน โพลิซี” สื่อเครือวอชิงตันโพสต์ตีพิมพ์บทความ “อดีตผู้นำที่เลว” ยก “ทักษิณ” เทียบชั้นอดีตผู้นำเยอรมนี-สเปน-ไนจีเรีย รวมทั้ง “โจเซฟ เอสตราดา” อดีตผู้นำทรราชของฟิลิปปินส์ ยกเหตุคอร์รัปชัน-ละเมิดสิทธิมนุษยชน นำไปสู่การถูกยึดอำนาจ

(10ต.ค.) เว็บไซต์ www.foreignpolicy.com ของนิตยสาร “ฟอรีน โพลิซี” (Foreign Policy) เจ้าของเดียวกับหนังสือพิมพ์เดอะวอชิงตันโพสต์  ได้ตีพิมพ์บทความที่ชื่อว่า Bad Exes หรือ “อดีตผู้นำที่เลว” โดยผู้เขียนที่ชื่อ Joshua E.Keating (http://www.foreignpolicy.com/articles/2010/10/01/bad_exes?page=0,4 )เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม ที่ผ่านมา ซึ่งเนื้อหาในเว็บไซต์สามารถอ่านได้  7 ภาษา ได้แก่ อารบิก บูกาเรีย ฝรั่งเศส ญี่ปุ่น โปรตุเกส เกาหลี และ สเปน

บทความดังกล่าวมีเนื้อหาโดยสรุประบุถึงพฤติกรรมผู้นำประเทศ ที่เป็นตัวอย่างไม่ดีในการบริหารประเทศ 5 คน  ได้แก่ นายแกร์ฮาร์ด ชโรเดอร์ อดีตนายกรัฐมนตรีของเยอรมนี, นายโคเซ มารีอา อัซนาร์ อดีตนายกรัฐมนตรีของสเปน, นายโอลูเซกัน โอบาซันโจ อดีตประธานาธิบดีของไนจีเรีย, นายโจเซฟ เอสตราดา อดีตประธานาธิบดีของฟิลิปปินส์ และ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีของไทย


เนื้อหาที่กล่าวถึง พ.ต.ท.ทักษิณว่า พ.ต.ท.ทักษิณ  อดีตนายกรัฐมนตรีในปี 2543-2549 ท่ามกลางข้อกล่าวหาคอร์รัปชัน และละเมิดสิทธิมนุษยชน เหตุการณ์รัฐประหารในปี 2549 ก็ได้ทำให้พ.ต.ททักษิณหลุดพ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี หลังจากนั้น เขาก็ใช้ชีวิตไม่เป็นหลักเป็นแหล่ง ต้องเดินทางไปมาหลายประเทศ ในการนี้อดีตเศรษฐีนักธุรกิจอย่างทักษิณ ก็ได้รับตำแหน่งอีกหลายตำแหน่งจากบรรดามิตรประเทศ เช่น

ทูตพิเศษของนิการากัว ที่ปรึกษาทางเศรษฐกิจของกัมพูชา และกลายมาเป็นเจ้าของสโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ ซิตี เป็นเวลาสั้นๆ อย่างไรก็ตาม รายงานระบุว่า ทักษิณต้องปลอมชื่อตนเอง เพื่อหลบลี้ภัยอยู่ในเยอรมนีนับปี อีกทั้งยังได้ใช้หนังสือเดินทาง (พาสปอร์ต) ที่ออกโดยผิดกฎหมายจากหลายประเทศ ทว่า ตอนนี้เขาพำนักอยู่กับบ้านของเขาที่ดูไบ

ในปีนี้ กลุ่มเสื้อแดง ผู้สนับสนุน พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ยึดพื้นที่ใจกลางกรุงเทพฯ และสร้างความโกลาหลเผาทำลายศาลากลางจังหวัดทั่วประเทศ นี่คือ ความโกรธเกรี้ยวที่ตอบโต้ความพยายามของรัฐบาลในการสลายการชุมนุม ในการปะทะระหว่างผู้ชุมนุมที่ติดอาวุธกับตำรวจก่อนที่ทั้งสองฝ่ายจะยินยอมยุติ ทำให้มีผู้เสียชีวิตราว 90 คน ศาลได้พิพากษา พ.ต.ท.ทักษิณผู้หลบหนีคดี ว่า ยุยงปลุกปั่นให้เกิดการชุมนุมประท้วง แม้ครั้งหนึ่ง พ.ต.ท.ทักษิณ เคยเดินสายบอกกับชาวบ้าน ว่า ผมจะทำให้คนไทยทุกคนเป็นคนรวย ถ้าหากพวกผมได้กลับมามีอำนาจทางการเมือง แต่ทักษิณก็ยังคงปฏิเสธว่าเขาให้เงินทุนแก่กลุ่มเสื้อแดง แม้ว่าทักษิณจะอ้างว่า ทุกข้อกล่าวหาที่เขาได้รับเป็นแรงกดดันทางการเมือง แต่เขาก็ได้ถูกตัดสินไปแล้วว่ามีความผิดฐานคอร์รัปชันจริง นับแต่วันที่เขาหลบหนีออกนอกประเทศ

หลังจากความพ่ายแพ้ของกลุ่มเสื้อแดง พ.ต.ท.ทักษิณ ก็หันมามีบทบาททางการเมืองผ่านสื่ออีกครั้งในเดือนสิงหาคม 2553 และพ.ต.ท.ทักษิณได้คืนตำแหน่งที่ปรึกษาทางเศรษฐกิจให้แก่กัมพูชา เพื่อลบความบาดหมางของทั้งสองประเทศ

โพสท์ใน categorized | ใส่ความเห็น

EP.782…เสรีรัตน์อย่ากลับมา”หลอกหลอน”กันอีกเลย..


นายกอภิสิทธิ เวชชาชีวะ (webmaster@abhisit.org); pakjira_999@hotmail.com; คุณปานเทพ กล้าณรงค์ราญ (panthep@nacc.go.th); paisal@dharmniti.co.th; pissanu.19@hotmail.com; tra832@yahoo.com (tra832@yahoo.com); สมัชชาประชาธิปไตย (sptthai2009@gmail.com

9/10/2553

หลังจากได้ฟังการให้สัมภาษณ์ นายปิยะพันธ์ จำปาสุต วันนี้เมื่อช่วงบ่ายโมงกว่าทางสถานีโทรทัศน์ ช่อง“หอยม่วง” แล้ว…

ขอประกาศว่า…เราอนุญาติให้ นายเสรีรัตน์ ประสุตานนท์ และ นายนิรันดร์ ธีรนาถสิน พร้อมคณะผู้บริหารทอท.ที่เกี่ยวข้องกับกรณีปาร์คกิ้งฯทั้งหมดทุกคน

“ลาออก” ผ่านอีเมลมายังท่านประธานปิยะพันธ์ ได้นะครับ.. 5555

นายเสรีรัตน์กลับมาวันนี้แล้วนี่นา…จัดการธุระให้กลุ่มเผาเมืองเรียบร้อยแล้วรึครับทั่น..!

เพราะจากคำสัมภาษณ์ของท่านประธานปิยะพันธ์ที่เริ่มต้น ด้วยคำถามที่ผู้สื่อข่าวถามว่า…” เกิดเรื่องในสนามบินสุวรรณภูมิจนดังฉาวโฉ่ขนาดนี้ มีคำถามตามมาจากผู้คนในสังคมว่า ทำไมคุณปิยะพันธ์ จำปาสุต ยัง“นั่ง”อยู่ในฐานะนี้ได้อย่างไร...”?

และท่านประธานปิยะพันธ์ก็ตอบอย่างไม่ต้องคิดเลยครับว่า…” อันที่จริงเรื่องที่เกิดขึ้นนี้ เป็นความรับผิดชอบของผู้บริหารทอท.เอง เพราะผมเป็นบอร์ดมีหน้าที่กำกับดูแลนโยบายของการท่า ไม่ใช่หน้าที่ของผมที่จะต้องลงมาเสนอข่าวการแก้ปัญหาต่างๆเหล่านี้ ที่ผมทำอยู่นี้ก็มากเกินหน้าที่ของผมแล้วครับ…”

โอแม่เจ้า…ประทับใจมาก..ขอบอกครับ…และท่านประธานปิยะพันธ์ยังตอบถึงคำถามกรณีที่ว่า ข่าวเรื่องมีมีเสธ.ต่างๆเข้ามาในก่อเหตุในสนามบินว่า…

“ผมไม่รู้เรื่องหรอกครับ…จะเสธ.ไหนอะไรเกี่ยวข้องกับใครนั้น ต้องไปถามเอากับผู้บริหารทอท.ที่รับผิดชอบโดยตรง!”

และมาถึงตอนสำคัญที่ท่านประธานเล่าไว้แต่บังเอิญคำพูดของท่านประธานไม่ตรงกันเองน่ะครับ….ท่านประธานเล่าไว้ว่าดังนี้ครับ…

“บังเอิญว่าเมื่อวันนั้นผมต้องเดินทางไปเชียงราย จึงไปขึ้นเครื่องช่วงประมาณ หกโมงเย็น..ก็เพิ่งได้ข่าวในตอนนั้นว่ามีคนบุกเข้ามาในสนามบิน ผมก็ให้ผู้บริหารติดตามและรายงานผมเป็นระยะๆ พอประมาณช่วงเที่ยงเราก็เข้าควบคุมพื้นที่กลับคืนมาได้…”

เออ…ผมจะบอกท่านประธานปิยะพันธ์ว่า..ท่านคงได้รับรายงานมา“ไม่ถูกต้อง”แล้วครับ… หรือ ไม่คนที่รายงานท่านก็เป็นพวกมี”จินตนาการ”(แปลว่ามั่วครับ) เพราะ ในความเป็นจริง วันนั้นเหตุการณ์ลุกลามบานปลายไปจนกระทั่งช่วงประมาณ บ่ายสองกว่าๆ ซึ่งหลังจากที่มีการ”รับเสด็จ”ทูลกระหม่อมพระองค์เล็ก สมเด็จเจ้าฟ้าหญิงจุฬาภรณ์ฯ .. ทรงเสด็จกลับจากต่างประเทศ และเสด็จลงเครื่องมาเวลาประมาณบ่ายโมงกว่าๆครับ…!

หลังจากทูลกระหม่อมพระองค์เล็กเสด็จกลับไปเพียงชั่วโมงเศษๆ…มีเสียงปืนดังขั้นติดๆกันประมาณกว่าสิบนัดครับ… เล่นเอาผู้โดยสารและพนักงานที่ปฏิบัติงานในสนามบินสุวรรณภูมิในขณะนั้น..ตกใจกลัวถามกันเซ่งแซ่ครับว่าเกิดอะไรขึ้น…? และมีกลุ่มตำรวจจำนวนมากออกมาปราม ไม่มีผู้บริหารทอท.เลยแม้แต่ “หัวเดียว” ครับ…

จริงครับที่นายณรงค์ชัย ถนัดช่างแสงออกมาให้ข่าวในช่วงเที่ยงว่า…เข้าไปเจรจากับกลุ่มกองกำลังไม่ทราบฝ่ายแล้ว และสามารถควบคุมได้แล้วในช่วงเที่ยง…แต่หลังจากนั้น ไม่มี”ใคร” รายงานให้ท่านประธานปิยะพันธ์ทราบหรือครับ?

นี่จึงถือเป็นเรื่องอุจอาจที่ไม่สามารถอภัยให้ได้ครับ…ผู้บริหารทอท.“ต้องรับผิดชอบครับ..” เหตุใดจึงปล่อยให้มีคนบุกรุกเข้ามาตั้งแต่วันที่ 24/9/2553 และ“ปิด”ข่าว สั่งไม่ให้พนักงานทอท.พูดเรื่องนี้? เหตุใดจึงปล่อยให้มีการผลัดเปลี่ยนกำลังคนมาตลอดหลายวันจนเกิดเรื่องในวัน”รับเสด็จ”? แสดงว่าไม่เเคารพยำเกรง ในพระเกียรติฯของ “เบื้องสูง” ไม่รู้ถึงความเหมาะสมใดๆ แล้วนั่งเป็นผู้บริหารระดับนี้กันอยู่ได้อย่างไรครับ?

ในวันที่ 24/9/2553 กลุ่มชายชุดดำเข้ามา 200 กว่าคน แต่ผู้บริหารทอท.มีการให้ข่าวว่าเป็น “การซ้อมแผนฉุกเฉิน”? และไม่จัดการใดๆ ทั้งที่ในวันนั้นไม่มีการซ้อมใดๆทั้งสิ้น… ในวันที่เกิดเหตุ นายอนิรุทธ์ ถนอมกุลบุตร จะต้องเข้าประจำตำแหน่งผอ.สุวรรณภูมิวันแรก..แต่กลับไม่มีใครเห็นศีรษะเลย  ซึ่งเป็นเรื่องที่ผู้บริหารทอท.จนถึงวันนี้ก็ยังไม่มีคำตอบ…นะครับ และถ้าจะตอบวันนี้ ถามจริง ท่านประธานคิดจริงๆหรือครับว่า..จะมีใครเชื่อ?

เมื่อถูกถามเรื่องกลุ่มมาเีฟียในการท่า ท่านประธานก็ตอบชัดเจนว่า “..มาเฟียไม่ได้เข้าแก๊งค์กับการท่าฯ…” งั้นผู้บริหารทอท.คงต้องตอบแล้วครับว่า…พี่ชายที่เป็นทหารของนายอนิรุทธ์ มีเข้ามาในสุวรรณภุมิพร้อมคนติดอาวุธครบมือกว่า 40 คน ซึ่งคือคนขับแท๊กซี่ทั้งนั้นจริงหรือเปล่า แล้วใครหนอเป็นเจ้าของรถแท๊กซี่..? …แต่มีการพกมีดพร้าและปืน? เกี่ยวอะไรครับกับบริษัทปาร์คกิ้งฯ (เรื่องกองกำลังไม่ทราบฝ่าย ผู้ประกอบการยอมรับเองว่า…มีทหารสามพวกครับ)

อย่างเสธ.คนอื่นที่เป็นข่าว เขาอ้างว่ามีชื่อเป็นกรรมการในบริาษัทที่ได้สัมปทาน? ยังพอฟังได้ แต่ก็ผิดอยู่ดีเพราะเอาอาวุธเข้ามาทำไม.. แต่เสธ.ต้อยตามที่สื่อเรียก  เป็นกรรมการที่มีส่วนได้เสียอะไรไหมครับ…ด้วยความเคารพนะครับ ผมวิจารณ์ไปตามข่าวครับ…

และก่อนถึงอาคารจอดรถ ทำไมผู้บริหารทอท.จึงไม่สะกัดรถที่บรรทุกคนเหล่านี้เข้ามา?  หรือทุกคนเข้ามาด้วยรถแทีกซี่ครับ? งั้นยิ่งผิดหนักเข้าไปอีกครับ การละเลยละเว้นไม่แก้ปัญหาใดๆแล้วบอกว่าไม่มีเรื่องอะไร..ตอบแบบนี้…จับฉลากมาเป็นผู้บริหารกันหรือครับ อย่าแปลกใจเลยถ้าจากนี้ไป…ไม่มีบริษัทดังๆที่ไหนเขาให้งานพวกคุณทำ…ก็โคเสียปานนี้…เนี่ยนะ..?

ไม่เพียงเท่านั้น วันนี้ท่านประธานให้สัมภาษณ์ว่า “ผมไม่รู้หรอกครับเสธ.ไหนเป็นเสธ.ไหน..เรื่องเหล่านี้เป็นหน้าที่ของผู้บริหารทอท.ระดับบริหารต้องจัดการ”...นั่นปะไร..ตอบชัดทะลุแก้วหูเลยครับ  แบบนี้ภาษาชาวบ้านเขาเรียกว่า…“ชิ่ง” หรือ “โยน” แล้วใช่ไหมครับ…?

แต่ท่านประธานทำถูกแล้วครับ และสมควรทำมานานแล้ว เพราะการเอามือเปล่าๆไปรับ “เผือกร้อนๆ”เอง..ไม่มีคนฉลาดที่ไหนเขาทำครับ…เรื่องนี้ถ้าท่านประธานหรือใครพยายามเบี่ยงเบนประเด็นและไม่ยอมรับว่า การที่มีคนบุกเข้ามาสนามบินถืออาวุธครบมือ…ได้แล้วยังไม่เป็นความผิดของผู้บริหารทอท….ผมว่า ท่านไม่พูดก็ไม่มีใครว่าเป็นใบ้ครับ…

การที่ท่านประธานปิยะพันธ์ออกมาให้สัมภาษณ์เช่นนี้ ภาษาการเมืองเขาว่า “ตัดเชือก” แล้วใช่ไหมครับ ถ้าผมเป็นนายเสรีรัตน์  นายนิรันดร์และพวก จะขอลาออกแล้วครับ…เพื่อเตรียมตัวไปรับกรรมสู้คดี….

เพราะขืนอยู่ต่อไป…อาจถึงขั้นต้องทำศัลยกรรมเปลี่ยนใบหน้า..เพราะใบหน้านี้ ถูก”ตีตรา” ไปแ้วครับ…!

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า….ความจริงเท่านั้นที่คงอยู่ จะพูดโกหกอย่างไรสุดท้ายก็ถูกจับได้อยู่ดี แล้วทำไมไม่พูดความจริง… มันยากนักหรือครับ..กับการจะทำเรื่องที่ถูกต้องและสุจริตสักครั้งในชีวิต!

ผู้บริหารจอมฉาวทั้งหลาย…ออกไปให้พ้นจากทอท.ได้แล้วครับ…หรือยัง “ดัง” กันไม่พอครับ? พวกคุณไม่อาย..แต่ผมอายครับ..!

จาก นายวาซาบิครับผม….

โพสท์ใน categorized | ใส่ความเห็น

EP.781…บทลงโทษผู้บริหารทอท.ครับ..


ช่วย”ลาออกก่อน”จนกว่าจะพิสูจน์ได้ว่าไม่ผิด(บทลงโทษผู้บริหารทอท.)Quantcast

ขอความกรุณาจัดการด่วนครับ…

นายกอภิสิทธิ เวชชาชีวะ (webmaster@abhisit.org); pakjira_999@hotmail.com; คุณปานเทพ กล้าณรงค์ราญ (panthep@nacc.go.th); paisal@dharmniti.co.th; pissanu.19@hotmail.com; tra832@yahoo.com (tra832@yahoo.com); สมัชชาประชาธิปไตย (sptthai2009@gmail.com

9/10/2553

ผมว่าเรื่องสัมปทานอาคารจอดรถ จะไปกันใหญ่  กลายเป็นความเสียหายระดับประเทศไปแล้วครับ และกำลัง on the way ไปทั่วโลกด้วยครับ ทั้งหมดล้วนเป็นฝีมือของผู้บริหารหลักๆของทอท. ที่เติบโตมีอำนาจเพราะการกระทำเพื่อตนเองและพรรคพวก

ทั้งหมดคือ ความบกพร่องในหน้าที่ของกลุ่มผู้บริหารทอท.เองทั้งนั้นครับ…ทำ ให้ภาพลักษณ์ ของประเทศเสียหาย ในสายตาชาวโลก ทำให้ความเชื่อมั่นในเรื่องความปลอดภัยของสนามบินติดลบ ทำให้โอกาสที่จะได้ใบรับรองสนามบินอย่างถูกต้อง”ห่าง” ไกลมากขึ้นไปอีก ทำให้รับและทอท.สูญเสียรายได้มหาศาล เพราะยังมีอีกหลายเรื่อง ที่ผู้บริหารทอท.กลุ่มนี้ ใช้”วิธีการ” แบบเดียวกันนี้ ทำให้ทอท.เสียผลประโยชน์ไปโดยไม่จำเป็น..ทำให้ทอท.ถูกฟ้องร้องโดยใช่เหตุ

ผู้บริหารเหล่านี้ไม่เคยเดือดร้อนด้วยทั้งที่เกิดจากการกระทำของพวกตน เอง ทั้งนั้นครับ..ความเสียหายเหล่านี้ ต้นตอเกิดจากความฉ้อโกงในสันดานของตัวบุคคล จึงสมควรที่ผู้บริหารที่มีรายชื่อต่อไปนี้ที่เกี่ยวข้องโดยตรงในกรณีฉาวนี้ “ต้อง” ร่วมกันชดใช้..ครับผม..

ผู้ บริหารทอท.ที่มีชื่อต่อไปนี้คือบุคคลที่เกี่ยวข้องที่เป็นต้นเหตุแห่ง ความสูญเสียทั้งหมดของทอท. อย่างที่ไม่สามารถจะปฏิเสธใดๆได้  และเพราะเรื่องนี้ใหญ่จนเป็นความเสียหายระดับประเทศไปแล้ว

จึงขอความกรุณาผู้มีอำนาจในบ้าน เมืองนี้ มอบหมายให้หน่วยงานของรัฐทีตรวจสอบการทุจริตอย่าง ปปช. สตง. ปปง. ปปท. สำนักตรวจการแผ่นดิน กรุณารับเรื่องนี้เข้าพิจารณาเป็นประเด็นความผิดของผู้บริหารทอท.ด้วยครับ

ฉนั้น เมื่อเรื่องนี้…บ.ปาร์คกิ้งฯทั้งสองฝ่ายเป็นผู้ยื่นฟ้องทอท.  จึงต้องขอให้ สหภาพทอท.ออกมารักษาผลประโยชน์ให้ทอท. และพนักงานทอท.ทุกคนด้วยการ ให้การฟ้องร้องเหล่านี้  ค่าเสียหายต่างๆที่จะเกิดขึ้นที่ผู้ประกอบการจะเรียกร้องนั้น ให้ตกเป็นภาระแก่ผู้บริหารสายพัฒนาธุรกิจ และผู้บริหารทอท.ทุกคนที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้ทั้งหมด ที่อยู่ในตำแหน่งณ.ช่วงเวลานั้นรับผิดชอบทั้งหมด และ

ขอให้ท่านรมต.คมนาคม หรือผู้ที่มีอำนาจเหมาะสม กำหนดบทลงโทษผู้บริหารทอท.กลุ่มนี้ดังนี้ครับ…

1. กำหนดให้ผู้บริหารที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ทั้งหมด “ลาออก” จากราชการไปก่อน(สถานเดียวเท่านั้น)…จนกว่าจะพิสูจน์ได้ว่าไม่มีความผิดใน เรื่องดังกล่าว เมื่อท่านรมต.โสภณ เป็นคนของพรรคภท. ซึ่งกำกับดุแลมหาดไทย และก่อนนี้กำกับตำรวจทั่วประเทศ  เมื่อนายตำรวจกระทำความผิด ใช้ระบบสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน จนกว่าคดีความจะตัดสินว่าไม่มีความผิด…

จึงเห็นสมควรว่าควรใช้ระบบนี้กับผู้บริหารองค์กรของรัฐเช่นกัน เพราะ เป็นการป้องกันความสูญเสียที่อาจเกิดขึ้นได้อีกจากการเลียนแบบความประพฤติ ของผู้บริหารทอท.กลุ่มนี้ ที่วางรากฐานการทุจริตไว้ทุกส่วนงานของทอท. ไม่มีเหตุผลใดที่จะมองว่าไม่ยุติธรรม เพราะทอท.สูญเสียเกินกว่าจะเสียอะไรไปมากกว่านี้แล้ว เมื่อทำแล้วไม่คิด ก็ควรออกไปให้พ้นจากทอท. เพื่อคิดให้ได้ก่อน…

2. ขอให้มีการ “งด” จ่ายเงินเดือน และสวัสดิการใดๆที่พนักงานทอท.จะได้รับ จนกว่าจะพิสูจน์ได้ว่าไม่มีความผิด…(ใช้ ระบบเดียวกับตำรวจครับ)อีกประการ หนึ่ง เป็นการดีที่จะช่วยทอท.ประหยัดงบในเรื่องการจ่ายเงินเดือน ซึ่งแต่ละคนมีเงินเดือนหลักแสนทั้งนั้น และทุกวันนี้คนก็เกินงานอยู่แล้ว ไม่งั้นพนักงานทอท.จะเอ้อระเหยออกไปทานข้าวกันครั้งละ3-4 ชั่วโมงเชียวหรือ? ไปเดินเล่นชีอปปิ้งกันกระจาย วันๆไม่ทำงานทำการ แต่สิ้นเดือนมารับเงินเดือน ปลายปีรับโบนัส

รู้สึกเสียดายเงินของแผ่นดินที่ต้อง “จ่าย” ให้แก่ผู้บริหารทอท.กลุ่มนี้ ที่มีแต่เรื่องฉาว และทุจริตได้ทุกเรื่องที่เกี่ยวข้อง…นำเงินเดือนเหล่านั้นของผู้บริหารกลุ่ม นี้ไว้จ่ายค่าความเสียหายที่กำลังถูกฟ้องร้องดีกว่า เหมือนกับตำรวจไงครับ เมื่อต้องออกจากราชการก็ห้ามรับเงินเดือนด้วยและผลประโยชน์ หรือสวัสดิการใดๆจากทอท.อีก จนกว่าจะพิสูจน์ได้ว่า ไม่มีความผิดแล้วค่อยกลับเข้ามาทำงานใหม่..ไม่ คิดว่าผู้บริหารเหล่านี้จะอด ตายหรอกครับ ก้แต่ละคนคุยเขื่องว่าล้วนใหญ่โตทั้งนั้น มีบารมีมากมาย เงินที่กอบโกยไปมากมี..น่าจะอยู่สู้คดีได้อย่างสบายๆครับ

3. ขอให้ “งด” จ่ายโบนัสปีนี้ให้กับผู้บริหารทอท.ที่เกี่ยวข้องในกรณีนี้ทุกคน  และให้สิ้นสุดการทำงานภายในสิ้นเดือนนี้ทันที..เพราะ เมื่อทำแต่ความเสียหายให้ทอท.อย่างที่มี หลักฐานทั้งนั้น เหิมเกริมกันมามาก น่าจะได้เวลาเก็บของเก่ากินสักที…เพื่อให้สำนึกได้ว่า เมื่อต้องสูญเสียเงินของตนเองบ้างจะเป็นเช่นไร เพราะที่ผ่านเป็นเงินของทอท.จึงไม่รู้สึกว่าความเสียหายเกิดขึ้น..

4. ห้าม ผู้บริหารทอท.ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ และมีชื่อระบุอยู่ด้านล่าง ใช้เงิน และ บุคคลากร ของทอท.ให้ความช่วยเหลือในด้านกฎหมายเพื่อต่อสู้คดี ที่เกิดการฟ้องร้องจากผู้ประกอบการ เพราะเวลาตัดสินทำก็กระทำกันอย่างรีบเร่ง มุบมิบทำ ไม่โปร่งใส ไม่ฟังคำทัดทาน ไม่รอบคอบ มุ่งแต่ผลประโยชน์ที่ตนจะได้ ยามเกิดความเสียหายจะมา”อ้าง”ทอท.ให้ต้องรับภาระในขั้นตอนของการสู้คดี.. นั้น..ไม่ใช่ครับผม..!

เชื่อผมเถอะครับ ถ้ามีบท”ลงโทษ” เช่นนี้ แม้จะปราบทุจริตได้ไม่หมด แต่จะทำให้คนที่เจริญรอยตาม มีสติยั้งคิดได้ และอาจเปลี่ยนใจเลิกกระทำทุจริต..เพราะความเด็ดขาดเท่านั้น ที่เหมาะสมใช้กับข้าราชการประเภทนี้ครับ…

เพราะถ้า “ไม่มีควมผิดจริงๆ” ยังกลับมารับใช้ชาติได้เหมือนเดิม ก่อนจะทำอะไรที่เกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ของชาติจะได้ รู้จัก”ยั้งคิด” เมื่อสำนึกเองไม่ได้ ก้สมควรให้ผู้อื่นจัดการ “สำนึก” ให้ครับ..

ผู้บริหารทอท.ที่เกี่ยวข้องแน่ๆในเรื่องนี้ ซึ่ง “สมควรถูกลงโทษ ให้ออกจากงานไปก่อน” จนกว่าจะพิสูจน์ได้ว่าไม่มีความผิด…มีรายชื่อ ดังต่อไปนี้คือ…

1. นายเสรีรัตน์ ประสุตานนท์ ในฐานะกอญ.ผู้ที่ไม่มีสิทธ์ปฏิเสธความรับผิดชอบใดๆได้เลย รับเงินเดือนจากทอท.ไปเดือนละหกแสน วันๆทำอะไร มัวแต่ให้คะแนนตัวเองกับพวกมิน่าจึงมองไม่เห็นความรับผิดชอบในหน้าที่ที่จะ ต้องมีในฐานะ ผู้นำองค์กร..

2. นายนิรันดร์ ธีรนาถสิน ในฐานะกรรมการรายได้ ที่ขอเอี่ยวทุกเรื่องของทอท.ที่เกี่ยวกับผลประโยชน์ รวมทั้งเป็นผู้ดำเนินการจัดการร่วมกับนายเสรีรัตน์มาทุกขั้นตอนในเรื่องนี้ และในทุกเรื่องของสัมปทาน กรุราตรวจสอบดุเถอะครับ ตั้งแต่เป็นแค่พนักงานระดับ 9 ก็ต้อง”เจ๋อ”มันทุกเรื่องของทอท. เช่นเดียวกับนายเสีรัตน์ และนางศศิสุภา  ทั้งที่บางครั้งไม่มีเกี่ยวข้องก็ขอแต่งตั้งเข้าไปเกี่ยวจนได้…แต่เรื่องนี้ ทั้งบงการสั่งการกำกับดำเนินการทุกอย่าง จึงต้องรับผิดชอบเต็มๆครับ

3. นายนิตินัย ศิริสมรรถการ ในฐานะเป็นรองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ สายงานพัฒนาธุรกิจ ที่ต้องรับผิดชอบโดยตรงร่วมกับผู้บริหารตั้งแต่ระดับ 8 ขึ้นมาทุกคนในสายงานนี้ในขณะนั้น แต่ถ้าตัดสินใจลาออกไปก่อนอาจพอทำให้เกี่ยวข้องเบาบางลงเพราะเพิ่งมาใหม่ แต่ไม่มีผลงานสมราคาคุย กรุณาไสบั้นท้ายและร่างกายออกไปให้พ้นทอท.ด้วยครับ..

4. นส.ศศิสุภา สุคนธทรัพย์ ในฐานะตำแหน่งผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ สายงานพัฒนาธุรกิจ ที่ร่วมรับรู้ทุกนโยบายของทอท.มาทุกเรื่องจริงๆมาตลอด เพราะชอบแส่เรื่องผลประโยชน์ เวลาได้ก็จะเอาส่วนแบ่ง เวลาเสียควรช่วยควักจ่ายครับผม และเพราะกระสันอยากได้ตำแหน่งมานัก จนวางเกมวางตัวมาตลอดเพื่อขึ้นเป็นผู้บริหารระดับสูงให้ได้ทั้งที่ไม่มีผล งานอะไรเลย

ยังเป็นที่รังเกัียจจากพนักงานทอท.ขั้นสูงสุดในฝ่ายหญิงพอๆกับ นางระวิวรรณ นางมนฤดี และนางสุกัญญาด้วย แต่กับเรื่องนี้ต้องร่วมรับผิดชอบ เพราะด้วยตำแหน่งของงานที่ต้องรับผิดชอบเต็มที่อยู่แล้ว แต่จากปากคำของนางดวงใจ จึงรู้ว่ายังเป็นต้นคิดวางแผนร่วมกันมากับนายเสรีรัตน์ นายนิรันดร์ และคนที่มีชื่ออยู่ในบทนี้ทุกคน ตั้งแต่แรกจนกระทั่งมีเรื่องฉาวขึ้นมากลับไม่เห็นศีรษะเลย

5. นายศิโรตม์ ดวงรัตน์ ในฐานะผอ.ฝ่ายพัฒนาธุรกิจในขณะนั้น  ซึ่งต้องร่วมรับรู้กันเป็นกลุี่่่่มเสมอ เพราะกลัวผลประโยชน์จะรั่วไหลไปที่พวกอื่น ด้วยตำแหน่งหน้าที่การเข้าร่วมประชุมรับรู้ทุกอย่างจำเป้นต้องรับผิดชอบ อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ครับ

6. – 7. นางสุภาภรณ์ บุรพกุศลศรี และผู้ช่วย พูนสิริ ในฐานะผู้บริหารระดับ 11 และ 10 ตามลำดับของสายงานการเงิน ที่ไม่สามารถควบคุมกำกับเรื่องการเงิน จนทำให้ทอท.ขาดรายได้ แล้วเที่ยววางแผนจะเก็บรายได้จากทางอื่น เมื่อรายได้ที่ควรได้แน่ๆกลับเพิกเฉย เมื่อผุ้ประกอบการนำเงินมาจ่ายก็ไม่ยอมรับ อ้างข้อกฎหมาย ว่าเขาไม่เกี่ยวข้องกับสัมปทาน

แต่กลับไปริบเงินที่เป็นค่าการันตีของเขา ทั้งที่บอกเองว่าเขาไม่ใช่ผู้ได้รับสัมปทาน? ยังไม่นับรวมถึงเรื่องกองทุนสำรองเลี้ยงชีพของพนักงานทอท.ที่เปลี่ยนเจ้า จัดการบริหารอย่างมีเลศนัยที่เป็นตัวตั้งตัวตี ร่วมกับนางกัลยา ผกากรอง…

8. นางดวงใจ คอนดี ผู้บริหารระดับ 10 ที่เป้นตัวอย่างชัดเจนให้สมควรต้องกำหนดบทลงโทษตามที่กล่าวไว้ด้านบน เพราะนางดวงใจ เจริญตามรอยเท้านางสมบัติ คุณประเสริฐ ทุกประการ จึงวางอำนาจและดิ้นรนให้ตนเองได้มายืนในจุดนี้ ยอมทำทุกอย่างเพื่อให้ตนได้ผลประโยชน์

เคยร่วมอยุ่ในกลุ่มกับนางเกษิณี สุคันธารุณ (ที่ให้ลุกน้องออกมาปล่อยข่าวว่า ที่ต้องยอมลงทุนมีอะไรกับนายชยากรเพราะจะให้ช่วยเรื่องนี้…รู้กันซะนะ ครับ..) ผู้ที่ตั้งโต๊ะเรียกเก็บเงินเร่ขายพื้นที่ เชิงพานิชย์ในสนามบินตั้งแต่สนามบินยังไม่เปิด ทำกันอย่างโจ๋งครึมไม่ยำเกรงใคร เพราะในขณะนั้นมีนายมล.ย่อมผู้อื้อฉาวเรื่องเงิน300ล้านที่หายไปของ TAGS

นางดวงใจจึงใช้อำนาจบาตรใหญ่  จนทำให้ลิ่วล้อแต่คนที่ตามรับใช้สอพลอมีพฤติกรรมส่อไปทางทุจริตด้วย นอกจากเรื่องนี้ที่เป็น ตัวการจัดการขั้นตอนต่างๆแล้ว ยังมีเรื่องสัมปทานในฟรีโซนของบริษัทเจมินายน์ที่ร่วมลงทุนกับTAGS ที่ประธานปิยะพันธ์บอกกับสื่อว่า จัดการไปแล้ว แต่ใครรู้บ้างลับหลังแอบมุบมิบมาร่วมกับเจมินายน์ ทั้งที่เป็นบริษัทที่ไม่เคยมีประสบการณ์ใดๆในเรื่องบริหารจัดการฟรีโซนเลยครับ..?

ไม่เพียงเท่านั้น นางดวงใจยังใช้อำนาจหน้าที่ที่ตนมี เอื้อไปยังหลานสาวหลานเขยนอกใส้อย่างนางมณินทร แก้ววงศ์วัฒนา ที่อาศัยข้อมูลภายในเนื่องจากเป็นลุกน้องในกลุ่มของนายเสรีรัตน์ นำเอาโครงการต่างๆอย่างเข่นป้ายโฆษณา ป้ายบอกทางและอีกสารพัดเรื่องที่เป็นผลประโยชน์ในสุวรรณภูมิออกมาแสวงหา”ค่า สินบน” เช่นบริษัทโลตัส ที่เคยเข้ามามีชื่อในเรื่องพื้นที่เชิงพานิชย์ ศูนย์ขนส่งสุวรรณภูมิ…

แม้เวลานี้นางดวงใจจะถูกสั่งแขวนไปแล้ว  เพราะกรณีแป้งร่ำ ซึ่งยังไม่มีการทำสัญญา แต่กับเรื่องที่ทำสัญญาแล้ว  เกิดความเสียหายแล้ว  ผู้บริหารทอท.ในเรื่องนี้กลับไม่มีใครได้รับบทลงโทษใดๆ ได้แต่ยื้อไปวันๆ?

เพราะโทษที่นางดวงใจได้รับ ไม่สามารถ”หยุดยั้ง”ทุจริตของผู้บริหารทอท.  หรือทำให้พฤติกรรมทุจริตของผู้บริหารทอท.ลดน้อยลงได้  เพราะ ล้วนเป็นคนไม่กลัวกฎหมายทั้งนั้น จึงจำเป็นต้องลงโทษ คือให้ ผู้บริหารทอท.ที่เกี่ยวข้องในกรณีนี้ทุกคน “ออกจากราชการไปก่อน” …ดีที่สุดครับ

9. นายณรงค์ชัย ถนัดช่างแสง ผู้เกี่ยวข้องทุกเรื่องที่เกี่ยวกับสัมปทานต่างๆในทอท. เพราะเป็นมือวางอันดับหนึ่งในการเปลี่ยน ปรับ แก้ไข สอดใส้ แทรกเสริม แต่งเติม ลักไก่ เรื่องของทีโออาร์ จน กลายเป็นต้นแบบของวิธีการทุจริตด้วยเอกสารอย่างน่าเกลียดและเป็นเยี่ยง อย่างของลูกน้องในสายงานของกลุ่มนายนิรันดร์ นายเสรีรัตน์ และสายงานพัสดุ

ซึ่งเวลานี้นางศศิสุภา ได้ปรับตำแหน่งขึ้นมานั่งบริหารคุมสายงานนี้เอง(สายอำนวยการ)

ทั้งที่นางศศิสุภาเอง มีความผิด และต้องร่วมในความรับผิดชอบในงานสายพัฒนาธุรกิจกรณีปาร์คกิ้ง แมเนจเม้นท์ฯแต่กลับได้รับรางวัลให้ปรับขึ้นมาคุมงานพัสดุและบุคคลากรระดับ 11??(แปลกนะครับ?)

คิดว่าสมองประธานปิยะพันธ์อาจไม่มีคลื่นดี ที่จะยอมรับในเรื่องที่..สุจริต..หรือเปล่าไม่ทราบครับ? เพราะผุ้บริหารที่โกงได้ถูกใจท่านประธานปิยะพันธ์ จะได้รับการปรับขึ้นทุกคน โดยเฉพาะที่เกี่ยวกับงานสายพัฒนาธุรกิจด้วย..?

จึงสมควรต้องให้”ลาออก” ไปก่อนทุกคน ก่อนที่ต่อมสมองจะเป็นพิษจนหมดทางเยี่ยวยา

10. นายอนิรุทธ์ ถนอมกุลบุตร คนนี้ปฏิเสธหลีกเลี่ยงไม่ได้เลย เพราะเป็นผู้ที่ใช้อำนาจจากหน้าที่การงานในทอท.ช่วยแสวงหาผลประโยชน์เข้าตระกูลตนเอง มาช้านานตั้งแต่สมัยดอนเมือง จนกระทั่งยอมทำลายทอท.ด้วยการ”เปิดทาง” ให้กลุ่มชายชุดดำไม่ทราบฝ่าย บุกเข้ามาในสนามบินสุวรรณภูมิ  ทั้งที่มีหน้าที่ดูแลโดยตรง

เพราะในวันที่เกิดเหตุรุนแรง จนมีเสียงปืนดังขึ้น เป็นวันที่มีการ”รับเสด็จ”ด้วย แต่กลับไม่รับรู้และไม่ออกมาแก้ปัญหาใดๆทั้งที่เป็นผอ.สุวรรณภูมิ

อีกทั้งสื่อทุกสำนักกล่าวอ้างว่าเป็นผู้รู้เห็นเกี่ยวข้องกับกองกำลังส่วนที่3 ที่มาจากพี่ชายแท้ๆของนายอนิรุทธ์เอง เพราะถ้ามองจากระยะ ทางกว่ากองกำลังชุดดำจะเข้ามาถึงตัวอาคารจอดรถได้ ถ้าผุ้บริหารทอท.ไม่เป้นใจให้เข้ามา จะเข้าถึงอาคารจอดรถได้ง่ายดายอย่างไร เพราะระยะทางยาวของโทลล์เวย์ย่อมมองเห็นจำนวนขบวนของรถที่ขนกองกำลังคนเข้า มา..? แต่ทำไมผู้บริหารทอท.กลับไม่มีใครใส่ใจ?

ที่สำคัญ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เกิดเรื่องเช่นนี้ แต่ ผู้บริหารทอท.กลับไม่ป้องกัน และไม่รับรู้แต่ปล่อยให้ชายชุดดำผลัดเปลี่ยนกำลังกันตลอด 24 ชม.ถึง 7 วันเต็มจนมาถึงจุดร้ายแรงในวันที่ 1 ตุลาคม ทั้งหมดเฉพาะในเหตุวันนั้น ถือเป็นความรับผิดชอบโดยตรงโดยหน้าที่ของ นายอนิรุทธ์ เป็นเรื่องที่ผิดทั้งข้อกฎหมาย เป็นการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ เพราะมีการรับเสด็จในวันนั้น และเสียงปืนดังขึ้นหลังการรับเสด็จเพียงชั่วโมงเดียว..

ยังผิดในเรื่องกฎระเบียบของข้าราชการรัฐวิสาหกิจ และถือเป็นการท้าทายอำนาจรัฐในสถานการณ์ที่บ้านเมืองต้องการความสงบเป็น อย่างยิ่งเช่นนี้

ถ้าบอร์ดทอท.ยังขืนดันทุรัง “ยื้อ” ไว้ไม่ให้ลาออกไปก่อน ขบวนการมาเฟียคงเหิมเกริมหนักข้อขึ้น เพราะทุกวันนี้แม้แต่บุตรสาวนส.ภาคินีณัฐ และลุกน้องแต่ละคนในทีมของนายอนิรุทธ์ ได้กระทำการข่มขู่พนักงานผุ้บริสุทธืไปทั่ว ทั้งการปล่อยข่าวทำลายชื่อเสียงเพื่อนๆพนักงานด้วยกัน และการข่มเหงวางอำนาจเอาแต่ใจ บ้าจินตนาการ ชอบสร้างเรื่องใส่ร้ายทำลายบุคคลอื่น ทีี่เป็นคุณสมบัติประจำตัวของบุตรสาวนายอนิรุทธ์ จนเลื่องลือทั่วทอท.ทุกวันนี้

จนอาจนำมาซึ่งการทำให้เกิดการเข้าใจผิดอย่างรุนแรงแล้วในหมู่คนบางคน   มีการทำร้ายใครต่อใครอีกหลายคน  ซึ่งขณะนี้ทราบว่าแต่ละคนที่ถูกทำร้ายกำลังเก็บทุกข้อมูล และการกระทำที่เกี่ยวข้องกับตัวนายอนิรุทธ์และบุตรสาว รวมถึงลูกน้องของนายอนิรุทธ์ทุกคนไว้เป็นหลักฐานครับ   เน้นว่าทุกคนครับ..เพราะแต่ละคนมีประวัติทุจริตติดตัวทั้งนั้น…ครับ..(ส่วนตัวผมแนะนำให้ฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายเลยนะครับ เพราะถ้าข้อมูลหลุดมาจากการบันทึกสายโทรศัพท์ว่าใครพูดกับใครอย่างไร สั่งการอะไรบ้าง)

พี่ๆสหภาพทุกคนกรุณาระวังตัวด้วย ต้องช่วยกันจับตาพฤติกรรมมาเฟียกลุ่มนี้ให้ดี..นะครับ เพราะถ้าลองขนคนเข้ามาบุกสนามบินได้อย่างไม่เกรงกลัวกฏหมายนั่นแปลว่าสามารถ ทำอะไรก็ได้ที่ร้ายแรงกว่านี้ครับ…

พอจวนตัวก็อ้างชื่อนายทหารชั้นผุ้ใหญ่ ? ดังนั้นถ้ามีผู้ใดถูกจ้องทำร้ายพวกพี่ กรุณาคิดถึงผู้บริหารทอท.กลุมนี้ และพรรคพวกไว้ด้วยนะครับ   เพราะพวกพี่ๆไม่มีศัตรูที่ไหนนอกจากผู้บริหารทอท.ที่กำลัง“ร้อนตัว”กลุ่มนี้ ครับ..

จึงสมควรต้องให้ “ลาออก” ไปก่อนจนกว่าจะพิสูจน์ได้ว่า..ไม่มีความผิดครับ..

ส่วนลิ่วล้อที่สนับสนุนรับใช้กันอยู่ ก็สมควรถูก”รื้อ”เรื่องที่เคยทำไว้ในอดีตออกมาตีแผ่ให้สังคมช่วยกันหาบทลงโทษครับ

11. นส.ผานิต เสถียเสพย์ และคณะกรรมการทุกชุดที่เกี่ยวข้องกับสัญญาสัมปทานในกรณีนี้ ไม่ว่าจะจัดจ้าง ตรวจเอกสาร ตรวจการจ้าง เทคนิค ทุกกลุ่มในเรื่องนี้  สมควรต้อง “พักงาน” ครับ เพราะบกพร่องในหน้าที่

12. นางสุกัญญา ชำนาญเวช(แต่ เปลี่ยนชื่อใหม่แล้วนะครับ)ในขณะที่มีการพูดคุยในเรื่องนี้ จนกระทั่งมีการประมูลต่างๆ ได้เข้าร่วมรับรู้และแสดงความคิดเห็นอย่างอวดตัว เหมือนโชคดีที่”ลาภ”ก้อนใหญ่จะเข้ามา และเป็นผู้บริหารระดับ 8 ในสายงานพัฒนาธุรกิจในขณะนั้น ซึ่งแม้การประชุมนอกรอบตามโรงแรมดังๆแถววิภาวดี ก้เข้าร่วมด้วย หรือกรณีที่ไม่ได้ไปร่วม จะใช้วิธีการโทรศัพทืเช็กข้อมูลเพื่อให้ทราบความคืบหน้าต่างๆในกรณีนี้ เพราะต้อง”รายงาน”ให้นายศรีสุขทราบอีกที่หนึ่ง…

เมื่อเร็วๆนี้ ก็เพิ่งได้รับการปรับตำแหน่งให้ขึ้นเป็นระดับ 9 ทั้งที่ไม่เคยมีผลงานใดๆมาก่อนในชีวิต นอกจากเก็บข้อมูลในทอท.ของผู้บริหารทุกคนให้นายศรีสุข  และยุแหย่ให้พนักงานผู้บริหารแตกแยกเพื่อจะได้”ล้วง”ข้อมูล จริงบ้างแต่งเองบ้างแต่ทำให้เสียหายกันมากนักต่อนักแล้วครับ..

เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้ทอท.ต้องเสียหาย เสียชื่อเสียง เสียผลประโยชน์ เสียเปรียบในเรื่องต่างๆ ที่ไม่สมควรเสีย แต่เกิดจากพฤติกรรม การกระทำที่ไม่โปร่งใส การสร้างภาพ(แล้วฝังใจว่าคนอื่นรู้ไม่เท่าทัน) หรือเกิดจากความร่วมมือ ความบกพร่องของผู้บริหารทอท.ที่แท้จริงไม่มีความสามารถในการทำสิ่งดีๆใดๆให้ แก่องค์กรทอท.เลย

เพื่อไม่ให้มีการเลียนแบบเอาเยี่ยงอย่าง ไม่เห็นความสำคัญของส่วนรวม ไม่มองประโยชน์ทอท.เป็นหลัก  แต่ใช้ปากอ้างสร้างภาพ  แต่ไม่สนใจว่าความเสียหายที่เกิดขึ้นจากเรื่องนี้  จนทั่วโลกเขามองกลับมาถึง “ระดับความคิด” ของผู้บริหารทอท.กลุ่มนี้ ว่าทำไมประเทศไทยจึงใช้คนที่มีระดับความคิดความอ่านเช่นนี้มานั่งบริหารงาน ในองค์กรระดับชาติ อย่างทอท.?

เพราะความเสียหายอับอายไปทั่วโลกดังกล่าว แต่ประธานบอร์ดทอท. กลับมีความพยายามจะให้สัมภาษณ์สื่อ เพื่อเจตนาให้สังคมมองข้าม”ความผิดและความรับผิดชอบ”ของผู้บริหารทอท.อยู่นั่น เอง..โดยไม่เอ่ยถึงความรับผิดที่ผู้บริหารทอท.กระทำ แต่กลับมั่วพูดแต่เรื่องความขัดแย้งของผุ้ประกอบการ เหมือนกำลังจะปกปิดปิดบังหลบเลี่ยงความผิดให้แก่กัน หรือเป็นเพราะประธานบอร์ดเองรู้เห็นเป็นใจในเรื่องนี้ไม่ทราบครับ? ท่านจึง”เลี่ยง”เหลือเกิน

ทำให้ยิ่งมองเห็นความจำเป็นที่จะต้องลงโทษด้วยการ ให้ผู้บริหารทั้งสิบกว่ารายนี้ “ลาออกจากงาน” ไปก่อนจนกว่าจะพิสูจน์ได้ว่าไม่มีความผิด เพราะถ้ายังขืนปล่อยให้นั่งสัมภาษณ์แก้ตัวไปวันๆเช่นนี้ หรือสอบกับคณะกรรมการที่ล้วนแต่เป็นลูกน้องในสายพรรคภูมิใจไทยด้วยแล้วนั้น เชื่อว่าสังคม “รับไม่ได้” อีกต่อไปแล้วครับผม…

แปลกนะครับ งานการไม่ทำ เอาแต่เรื่องผลประโยชน์ แต่ยื้อกันไว้ไม่ยอมปลดไม่ยอมลงโทษ  ต่อให้นั่งกินหญ้าร่วมวงด้วยกับผู้บริหารกลุ่มนี้ ยังรู้เลยครับว่า…นี่คือต้นเหตุ”ของความทุจริตทั้งหลายในทอท.  และ

เพื่อไม่ให้มีใครเอาเยี่ยงอย่าง กระทำตนเช่นนี้อีก  ถ้าผู้บริหารทอท.กลุ่มนี้ไม่มีความผิดจริงๆ คุณก็ค่อยกลับมาทำงานแล้วกัน จะได้ไม่เที่ยวพูดกันอย่างคะนองปากอีกว่า…” สนามบินไม่ใช่ของเราคนเดียว ประเทศชาติไม่ใช่ของเราคนเดียว..โกยๆให้เยอะแล้วก็ไป  เราไม่ทำคนอื่นก็ทำ…”

ลงโทษอย่างนี้..จะได้ไม่ริพูดริทำเช่นนี้อีก ถ้าไม่พอใจกรุณา “ไสศีรษะ” ไปอยู่แผ่นดินอื่นเสีย ..อย่าเที่ยวข่มขู่จะปิดปากใคร….ใหญ่เป็นคนเดียวหรือครับ?

แต่ละคนกอบโกยโกงไปเยอะ หยุดทำงานสักพักคงไม่ทำให้อดตายหรอกนะครับ

ผมขอฝากท่านนายกนด้วยนะครับ..

ด้วยความนับถือและเชื่อมั่นท่านเสมอนะครับ

จาก นายวาซาบิ

http//hisowasabi.wordpress.com

โพสท์ใน categorized | ใส่ความเห็น

EP.780…..ก็แค่”ขู่”สร้างภาพ?..ฉึกๆๆ


ซาเล้งขู่เขย่า บอร์ดทอท. ปาร์กกิ้งโวย

โดย ASTVผู้จัดการรายวัน

ASTVผู้จัดการรายวัน- “โสภณ”ขู่พิจารณาการทำหน้าที่บอร์ด ทอท. หากผลสอบชี้ทอท.เสียหายจากปัญหาอาคารจอดรถสุวรรณภูมิ ด้าน”ปาร์คกิ้ง”ชี้ทอท.ยกเลิกสัมปทานไม่ถูกต้อง ด้านทอท.เตรียมแผนเข้าบริหารแทน

นายโสภณ ซารัมย์ รัฐมนตรีว่ากระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า หากคณะกรรมการการตรวจสอบการใช้พื้นที่ในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิและระบบการคมนาคมขนส่งที่มีนายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม ปลัดกระทรวงคมนาคมเป็นประธาน ตรวจสอบปัญหาสัญญาการบริหารลานจอดรถภายในสนามบินสุวรรณภูมิแล้วพบว่า บริษัทท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท.ได้รับความเสียหาย ก็มีความจำเป็นที่จะต้องพิจารณาการทำหน้าที่ของคณะกรรมการ(บอร์ด) ทอท.ที่มีนายปิยะพันธ์ จัมปาสุต เป็นประธานด้วย

นายธนกฤต เจตกิตติโชค กรรมการผู้มีอำนาจลงชื่อทำนิติกรรมผูกพันบริษัท ปาร์คกิ้ง แมนเนจเม้นท์ จำกัด กล่าวยืนยันว่า ที่ผ่านมาบริษัทไม่ได้ผิดสัญญา ดังนั้นการบอกเลิกสัญญาของทอท.ถือว่าผิดเงื่อนไขสัญญาประเด็นที่ระบุว่า ในระหว่างอายุสัญญา 5 ปี หากทอท.ประสงค์ขอบอกเลิกสัญญาก่อนครบกำหนด ต้องบอกกล่าวเป็นหนังสือให้ผู้รับสัมปทานทราบล่วงหน้าก่อนไม่น้อยกว่า 30 วัน ในขณะที่ทอท.ได้ลงนามในหนังสือยกเลิกสัญญาเมื่อวันที่ 6 ต.ค. 2553 และให้มีผลตั้งแต่วันที่ 11ต.ค. 2553 ดังนั้น ในวันที่ 11 ต.ค. นี้ บริษัทฯ จะไม่ออกจากพื้นที่โดยเด็ดขาด

โดยหลังจากลงนามสัญญาวันที่ 30 เม.ย. 2553 บริษัทฯไม่สามารถเข้าพื้นที่อาคารจอดรถได้ เนื่องจากมีกลุ่มคนคล้ายทหารได้รับมอบอำนาจของนายธรรศ พจนประพันธ์ เข้าไปดำเนินการควบคุมและครอบครองทรัพย์สินในพื้นที่ ซึ่งบริษัทฯได้ทำหนังสือแจ้งทอท.มาโดยตลอด แต่ทอท.ไม่ได้มีการดำเนินการใดๆ โดยหลังจากวันที่ 30 เม.ย. 2553 บริษัทฯไม่สามารถเข้าพื้นที่ได้ จึงได้มีการขอคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวของศาลแพ่งและสามารถเข้าพื้นที่ได้เมื่อวันที่ 30 ก.ค.2553

“ทอท.ไม่สามารถปฎิเสธได้และทอท.ยังปล่อยให้กลุ่มคนดังกล่าวเข้าไปเก็บค่าจอดรถเป็นเงินกว่า 80 ล้านบาท “นายธนกฤตกล่าว

ทั้งนี้ ตามสัญญา บริษัทฯจะต้องดำเนินการติดตั้งระบบสารสนเทศ 2 ส่วน คือ ระบบซอฟต์แวร์การจัดเก็บเงินอัตโนมัติ และระบบที่เกี่ยวข้องกับการรักษาความปลอดภัย (Safety) มูลค่ารวมประมาณ 45 ล้านบาท โดยได้ติดตั้งในส่วนของระบบจัดเก็บเงินอัตโนมัติเรียบร้อยแล้ว คิดเป็นการลงทุนประมาณ 20 ล้านบาท ที่เหลือยังไม่แล้วเสร็จเป็นระบบด้านรักษาความปลอดภัย ซึ่งเมื่อบริษัทฯไม่สามารถเข้าพื้นที่ได้ ทำให้ดำเนินการติดตั้งไม่ได้ โดยหลังจากเข้าพื้นที่ได้วันที่ 30 ก.ค. 53 ยังพบว่าระบบที่ติดตั้งไปแล้วได้รับความเสียหายและต้องเสียค่าใช้จ่ายในการฟื้นฟูระบบกว่า 10 ล้านบาทอีกด้วย

นายธนกฤต กล่าวว่า บริษัทปฎิบัติถูกต้องตามสัญญาแต่ไม่ได้รับการคุ้มครองจากทอท. การจัดเก็บค่าจอดรถ ระหว่าง 1 พ.ค.-29 ก.ค.53 บริษัทฯ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง แต่ทอท.อ้างเหตุบริษัทฯไม่ส่งรายได้ จึงหักหลักประกันสัญญาของธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) 66 ล้านบาท ซึ่งการหักดังกล่าวไม่น่าจะถูกต้องเพราะหลักประกันสัญญาจะหักได้ต้องยกเลิกสัญญาก่อน

แต่ทอท.กลับให้เจ้าหน้าที่ทอท.ไปเบิกเงินมาจากธนาคาร อย่างไรก็ตามขณะนี้บริษัทฯได้รับสิทธิ์ตามมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยเลื่อนการจ่ายผลประโยชน์ตอบแทนของเดือนก.ย. 53ไปเป็นเดือนธ.ค.53 แทน

***ทอท.เข้าเก็บค่าจอดรถแทนแล้ว

รายงานข่าวแจ้งว่า (วานนี้ 7 ต.ค.) เวลาประมาณ 18.30 น. ทอท.ได้ให้เจ้าหน้าที่ของทอท. เข้าไปดำเนินการจัดเก็บค่าจอดรถแทนเจ้าหน้าที่ของปาร์คกิ้งฯ แล้วหลังจากเมื่อวันที่ 6 ต.ค. นายสมชัย สวัสดีผล รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ทอท. (สายงานวิศวกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศ) ในฐานะรักษาการกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ทอท.ได้ลงนามในหนังสือแจ้งยกเลิกสัญญาสัมปทานบริหารอาคารจอดรถท่าอากาศยานสุวรรณภูมิกับบริษัทปาร์คกิ้งฯโดยการยกเลิกมีผลตั้งแต่วันที่ 11 ต.ค. 53

***ทอท.พร้อมเข้าพท.เก็บค่าจอดรถใน72 ชม.หลังเลิกสัญญา

ด้านว่าที่ ร.ท.อนิรุทธิ์ ถนอมกุลบุตร ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิทอท.กล่าวว่า ทอท.ได้เตรียมความพร้อมแผนดำเนินการสำหรับการเข้าไปจัดเก็บค่าจอดรถหลังจากยกเลิกสัญญาสัมปทานบริษัทปาร์คกิ้งตั้งแต่วันที่ 11 ต.ค. 53 ภายใน 72 ชั่วโมง

งั้นผมขอถามต่อนะครับว่า..จะมั่นแน่ใจได้อย่างไรครับว่า เงินสดค่าจัดเก็บจะไม่หายไปไหน เพราะนายอนิรุทธ์เอง ก็คือหนึ่งในผู้บริหารที่ต้องร่วมรับผิดชอบในกรณีของปาร์คกิ้งฯด้วย และยังฉาวด้วยการเปิดทางให้กลุ่มชุดดำเข้ามาในวันที่ 1 ตุลาที่ผ่านมา

เพราะยืนยันแล้วว่ามีพี่ชายของนายอนิรุทธ์ร่วมด้วย ทั้งที่ไม่ได้เป็นผูัประกอบการใดๆในเรื่องนี้ จะแน่ใจหรือครับว่าเงินจะไม่หาย เมื่อนายอนิรุทธิ มีส่วนในเรื่องทุจริตมาตั้งแต่ดอนเมือง จนถึงการควบคุมรปภ.ในสุววรณภูมิก่อนหน้านี้..?

เงินสดจากการจัดเก็บของทอท. เคยหายวันละหลายแสนบาทมาตลอดเวลาทุกครั้งที่จัดเก็บเอง ลุกน้องนายอนิรุทธ์เองก็ล้วนแต่รับสินบน ทุจริตวางอำนาจข่มขู่ทุกคน..?แบบนี้ไม่ใช่แล้วครับท่าน..! จนบัดนี้เงินทีหสยไปวันละกว่าสองแสนในช่วงที่นายอนิรุทธ์ นายเสรีรัตน์ และลุกน้องดูแลในครั้งก่อน เงินไม่ได้เข้าบริษัทครบๆครับ  ถามว่าเงินหายไปไหนวันละกว่าสองสามแสนบาทครับ? ไม่มีใครตอบได้…แล้วยังจะให้ทีมนี้จัดเก็บเงินสดหรือครับ? ช่วยกันหรือไงท่าน?…

สื่อช่วยตีข่าวนี้ด้วย สหภาพหาข้อมูลด้วยครับ ช่วงนั้นเงินหายไปเข้ากระเป๋าใครครับ? นายอนิรุทธ์และลุกน้องจึงสร้างบ้านใหม่อย่างครึกโครมเรียงตัว ปปง.ตรวจสอบลูกน้องนายอนิรุทธ์ได้เลยนะครับผมท้า..!

โพสท์ใน categorized | ใส่ความเห็น

EP.ึ779..”คนไทย”ไม่โง่ รู้ทันผู้บริหารทอท.หมดแล้ว..!


9/10/2553

แฉคนของนักการเมืองอีสานใต้เจ้าของพรรคภูมิใจไทยอยู่เบื้องหลัง เอาสัมปทานที่จอดรถสนามบินสุวรรณภูมิเร่ขายเอกชน 2 รายซ้ำซ้อนกัน ระบุ ทอท.รู้เห็น พอเกิดเรื่อง แทนที่จะยกเลิกทันที กลับปล่อยไปเรื่อยๆ แล้วหักเอาเงินค้ำประกันจากเอกชน ขณะเดียวกันก็ปล่อยมาเฟียนักการเมืองเก็บเงินเข้ากระเป๋าตัวเอง จวก แผน”ซาเล้ง”ขึ้นป้ายดันรถเมล์ 4 พันคัน ถามโง่ๆ อยากได้รถเมล์เก่าหรือรถเมล์ใหม่ ท้าแน่จริงขึ้นป้าย “อยากได้นักการเมืองโกงหรือนักการเมืองดี”


รายการเมืองไทยรายสัปดาห์ ออกอากาศทาง เอเอสทีวี ทุกวันศุกร์ ช่วงเวลา 20.30-22.30 น. วันศุกร์ที่ 8 ตุลาคม 2553 นายสนธิ ลิ้มทองกุล นางจินดารัตน์ เจริญชัยชนะ และนางสาวสโรชา พรอุดมศักดิ์ ดำเนินรายการ

ช่วงที่ 2

สโรชา – กลับเข้าสู่เมืองไทยรายสัปดาห์นะคะ ตั้งแต่เราเป็นเมืองไทยรายสัปดาห์ มาจนกระทั่งมาเป็นพันธมิตรฯ มาเป็นยามเฝ้าแผ่นดิน จนกลับมาเป็นเมืองไทยรายสัปดาห์อีกครั้ง เราพูดถึงเรื่องของสนามบินสุวรรณภูมิหลายต่อหลายครั้งเหลือเกิน มหากาพย์แห่งการโกงของประเทศไทย รวมตัวกันอยู่ที่สนามบินสุวรรณภูมิ ล่าสุดมันก็มีภาพออกมา ซึ่งจะเรียกได้ว่า Amazing Thailand ก็ว่าได้นะคะ เพราะว่าในประเทศอื่นไม่เคยเห็นสิ่งเหล่านี้ ชายฉกรรจ์ 200 คน แต่งชุดดำ เข้าไปยึดที่จอดรถของสนามบินสุวรรณภูมิ เหตุเกิดขึ้นมาก็เพราะว่าคนสนิทของนักการเมือง นำเรื่องของการจัดเก็บค่าจอดรถไปเร่ขายนักลงทุน นักลงทุนปรากฏว่ามี 2 เจ้าที่เข้ามาลงทุนในโครงการนี้ ลงทุนเสร็จปรากฏว่ามันทับซ้อน ในที่สุดแล้วทั้งสองเจ้าก็แย่งกันในการเก็บค่าจอดรถ

จนในที่สุดแล้วมีชายฉกรรจ์มายึดที่จอดรถ จนส่งผลให้ทาง ทอท.ได้ออกมาประกาศที่จะยุติสัมปทาน ยกเลิกสัมปทานทั้งหมด โดยอ้างว่าปัญหาเยอะ 2 เจ้าตกลงกันไม่ได้เสียที เอาเป็นว่ายกเลิกสัมปทานแล้วกัน เดี๋ยวเรามาประมูลกันใหม่

คำถามก็เกิดว่า มันเกิดขึ้นได้อย่างไร แล้วจริงๆ แล้ว ทอท.ก็ปล่อยให้มันเกิดอยู่ตั้งนาน เรื่องเกิดมาตั้งแต่มีนาคม-เมษายน ปีนี้ นะคะ แล้วก็เป็นเเรื่องถกเถียงกันระหว่าง 2 นิติบุคคล จนกระทั่งในที่สุดแล้วก็เกิดเหตุการณ์ภาพอย่างที่เห็นนี่ล่ะค่ะ ว่ามีชายฉกรรจ์มายึดพื้นที่ลานจอดรถของสนามบินสุวรรณภูมิ ที่เก็บไป เก็บค่าจอดรถไป ตามสัมปทานแล้วต้องส่งต่อให้กับ ทอท. แต่ในที่สุดปรากฏว่า เก็บได้ช่วงระยะเวลาหนึ่ง เขาบอกว่าในเวลาเพียงไม่กี่วัน เก็บได้ 60 ล้านบาท ในที่สุดก็ไม่รู้นะคะว่าไปที่ไหน เพราะว่าไม่ได้ส่งต่อให้กับ ทอท.

จินดารัตน์ – คือถ้าคุณผู้ชมใช้บริการสนามบินสุวรรณภูมิ แล้วเอารถไปจอด ขาออกตอนจ่ายตังค์ค่าจอดรถ มันจะมีหลายช่องนะคะที่ออกไป จะมีช่องปกติที่มีพนักงาน และจะมีช่องไม่ปกติซึ่งมีชายฉกรรจ์ยืนอยู่กลุ่มหนึ่งประมาณสัก 10 คน เขาจะเรียกรถทางนี้ๆๆ เขาจะใช้วิธีแบบนี้ คือเมื่อก่อนมันยังไม่เกิดเรื่องนี้ เราก็เอ๊ะ ช่องนี้มันช่องพิเศษอะไร เพิ่งมาถึงบางอ้อว่า อ๋อ มันเกิดปัญหาแบบนี้กัน ความเลวทั้งหมดที่มันเกิดขึ้นก็เพราะคนใกล้ชิดนักการเมืองนี่ล่ะ เอาสัญญาสัมปทานที่ว่าไปเร่ขาย ปรากฏว่าตอนนี้ ถามว่า ทอท.นิ่งเฉยอยู่ตั้งนานได้อย่างไร เขาบอกว่าก็ไม่เดือดร้อน เอาเงินค้ำประกันที่บริษัททั้งสองมาทิ้งไว้ให้ หักไปทีละวันๆ สิ ไม่ส่งฉันก็หักจากเงินนี้ ฉันไม่เดือดร้อน สุดท้ายพอเรื่องมันแดง คุณปิยะพันธ์ จัมปาสุต ก็เลยบอกยกเลิก เอาใหม่ๆ ประมูลใหม่ได้หรือคะ มันเหมือนรถเข็นง่อยๆ ห่วยๆ ในสนามบิน มันเหมือนระบบ รปภ.ที่เราเคยมีปัญหา มันเหมือนอีกหลายต่อหลายเรื่อง คุณสนธิคะ วันนี้เราจะถึงขั้น เราจะทนรับสภาพแบบนี้ไปได้อีกนานแค่ไหน

สนธิ – ถามผมได้อย่างไร ต้องไปถามคุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ คุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ท่านอาจจะเตรียมตั้งคณะกรรมการ

จินดารัตน์ – ขึ้นมาสอบ

สโรชา – อีกแล้วครับท่าน

สนธิ – มาตรวจสอบข้อเท็จจริง แต่มันมีข้อคิด แอน กับแอ้ม เรื่องที่จอดรถ ทอท. ผมไม่อยากให้มองเฉพาะจุด เป็นเฉพาะที่จอดรถ ถ้าจะพูดเรื่อง ทอท.อย่างเดียวในขณะนี้ ก็ต้องถามคำถามซึ่งผมคิดว่ายังไม่มีใครถาม ผมไม่เชื่อว่า ทอท.ไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้น เพราะว่าการท่าอากาศยานแห่งประเทศไทยนั้น ขึ้นอยู่กับนายโสภณ ซารัมย์ ก็คือรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม นายปิยะพันธ์ จัมปาสุต ก็รู้สึกจะไม่ได้เป็นแค่ประธาน ทอท.อย่างเดียวนะ แต่เป็นประธาน ขสมก.ด้วยใช่ไหม

จินดารัตน์ – ใช่ค่ะ แล้วอดีตคงจำกันได้

สนธิ – อดีตจำกันได้ นายปิยะพันธ์ จัมปาสุต ก็คือคนของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อย่างเต็มตัว ที่มีเรื่องมีราวเป็นอดีตนายกสมาคมรัฐศาสตร์แห่งประเทศไทย

จินดารัตน์ – ของจุฬาฯ

สนธิ – ของจุฬาฯ แล้วออกมาพูดเชียร์ทักษิณเต็มที่ ผมคิดว่าประการแรก ทอท.ถูกอิทธิพลของนักการเมืองสายพรรคภูมิใจไทย เพราะในเมื่อขึ้นอยู่กับกระทรวงคมนาคม คุณปิยะพันธ์ไม่ได้เป็นใครหรอก นอกจากเป็นคนของภูมิใจไทย แล้วนักการเมืองที่ให้ลูกน้องตัวเองเอาสัมปทานไปเร่ขาย ก็เป็นลูกน้องของคนที่เป็นเจ้าของพรรคภูมิใจไทย ก็เป็นคนทางจังหวัดภาคอีสานใต้ อดีตก็มีตำแหน่งแห่งที่เป็นเสนาบดีในรัฐบาลครั้งหนึ่ง จนกระทั่งโดนศาลรัฐธรรมนูญพิพากษาว่าให้หมดสิทธิ์ในการดำรงตำแหน่งทางการเมือง ถามว่าเขาได้สัมปทานมาอย่างไร เขาก็ต้องได้สัมปทานมาจากอิทธิพลของนักการเมืองนั่นเอง เมื่อได้ไปแล้ว บอร์ด ทอท.ก็ต้องรู้อยู่แล้วว่าคนๆ นี้ได้สัมปทานไป คนๆ นี้เอาสัมปทานให้ลูกน้องตัวเองไปเร่ขายกับ 2 เจ้า อย่างที่แอ้มบอก โดยที่ 2 เจ้านั้นไม่รู้กันเลยนะ

สโรชา – ไม่รู้ว่ามีอีกเจ้าหนึ่ง

สนธิ – ไม่รู้ว่ามีอีกเจ้าหนึ่ง ผมถึงบอกว่า มันก็ใช้ได้เหมือนกับคำว่าความโง่ไม่เข้าใครออกใครเลยนะ มันเข้าไปทุกจุดเหมือนกันนะ มันไม่จำเป็นต้องเข้าเสื้อแดงอย่างเดียวนะ ก็คือว่า พอมันเข้าไปปั๊บ ประเด็นสำคัญก็คือว่า ทอท.รู้เห็นเป็นใจอยู่แล้ว เพียงแต่ว่า เรื่องมันแดงขึ้นมา พอเรื่องมันแดงขึ้นมาแทนที่จะยกเลิกสัมปทานไปเลย ก็ถือว่า ในเมื่อมีเงินค้ำประกันอยู่แล้ว ก็ให้ทำไปเรื่อยๆ ก็หักออกจากเงินค้ำประกัน ในขณะซึ่งหักออกจากเงินค้ำประกัน ไอ้ฝ่ายมาเฟียของพวกนักการเมืองนั้น มันก็เก็บเงินไปด้วย คือพูดง่ายๆ ทอท.สมรู้ร่วมคิดให้ไอ้พวกมาเฟีย และพวกนักการเมือง ที่ได้สัมปทานไป เก็บเงินเข้ากระเป๋าตัวเอง แล้วเขาบอก ทอท.เสียประโยชน์ เขาก็จะเถียงว่าไม่เสียอะไรนี่ ก็หักออกจากเงินค้ำประกัน ก็คือสรุปง่ายๆ ว่างานนี้คือการสมรู้ร่วมคิดของคณะกรรมการการท่าอากาศยานแห่งประเทศไทย ร่วมมือกับนักการเมือง ซึ่งเป็นลูกน้องของเจ้าของพรรคภูมิใจไทย เพื่อที่จะไซฟ่อนเงินออกไป โดยที่ ทอท.ก็ไม่เสียประโยชน์ เพราะว่าไปหักออกจากตรงนั้น คนที่ซวยก็คือ ไอ้นักธุรกิจ 2 คน นั่นคือข้อแรก อันนี้ก็เลยพิสูจน์ชัดว่าการฉ้อราษฎร์บังหลวง และการคอร์รัปชั่นในยุคของสนามบินสุวรรณภูมิในขณะนี้ไม่ได้ด้อยหรือน้อยไปกว่าสมัยที่ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นนายกฯ จะต่างกันตรงที่ว่าสมัยคุณทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกฯ นั้นเป็นสมัยของการก่อสร้าง จะมีการฉ้อราษฎร์บังหลวงในช่วงของการก่อสร้าง แล้วการให้สัมปทานตอนนั้นก็คิดแปะเจี๊ยะมา คิดเงินใต้โต๊ะที่เข้ากระเป๋าตัวเอง แต่หลังจากนั้นก็มีการฉ้อราษฎร์บังหลวงต่อ ไม่ว่าจะเป็นของการที่ให้ย้ายสนามบินดอนเมือง กลับมาอยู่สุวรรณภูมิ เพื่อเป็นข้ออ้างในการสร้างเทอร์มินอล3 เพื่อจะคอร์รัปชั่นเรื่องค่าก่อสร้างอีก อันนี้เห็นได้ชัด ไม่ได้ต่างจากกรณีรถเมล์ NGV 4,000 คัน เห็นได้ชัด

คำถามวิเคราะห์ข้อที่ 2 มีอยู่อย่างนี้ว่า ด้วยเหตุผลของการปะทะกันในระหว่างของผู้ซึ่งเกี่ยวข้อง เหมือนกับมีแก๊งมาเฟียอันธพาลเข้าไปแย่งรัฐทำมาหากิน ถึงแม้ ทอท.จะอ้างว่าตัวเองหักเงินออกจากเงินประกันได้ก็จริง แต่โดยกรอบประเพณีและวิธีการแล้ว คุณจะปล่อยให้คนข้างนอกมาตั้งโต๊ะเก็บเงิน เก็บเงินอีกช่องได้ยังไง มันทำไม่ได้อยู่แล้ว เมื่อทำไม่ได้แสดงว่า อิทธิพลของพรรคการเมืองพรรคนั้น ครอบคลุมจนถึงตำรวจภูธรภาค 1 คือตำรวจที่นั่นคือ สภ.อ.ราชาเทวะ

สภ.อ.ราชาเทวะ ขึ้นกับตำรวจภูธรภาค 1 ล่าสุด ใครเป็นนายพลที่รักษาการตำรวจภูธรภาค 1 พล.ต.ต.ศรีวราห์ เข้าใจรึยัง ต้องอ่านเกมให้ทะลุ พล.ต.ต.ศรีวราห์ เป็นคนของนักการเมืองสายพรรคภูมิใจไทย ที่ยังไม่ได้รับการแต่งตั้ง เหตุผลเพราะตัวเองถูก พล.ต.อ.เสรี เตมียเวส กล่าวหากล่าวโทษไปยังนายกรัฐมนตรีว่า ฉ้อฉลเวลาในการไปปฏิบัติราชการภาคใต้ เพื่อเอาเวลาทวีคูณนั้น เอามาบวกเวลาเก่าที่ตัวเองมี เพื่อให้ตัวเองมีอาวุโสพอที่จะเป็นผู้บัญชาการได้ แต่ขณะที่ตัวเองอ้างว่า ตัวเองไปปฏิบัติราชการภาคใต้ ตัวเองยังไปเรียน วปอ.ด้วย พล.ต.อ.เสรี ก็บอกว่า คุณจะเรียนทั้ง วปอ. และไปทำงานภาคใต้ได้ยังไง แสดงว่าคุณฉ้อฉลเวลา

เพราะฉะนั้นแล้ว คุณจะเห็นได้ชัด เมื่อเห็นได้ชัดอย่างนี้ ขยับภาพนี้ให้มันใหญ่ขึ้น นี่แค่จุดๆ หนึ่งนะ เมืองไทยตอนนี้เป็นอย่างนี้หมดแล้ว เข้าใจยัง เมื่อเมืองไทยเป็นอย่างนี้หมดแล้ว เหมือนอย่างที่ผมเล่าให้คุณแอนฟังวันนี้ ว่า วันนี้มีเจ้าหน้าที่สถานทูตญี่ปุ่น 2 คน มาพบผม มาถามผม พอพูดเรื่องนี้หัวเราะทันที ก็มาพูดภาษาอังกฤษ สไตล์ญี่ปุ่น อาโน มิสเตอร์สนธิ ดิส อิส ช็อกกุ ช็อกกุคือ ช็อก (Shock) แต่คำว่าช็อก ภาษาญี่ปุ่นต้องมี กุ ต่อ ผมก็ฟังเกือบตาย แกก็อยากรู้เรื่องเมืองไทย ผมก็เลยพยายามอธิบายเหตุการณ์ในเมืองไทยให้ฟังเป็นเรื่องๆ ไป อธิบายไป จนเยอะแยะไปหมด แกก็ จู่ๆ แกก็บอกว่า I’m sorry มิสเตอร์สนธิ แล้วก็หันไปหาเลขาเอกของแก แล้วแกก็พูดภาษาญี่ปุ่นกัน พูดตั้งนานเลย และหันกลับมา และบอกว่า sorry I don’t understand ที่ผมพูดไปครึ่งชั่วโมงแกไม่เข้าใจเลย ผมก็เลยไม่รู้จะพูดยังไง ผมเลยบอกแกอย่างนี้ ผมว่าเอาอย่างนี้ดีกว่า สถานการณ์เมืองไทยตอนนี้ ถ้ามองย้อนหลังไปประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น เหมือนสถานการณ์ในยุคก่อน ยุคสมัยราชวงศ์เมจิ ผมบอกว่า ยู รู้ เมจิ yes yes I know เมจิ ผมบอกว่า ก่อนที่เมจิจะเกิดขึ้น หรือก่อนที่จะมีโชกุน โตกุกาว่า เป็นผู้รวมญี่ปุ่น สมัยนั้น ผมบอกว่า ญี่ปุ่นมีแก๊งหลายแก๊งใช่ไหม มีแก๊งอันนี้ มีแก๊งนู้น ในที่สุดแล้ว โชกุน โตกุกาว่า ก็เลย แต่ละแก๊งก็มีกองทัพตัวเอง ไม่พอใจคนนี้ล้ำเส้นก็ยกทัพไปตี ตีเสร็จไอ้นี่ถอย ไอ้นี่แพ้ ก็ไปรวมกับไอ้นี่

จินดารัตน์ – ก็เหมือนสามก๊กนะเหรอคะ

สนธิ – ไม่เหมือนสามก๊ก เหมือนประเทศไทยตอนนี้ สนั่น ขจรประศาสน์ เดินสายเพื่อเอาพรรคพวกนี้มารวมตัวกัน เอาบรรหาร ชาติไทย ขณะเดียวกัน เพื่อแผ่นดินจะเข้ามาร่วมกับประชาธิปัตย์ เพื่อเตะภูมิใจไทยออก นึกออกรึยัง เข้าใจไหม มันเหมือนกันเลย จนกระทั่งในที่สุด โชกุน โตกุกาว่า เห็นว่า ญี่ปุ่นเป็นอย่างนี้ต่อไปไม่ได้ แล้วจักรพรรดิ์ ซึ่งอยู่ที่เมืองเอโดะ ก็มีความรู้สึกเป็นจักรพรรดิ์ที่ไม่มีอำนาจ โชกุนเป็นคนที่มีอำนาจ โชกุนเลยปราบทุกแก๊ง ปราบหมด และรวมทุกคนให้เข้าไปอยู่ในที่เดียวกัน ความเป็นเอกภาพอันเดียวกันหมด โตกุกาว่า เลยเป็นโชกุนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นคนหนึ่ง ญี่ปุ่นเลยเริ่มมีเสถียรภาพมาตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นไป ทูตญี่ปุ่นคนนี้ก็บอกว่า แล้วใครจะเป็นโชกุน โตกุกาว่า ในเมืองไทย ผมบอก กูไม่รู้หรอก ผมบอกกู้รู้อยู่อย่างเดียว ว่าลักษณะเมืองไทยตอนนี้ ก็เหมือนลักษณะก่อนราชวงศ์เมจิจะเกิดขึ้นที่ญี่ปุ่น มันเลยเข้าใจ

เพราะฉะนั้นแล้ว จะเห็นได้ชัดว่า มันเกิดขึ้นได้ยังไง มันเกิดขึ้นได้ยังไงในที่จอดรถ โดยตำรวจไม่ทำอะไร ไม่ใส่ใจ โดยที่ ทอท.รู้อยู่แล้วว่า มีการจะปะทะกัน ทอท.ก็ไม่ยกเลิกสัมปทาน แล้ว ทอท.ไม่ยกเลิก ยังไม่เท่ากับเมื่อมีแก๊งชุดดำปะทะกัน ทอท. ต้องแจ้งตำรวจ และตำรวจก็ไม่เข้าไปทำอะไร ถึงเข้าไปทำอะไร ก็ไปทำกับอีกฝ่าย ซึ่งเป็นฝ่ายตรงกันข้าม ไปจับปืนฝ่ายตรงข้ามเพื่อให้ฝ่ายตรงข้ามไม่มีอาวุธ และอีกฝ่ายจะได้มีอาวุธ นี่คือลักษณะตำรวจไทย เหมือนกับที่คลองเตย จำได้ไหม มีกลุ่มหนึ่งไปประมูลที่ที่คลองเตยได้ แล้วมาขึ้นราคา พ่อค้าแม่ค้าที่อยู่ต่อเขาไม่ยอม ก็สู้กัน มีการยิงกัน ไล่ฆ่ากัน ทั้งหมดนี้มันมาจาก เสธ.เกเร ทหารเกเร ทั้งนั้นเลย แล้วพวก เสธ. พวกทหารหลายคนนี่ก็ขึ้นอยู่กับหัวหน้าแก๊ง ซึ่งเป็น เสธ.ใหญ่ มีหลายๆ เสธ. แล้วพวกเสธ.ใหญ่พวกนี้ก็เป็นพวกมีกองกำลังของตัวเอง ไอ้ที่ระเบิดหรือที่ยิงกันที่ราชประสงค์ หรือที่มีเรื่องมีราว แม้กระทั่งยิงปืน M79 ใส่เรา บางส่วนก็เป็นพวกกระเฬวราก ที่อยู่ภายใต้ เสธ. เสธ.เป็นคนสั่งมา คุณแอนเริ่มเห็นหรือยังตอนนี้ นี่คือเมืองไทยไง เพราะฉะนั้นแล้วเหตุการณ์ที่สนามบินสุวรรณภูมิ มันเป็นภาพสะท้อน ภาพสะท้อนของเมืองไทย การระเบิดที่เมืองนนท์ ก็เป็นภาพสะท้อนของความไม่มีเสถียรภาพในเมืองไทย วันนี้รัฐบาลก็ไม่ได้ทำอะไร ก็ปล่อยให้ตำรวจทำ โชคดีอยู่อย่างเดียวคือ ภาค 5 ที่มี พล.ต.ต.ชัยยะ ศิริอำพันธ์กุล มี พล.ต.ต.สมหมาย กองวิสัยสุข ที่เชียงใหม่ ยังมี พล.ต.ต.ท.ทรงธรรม อัลภาชน์ ยังแข็งอยู่ ซึ่งสามารถที่จะจัดการกับปัญหาต่างๆ ได้ แต่ว่าเมืองไทยมันไม่ได้มีแค่กองบัญชาการภาค 5 อย่างเดียว เมืองไทยมันมีภาค 1 ภาค 2 ภาค 3 ภาค 4 ภาค 6 ภาค 7 ภาค 8 ก็เอาอย่างนี้ดีกว่า เขาแข็งขนาดไหน ที่ภาค 5 จนกระทั่งพวกกลุ่มเสื้อแดง แกนนำเสื้อแดง จะประชุมแกนนำเสื้อแดงที่เชียงใหม่ พวกเชียงใหม่ประชุมกัน ไม่ล้าประชุมที่เชียงใหม่ มาประชุมที่พิษณุโลก ภาค 6 หนีจากภาค 5 มาจุมพิตภาค 6 แสดงว่าอะไรรู้ไหม แสดงว่าถ้าตำรวจเอาจริง อะไรมันก็เอาอยู่ แต่มีคำถามต่อว่า แล้วทำไมตำรวจภาค 1 ไม่เอาจริง เพราะตำรวจภาค 1 มันขึ้นอยู่กับนักการเมืองคนหนึ่ง ตำรวจภาค 2 ก็จะขึ้นอยู่กับนักการเมืองคนหนึ่ง ตำรวจภาค 3 ภาค 4 อีสานเหนือ อีสานใต้ ก็ขึ้นอยู่กับนักการเมือง คนเดียวกับที่คุมภาค 1 ตำรวจภาค 3 ภาค 4 เขาระบุเลยนะว่า เขารู้ทันทีเลยนะว่าใครจะเดินทางมาจาก จ.เลย มาเป็นผู้การ จ.อุดรฯ แล้วเขารู้ทันที เพราะว่าผู้การเลยเป็นคนของนักการเมืองคนนั้น ด้วยเหตุนี้เราก็เลย มันเหมือนกับบ้านเรามี War lord ขุนศึกเยอะเหลือเกิน มีขุนศึกภาคนี้ ขุนศึกกลุ่มนี้ ขุนศึกพรรคการเมืองนี้ ขุนศึกโน้นขุนศึกนี้ ภาคอีสาน จ.โคราช หลายคน สุวัจน์ ลิปตพัลลภ ก็รวมตัวกัน สู้กับบุญจง ซึ่งเป็นคนของภูมิใจไทย ทางภูมิใจไทยก็เลยต้องย้ายผู้ว่าฯ ซึ่งเป็นคนของตัวเอง เอามาเพื่อปราบสุวัจน์พวกนี้ เห็นหรือยัง เพราะฉะนั้นข้าราชการเมืองไทยก็เลยกลายเป็นเครื่องไม้เครื่องมือของพวกขุนศึกทั้งหลาย แล้วขุนศึกษาทั้งหลายมีอำนาจวาสนามาจากไหน ก็มาจากการเมือง การเมืองมาจากไหนก็คือการซื้อสิทธิ์ขายเสียง เพื่อเอาเข้ามานั่งในนี้ เพราะนั้นแล้วการเมืองเลยต้องรวมตัวกัน และไหลโยกย้าย ไหลเทไป ระหว่างซึ่งยังตกลงกันไม่ได้ ไม่มีใครมีอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาด มันก็จะเกิดพวกขุนศึกต่างๆ เยอะแยะไปหมด และมันไม่มีวันที่จะมีอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาด เพราะตราบใดที่ยังต้องพึ่งพากันอยู่ ตราบใดที่ยังร่วมกัน ตราบใดที่พี่เติ้งของเรา ที่สุพรรณ ส่งพี่หนั่นของเราจาก จ.พิจิตร ทำตัวเป็นจระเข้ เลื้อยไปเลื้อยมา ไปคุยคนนู้นคนนี้ วันดีคืนดี พี่หนั่นจะกลายเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ยุ่งตายห่าอีกแหละ งงไปหมดเลย

จินดารัตน์ – แต่ไม่ใช่ว่าเกิดไม่ได้นะ

สนธิ – เกิดขึ้นได้ ไม่ใช่เกิดไม่ได้ เพราะฉะนั้นจะเห็นได้ชัดว่า การเมืองทุกวันนี้ ที่มันโทษจะต้องใช้คำว่า บัดซบ เลวทรามต่ำช้า เพราะว่า นักการเมืองเท่านั้นเป็นต้นเหตุ ที่จอดรถสุวรรณภูมิเกิดขึ้นเพราะใคร ก็ไม่ใช่เพราะนักการเมืองซังกะบ๊วยคนนี้หรือ ที่เป็นลูกน้องนักการเมืองใหญ่ ที่นักการเมืองใหญ่มันมีลูกน้องคุมการท่าอากาศยาน แล้วลูกน้อง คนนี้ นักการเมืองซังกะบ๊วยคนนี้เลยไปขอสัมปทานลูกพี่มัน

สโรชา – นักธุรกิจเขาบอกว่า พอเกิดปัญหา หลอกให้เขาลงทุนซ้ำซ้อนกับคนอื่นแล้วไม่พอ พอเกิดปัญหาแล้วมีเสธ.คนหนึ่ง มาหาเขา บอกว่า เอามาร้อยล้าน เดี๋ยวเคลียร์ปัญหาให้ นั่นคือสาเหตุที่เรื่องมันแดงขึ้น เพราะเขาไม่ยอมจ่ายเพิ่มอีก 100 ล้าน

จินดารัตน์ – ทั้งที่ก่อนหน้านั้น เขาจ่ายไป 20-30 ล้านแล้วนะ ไม่ใช่น้อยๆ และจะมาเอาของเขาอีก 100 ล้าน

สโรชา – เขาบอกว่า 100 ล้านเคลียร์ปัญหาจบ เขาบอก และนักธุรกิจไม่ยอมจ่าย เลยเป็นปัญหา

จินดารัตน์ – ตำรวจต้องถอนแจ้งความเลยนะ เขาบอกว่า เขากลัวนักธุรกิจ 2 คนนี้จะฟ้องกลับ หาว่ากลั่นแกล้ง ตอนแรกตำรวจไปช่วยแหละ นะ ไปช่วยบรรดาชายฉกรรจ์ทั้งหลาย แต่ขอฝากนิดนึง คุณสนธิ ขออนุญาตนะคะ มีแท็กซี่เขาร้องเรียนมา เดี๋ยวนี้เรากลายเป็นที่พึ่งของแท็กซี่ไปด้วย เขาบอก เขาไปจอดรถรับผู้โดยสารที่แอร์พอร์ตลิงก์ สถานีลาดกระบัง แล้วมันมีคนเดินเก็บส่วยแท็กซี่คันละ 20 30 ทุกวัน แล้วเขาบอกว่าให้ช่วยดูหน่อย ตำรวจเขาว่างมากนะคะ สน.ลาดกระบัง ช่วยดูหน่อย แล้วคนที่ไปเก็บ ไม่ใช่ตำรวจในพื้นที่ด้วย เขาแบ่งพื้นที่กันกินแบบนี้เลยนะ ฝากบอกหน่อยนะคะ เพราะว่าอย่าปล่อยทิ้งไว้ ถ้าปล่อยทิ้งไว้ จะมีคนแอบเอากล้องไปถ่าย จะลำบาก

สนธิ – เมืองไทยนะแอน คุณโตไม่ทัน ผมโตทัน แต่ผมก็ไม่ได้โตไรมากนัก เพราะอายุยังไม่มากเท่าไร เมืองไทยวันนี้ มันเหมือนยุคก่อนจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ กุ๊ย อันธพาล นักเลงในเครื่องแบบ เต็มบ้านเต็มเมืองไปหมด ยิ่งใหญ่กันมาก ยิ่งใหญ่กันมากเลย แม้กระทั่งข้าราชการที่คิดว่า ไม่น่าจะเป็นไปได้ ก็อยู่เบื้องหลังพวกกุ๊ยอันธพาลทั้งหลาย สมัยก่อน สมัยผมหนุ่มๆ ผมไม่เคยเห็นเลยนะข้าราชการทำตัวแบบนี้ แต่สมัยนี้ข้าราชการอยู่เบื้องหลังคนโน้นคนนี้หมด เพราะฉะนั้นแล้วเมืองไทยขณะนี้กุ๊ยเต็มเมือง อันธพาลเต็มเมือง แล้วกุ๊ย อันธพาลมีที่มาที่ไปนะ คนที่อยู่เบื้องหลังกุ๊ย อันธพาล คอยให้การปกป้องคือ นักการเมือง ทั้งนั้น เพราะฉะนั้นแล้วชาติบ้านเมืองอยู่ต่อไปไม่ได้แล้วแบบนี้ ไม่มีทาง มันต้องมีการเปลี่ยนแปลง ผมยังยืนยันว่า นักการเมืองปัจจุบันต้องหยุด ต้องเลิกเล่นการเมือง 5 ปี ไปทำมาหากินอะไรก็ตาม คอร์รัปชั่นไปก็เยอะแล้วก็ใช้เงินคอร์รัปชั่นอยู่กันเฉยๆ แล้วถึงเวลาปฏิรูปบ้านเมือง วันนี้เราต้องหยุดปฏิรูปการเมือง แต่เราต้องมาจัดระเบียบสังคมซะใหม่ ต้องเริ่มจากการจัดระเบียบสังคมซะก่อน ถ้าเราไม่จัดระเบียบสังคมที่ใครควรอยู่ตรงไหนต้องอยู่ตรงนั้น เราจะมีกุ๊ย มีนักเลงภายใต้เครื่องแบบ มีอันธพาลทั้งหลายเดินเต็มบ้านเต็มเหมืองหมด ถ้าเราจัดระเบียบสังคม ใครเป็นกุ๊ยจับเข้าคุกหมด ใครเป็นอันธพาลจับเข้าคุกหมด เสร็จเรียบร้อยเราค่อยมาปฏิรูปประเทศไทยว่าเราจะปฏิรูปกันอย่างไร

สโรชา – ฟังๆ ดูเหมือนจะต้องทำให้ตำรวจพึ่งได้

สนธิ – ต้องทำให้ตำรวจพึ่งได้

สโรชา – ในกรณีที่ดึง 11 นักรบของเสื้อแดงมาเป็นพยานได้ เขาบอกต้นตอเพราะพลเมืองดีไว้ใจตำรวจที่ย้ายไปใหม่แล้วมาบอกว่ามันผิดปกติ เป็นคนนอกเข้ามาในพื้นที่ แล้วเข้าไปตรวจสอบ จริงๆ เป็นอย่างนั้นจริงๆ แต่ส่วนใหญ่ไม่เป็นอย่างนั้น เขาไม่ไว้ใจ เพราะเขาพูดไปตำรวจอาจจะเล่นงานเขาด้วยซ้ำไป

จินดารัตน์ – ทั้งหลายทั้งปวงที่คุยกันมาหลายสัปดาห์ ถ้าคุณผู้ชมประมวลภาพ ทุกอาทิตย์จะมีคำพูดหนึ่งของคุณสนธิทุกครั้ง คือปัญหาทั้งหมดเกิดขึ้นมาจากนักการเมืองแต่เพียงผู้เดียว

สนธิ – นักการเมืองทั้งนั้น นักการเมืองทั้งนั้นเลย

จินดารัตน์ – ตำรวจจะพึ่งได้ไม่ได้ แหมติดใจป้ายโฆษณาของ “น.1พึ่งได้” งั้น น.อื่นก็พึ่งไม่ได้

สโรชา – พึ่งไม่ได้ตัวใครตัวมัน

สนธิ – นักการเมืองบางคนใช้ทริกโง่ๆ ที่คิดว่าคนไทยโง่ คุณเห็นโฆษณา

สโรชา – ป้ายรถเมล์หรอคะ

สนธิ – ที่ป้ายรถเมล์

สโรชา – คืออะไร”คุณชอบรถเมล์เก่าหรืออยากได้รถเมล์ใหม่”

จินดารัตน์ – มี 2 กล่องนะคะ กล่องใสด้านล่างเป็นกล่องให้หยอดความคิดเห็น ซ้ายมือชอบรถเมล์เก่า ขวามืออยากได้รถเมล์ใหม่ ดูมันตั้งคำถาม

สนธิ – เอางี้ คำถามนี้อุปมาอุปไมยคือเป็นคำถามที่เจาะไปที่กิเลสคน เจาะไปที่คนที่ไม่คิดให้รอบคอบ หรือไม่ได้ใช้ปัญญา ซึ่งผมไม่ตำหนิคนซึ่งลงคะแนนเสียงว่าอยากได้รถเมล์ใหม่ เพราะอุปมาอุปไมยเหมือนกับวันหนึ่ง ผมถามแอนว่าอยากได้รถคันเก่าหรือคันใหม่

จินดารัตน์ – ก็แหง

สนธิ – ก็แหงใครๆ ก็อยากได้รถคันใหม่ เหมือนกับถามเด็ก ถามลูกเราว่า อยากได้โทรศัพท์ไอโฟนหรืออยากได้โทรศัพท์เก่า เด็กก็บอกว่า อยากได้ไอโฟน เป็นคำถามโง่ๆ ที่คิดแบบโง่และเจ้าเล่ห์ ประเด็นคือว่า เพื่อมาบอกว่านี่นะคนหยอดมาแล้วนะ อยากได้รถเมล์ใหม่เต็มไปหมด รถเมล์เก่ามีอยู่ 10 ใบ รถเมล์เก่ามีอยู่ 2,000 ใบ เพื่อมาสร้างความชอบธรรมให้รถเมล์เอ็นจีวี รถเมล์นรก 4 พันคันผ่านไป ถ้าอย่างนั้นผมจะถามบ้าง ผมจะถามว่าอยากได้นักการเมืองขี้โกง หรืออยากได้นักการเมืองดี

สโรชา – เอาอย่างนี้เลยนะ

จินดารัตน์ – ซ้ายมือชอบนักการเมืองเก่าอยากได้นักการเมืองแบบใหม่

สนธิ – ง่ายๆ ผมถามง่ายๆ อย่างนี้

สโรชา – อย่างนี้ล้มหลามนะคะ เชื่อว่าไม่มีใครตอบว่านักการเมืองเก่า

สนธิ – หรือเอาง่ายๆ ก็ได้ติดป้ายเลยตู้ 2 ตู้ อยากได้โสภณ ซารัมย์ หรืออยากได้ สนธิ ลิ้มทองกุล ง่ายๆ หรือว่า อยากได้เนวิน ชิดชอบ หรืออยากได้ สนธิ ลิ้มทองกุล ง่ายๆ คือการตั้งคำถามแบบอย่างได้เฉยๆ มันไม่ใช่คำตอบ มันเป็นทริกในการจะสร้างความเห็นเทียม อันนี้ผมเรียกว่าความเห็นเทียม

จินดารัตน์ – ฮิตนะคะ

สนธิ – กำลังฮิตมาก

สโรชา – อะไรก็เทียมไปหมด

สนธิ – เหมือนกับว่าออกกฎหมายนิรโทษกรรม

สโรชา – ผิวเผินไม่ต้องคิดลึก ไม่ต้องคิดถึงเหตุผล ซื้อรถเมล์ใหม่ไม่ต้องคิดถึงค่าใช้จ่าย หรือซื้อรถใหม่ก็ไม่ต้องคิดว่าจะเป็นหนี้เขาอีกกี่แสน

สนธิ – ถูกต้อง ขอให้ซื้อตอนนี้แล้วข้าได้ค่าคอมมิชชั่น ร่ำรวยไป ในอนาคตข้างหน้าขาดทุนอย่างไรหรือไปไม่รอดก็เรื่องของมึง เรื่องของชาติบ้านเมืองเราไม่เกี่ยว

จินดารัตน์ – ไม่รู้จะอ่านดีรึเปล่านะคะ แรงพอสมควรในหน้าเฟซบุ๊คเมืองไทยรายสัปดาห์ จากคุณมาลีบอกว่า อีปลื้มกับอีเพ็ญพวกเดียวกัน ชิมิชิมิ อีกความเห็นว่า ปลาดุกของคุณแอนคงกลัวตายช้า ช่วยบอกมันด้วยว่า เวรกรรมไม่ต้องรอชาติหน้า ไอ้ฟาย

สโรชา – แรงๆ ทั้งนั้นในเฟซบุ๊ค

จินดารัตน์ – คุณสนธิช่วยถามนายกฯ ทีว่าเมื่อไหร่จะถอดยศตั๊กขี้ซะที

สนธิ – อันนี้ก็จริง

สโรชา – นานมาก

สนธิ – พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร สมควรจะถูกถอดยศ เพราะว่าการถอดยศนั้นเขาทำกันเป็นประจำ ไม่ใช่ต้องใช้เวลาพิจารณา นี่เป็นเวลาตั้งกี่ปีมาแล้ว คำตอบนี้คุณอภิสิทธิ์ต้องเป็นคนตอบ คุณอภิสิทธิ์จนกระทั่งวันนี้ยังไม่ตัดสินใจเด็ดขาดว่าจะเอาอย่างไรกับ พัชรวาท วงษ์สุวรรณ, สุชาติ เหมือนแก้ว ในกรณีที่ ก.ตร.บีบคุณอภิสิทธิ์ บอกว่าต้องแต่งตั้งคุณพัชรวาทกลับไปอีกครั้ง

สโรชา -อารมณ์อยากดึงไปถึงต้นปีรอยุบสภารึเปล่า

สนธิ – ท่านคงจะอย่างนั้น

จินดารัตน์ – จากนักการเมืองท้องถิ่นบอกว่า อยากให้วิเคราะห์ถึงเนวินกับพรรคภูมิใจไทย พูดไปเยอะแล้ว พูดทุกอาทิตย์เลย

สนธิ – โอ๊ยอย่าไปพูดเลย ง่ายๆ

จินดารัตน์ – อย่าทอดทิ้งผู้บาดเจ็บและผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์ 7 ต.ค.นะคะ ดูแลนะคะ

สนธิ – ไม่เคยครับ

จินดารัตน์ – จากหนองคาย บอกว่า ไม่พอใจกรณีที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาสังคมฯ จะมอบเงินช่วยเหลือ นายสมัยและครอบครัว จากฉะเชิงเทรา, ชลบุรี, สระบุรี บอกว่า เป็นกำลังใจให้คุณสนธินะคะ จากชลบุรี คำถามส่วนตั๊วส่วนตัว เดี๋ยวถามคุณสนธิหลังจอ ถามเรื่องพระ กทม.บอกว่า อยากเห็นตำรวจที่เตะพี่น้องพันธมิตรฯ อยากเห็นหน้าคนใจ

สนธิ – พระ พระถาม

จินดารัตน์ – คือเขาบอกว่า อยากทราบว่าหลวงปู่ละมัย เพชรบูรณ์ ให้ปรอทพระมา จริงรึเปล่ารอดชีวิตมาได้ทุกวันนี้

สนธิ – ถ้าผมจำไม่ผิด วันนั้นผมห้อยหลวงตามหาบัว ผมห้อยองค์จตุคามรามเทพ แต่ที่สำคัญคือ ตอนผมถูกยิงผมมีสติ ผมก็ประนมมือระหว่างผมก้มลงไป จิตผมสงบ ผมระลึกถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ผมบอกว่าหากผมถึงเวลาที่จะต้องไปตามเวรตามกรรมก็ให้ผมไป ไปอย่างสงบ คือถูกนัดเดียวตายไปเลย แต่หากผมยังมีความจำเป็นต้องอยู่เพื่อทำงานให้ชาติบ้านเมือง ก็ขอให้ผมไม่เป็นไร จบแค่นั้น พลังพุทธคุณ

จินดารัตน์ – จาก กทม. เชื่อมั่นและขอฝากความหวังให้คุณสนธิ จากสุขุมวิท บอก เมื่อไหร่จะมีการชุมนุมอีกครั้ง นครปฐม ถามความคืบหน้ากรณีเขาพระวิหาร รัฐบาลเงียบ

สโรชา – เขาไปเจรจากับฮุน เซน อยู่

สนธิ – ยังทำอยู่ ใจเย็นๆ ทางเราติดตามอย่างใกล้ชิด ถึงเวลาที่เราจะต้องออกมาชี้แจงหรือแถลงการณ์ไม่เห็นด้วยเราจะทำ

จินดารัตน์ – ยังไงอยากทราบความคืบหน้าต้องถาม คุณปานเทพ สันปันน้ำ เข้าไปในเฟซบุ๊คได้ จากร้อยเอ็ด มีคนพบเห็นการฝึกอาวุธที่กาญจนบุรี อยากให้ไปช่วยตรวจสอบด้วย ฝากถามปลื้มด้วยว่า ปลื้มหรือไม่ที่เสื้อแดงทำลายชาติวางระเบิด ปลื้มมากไหม คนลำพูนบอก บางโรงพักที่ลำพูนเสื้อแดงทั้งโรงพักเลย

สนธิ – ใช่ครับ แต่ว่าถ้าหัวไม่ส่ายหางจะไม่กระดิก

สโรชา – วันนี้เราจะทิ้งท้ายกันด้วยบทเพลงที่จะรำลึกถึงผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บทั้งหมดในเหตุการณ์ 7 ต.ค.และ 193 วันแห่งการต่อสู้ของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย สัปดาห์นี้หมดเวลาเพียงเท่านี้นะคะ เราทั้ง 3 คนลาไปเพียงเท่านี้ สวัสดีค่ะ

โพสท์ใน categorized | ใส่ความเห็น

EP.778..ยำใหญ่..ปาร์คกิ้งฯ!


9/10/2553

“สุพจน์” สั่งฝ่ายกฎหมายพลิกตำรายำใหญ่ เชิญเจ้าหน้าที่ ทอท. ที่เกี่ยวข้องแจง 12 ต.ค.นี้ คาดยื่นฟ้องได้สัปดาห์หน้า …

นายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม ปลัดกระทรวงคมนาคม ในฐานะประธานคณะกรรมการตรวจสอบการบริหารพื้นที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิที่เกี่ยวกับการคมนาคมขนส่ง เปิดเผยภายหลังประชุมนัดแรกวานนี้ (8 ต.ค.) ว่า ได้หารือเร่งด่วนกรณีที่บริษัทท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. ยกเลิกสัญญาสัมปทาน ประกอบกิจการบริหารจัดการอาคารและลานจอดรถหน้าอาคารผู้โดยสารท่าอากาศยานสุวรรณภูมิซึ่งได้ มอบหมายให้ผู้บริหาร ทอท.ไปจัดหาเอกสารหลักฐานกรณีที่บริษัทปาร์คกิ้ง แมนเนจเม้นท์ จำกัดกระทำผิดสัญญาอย่างไรบ้าง จะได้ใช้เป็นหลักฐานหากบริษัทปาร์คกิ้งฯฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายจาก ทอท.

อย่างไรก็ตาม เบื้องต้นพบว่าบริษัทปาร์คกิ้งฯไม่ได้กระทำตามเงื่อนไขสัญญาที่กำหนด หลังจากนี้คณะกรรมการฯจะได้เชิญเจ้าหน้าที่ ทอท.ที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นคณะกรรมการพิจารณารายได้ คณะกรรมการร่างทีโออาร์ คณะกรรมการพิจารณาผลการประกวดราคา คณะกรรมการพิจารณาเงื่อนไขสัญญาสัมปทานมาชี้แจงในวันที่ 12 ต.ค.นี้ และจะเชิญผู้ถือหุ้นในบริษัทปาร์คกิ้งฯมาให้ข้อมูลในวันที่ 11 ต.ค.นี้ด้วย

ขอแทรกครับ..

ผมต้องขอรบกวนพี่เกษม ณ.สหภาพทอท.อีกเรื่องแล้วครับ ช่วงนี้สหภาพทอท.อาจต้องเสียสละเข้ามาทำงานวันหยุดแล้วล่ะครับ เพราะเกรงจะไม่ทันการครับ ให้สังเกตุว่า…ขณะนี้ทั้งปลัดสุพจน์ ทั้งบอร์ด ทั้งคณะกรรมาธิการ มีความพยายามจะให้ปัญหาในเรื่องปาร์คกิ้งฯไปเน้นที่เรื่อง”ความผิด”ของผู้ประกอบการอย่างเดียว

แต่ไม่เน้นหนัก หรือ ไม่มีการกำหนด “บทลงโทษ” ให้ผู้บริหารทอท.ที่เกี่ยวข้อง”ก่อน”เลย ทั้งที่มีความจำเป็นมากที่จะต้องดำเนินการก่อนจะมีการทำในส่วนอื่น หรือ พวกเขากำลัง”ช่วย” กันอีกแล้วครับ..?

เพราะอย่างที่รู้ๆกันว่า ปลัดสุพจน์เองก็ไม่ใช่ใครที่ไหน เป็นลุกน้องเก่าของนายศรีสุขเอง และเป็นกลุ่มก้อนเหนียวแน่นกันมากับประธานปิยะพันธ์  จึงอาจกำลังช่วยพวกเดียวกันอยู่ก็ได้  จึงทำเป็นขึงขังว่า…จะลงโทษผู้บริหารแน่ “ถ้า”มีความผิดจริง!

ที่ทอท.เสียหายเพราะผู้บริหารกลุ่มพวกเดียวกับท่านปลัดสุพจน์นี้ไม่ใช่หรือ ที่เป็นต้นเหตุทำให้ผุ้ประกอบการรายนี้เข้ามา?  ไม่ใช่ผู้บริหารกลุ่มนี้หรือที่ไม่รู้ว่าโครงการผิดพรบ.ร่วมทุน? แล้วปล่อยให้นั่งบริหารอยู่ได้อย่างไร หรือกลัวว่า จะทำให้ต้องอดอยากปากแห้งถ้าไม่มีผู้บริหารกลุ่มนี้อยู่ทำงานให้…หรือครับท่านปลัดสุพจน์ ? ต้องรออะไรอีกครับ?

เป้นวันที่มีการรับเสด็จนะครับ  (หมิ่นฯนะครับท่านปลัดฯ..ไม่รู้หรือครับ) ปล่อยให้ปืนลั่นเป็นสิบนัดได้อย่างไรครับ ? ผิดพรบ.ฉุกเฉิน แสดงให้เห็นว่าไม่มีปัญญาควบคุมสถานการณ์ได้ เพราะการบุกเข้ามา ไม่ใช่เพิ่งทำเป็นครั้งแรกครับ…

เมื่อเรื่องนี้โด่งดังและกลายเป็นความเสียหายระดับประเทสไปแล้ว จึงคิดว่าอาจต้องให้ผู้มีอำนาจที่มีศักยภาพสูงกว่า “ปลัด” เข้ามาจัดการ และเป็นการให้เกิดความรู้สึกว่า…เชื่อถือได้ในการตรวจสอบ เพราะเท่าที่ดู

แค่เริ่มจากปลัดสุพจน์ มานั่งแท่นทำเอง คิดว่าผู้บริหารทอท.กลุ่มนี้อาจพ้นผิดเพราะจะเบี่ยงเบนไปเรื่อยๆจนได้ โถ…จะมาดุอะไรล่ะครับ แค่ปล่อยให้เกิดเหตุการณ์วันที่ 1 ตุลาคมที่ผ่านมาได้จนฉาวอย่างนี้..ก็ถือว่ามี “ความผิด” แล้วครับท่าน…

แค่ข้อนี้ เด็กอนุบาลตะแคงดูดนมใช้หัวแม่โป้งคิดให้ ยังรู้เลยครับ แล้วระดับผู้ทรงคุณวุฒิอย่างผู้บริหารทอท. อย่างท่านปลัด อย่างท่านรมต. มองไม่ออก ไม่เห็นความผิดเนี่ยนะครับ…อายเด็กอนุบาลแย่เลยครับท่าน..!

จะ “ช่วยกัน” เพราะมีผลประโยชน์ร่วมกันมา ก็บอกมาตรงๆดีกว่าไหมครับ…ผมย้ำอีกที คนไทยไม่โง่ครับ….จึงอย่าใช้มุกแสร้ง “ขึงขัง” แต่ปล่อยรอด(จนได้) …เพราะท่านจะอับอายไปชั่วลูกชั่วหลาน..ว่าช่วยพวกเดียวกัน เพราะอะไร ถ้าไม่ใช่เพราะ…ร่วมกันทำ!

จาก นายวาซาบิ ครับผม

ปล. ผมจะเสนอ “บทลงโทษ” ที่สมควรใช้กับผู้บริหารทอท.กลุ่มนี้มาให้พี่ๆในสหภาพทอท.ทำหนังสือ”ยื่น” ไปทุกสำนักงานของรัฐ และจะขออนุญาติส่งตรงไปถึงท่านนายกฯ และท่านท่านประธานปปช.ด้วยเลยนะครับ..เตรียมอ่านนะครับ

เพราะตรวจสอบมาแล้วว่า สามารถกระทำได้จริงครับ…เพราะหน่วยงานของตำรวจก็ใช้วิธีนี้..อะไรที่ไม่เคยทำ ถ้าเปลี่ยนแปลงแล้วทำให้ทอท.ดีขึ้น ทำไมจะไม่ได้รับการสนับสนุนละครับ? …

ต้องช่วยกัน “หยุด” การกระทำที่”ส่อ” ไปทางทุจริต และกลุ่มผู้บริหารมาเฟียในทอท.ครับ...!

โพสท์ใน categorized | ใส่ความเห็น

EP.777…ผู้บริหารทอท.มีความผิดเรื่อง”พรบ.ร่วมทุนแน่ๆ”แล้วครับ!


9/10/2553

ASTVผู้จัดการรายวัน – ปลัดสุพจน์เปิดปมสัญญาปาร์คกิ้งส่อโมฆะ ชี้มูลค่าโครงการเกิน 1,000 ล้านเมื่อรวมอาคารจอดรถ บอร์ดทอท.จ่อทำผิดกฎหมาย ยัน 2 อาทิตย์สรุปได้ก่อนล้วงสัญญาอื่นต่อ เผยกรณี ทอท.บุกยึดที่จอดรถคืนและเปิดฟรี ส่อมีปัญหาหวั่นเอกชนฟ้องศาล ทอท.เสียเปรียบ เรียกกรรมการปาร์คกิ้ง 3 คนชี้แจง 11 ต.ค.นี้ ด้านบอร์ดทอท.เรียกประชุมวาระพิเศษ 11 ต.ค.

ขอแทรกนะครับ

เมื่อโครงการมูลค่าเกินพันล้าน..ออกจากปากท่านปลัดกระทรวงเอง นั่นยิ่งหมายความว่า…ผู้บริหารตั้งแต่นายเสรีรัตน์ ลงมา นายนิรันดร์ และเจ้าหน้าที่ผู้บริหารในสายงานพัฒนาธุรกิจ สายงานการเงินตั้งแต่ระดับ8ขึ้นไป มีความผิดหมดทุกคนครับผม (ถ้าจะปฏิเสธอีกก็จะขัดแย้งกันเองกับคำพูดของท่านปลัดสุพจน์นะครับ)

เพราะเป็นถึงผุ้บริหารระดับนี้ จะอ้างว่า “รู้เท่าไม่ถึงการณ์ ไม่คำนวนให้รอบคอบ หรือไม่รู้” ไม่ได้เด็ดขาดครับ!

เมื่อบกพร่องขนาดนี้  แต่ทำไมประธานปิยะพันธ์จึง  “ปรับตำแหน่ง” ให้ผู้บริหารกลุ่มนี้ในสายงานเหล่านี้ “ยกชุด” ได้อย่างไรครับ?  ท่านเอาสมองส่วนใดคิดครับ ซ้ายขวาหน้าหลังหรือส่วนล่างคับ..

ฉนั้นจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องขอให้มีการ “ยกเลิกคำสั่งแต่งตั้ง” ที่มีผลปรับตำแหน่งเมื่อวันที่ 1 ตุลาที่ผ่านนี้ทั้งหมดด้วยครับ เพราะผุ้บริหารที่ได้ปรับขึ้น ล้วนเป็นผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องปาร์คกิ้งแมเนจเม้นยกแผง…ถ้าท่านปลัดสุพจน์ และรมต.จริงใจจะแก้ปัญหานี้ ต้องยุติธรรม และรังับยกเลิกคำสั่งครับ.. เพราะมองอย่างไรมันก็”ขัดแย้ง” กับการกระทำนะครับท่าน..!

นายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม ปลัดกระทรวงคมนาคมในฐานะประธานคณะกรรมการตรวจสอบการบริหารพื้นที่ในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิที่เกี่ยวกีบการคมนาคมขนส่งเปิดเผยภายหลังการประชุมวานนี้ (8 ต.ค.) ว่า ได้เชิญว่าที่ ร.ท.อนิรุทธิ์ ถนอมกุลบุตร ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ, ฝ่ายกฎหมายและฝ่ายพาณิชย์ของบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท.

มาชี้แจงข้อมูลเกี่ยวกับการให้เอกชนบริหารจัดการอาคารและลานจอดรถท่าอากาศยานสุวรรณภูมิพื้นที่ 1.6 แสนตารางเมตร รองรับได้ 6,000 คัน ซึ่งเบื้องต้นพบว่าทอท.มีการดำเนินการบกพร่องหลายเรื่อง เช่น ทีโออาร์การประกวดราคา เข้าข่ายเอื้อประโยชน์ให้เอกชนหรือไม่ มีการเปิดให้แข่งขัน,การบริหารสัญญาในเรื่องการจ่ายผลตอบแทนให้ ทอท.ไม่เป็นไปตามสัญญาและการให้สัมปทานโดยหลีกเลี่ยงพระราชบัญญัติว่าด้วยการให้เอกชนเข้าร่วมงานหรือดำเนินการในกิจการของรัฐหรือ พ.ร.บ.ร่วมทุน 2535 หรือไม่ เป็นต้น

ทั้งนี้ หากตรวจสอบแล้วพบว่าโครงการนี้มีมูลค่าเกิน 1,000 ล้านบาทแต่ ทอท.ไม่ปฎิบัติตามพ.ร.บ.ร่วมทุน 35 ก็ถือว่าผิดกฎหมายและโครงการเป็นโมฆะ ส่วนคนที่เกี่ยวข้องก็มีความผิดฐานทำให้รัฐเสียหาย ซึ่งทอท.ต้องชี้แจงรายละเอียดเรื่องนี้ โดยคณะกรรมการฯเห็นว่าโครงการนี้น่าจะมีมูลค่าเกิน 1,000 ล้านบาทเนื่องจากต้องนำมูลค่าของอาคารจอดรถมารวมด้วย

เพราะถือว่าอาคารจอดรถสร้างขึ้นเพื่อกิจกรรมการจอดรถอย่างเดียว ซึ่งแตกต่างจากสัญญาร้านค้าเชิงพาณิชย์และร้านค้าปลอดภาษีของกลุ่มคิงเพาเวอร์ฯ ที่มูลค่าไม่เกิน 1,000 ล้านบาท เพราะไม่สามารถนำมูลค่าของอาคารผู้โดยสารมารวมด้วยได้ เพราะอาคารอาคารผู้โดยสารมีวัตถุประสงค์เพื่อให้บริการกิจกรรมอื่นด้วย

ผู้สื่อข่าวถามว่า เรื่องนี้จะกระทบถึงคณะกรรมการ ทอท.ที่มีนายปิยะพันธ์ จัมปาสุต เป็นประธานหรือไม่นั้น นายสุพจน์กล่าวว่า เมื่อตรวจสอบไปลึกๆ จะต้องพบข้อเท็จจริงแน่นอน เจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องต้องพูดความจริงเพราะคงไม่ยอมรับผิดแทนคนที่สั่งให้ทำแน่

ผู้สื่อข่าวถามว่า ช่วงที่อนุมัติโครงการนายสุพจน์เป็นบอร์ด ทอท.อยู่ด้วยนายสุพจน์กล่าวว่า บอร์ด ทอท.อนุมัติหลักการโครงการช่วง ม.ค. 53 ซึ่งตนเป็นบอร์ดแต่ช่วงประมูลเสร็จ เม.ย.นั้นตนออกจากบอร์ด ทอท.แล้ว นอกจากนี้คณะกรรมการฯยังมีข้อสงสัยกรณีการจัดแบ่งรายได้ให้ ทอท. 75 % นั้นคำนวณจากอะไร หรือการกำหนดคุณสมบัติในทีโออาร์ว่าผู้เข้าประมูลต้องมีประสบการณ์ในการบริหารที่จอดรถขนาด 1,000 คันเป็นเวลา 3 ปีติดต่อกันถือเป็นการเปิดให้แข่งขันมากแค่ไหน และการบริหารสัญญาที่ผิดพลาด โดยเฉพาะประเด็นการจ่ายเงินรายได้ขั้นต่ำให้ทอท.จะต้องนำส่งให้ทอท.ล่วงหน้าต้นเดือน

ซึ่งจากการรายงานเบื้องต้นพบว่าบริษัทคู่สัญญาไม่ได้มีการนำส่งรายได้ ดังกล่าวและการปล่อยให้เอกชนเข้าไปจัดเก็บค่าจอดรถระหว่างวันที่ 1-30 เม.ย.โดยเอกชนไม่ได้จ่ายรายได้ขั้นต่ำให้ทอท. ซึ่งฝ่ายบริหารจะต้องกลับไปจัดทำรายละเอียดเพื่อนำมารายงานในวันที่ 12 ต.ค.นี้

***เชิญ กก.ปาร์คกิ้ง 3 คนชี้แจง 11 ต.ค.

นายสุพจน์กล่าวว่า ในวันที่ 11 ต.ค.นี้ จะเชิญกรรมการผู้มีอำนาจของบริษัท ปาร์คกิ้ง แมนเนจเม้นท์ จำกัด 3 ฝ่าย คือ นายธนกฤต เจตกิตติโชค, นายจุมพล ญาณวินิจฉัยและนายธรรศ พจนประพันธ์ มาให้ข้อมูล ซึ่งหากมีการให้ข้อมูลเกี่ยวกับนักการเมืองคณะกรรมการฯ พร้อมรับฟังแต่คนพูดต้องรับผิดชอบสิ่งที่พุดด้วย จากนั้นในวันที่ 12 ต.ค.นี้ จะเชิญคณะกรรมการที่เกี่ยวข้องกับการประมูลโครงการ 4 ชุดมาให้ข้อมูล ประกอบด้วยคณะกรรมการพิจารณารายได้ของทอท. , คณะกรรมการร่าวงทีโออาร์, คณะะกรรมการชี้แจงเงื่อนไขการประมูลและคณะกรรมการพิจารณาผลการประมูล คาดว่าจะได้ข้อสรุปใน 2 สัปดาห์

***ทอท.ยึดคืน-ให้ใช้ที่ฟรีส่อมีปัญหา

นายสุพจน์กล่าวถึงการที่ ทอท.เข้ายึดพื้นที่และทำการจัดเก็บค่าจอดรถแทน ปาร์คกิ้งฯ และเปิดให้ใช้บริการฟรีตั้งแต่ช่วงเย็นของวันที่ 7 ต.ค.53 ซึ่งก่อนกำหนดยกเลิกสัญญา วันที่ 11 ต.ค. นั้นอาจจะมีปัญหาทางข้อกฎหมายได้ โดยเฉพาะการบอกเลิกสัญญานั้น ตามกฎหมายน่าจะต้องมีการแจ้งกับบริษัทล่วงหน้าหรือไม่ และหากบริษัทไปขออำนาจศาลคุ้มครอง และเรียกค่าเสียหาย จะทำให้ ทอท.เป็นฝ่ายเสียเปรียบได้ ซึ่งเรื่องนี้ได้ทักท้วง ทอท.ไปแล้ว

นายปิยะพันธ์ จัมปาสุต ประธานบอร์ด ทอท. กล่าวว่า ในวันที่ 11 ต.ค.นี้ บอร์ดจะมีการประชุมวาระพิเศษ โดยผู้บริหารทอท.จะรายงานถึงกรณีปัญหาอาคารจอดรถสุวรรณภูมิ และการดำเนินการในช่วงที่ผ่านมา พร้อมกันนี้จะมีการขออนุมัติจากบอร์ดในเรื่องที่เกินอำนาจของฝ่ายบริหารด้วย เช่น การยกเว้นเก็บค่าจอดรถในช่วงที่บอกเลิกสัญญากับปาร์คกิ้ง เป็นต้น

***ธนกฤตสวน ปธ.ทอท.เชื่อถือไม่ได้

นายธนกฤต เจตกิตติโชค กรรมการผู้มีอำนาจลงชื่อทำนิติกรรมผูกพันบริษัท ปาร์คกิ้งกล่าวว่า การที่ ทอท.ส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปจัดเก็บค่าจอดรถโดยไล่พนักงานของบริษัทเมื่อเย็นวันที่ 7 ต.ค. ก่อนกำหนดยกเลิกสัญญามีผลวันที่ 11 ต.ค.นั้น ทำให้นายปิยะพันธ์เป็นคนที่เชื่อถือคำพูดไม่ได้ ซึ่งหนังสือเลิกสัญญาเพิ่งถึงบริษัทวันที่ 8ต.ค.ดังนั้นบริษัทจะต้องขออำนาจศาลคุ้มครองแน่นอน

ส่วนกรณีการจ่ายรายได้ให้ทอท.นั้นนายธนกฤตกล่าวว่า ทอท.กำหนดให้บริษัทจ่ายเงินภายในวันที่ 18 ของทุกเดิน ไม่ได้ให้จ่ายต้นเดือนและเมื่อเซ็นสัญญา 30 เม.ย. 53 บริษัทก็ไม่สามารถเข้าพื้นที่ได้.

โพสท์ใน categorized | ใส่ความเห็น

EP.776.เรื่องนี้ยังไงๆผู้บริหารทอท.ที่เกี่ยวข้องก็ทำผิดกฏหมายครับ!


9/10/2553

กมธ.ทหารข้องใจ ชุดดำบุกลานจอดรถสุวรรณภูมิผิดพ.ร.ก.ฉุกเฉินเย้ย”ศอฉ . “ไร้น้ำยา จี้จัดการสีเขียวนอกแถว

พ.ต.ท.สมชาย เพศประเสริฐ ส.ส.นครราชสีมา พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ(กมธ.)การทหาร สภาผู้แทนราษฎร  เปิดเผย  กรณีกลุ่มชายฉกรรจ์นับร้อยแต่งกายคล้ายชุดทหารบุกยึดลานจอดรถสนามบินสุวรรณภูมิ โซน 2 ชั้น 1 เมื่อวันที่ 1 ตุลาคมที่ผ่านมา ว่า จากการตรวจสอบของกมธ.และการหาข้อมูลในเชิงลึกกรณีดังกล่าว มีสาเหตุสำคัญมาจากการขัดผลประโยชน์กันระหว่างบริษัทเอกชนที่ร่วมกันถือหุ้นบริษัทรับสัมปทานดูแลที่จอดรถกันเอง ในเรื่องของการแบ่งรายได้ จนไม่สามารถพูดคุยตกลงกันได้ โดยเริ่มขึ้นที่บริษัทหนึ่งได้ไปหานายทหารนอกราชการที่เรียกว่าเสธ.สังกัดทหารอากาศคนหนึ่งนอกราชการซึ่งรู้จักกันและมีอิทธิพลและมีลูกน้องให้เข้ามาช่วยเคลียร์ แต่เมื่อมีการพาทหารเข้ามา อีกบริษัทจึงไปพาเสธ.นอกราชการจากทหารบกกับลูกน้องมาด้วย เลยเกิดปัญหาดังกล่าวขึ้น ทำให้ต่างฝ่ายต่างเกิดการเผชิญหน้ากัน โดยแต่ละฝ่ายมีทั้งลูกน้องที่เป็นทหาร และการว่างจ้างชายฉกรรจ์ซึ่งไม่ใช่ทหารมาช่วย โดยให้ค่าจ้างรายละ 500-1,000 บาทต่อวัน

พ.ต.ท.สมชายกล่าวอีกว่า นอกจากทหารอากาศและทหารบกนอกราชการที่มีส่วนแล้ว ยังทราบว่ามีตำรวจด้วยส่วนหนึ่ง โดยมีการฝากฝังให้ตำรวจช่วยดูแล เมื่อมีอิทธิพลหลายส่วนเข้ามาเกี่ยวข้องและบริษัทขัดแย้งกันเองปัญหาเลยลุกลามอย่างที่เห็น แต่กรณีนี้ไม่เกี่ยวกับฝ่ายการเมือง เพราะฝ่ายการเมืองจะจัดการเรื่องผลประโยชน์อย่างเดียว ปัญหาการกระทบกระทั่งกันเป็นเรื่องของเอกชนที่ต่างฝ่ายต่างตามพวกกันมาเอง  ทั้งหมดเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นมานานแล้ว เพราะเอกชนเป็นคนวิ่งไปหาคนเหล่านั้นเอง เลยกลายเป็นประเพณี เมื่อวิ่งไปหานายทหารเหล่านั้นก็ต้องลงมาดู

“ทางแก้คือต้องอย่าทำให้ทหารว่างงาน และควรปรับลดขนาดของกองทัพ เพราะปัจจุบันมีมากที่แต่งตั้งไว้แต่ไม่มีงานให้ทำ คนเหล่านั้นก็เลยออกนอกแถว ในอดีตวงการทหารจะมีวันโยธาในทุกวันพุธเพื่อทำกิจกรรมร่วมกัน อาทิ ทำความสะอาดหน่วย แต่ปัจจุบันหายไป แต่งตั้งแล้วห้องทำงานยังไม่มีให้ พอวันโยธาผู้ใหญ่ก็ไปตีกอล์ฟ แทนที่ทหารจะได้เจอกันอบรมสานสัมพันธ์กันก็ไม่มี เรื่องนี้ถ้ารัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมเอาจริงและกวดขัน ทหารนอกแถวจะน้อยลง”ประธานกมธ.การทหาระบุ

พ.ต.ท.สมชาย กล่าวว่า สำหรับการดำเนินคดีชายชุดดำดังกล่าวนั้นคงเป็นเรื่องยาก เพราะในวันเข้าผลักดัน หัวหน้าที่เป็นทหารไม่ยอมลงจากรถ อีกทั้งตำรวจในพื้นที่ไม่กล้าเนื่องจากมีผู้ใหญ่ฝากมาให้ช่วยดูแล และอยู่ในช่วงแต่งตั้งโยกย้ายตำรวจซึ่งอาจทำให้เกิดความเกรงกลัว จึงทำได้เพียงเชิญตัวไปสอบปากคำบันทึกไว้แล้วปล่อยตัวไปทั้งหมดโดยอ้างว่าไม่มีหลักฐานและยังไม่มีพฤติการณ์กระทำความผิดเพราะแค่ไปยืนกันเฉยๆ ไม่เข้าข่ายกฎหมายอาญา อีกทั้งพ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับอากาศยานยังไม่ประกาศใช้

แต่ในความจริงสามารถตั้งข้อกล่าวหาได้เลย โดยเฉพาะการตั้งข้อกล่าวหาซ่องโจรไว้ก่อน อีกทั้งสนามบินสุวรรณภูมิยังถือว่าเป็นพื้นที่ประกาศใช้พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 แปลกใจว่าเหตุใดจึงไม่ดำเนินการตามพ.ร.ก.ฉุกเฉิน เพราะแค่ข้อกล่าวหาละเมิดพ.ร.ก.ฉุกเฉินชุมนุมกันเกินกว่า 10 คนก็เข่าข่ายแล้ว และจะสู้คดีได้ยากมากเพราะมีอำนาจตามพ.ร.ก.ค้ำยันไว้ แต่กลับไม่ดำเนินการ เรื่องนี้แม้แต่ศอฉ.(ศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน)ยังสามารถเข้าไปจัดการได้”ประธานกมธ.การทหาระบุ

ขอแทรกนะครับ

พี่ๆสหภาพทอท.จดหัวข้อนี้ไว้เลยนะครับ และช่วยรีบดำเนินการกับผู้บริหารทอท. กลุ่มที่ต้องรับผิดชอบทั้งหมดได้เลยครับ ผมก็บอกแล้วว่าผิดแน่ๆ ทอท.เป็นเจ้าของบ้าน เหมือนคุณอยู่บ้านคุณแล้วมีใครบุกเข้ามาอยู่เป็นอาทิตย์ แต่คุณนั่งดูเฉยๆใช้ชีวิตปกติได้อย่างไร ถ้าคุณเจ้าบ้านไม่รู้เห็นเป็นใจด้วย จะอ้างว่าเพราะไม่มีเหตุร้าย หรือต้องรอให้มีเหตุร้ายก่อนคุณเจ้าบ้านจึงค่อยลุกขึ้นมา”ระวัง” คนเข้ามาไม่ใช่ทำครั้งแรก ทำไมไม่ป้องกัน อกเสียจากว่าเจ้าบ้านรู้กัน หรือรู้จักกันใช่ไหมครับ?

ด้าน พล.อ.ต.มณฑล สัชฌุกร โฆษกกองทัพอากาศ กล่าวถึงพ.ต.ท.สมชายพาดพิง”เสธ.”สังกัดกองทัพอากาศอยู่ในเบื้องหลังกลุ่มชายฉกรรจ์ว่าหากกองทัพอากาศตรวจสอบแล้วพบว่ามีข้าราชการทหารอากาศเข้าไปทำสิ่งที่ไม่ถูกต้องก็ต้องมีการดำเนินการตามระเบียบ ทั้งนี้พล.อ.อ.อิทธพร ศุภวงศ์ ผู้บัญชาการทหารอากาศ(ผบ.ทอ.)  กำชับตลอดเวลาให้กำลังพลประพฤติปฏิบัติอยู่ในกฎระเบียบไม่ไปทำในสิ่งที่ส่งผลกระทบกับสังคม

“หากกมธ.ทหารสามารถยืนยันชัดเจนได้กองทัพอากาศจะดำเนินการ แต่ต้องหมายความว่าผู้ที่ถูกกล่าวหาต้องเป็นทหารอากาศที่อยู่ในกองทัพอากาศ ทั้งนี้เราไม่อยากพาดพิงใคร  การที่กล่าวอ้างว่าเป็น เสธ.ทหารอากาศ ก็อยากให้พูดให้ชัดเจน เพราะการพูดแบบนี้เป็นการพูดลอยๆ ไม่มีหลักฐานชัดเจน คนฟังอาจเข้าใจผิดได้ จะส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของกองทัพอากาศ” โฆษกทอ. ระบุ

ขอแทรกนะครับ..

แล้วถ้าเสธกองทัพอากาศที่เขาพูดถึงคือ เสธ.ต้อย ตามที่เป็นข่าวในสื่อต่างๆ ซึ่งคือพี่ชายของรองหมวดอ้อยล่ะครับ? ใครๆก็รู้ว่าเป็นผู้มีอิทธิพลตั้งแต่ดอนเมืองแล้ว ที่สำคัญหมวดอ้อยได้ขึ้นเป็นผอ.สุวรรณภูมิช่วงนั้นพอดี และเสธ.ต้อยไม่มีหุ้นอยู่ในปาร์ดกิ้งแต่ทำไมจึงเข้ามา? เป็นที่รู้กันหมู่ผู้บริหารและพนักงานทอท.ว่าเสธ.ต้อยส่งกำลังคนเข้ามาจริง…เพราะอนิรุทธ์”เปิดทาง”สะดวกขนาดนั้น ทั้งที่เป็นข้าราชการ เพราะจะเอาใจ”นาย” ไล่ปาร์คกิ้งฯออกไปให้สำเร็จหรือเปล่าครับ?

โพสท์ใน categorized | ใส่ความเห็น

EP.773…มีส่วนร่วมปราบทุจริตภาครัฐ…


เตรียมแผนเดินหน้านำประชาชน มีส่วนร่วมปราบทุจริตภาครัฐ/ตรวจสอบงาน

ดร.ธีระชน มโนมัยพิบูลย์ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานการประชุมหารือการบูรณาการความร่วมมือระหว่างกรุงเทพมหานครและสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ กระทรวงยุติธรรม (สำนักงาน ป.ป.ท.) ในการดำเนินโครงการกรุงเทพฯ โปร่งใส สร้างชีวิตใหม่ให้คนเมือง ครั้งที่ 1/2553

โดยมีผู้เข้าร่วมประชุมประกอบด้วย นายประยงค์ ปรียาจิตต์ รองเลขาธิการ ป.ป.ท. นางสุจิตรา จริศักดิ์ ผู้อำนวยการกลุ่มปราบปรามการทุจริต ภาค 5-6 น.ส.อรณิช สุขบาล ผู้อำนวยการกลุ่มนโยบายและยุทธศาสตร์ นางฉวีวรรณ นิลวงศ์ ผู้อำนวยการกลุ่มงานพัฒนามาตรการป้องกันการทุจริต นางวรัญญา โรหิตเสถียร รองผู้อำนวยการสำนักยุทธศาสตร์และประเมินผล ดร.พีระพงศ์ ศิริเกษม ผู้อำนวยการกองยุทธศาสตร์บริหารจัดการ นายสุขุม คุณากรธรรม หัวหน้ากลุ่มงานยุทธศาสตร์บริหารจัดการ ผู้แทนจาก 6 กลุ่มเขต และนายรักษา สุทิน ผู้อำนวยการกองวินัยและส่งเสริมสมรรถภาพ สำนักงาน ก.ก.

สำหรับการประชุมหารือในครั้งนี้เป็นการประชุมผู้มีส่วนเกี่ยวข้องเพื่อร่วมกันกำหนดแนวทางและรายละเอียดโครงการ วัตถุประสงค์เพื่อต้องการให้ภาคประชาชนมีส่วนร่วมในการบริหารจัดการ อีกทั้งรับรู้และมีส่วนร่วมตัดสินใจในโครงการต่างๆ ที่กทม. และสำนักงานเขตดำเนินการ เพื่อเฝ้าระวังไม่ให้มีการทุจริตเกิดขึ้น อีกทั้งร่วมกันตรวจสอบการทำงานของฝ่ายราชการให้มีความโปร่งใส เช่น การเรียกรับผลประโยชน์ต่างๆ ของภาครัฐ การจัดเก็บป้ายผิดกฎหมาย การดำเนินการหาบเร่แผงลอย เป็นต้น ซึ่งที่ประชุมได้มอบหมายให้สำนักงานเขตพิจารณาโครงการที่สอดคล้องกับโครงการกรุงเทพฯ โปร่งใส สร้างชีวิตใหม่ให้คนเมือง พร้อมข้อคิดเห็นต่างๆ ของโครงการ ส่งให้สำนักงาน ก.ก. เพื่อเป็นข้อมูลสำหรับเข้าสู่การประชุมในครั้งต่อไป

อย่างไรก็ตามในส่วนของมาตรการป้องกันและปราบปรามการทุจริตภาครัฐของกรุงเทพมหานคร ได้มีการสัมมนาเพื่อสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับนโยบายและทิศทางการดำเนินการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ ตามแผนปฏิบัติการป้องกันและปราบปราม การทุจริตภาครัฐของกรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2552-2555 พร้อมทั้งมีตัวชี้วัดซึ่งเป็นการประเมินผลการปฏิบัติราชการประจำปี เพื่อขอรับเงินรางวัล ซึ่งเน้นให้ข้าราชการทำงานด้วยความโปร่งใส มีคุณธรรม จริยธรรม ซึ่งในอนาคตอาจเพิ่มเติมยุทธศาสตร์ต่างๆ ให้เหมาะสม เช่น ช่วยประหยัดงบประมาณภาครัฐ และประชาชนมีส่วนร่วมดำเนินการ เป็นต้น

วันที่ 8/10/2010

โพสท์ใน categorized | ใส่ความเห็น

EP.774…ปลัดสุพจน์ส่ง”ซิก” ไม่เอาบอร์ดทอท.แล้วคร้าบ…


8/10/2553

คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น

“ทอท.” หักดิบ “ปาร์กกิ้ง” ส่งกำลังยึดพื้นที่อาคารจอดรถ “สุวรรณภูมิ” เรียบร้อยแล้ว เผยปฏิบัติการสายฟ้าแลบ ตะเพิด จนท.ปาร์กกิ้ง ออกจากตู้เก็บเงิน ทั้งทางเข้าและทางออก พร้อมนำใบประกาศขับไล่ติดหราในพื้นที่อาคาร ขณะที่ผู้บริหารปาร์คกิ้ง เตรียมยื่นศาล ปค.วันนี้ เพื่อขอความคุ้มครองฉุกเฉิน

มีรายงานข่าวว่า บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท.ได้ส่งกำลังเจ้าหน้าที่เข้ายึดพื้นที่อาคารจอดรถของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ทสภ.) โซน 2 และโซน 3 คืนจากบริษัท ปาร์คกิ้ง แมนเนจเม้นท์ จำกัด และสามารถเข้าควบคุมพื้นที่ได้เรียบร้อยแล้ว

รายงานเพิ่มเติมระบุว่า ปฏิบัติการดังกล่าวเริ่มขึ้นประมาณเวลา 18.00 น.วันที่ 7 ตุลาคม 2553 (วานนี้) โดยฝ่ายกฎหมายของ ทอท.ได้นำกำลังศูนย์รักษาความปลอดภัยของ ทสภ. ร่วมกับกำลังตำรวจ สภ.ราชาเทวะ เข้าควบคุมพื้นที่อาคารจอดรถดังกล่าว พร้อมนำใบประกาศขับไล่ไปติดหน้าที่ทำการของ บ.ปาร์คกิ้ง ซึ่งเป็นคู่สัมปทานจัดเก็บค่าที่จอดรถสนามบินสุวรรณภูมิออกจากพื้นที่ เนื่องจากกระทำผิดสัญญา นอกจากนี้ ทอท.ยังได้มีคำสั่งยกเลิกสัญญา ตั้งแต่วันที่ 6 ตุลาคม 2553 ที่ผ่านมา

รายงานข่าวยังระบุว่า การเข้ายึดพื้นที่คืนในครั้งนี้ ทอท.ได้ขับไล่เจ้าหน้าที่เก็บเงินของ บ.ปาร์คกิ้ง จำนวนกว่า 20 คน ออกจากตู้เก็บเงินทั้งหมด ทั้งด้านทางเข้าและทางออก โดยมีเจ้าหน้าที่ของ ทอท.เข้ามาควบคุมตู้เก็บเงิน เพื่อปฎิบัติหน้าที่แจกบัตรเข้าออก โดยไม่คิดค่าจอดรถ

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ ทอท.เปิดเผยกับสื่อมวลชนว่า การดำเนินการในครั้งนี้ เป็นการเข้ามาสวมสิทธิ์ ในการเข้าจัดการพื้นที่แทนบริษัทเอกชนที่มีปัญหา ซึ่งสามารถเข้ามาได้ทันที เพราะในสัญญาระบุว่า ทอท.สามารถยกเลิกสัญญาได้ภายใน 7 วัน นับแต่วันที่ 6 ตุลาคม 2553 ที่เป็นวันบอกเลิกสัญญา

สำหรับเหตุผลที่ต้องยกเลิกสัญญา ได้แก่

1.บริษัทรับสัมปทานไม่นำส่ง ค่าผลประโยชน์ตอบแทนและยอดรายได้ให้ในระยะที่กำหนด

2.ไม่เพิ่มวงเงินหลักประกันให้ครบจำนวนตามสัญญา และ

3.ไม่ติดตั้งอุปกรณ์และระบบสารสนเทศภายในระยะเวลาที่กำหนด

ล่าสุด มีรายงานว่า นายธนกฤต เจตกิตติโชค กรรมการ บ.ปาร์คกิ้ง เตรียมเดินทางเข้ายื่นศาลปกครอง วันนี้ เพื่อขอคุ้มครองฉุกเฉินในเรื่องดังกล่าว

ขอแทรกนะครับ

ผมว่าเรื่องนี้จะไปกันใหญ่ และกลายเป็นความเสียหายระดับประเทศไปแล้วครับ

เพราะความบกพร่องในหน้าที่ของกลุ่มผู้บริหารทอท.เองทั้งนั้นครับ…

ฉนั้นเมื่อเรื่องนี้…บ.ปาร์คกิ้งฯทั้งสอลฝ่ายเป็นผู้ยื่นฟ้องทอท. สหภาพทอท.ต้องออกมารักษาผลประโยชน์ให้ทอท. และพนักงานทุกคนด้วยการ ให้การฟ้องร้องเหล่านี้ ไปตกเป็นภาระแก่ผู้บริหารสายพัฒนาธุรกิจ และผู้บริหารทอท.ที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้ทั้งหมด ที่อยู่ในตำแหน่งณ.ช่วงเวลานั้นครับ..

ไม่ว่าจะเแป็น

1. นายเสรีรัตน์ ประสุตานนท์ ในฐานะกอญ.

2. นายนิรันดร์ ธีรนาถสิน ในฐานะกรรมการรายได้ และขอเอี่ยวทุกเรื่องของทอท.ที่เกี่ยวกับผลประโยชน์ รวมทั้งเป็นผู้ดำเนินการจัดการร่วมกับนายเสรีรัตน์มาทุกขั้นตอนในเรื่องนี้

3. นายนิตินัย ศิริสมรรถการ ในฐานะเป็นรองอำนวยการสายงานพัฒนาธุรกิจ ที่ต้องรับผิดชอบตรงทุกคนในสายงานนี้

4. นส.ศสิสุภา สุคนธทรัพย์ ในฐานะตำแหน่งผู้ช่วยสายงานพัฒนาธุรกิจ ที่ร่วมรับรู้ทุกนโยบายของทอท.มาทุกเรื่องจริงๆมาตลอด เพราะชอบแส่เรื่องผลประโยชน์ เวลาได้ก้จะเอาแบ่ง เวลาเสียควรช่วยควักจ่ายครับผม

5. นายศิโรตม์ ดวงรัตน์ ในฐานะผอ.ฝ่ายพัฒนาธุรกิจในขณะนั้น  วึ่งต้องร่วมรับรู้กันเป็นกลุี่มเพราะกลัวผลประโยชน์จะรั่วไหลไปที่พวกอื่น

6. นางสุภาภรณ์ บุรพกุศลศรี

โพสท์ใน categorized | ใส่ความเห็น

EP.772…โสภณขู่”ปลด”บอร์ดทอท.?(กล้าหรือครับท่าน)


โสภณขู่ปลดบอร์ดทอท. เซ่นที่จอด”สุวรรณภูมิ” ทำเสียหายชัด-ฟันแน่

นายโสภณ ซารัมย์ รัฐมนตรีว่ากระทรวงคมนาคมให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 7 ตุลาคมยืนยันว่า หากผลสอบสวนของข้อเท็จจริงของคณะกรรมการการตรวจสอบการใช้พื้นที่ในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิและระบบการคมนาคมขนส่ง ที่มีปลัดกระทรวงคมนาคมเป็นประธาน ตรวจสอบปัญหาสัญญาการบริหารลานจอดรถภายในสนามบินสุวรรณภูมิแล้วพบว่า บริษัทท่าอากาศยานไทย หรือ ทอท.ได้รับความเสียหาย จำเป็นต้องพิจารณาการทำหน้าที่ของคณะกรรมการ หรือ บอร์ด ทอท.ที่มีนายปิยะพันธุ์ จัมปาสุต เป็นประธาน

“หากคิดว่าอำนาจของตัวเองมีทำอะไรไม่ให้ผมรู้ แล้วจะบอกว่าเส้นใหญ่กว่าผม ก็ไม่เป็นไร เสียหายอะไรขึ้นมา ก็เอาตำแหน่งมาแลกแล้วกัน” นายโสภณกล่าว

ด้านนายปิยะพันธุ์ จัมปาสุต ประธาน บอร์ด ทอท. กล่าวว่า ยังไม่ทราบกรณีดังกล่าว แต่ถ้ามีการตรวจสอบจริงไม่หนักใจ เพราะตั้งแต่เข้ามารับตำแหน่ง ยืนยันว่าทั้งตนและคณะกรรมการทั้งหมดทุ่มเทมุ่งมั่นทำงานให้ทอท.มาตลอด ไม่เคยทำความเสียหายให้องค์กร

ขณะที่นายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม ปลัดกระทรวงคมนาคมเผยว่า วันที่ 8 ตุลาคมจะประชุมคณะกรรมการนัดแรกวางกรอบการทำงาน โดยพิจารณาประเด็นการทำสัญญา และมั่นใจจะสอบสวนเสร็จเร็วกว่าที่รัฐมนตรีกำหนดไว้ 1 เดือน พร้อมตั้งข้อสังเกตว่ามีหลายเงื่อนไขในทีโออาร์ ทำให้ทอท.เสียผลประโยชน์ ทั้งนี้ ทอท.คงต้องชี้แจงขั้นตอนทั้งหมด ตั้งแต่ประกวดราคา กระบวนการอนุมัติบริหารสัญญา ส่วนผู้ประกอบการต้องดูว่าทำไมถึงไม่ทำตามสัญญา รายละเอียดที่ทำไปแล้ว สาเหตุปัญหาที่ขัดแย้งกันเองภายใน นอกจากนี้ คณะกรรมการฯจะสอบกรณีอื่นที่พบว่า อาจมีการทุจริตขึ้นในสนามบินสาวรรณภูมิ เช่น แท็กซี่เถื่อน การเช่ารถลีมูซีน

วันเดียวกัน ที่รัฐสภา กรรมาธิการ(กมธ.) การทหาร สภาผู้แทนราษฎร พ.ต.ท.สมชาย เพศประเสริฐ ส.ส.นครราชสีมา พรรคเพื่อไทยเป็นประธาน มีการพิจารณากรณีกลุ่มชายฉกรรจ์บุกยึดลานจอดรถสนามบินสุวรรณภูมิ โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าชี้แจง

โดยนายชุมพร เกิดแก้ว ผู้อำนวยการส่วนบริหารลานจอดรถทอท.ชี้แจงว่า ปัญหาดังกล่าวเกิดจากการบริหารจัดการภายในบริษัทปาร์คกิ้ง แมนเนจเม้นจ์ จำกัด ซึ่งมีหุ้นส่วน 3 หุ้นเกิดขัดแย้งกัน เนื่องจากผลประโยชน์ไม่ลงตัว จึงแบ่งเป็น 2 กลุ่ม ต่างฝ่ายจึงต่างนำพวกของตัวเองมายึดพื้นที่ กรณีนำชายชุดดำมาตนไม่ยืนยันว่ามีคนในเครื่องแบบหรือไม่ แต่บริษัทอ้างว่าเป็นรปภ.ที่มาดูแลให้เจ้าหน้าที่ทำงานได้ ไม่มีการปะทะ

พ.ต.ท.สมชายถามว่า การบริหารที่จอดรถทอท.เป็นคนจ้างให้มาประมูล แต่ทราบว่า มีสองบริษัทที่มารวมกันคือ บริษัท สแตนดาร์ด พร้อมพ์ และบริษัท วี ดับเบิ้ลยู ไอ เอ็น รวมกันตั้งเป็นบริษัทปาร์คกิ้งฯ จนมีข่าวว่ามีการเร่เอาสัมปทานที่จอดรถไปขาย ไม่ขอพาดพิงว่ามีรัฐมนตรีเกี่ยวข้องด้วย แต่เมื่อถึงเวลากลับไม่ส่งเงินให้ทอท.ทั้งที่ต้องจ่ายเงินให้ทอท.เดือนละ 16.5 ล้านบาท ถ้าเก็บไม่ถึงก็ต้องจ่าย แต่ถ้าเก็บได้เกิน บริษัทต้องหารเฉลี่ยให้ทอท.ร้อยละ 75 ที่เหลืออีกร้อยละ 25 ถึงจะเข้าบริษัท ดังนั้น แน่นอนว่าถ้าตนเป็นบริษัท ต้องทำทุกทางให้ส่วนเกินเข้ากระเป๋าตัวเอง สุดท้ายเมื่อบริษัทไม่จ่ายค่าเช่าตามสัญญา ก็ต้องริบเงินและหักเงินค้ำประกันสัญญารวม 119 ล้านบาท เมื่อไม่ส่งติดต่อกัน 5 เดือน จะถูกหักเดือนละ 16.5 ล้านบาท แล้วสองบริษัทที่รวมกันนั้น บริษัทหนึ่งเอาเงินค้ำประกันไป อีกบริษัทจึงไม่พอใจเป็นเรื่องประโยชน์ แต่ละฝ่ายเอาคนกันมา

น.ส.ผานิต เสถียรเสพย์ ผู้อำนวยการฝ่ายการพาณิชย์ ทอท.กล่าวว่า ทอท.มีการประมูลบริหารจัดการลานจอดรถ โดยบริษัท วี ดับเบิ้ลยู ไอ เอ็น กับ บริษัท สแตนดาร์ด พร้อมพ์ ได้รับการประมูล ตามกำหนดทีโออาร์ หลังประมูลแล้วจึงมีการจดทะเบียนบริษัทปาร์คกิ้งฯ มีชื่อกรรมการ 3 คนที่ทำสัญญากับทอท. ประกอบกิจการเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา มีนายนายธรรศ พจนประพันธ์ชำระเงินเป็นเช็คให้ทอท. จนถึงเดือนกรกฎาคมบริษัทไม่ได้จ่ายเงินตามตามระเบียบ ทอท. ดังนั้น ทอท.จึงหักเงินจากเงินประกันสัญญาของเดือนพฤษภาคม มิถุนายนและกรกฎาคม รวมค่าเช่าด้วยเป็นเงิน 66 ล้านบาท และเหลือเดือนสิงหาคมและกันยายน ที่บริษัทยังไม่ได้ชำระเงิน และขณะนี้ทางทอท.ก็ได้ทำการยกเลิกสัญญาแล้ว

ด้านพ.ต.อ.ณรงค์ฤทธิ์ ภัคดีณรงค์ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรราชเทวะชี้แจงกรณีชายชุดดำว่า จากการตรวจสอบชายชุดดำผู้ต้องสงสัย 30 คน ที่เป็นการ์ดของบิรษัทปาร์คกิ้งฯ จ้างมาวันละ 1,000 บาท ไม่ใช่เจ้าหน้าที่ทหาร แต่เป็นคนขับรถแท็กซี่ใกล้เคียงสนามบินสุวรรณภูมิที่ถูกจ้างมา ในจำนวนนี้มีผู้ต้องหาคดีค้างเก่าที่ขับรถชนคนตาย อีกหนึ่งคนบนรถแท็กซี่ตรวจพบอุปกรณ์งัดแงะรถยนต์ มีเสื้อดำในรถเป็นเสื้อคลุมบริษัทประกันภัย ในกล้องวงจรปิดที่จับภาพได้ มี 2 คนที่ขอหมายศาลอนุมัติออกหมายจับแล้ว อีก 28 คน จะไล่เช็คบิลทุกคน ในชั้นนี้ขอรอผลการสอบสวน และจะนำบุคคลที่เกี่ยวข้องมาดำเนินคดี และจะขยายผลต่อจาก 30 คน รวมทั้งหาผู้ที่อยู่เบื้องหลัง

วันที่ 8/10/2010
โพสท์ใน categorized | ใส่ความเห็น

EP.771..ด่วน!เสรีรัตน์อยู่ไม่ได้แล้ว..ทุกฝ่ายถามรมต.ทำไมยังเป็นผู้บริหารชุดนี้?


8/10/2553

ด่วนครับ…

วันนี้เปิดฟังช่อง97 FM. ทุกฝ่ายไม่ว่าจะเป็นภาคประชาชน สื่อต่างๆ ทั้งในและต่างประเทศดังๆอย่าง CNN, BBC ฝากถามกลับมายังท่านรมต.โสภณว่า ทุจริตในสุวรรณภูมิมากมาย และผู้ที่มีชื่อเกี่ยวข้องคือผู้บริหารกลุมของนายเสรีรัตน์ และนายนิรันดร์ ทั้งนั้น แต่เหตุไฉน…ใยจึงยัง”นั่ง”อยู่ในตำแหน่งจนทุกวันนี้..?

ท่านรมต.คงต้องตอบแล้วละครับ ว่าเรื่องอาคารจอดรถฉาวขนาดนี้ แต่ทำไมยังมีคนชื่อเสรีรัตน์ ประสุตานนท์ และทีมงานฯนั่งบริหารทอท.อยู่ …?

ผมก็บอกแล้ว เตือนแล้วว่าเป็นเรื่องใหญ่ ลำพังบอร์ดทอท.แก้ปัญหาไม่ได้ เพราะไม่เคยแก้ เพราะมองข้ามปัญหามาตลอด…และวันนี้เองที่สถานีวิทยุช่อง 97 FM.เอ่ยชื่ออกมาเองว่า กลุ่มทหารที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้มีเสธ….และที่ต้องหยุดกึก..ฟังคือ….เสธ.”ต้อย” พี่ชายในใส้ของผู้บริหารระดับ 11 ชื่อ รท.อนิรุทธ์ ถนอมกุลบุตร…ครับผม…!

ผมเคยเตือนไว้แล้วเช่นกันว่า…การที่ผู้บริหารทอท.ระดับเช่นนี้ทำอะไร ไม่รอดหูรอดตาไปได้หรอกครับ โดยเฉพาะเป้นที่รู้กันดีว่าในวันที่ 1 ตุลาที่ผ่านมานั้น มีกองกำลังไม่ทราบฝ่ายมาจากการจัดการของนายหมวดอ้อยอนิรุทธ์ ทีส่งซิกไปยังพี่ชาย

สื่อต่างๆในวันนี้ที่ออกมาให้ข่าวยังรู้กันละเอียดยิบด้วย ว่ากองกำลังที่บุกมาในสุวรรณภูมินั้นคือกลุ่มที่เป็นมาเฟียในดอนเมืองมานานแล้ว  และการที่คนชุดดำจะบุกเข้ามาเยี่ยงนี้ รวมถึงการยิงปืนขึ้นขู่หลายสิบนัด จะทำไม่ได้ ถ้าไม่ได้รับการ “เอื้อ” จากผู้บริหารทอท.เอง…? แค่ประเด็นนี้ทอท.ก้แพ้ในศาลแล้วครับ.

เรื่องนี้ไม่ว่านายหมวดอ้อยอนิรุทธ์ จะเกี่ยวข้องมากน้อยแค่ไหน แต่ถือว่าได้ทำผิดต่อทอท. ผิดกฎหมาย และผิดวินัยข้าราชการทุกพรบ. และในสถานการณ์ที่ใช้พรบ.ฉุกเฉิน ถือว่าเป็นการ”ท้าทายกฎระเบียบบ้านเมืองมากครับ.

เพราะการไม่ควบคุมให้เกิดเหตุเช่นนี้นอกจากทอท.เสียหายแล้ว ยังประเทศชาติยังเสียหายอับอายเขาไปทั่วด้วย  และนายอนิรุทธ์จะไม่กล้าทำเช่นนี้ ถ้านายเสรีรัตน์ และบอร์ดเข้ากำกับดูแล และไม่ให้ความร่วมมือ หรือนายนิรันดร์ กับพวกไม่เที่ยวกร่างอวดอ้างบารมีนักการเมืองและทหาร…

จำได้ไหมครับ..นาย “ต”…จากสนญ. นาย”ช”จากสุวรรณภูมิ นาย”ย”จากท่าเชียงราย  ล้วนลูกน้องนายนิรันดร์ นายอนิรุทธ์เองทั้งนั้น  คุยใหญ่คุยโตว่างานนี้ปาร์คกิ้งเสร็จแน่! เพราะพี่ชายหมวดอ้อยแกรู้จักทุกระดับ เข้าหานายทหารชั้นผู้ใหญ่ได้ทุกเหล่า..? พูดกันด้วยมาดทนงตนว่างานนี้ทั้งเฮียต่อ(นิรันดร์) ซือเจ้ป้อม(ศศิสภา) รวมทั้งพี่เส(เสรีรัตน์) จัดการม้วนเดียวจบ…! แล้วก็สั่งให้อย่าพูดมากไป…(เหยียบๆๆๆอีท่าไหนไม่รู้…ผมรู้จนได้ครับ..)เราจึงตรวจสอบข้อมูลแล้วก็จริงแฮะ..

ผมเชื่อว่าท่านรมต.คงไม่เกี่ยวข้อง แต่ประธานปิยะพันธ์คงไม่แน่ครับ..เพราะเห็นเข้าข้างกันเหลือเกิน ไม่มีแม้บทลงโทษ แค่”สอบ”คงไม่พอแล้วครับณเวลานี้..เพราะเรื่องมันลุกลามใหญ่โตไปจนกระทั่งสกัดไม่อยู่แล้ว ทางที่ดีที่เหลือแค่ทางเดียว คือ ถ้าจะรักษาบอร์ดทอท.ไว้ ต้องสั่ง”ยุติบทบาท” ทั้งหมดของผุ้บริหารกลุ่มของนายเสรีรัตน์ และนายนิรันดร์ นายอนิรุทธ์ ทั้งหมดครับ…

ถ้าหมวดอ้อยอนิรุทธ์จะหันกลับหัวอีกทางรึไม่เราไม่ทราบ..แต่ถ้าจะวิ่งมาฟากตรงข้าม คงต้องเหนื่อยและสารภาพว่าใครสั่งให้หมวดอ้อยทำ ?  เพราะมีอีกหลายเรื่องในดอนเมืองที่อ้างอิงได้ถึงอิทธิพลประมาณนี้..ของเจ้านายเก่าของหมวดอ้อย คนที่มีคฤหาสน์หรูกลางหุบเขา… ทั้งสาย..ครับผม…และถ้าจะสวามิภักดิกับฝั่งนี้ละก็.. เป็นผมนะ ไม่รู้จะเชื่อได้สนิทใจแค่ไหน..เพราะมีอีกหลายเรื่องที่หมวดอ้อยทำไว้เลื่องลือครับ..แต่ที่แน่ๆ สื่อหลายสำนักในวันนี้เอ่ยชื่อออกมาแล้วว่า..เสธ.ต้อย เป็นหนึ่งในนั้นครับ…

รวมถึง “คำสั่ง” แต่งตั้งผู้บริหารสายงานพัฒนาธุรกิจทุกคน ที่ได้รับการปรับตำแหน่งไปเมื่อวันนที่ 1 ตุลาคมที่ผ่านนั้น..ต้องบอกตรงๆนะครับ  ท่านรมต.ควรสั่ง ท่านปิยะพันธ์ให้คำสั่งการแต่งตั้งนั้นเป็นโมฆะ ครับผม…เพราะคนที่ได้ปรับตำแหน่ง ล้วนมีความรับผิดชอบในหน้าที่ที่ต้องร่วมรับผิดในฐานะของตำแหน่งงานทั้งสิ้น

อย่างเช่น ดร.นิตินัย สิริสมรรถการ ไม่สมควรให้ผ่าน”ประเมิน” เพราะเป็นถึงผู้บริหารระดับ11 สายงานพัฒนาธุรกิจโดยตรง นางศศิสุภา  สุคนธทรัพย์ เป็นระดับ 10 ผู้ช่วยดร.นิตินัย โดยตำแหน่งขณะนั้น  ที่เข้าร่วมประชุมรับรู้นโยบายมาตลอด  ร่วมกับ นายนิรันดร์ ธีรนาถสิน ซึ่งต้องถูกพักงาน แขวน หรือ ลาออกไปเสีย  เพราะฉาวทุกเรื่องที่เกี่ยวข้องและเป็นตัวเดินเกมในเรื่องนี้พร้อมกับนายเสรีรัตน์ มาตั้งแต่ต้นครับ…

นายศิโรตม์ ดวงรัตน์ ขณะนั้นเป็นระดับ 9 ปรับขึ้นเป็น 10 ได้อย่างไรครับ เมื่อรับผิดชอบเกี่ยวข้องกับเรื่องสัมปทานต่างๆโดยตรงอยู่แล้ว..หรือที่ท่านประธานปิยะพันธ์ให้เพื่อ”ตอบแทน” อะไรบางอย่างหรือครับ?

แม้เวลานี้ นส.ผานิต เสถียรเสพย์ อยากถุกแขวนเต็มประดา(และหมวดอ้อยรู้ก่อนแล้ว? จึงสั่งให้เตรียมห้องไว้ให้ลูกน้องคนสนิทเรียบร้อยแล้ว 6 ห้อง..ยังไม่รวมเรื่องที่จะปรับให้ นายกฤติยา ก้อนทอง ขึ้นเป็นระดับ 9 อีกต่างหากเพื่อคุมลิมูซีนที่พี่ชายประกอบการอยู่ส่วนหนึ่งครับ)

นายกฤติยา ลูกน้องหมวดอ้อยคนนี้ ร่วมกับลูกน้องหมวดอ้อยอย่าง  นายบรรจบ นางระวิวรรณ นางอังคณา นายณรงค์ชัย ในเรื่องการแก้ทีโออาร์ “รถเข็นกระเป๋าดอนเมือง” ล๊อตที่ถูกดองแอบเก็บไว้ในโกดัง ก่อนที่จะเพิ่งนำมาใช้งานหลังจากมีข่าวว่ารถเข็นสุวรรณภูมิหาย

เนื่องจากสเปกรถเข็นใช้งานไม่ได้ นางระวิวรรณก็คือหนึ่งในสามสาวคนสนิทของนายศรีสุขที่อื้อฉาวเรื่องรับสินบน และทุจริตทงบประชาสัมพันธ์เช่นเดียวกับนางตุ้มเพชร แต่นายปิยะพันธ์ก็ปลื้มขนาดปรับตำแหน่งขึ้นเป้นผอ.ท่าเชียงใหม่…ดูเหมือนประธานบอร์ดคนนี้ จะถูกใจกลุ่มผู้บริหารที่มีพฤติกรรม”ส่อ” ไปทางทุจริตเป็นอย่างยิ่ง…!

นส.ผานิตเอง อยากให้แบวนเหมือนนางสุกัญญา(เวลานี้เปลี่ยนชื่อแล้วนะครับแต่ขอใช้ชื่อเก่าเพราะคนจะจำแม่น)  เพราะเข้าใจผิดว่าจะทำให้รอดพ้นจากความผิดได้ ..จึงนิยมชื่นชอบการแขวนมากเพราะไม่ต้องรับผิดชอบอะไร แต่ข่มขู่วางอำนาจแทนนายศรีสุขใช้บารมีได้ ก็ไม่สมควรได้ขึ้นเป็นระดับ 9 ครับ

สิ่งเหล่านี้คือเหตุที่ทำให้สังคมทุกภาคส่วน มองว่าประธานบอร์ดหรือคณะบอร์ดทอท.เกี่ยวข้อง รู้เห็นเป็นใจด้วย..แล้วจะเลี่ยงข้อหาว่าภท.ทุจริตได้อย่างไร ก็ท่านชอบอ้างคุณเนวิน ผมก็แค่เอามาบอกให้ใครๆเขารู้กันน่ะครับ..

ไม่เพียงแค่ปลดหรือพักงานนะครับ ความเสียหายมากมายขนาดนี้ โบนัสปีนี้ผู้บริหารทอท.กลุ่มนี้ก็ไม่ควรได้รับด้วยนะครับ..ควรเตรียมตัวไปสู้คดีที่ผู้ประกอบทุกฝ่ายกำลังยื่นฟ้องได้แล้วครับ…

สหภาพทอท.ต้องยื่นขอให้ทอท.ไม่ต้องรับผิดชอบค่าเสียหายที่ผู้บริหารกลุ่มนี้กระทำนะครับ เพราะเป้นการกระทำส่วนตัวของผู้บริหารกลุ่มนี้เท่านั้นครับ..

ส่วนนายณรงค์ชัย ถนัดช่างแสง ที่ร่วมขบวนบินด่วน ไปพบอดีตนายกสมชายที่เซี้ยงไฮ้ร่วมกับ นายนิรันดร์ นายเสรีรัตน์ นางดวงใจ เพราะเป็นคนปรับเปลี่ยนแก้ไขทีโออาร์ก็คงต้องพักงานเช่นเดียวกันครับ…

ถ้าท่านรมต.หรือบอร์ดทอท.ยังเห็นแก่ตัวคิดจะ”ยื้อ”คนกลุ่มนี้ไว้อีก…ผมว่าพวกท่านคิดใหม่ดีกว่าครับ สังคมคนไทยไม่โง่อย่างที่ท่านคิด เขารู้ทัน และรังเกียจกลุ่มข้าราชการที่ทุจริตเป็นที่สุดครับผม..

ส่วนผู้บริหารคนอื่นที่จะเข้ามารับตำแหน่งแทนถ้ามีการเปลี่ยนแปลง คงต้อง“ยกเครื่อง”ใหม่ทั้งหมด เพื่อให้สังคมทุกชนชั้นเห็นว่า พวกคุณมีสำนึกดีรักชาติรักองค์กร เพราะถ้าพวกคุณยังเป็นเครื่องมือให้นักการเมืองทุจริต เราก็คงต้องได้แฉไม่เว้นวันอีกแน่นอนครับผม….

จาก นายวาซาบิ ครับ…

ปล. ขอให้ผู้บริหารทอท.ทุกท่านไม่ต้อง “ห่วง” นะครับว่าเรื่องเหล่านี้จะไม่แพร่กระจาย เพราะเราได้นำเสนอถึงภาครัฐ และท่านนายกฯกับทีมงาฯของท่านทุกบททุกตอนของบทความที่ลงในบล๊อกนี้เรียบร้อยแล้ว จึงนำมาเสนอให้ทุกท่านได้อ่านกันครับ…

โพสท์ใน categorized | ใส่ความเห็น

EP.7ึ70..ดูไว้เป็นตัวอย่าง…


หนูอ่านข่าวนี้แล้ว..หนูว่าคุณเนวินฮีโร่ของหนูคนเดิมคนนี้  แกไม่กลัวไม่หนาวหรอกค่ะคุณขา… เพราะใครๆในประเทศนี้ล้วนเกรงกลัวบารมีกันหัวหดค่ะ ก็แหม…ถ้าคุณเนวินแกหนาวซะเอง..

แบบเนี้ย..ผู้บริหารทอท.กลุ่มดังฉาวจะกล้า”ยื้อ”เก้าอี้ไว้แบบนี้เหรอคะ..เป้นคนทั่วไปที่มีสติสตังดีๆหน้าบางมียางมีสำนึกมีทางไปละก็..งป่านนี้เขาไม่ทน”อาย”ยื้อกันไว้หรอกค่ะ ผู้บริหารกลุ่มนี้จะรักชาติ หรือเห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวมได้ไงคะคุณขา…ในเมื่อพวกเขาไม่ห่วงแม้อนาคตของลูกหลาน เพราะจากนี้ไปพวกเขาคงหากินในเมืองไทยลำบากแล้วนะคะคุณขา…

จากนี้ไป…คดีที่ผู้บริหารกลุ่มนี้เกี่ยวข้องที่ปปช.กำลังดำเนินการอยู่…คงโถมทับเข้ามาอีกแน่นอนเจ้าค่ะ

8/10/2553

“เนวิน”หนาวป.ป.ช.สรุปคดีเซ็นทรัลแลป มี จนท.ฮั้วเอกชน สั่งอนุ กก.สอบเพิ่มโยงระดับนโยบาย นัดชี้ขาดใหม่

ที่ประชุมคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) วันที่ 7 ตุลาคม 2553 ได้ใช้เวลากว่า 7 ชั่วโมงในการพิจารณาคดีทุจริตโครงการจัดซื้อเครื่องมือ อุปกรณ์วิทยาศาสตร์ของบริษัทห้องปฏิบัติการกลางตรวจสอบผลิตภัณฑ์สินค้าการเกษตรและอาหาร จำกัด (เซ็นทรัลแลป)

นายกล้านรงค์ จันทิก กรรมการป.ป.ช.เปิดเผย “มติชนออนไลน์”ว่าที่ประชุมได้พิจารณาใน 2ประเด็นหลักคือ 1.มีการฮั้วกันหรือไม่(มีการกระทำผิด พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำผิดในการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐหรือไม่) 2.เป็นความผิดของเอกชนฝ่ายเดียวหรือมีเจ้าที่รัฐร่วมทุจริตหรือไม่ เพราะถ้าเป็นความผิดของเอกชนจะเป็นอำนาจของพนักงานสอบสวน ปรากฏว่าที่ประชุมกรรมการ ป.ป.ช.มีความเห็นว่าคดีดังกล่าวมีการสมยอมราคา (ฮั้ว)ชัดเจน และ มีเจ้าหน้าที่รัฐกระทำความผิดร่วมกับเอกชนจึงเป็นอำนาจ ของป.ป.ช. แต่เนื่องจากสำนวนที่อนุกรรมการเสนอขึ้นมาได้สอบพยานประมาณ 180 ปาก  เนื้อหา 844 หน้า จึงยังมีบางประเด็นยังที่กรรมการ ป.ป.ช.เห็นว่า ต้องสอบปากคำเพิ่มเติมให้รัดกุม จึงส่งสำนวนให้อนุกรรมการไต่สวนข้อเท็จจริงไปประมวลเรื่องทั้งหมดแล้วเสนอให้ที่ประชุมกรรมการ ป.ป.ช.วินิจฉัยอีกครั้ง คาดว่าจะใช้เวลาไม่นาน

นายกล้านรงค์ยอมรับว่า ในที่ประชุมกรรมการ ป.ป.ช.มีการกล่าวถึงเจ้าหน้าที่ของรัฐที่เข้าข่ายกระทำความผิดด้วย

แหล่งข่าวเปิดเผย”มติชนออนไลน์”ว่า ประเด็นที่คณะกรรมการ ป.ป.ช.ให้อนุกรรมการไต่สวนฯไปสอบเพิ่มนั้นเพื่อให้เชื่อมโยงให้เห็นว่า เจ้าหน้าที่รัฐที่ร่วมในการกระทำผิดมีตั้งแต่ระดับนโยบายที่ให้มีการจัดตั้งเซ็นทรัลแลปลงมาเลยหรือไม่ เจ้าหน้าที่ระดับใดมีส่วนร่วมบ้าง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คดีนี้นายเนวิน ชิดชอบ แกนนำพรรคภูมิใจไทย อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และพวกอีก 53 คนตกเป็นผู้ถูกกล่าวหา  นายเมธี ครองแก้ว กรรมการ ป.ป.ช.ประธานคณะอนุกรรมการไต่สวน เคยนำเข้าที่ประชุมกรรมการ ป.ป.ช.ชุดใหญ่มาครั้งหนึ่งแล้วเมื่อ วันที่ 30 กันยายน กรรมการติดภาระจึงเลื่อนมาเป็นการพิจารณาในวันนี้แทน

โพสท์ใน categorized | ใส่ความเห็น

EP.769…ด่วนครับ..รมต.พร้อม”ปลด”บอร์ดทอท.ยกชุด!


7/10/2553

ด่วนครับด่วน…

งานนี้บอร์ดทอท.งานเข้าแล้วครับ!!

เพราะอยากกระเตงผู้บริหารทอท.ที่มีพฤติกรรมเฮงซวยไว้..จนบัดนี้ เมื่อสี่ทุ่มครึ่ง ข่าวรายงานว่า…รมต.โสภณ ให้ข่าวว่า…

”  ถ้าสอบแล้ว “บอร์ดทอท.ผิด” ก็พร้อมปลดยกชุด  ที่ผ่านมาทอท.ไม่เคยบอกเรื่องนี้กับผม..

แม้แต่ของราคา 5 บาทก็ต้องบอก ทอท.คิดว่าอยู่ในอำนาจอนุมัติแล้ว ไม่บอกผม

และคิดว่าเขา “ใหญ่กว่า” ผม  งั้นแลกกัน..”

อุอุ…ถ้า่ท่านรมต.โสภณทำได้จริงอย่างที่พูด และกรรมการที่จะตั้งขึ้นมาสอบเรื่องนี้ ไม่ใช่คนในที่ล้วนแต่เป็นคนของนายศรีสุข หรือ คนของท่านเอง..ผมพร้อมจะ”นับถือ” ท่านอย่างจริงใจครับ และจะเชื่อมั่นว่าท่านทำเพื่อชาติจริงๆ…

แต่ถ้า”เข้าข้างกัน” มุบมิบ ซิกแซก…คงหาความเชื่อถือไม่ได้อะไรอีก และคงเป็นเรื่องช่วยไม่ได้ ถ้าจะให้สังคมเข้าใจว่า พรรคภท.นั้น…ทุจริตกันเหลือเกิน ก็ดูผุ้บริหารทอท.แต่ละคนที่ประธานบอร์ดทอท.”ใช้”งานซิครับ..ล้วนแต่คนที่ฝักใฝ่กับระบบทักษิณทั้งนั้น…แล้วท่านจะอ้างอย่างไรครับว่า…ไม่เอาทักษิณ หักหลังกันมา ใครเชื่อก็โคแหละครับ!

เมื่อเห็นชัดๆจนเบื่อว่า..นายสิงหเทพ เทพกาญจนา ตัวแทนน้องสาวคุณทักษิณ และตัวแทนนายพงษ์เทพ(พี่ชายที่สนิทคุณทักาษิณมาก) เดินประกบและร่วมรับรู้ทุกนโยบายของทอท. กินข้าวร่วมกับประธานปิยะพันธ์ทุกครั้งที่มีนัดประชุมเรื่องของทอท.? ทุกครั้งที่ประธานปิยะพันธ์ต้องเห็นนายสิงหเทพฯคนนี้ และยังรับงานเป็นที่ปรึกษาให้ทอท. เอ..แบบนี้ถือว่ารับรู้ก่อนเพื่อมารับงานเพื่อจะได้รู้ทุกเงื่อนไขและเอางบทอท.ไปได้สบายๆใช่ไหมครับท่าน..!!

หรือการที่ผู้บริหารทอท.จัดการอะไรกันเอง เพราะอาจตัวเตี้ย ไม่เห็นศีรษะของท่านรมต.รึเปล่าครับ เพราะพวกเข้าเองทั้งนายนิรันดร์ นายเสรีรัตน์ ก็พาท่านไป”ทำหน้าใส” ที่รพ.สมิติเวชบ่อยๆไม่ใช่หรือครับ? เขาก็เลยไม่กลัวใคร เพราะท่านเป็นคนของคุณเนวินที่พวกเขาชอบ”อ้าง” บ่อยๆไงครับ..ส่วนผู้บริหารระดับ 11 คนที่นำกองกำลังไม่ทราบฝ่ายเข้ามาบุกสนามบิน ลูกน้องเอง”กร่าง”ตามนายครับ เพราะคุยว่า..ท่านน่ะ”สุดซี้” กับเขานี่ครับ เขาจะกลัวใครทำไมล่ะครับ…

เพื่อไม่ให้ผมและสังคมต้องห่วงว่าท่านรมต.จะไม่โปร่งใสจริง แม้ท่านพยายามทำอยู่…งั้นผมขอเสนอครับ..สั่ง”พักงาน” ผู้บริหารทอท.ทุกคนที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้ รวมทั้งผู้บริหารระดับ 8 ขึ้นมาในสายงาน พัฒนาธุรกิจ สายงานการเงิน งานพัสดุทั้งหมดก่อนน่าจะดีครับ อาจมากมายหลายคน แต่ไม่ต้องห่วงนะครับ…พนักงานทอท.ยังมีอีกตั้ง..สามพันกว่าคนครับท่านครับ…เก่งจริงดีจังก้น่าจะยังพอมี หรือถ้าไม่โปร่งใสอีก ไม่ทำตามสิ่งที่ท่านสั่งที่ควรจะทำเพื่อชาติและทอท.ล่ะก็ ผมและทีมงานฯจะนำมาแฉ…เองครับ

ส่วนท่านดร.นิตินัย ผมเคยเตือนแล้วว่าคุณน่ะยังมีอนาคดแต่ที่อื่นนะครับไม่ใช่อนาคตในทอท. การที่พวกเขาเอาคุณเข้ามานั่งตำแหน่งนี้ เพราะเขากำลังมีพิธีบูชายัญ “แพะ” ครับ คุณควรลาออกไปจากทอทงก่อนที่บริาัทดังๆดีๆทั้งหลายจะ”ไม่มีที่”ให้คุณยืนนะครับ…

ดูอย่าง นายเสรีรัตน์ นายนิรันดร์ และพวกซิครับ…ผมน่ะอดเป็นห่วงไม่ได้ เพราะ”หลุด”จากเก้าอี้ หรือ เกษียนเมื่อไหร่..อนาคต “ดับ” วูบแน่นอน และยังต้องรับมือกับบรรดา “โจทย์” ต่างๆที่ทำกับเขาไว้อีกมากมายนะครับ แต่ละคนต้องมีลิ่วล้อคอยกันกระสุนให้หรือเปล่าไม่ทราบได้ เพราะเห็นล้อมหน้าหลังเจ้านายเหลือเกิน ก็ดีครับ อะไร”ปลิว” มาหัว “kaban” ของลูกน้องก็รับแทนไปก่อนนะครับ…เดี๋ยวนี้เอาแน่อะไรไม่ได้อยู่ด้วย กทม.เหมือนสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ไปทุกวันล่ะครับ มีของเล่นประจำจังหวัดเป็น rpg. หรือ  m79 อะไรอย่างนี้หนุกหนานไปครับ…!!

หลายท่านแล้วนะครับ ทำงานมาทั้งชีวิต มาหมดอนาคตเพราะเข้ามาทำทอท….เพราะมีผู้นำองค์กรอย่างชุดที่เป็นอยู่นี่แหละครับ…และคนที่รู้น้อยที่สุด มักจะเป็น “เหยื่อ” ของผู้บริหารทอท.กลุ่มนี้เสมอครับ…

จาก นายวาซาบิครับผม…

ปล. ปลดไปก่อนเพื่อรอให้พิสูจขน์ว่าไม่ผิดแล้วค่อยกลับมาทำงานก้ได้ครับ…งานนี้อย่างไรเสียผู้บริหารทอทงสายการเงิน สายพัฒนาธุรกิจ  พัสดุ ระดับ 8-9-10-11 ก็ดิ้นไม่ออก ผิดเต็มๆครับท่าน..

เสียชื่อประเทศชาติ ยอมทำลายองคืกรของตนเองเพราะจะเอาใจนักการเมือง…? แบบนี้”เลี้ยง” ไม่ได้หรอกครับท่านรมต..

 

 

โพสท์ใน categorized | ใส่ความเห็น

EP.768..มาเฟียครองสุวรรณภูมิ เพราะผู้บริหารทอท…


กรณีชายฉกรรจ์ 200 คนบุกปิดลานจอดรถสนามบินสุวรรณภูมิเมื่อค่ำวันที่ 30 ก.ย.ต่อถึงเช้าวันที่ 1 ต.ค.เป็นเหตุการณ์อุกอาจที่ไม่สมควรเกิดขึ้นในบ้านเมืองเรา

ถึงแม้ว่าจะเป็นลานจอดรถบางส่วนเฉพาะโซน 2 และระยะเวลาของการปิดก็เป็นช่วงเวลาครึ่งวันเศษๆ มีชาวบ้านได้รับผลกระทบไม่มากนัก

ก็เป็นสิ่งที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นเพราะมันแสดงถึงการมีกลุ่มมาเฟีย

ใช้อิทธิพลเถื่อน

ปัญหาของที่จอดรถสนามบินสุวรรณภูมิ รับรู้กันอยู่ว่ามีมาตั้งนานแล้ว

เกิดจากกรรมการบริษัทผู้ได้รับสัมปทานพื้นที่ลานจอดรถ มีปัญหาขัดแย้งกัน

การปิดลานจอดรถของสนามบินสุวรรณภูมิครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรก ก่อนหน้านี้ เมื่อคืนวันที่ 27 ก.ย.ก็มีชายฉกรรจ์บุกเข้ามาแล้วครั้งหนึ่ง

ย้อนไปเมื่อเดือน ต.ค.ปีก่อน มีมือมืดทุบรถของประชาชนที่จอดอยู่ในอาคารจอดรถโซน 3 ได้รับความเสียหาย

มากถึง 99 คัน!

นั่นก็มาจากความขัดแย้งเดียวกันนี้

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ขณะใช้

สนามบินนี้เดินทางไปต่างประเทศว่า ไม่เฉพาะที่นี่หรอกที่มีเรื่องกลุ่มมาเฟีย แต่ยังมีที่คลองเตย และที่อื่นอีก

นายกรัฐมนตรีพูดถูกและเข้าใจปัญหาได้ถูกต้องแล้ว มาเฟียยังมีอยู่อีกมากในบ้านเมืองเรา

มีข้อเท็จจริงที่ต้องยอมรับกันต่อไปว่า มาเฟียที่ว่านี้มีผู้อยู่เบื้องหลังคือ “คนมีสี”

หมายถึง “ทหารกลุ่มหนึ่ง”

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นถือเป็นเรื่องอุกอาจท้าทายกฎหมาย

การนำชายฉกรรจ์ถึง 200 คนเข้าไปปิดยึดอาคารจอดรถไม่ใช่เรื่องที่จะทำได้ง่ายๆ

สนามบินสุวรรณภูมิที่เป็นสถานที่สำคัญยิ่งไม่ใช่เรื่องเล็กๆ

ยิ่งกว่านั้นอยู่ในเขต จ.สมุทรปราการ ที่มีการประกาศพระราชกำหนด

การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน

ถ้าไม่ใช่ ” ทหาร ” คงไม่กล้า

หลายฝ่ายบอกเหมือนๆกันว่า มาเฟียเป็นเพียงทหารนอกแถวกลุ่มเล็กๆ

แต่ก้ไม่มีใครคิดจะจัดการกับมาเฟียเหล่านี้ให้เด้ดขาด..

พอเกิดเรื่องขึ้นก้ปล่อยให้สถานการณ์คลี่คลายไปเอง

ตามแนวทางนอกกฏหมายของมาเฟีย

จึงเป็นคำตอบในตัวของมันเองว่า เหตุที่มาเฟียอยู่ในบ้านเมืองเรา

ก้เพราะเขาเหล่านั้นเป็นมาเฟียตัวจริง

จึงไม่มีใคร “กล้า” ทำอะไร

“เพลิงมรกต”

มีอะไรจะพูด หรือ ตอบไหมครับท่านปิยะพันธ์ ว่าทำไมท่านจึงปล่อยให้กลุ่มมาเฟียเข้ามาในสนามบิน แล้วท่าน”ไม่รู้” หรือเพราะท่านเอง “สั่งการ” ให้ผู้บริหารระดับ 11 คนนั้น..ไป”จัดการ” ด้วยการเรียกกลุ่มทหารของพี่ชายเข้ามาหรือเปล่าครับ เพราะในวันนั้นผู้บริหารคนนี้กับท่านและกลุ่มของท่าน ไม่ยอมรับรู้ใดๆ

พอดังขึ้นมาก็รีบสร้างกระแสให้สังคมและสื่อคิดว่าปัญหามีแค่ความขัดแย้งของผู้ประกอบการที่ถูกโกงเท่านั้น..ทั้งที่ปัญหาใหญ่คือ การกระทำ “ผิดกฎหมาย” ของผู้บริหารทอท.เองที่เจตนาให้คนบุกรุกเข้ามาเพื่อให้เกิดความรุนแรงและจะได้”โยน” ให้เป็นความผิดของผู้ประกอบการที่ทำผิดสัญญาอยู่แล้ว

และเพื่อเบี่ยงเบนไม่ให้ใครจ้องเจาะมาถึงพฤติกรรมที่ขาดความรับผิดชอบของท่านประะานปิยะพันธ์และผู้บริหารทอท.กลุ่มของท่าน…

ท่านจะใช้ใคร..ท่านรู้จักเขาดีแล้วหรือครับ รู้หรือไม่ว่า”เขา” หักหลังคนมากี่คนแล้ว ? รู้หรือไม่ว่าเขารักตัวเองยิ่งชีพปานใด? รู้หรือไม่ว่า “เขา” ทำท่านเสียหายเพียงใด? ไม่น้อยไปกว่านายเสรีรัตน์และนายนิรันดร์แน่นอนครับ..กรุณาไปเช็กพฤติกรรมดีก่อนดีกว่าครับ

เวลานี้ทุกสังคมรับรู้เรื่องนี้หมดแล้ว และอย่าว่าอะไรเลยถ้าใครๆจะมองว่า ภท.ทุจริตเหลือเกินจนทำให้รัฐบาลเสื่อมเสีย ก็ดูแต่ละคนที่ใช้ทำงานแล้วกัน ล้วนโกงหน้าตาเฉย สนิทใจเหลื๊อเกินครับ..แต่บอร์ดก็ยัง..เลี้ยงไว้..

ท่านประธานต้อง”จ่าย” เงินมากหรือครับ กับการลงทุนซื้อ “สุนัข” ไว้เตะเล่นสักตัว..? จึงไม่ยอมลงทุนเล้ย…มาหา”เตะ”เอาในทอท.เนี่ยนะครับ !!

ขอแทรกโดย นายวาซาบิ ครับผม.

โพสท์ใน categorized | ใส่ความเห็น

EP.767..ต้องเลือกแล้ว..จะเอาเสรีรัตน์กับพวก หรือเอาตัวเอง..รอด?


คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี

คอลัมนิสต์ไทยรัฐจี้ “อภิสิทธิ์” อย่าวางเฉยกรณีมาเฟียทหารส่งคนปิดลานจอดรถสนามบินสุวรรณภูมิ ชี้คอร์รัปชั่นอื้อกันตั้งแต่สร้าง แต่ไม่มีใครจัดการ-ป.ป.ช.ก็ดองเรื่อง ทั้งๆ ที่ใช้เงินภาษีประชาชนลงทุนสร้างแสนกว่าล้าน โวยประเทศอื่นไม่มีใครยอมปล่อยให้มีการหักหัวคิวจากสัมปทานและผลักภาระให้ประชาชน

จากกรณีเมื่อวันที่ 30 ก.ย. ถึง 1 ต.ค. ที่ผ่านมา มีชายฉกรรจ์ราวสองร้อยคนได้บุกเข้าไปปิดล้อมสำนักงานของบริษัทที่ได้รับสัมปทานที่จอดรถท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ บริเวณชั้น 1 โซน 2 และบริเวณทางเข้าอาคารที่จอดรถท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จนก่อให้เกิดความตื่นตระหนกกับผู้ใช้บริการท่าอากาศยานไปทั่ว วันนี้ (7 ต.ค.) คอลัมน์หมายเหตุประเทศไทย โดย ลม เปลี่ยนทิศ ซึ่งเผยแพร่ในหนังสือพิมพ์ไทยรัฐได้ให้ความเห็นถึงกรณีดังกล่าว

บทความเรื่อง เรื่องที่สนามบินสุวรรณภูมิ นายกฯ อยู่เฉยได้ไง ระบุว่า เหตุการณ์ “คนชุดดำ” บุกปิดอาคารจอดรถ สนามบินสุวรรณภูมิซึ่งอยู่ในเขตการประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ถือเป็นการตบหน้ารัฐบาลและศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) อย่างชัดเจน แต่ในกรณีนี้ผู้บังคับการตำรวจจังหวัดสมุทรปราการกลับบอกเพียงว่าไม่สามารถเอาผิดได้ เพราะชายฉกรรจ์กลุ่มดังกล่าวไม่ได้สร้างความเสียหาย

จากนั้น ลม เปลี่ยนทิศ กล่าวต่อว่า ไม่เพียงกรณีที่จอดรถสนามบินสุวรรณภูมิเท่านั้นที่มีปัญหาทุจริตคอร์รัปชั่น แต่สนามบินแห่งนี้มีปัญหาการคอร์รัปชั่นตั้งแต่เริ่มก่อสร้าง โดยหลายเรื่องแม้จะเข้าสู่กระบวนการพิจารณาของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) แล้วแต่เรื่องกลับถูกแช่แข็ง

“อย่างกรณี นายเสรีรัตน์ ประสุตานนท์ ผู้อำนวยการใหญ่ท่าอากาศยานไทยที่อนุมัติให้ แป้งร่ำ รีเทล สัมปทาน ที่จอดรถระยะไกลของสนามบินสุวรรณภูมิ เอาไปทำร้านค้าสุวรรณภูมิสแควร์ ทั้งที่ไม่มีอำนาจ แต่บอร์ดการท่าฯ ได้แต่ยกเลิกสัญญา แต่ไม่ลงโทษนายเสรีรัตน์ แม้แต่ ป.ป.ช.เองก็เฉย ทั้งๆ ที่ทำผิด” คอลัมนิสต์ไทยรัฐระบุ

สำหรับกรณี ล่าสุดที่เกิดขึ้นกับสนามบินสุวรรณภูมิ ลม เปลี่ยนทิศ ชี้ว่าไม่น่าเชื่อว่าจะมีคนกล้าส่งคนแต่งชุดดำคล้ายทหารเข้าไปปิดลานจอดรถสนามบินสุวรรณภูมิซึ่งเป็นแหล่งผลประโยชน์จากการให้สัมปทานจำนวนหลายร้อยล้าน หลายพันล้านบาทต่อปี ไม่นับรวมกับกรณีการเก็บค่าหัวคิวกรณีอื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งสุดท้ายค่าหัวคิดต่างๆ เหล่านี้ก็ตกเป็นภาระของผู้โดยสาร โดยที่ภาครัฐอย่างนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กลับไม่ทำอะไรเพื่อแก้ปัญหา

“ไม่น่าเชื่อว่า สนามบินสุวรรณภูมิที่ลงทุนก่อสร้างไปแสนกว่าล้านบาท แต่เรื่องง่ายๆ แค่นี้กลับทำเองไม่ได้ได้ ต้องใช้วิธีสัมปทานออกไป ดูเจตนาแล้วไม่น่าจะโปร่งใส สนามบินต่างประเทศเขาไม่ใช้คนด้วยซ้ำ ใช้แค่เครื่องจักรจ่ายบัตรและเก็บเงิน ไม่เห็นจะต้องให้สัมปทานใคร เพราะเป็นรายได้ของตายของสนามบินอยู่แล้ว ไม่ต้องแบ่งใคร

“ยังไม่นับ หัวคิวแท็กซี่และหัวคิวอื่นๆ อีกมากมายที่กลายเป็นภาระทางอ้อมของผู้โดยสาร ซึ่งสนามบินทันสมัยในโลกนี้ไม่มีใครทำกันหรอก มีแต่ประเทศไทย” ลม เปลี่ยนทิศกล่าวทิ้งท้าย

ขอแทรกครับ:

ทอท.เคยทำเอง ก็ “เงินหาย” วันละหลายแสนครับ…ผู้บริหารทอทงก็ “ปิดปาก” กันเงียบ…จนบัดนี้ แต่รวยเอาๆส่งลูกเรียนนอกกันหมด แปลก๊แปลกครับ บางคนไปมีคฤหาสน์กลางหุบเขา พร้อมสร้างวิมานในกทม.เพิ่มอีกหลายหลัง รวยๆกันทั้งน้าน…ทั้งที่เป็นข้าราชการ เงินเดือนก็เพิ่งมา “ปรับ” กันเมื่อตอนแปลงร่างเป็นบริษัทมหาชน  แต่ทำไมลุกหลานรวยไม่เสร็จ.  เบ่งคับทอท.กันเป็นทิวแถว…

สำหรับบุคคลที่ถูกผุ้บริหารทอท.กลุ่มนี้ รังแกกลั่นแกล้งมาก่อน  กรุณารวมตัวกันเป็นพยานชี้ความผิดผู้บริหารทอท.กลุ่มนี้เลยนะครับ…รวมทั้งผู้ที่เคยถูกกล่าวหาใส่ร้าย โดยผู้บริหารกลุ่มนี้ ว่าเป็นทีมงานฯไฮโซฯ ด้วยนะครับ หรือกลุ่มคนที่ถูกผู้บริหารทอท.เหล่านี้ข่มขู่ ต่างๆนาๆ รวมกัน”สู้” ร่วมกับสหภาพทอท.เลยนะครับ…

เพราะได้ยินว่ามีทั้งลิ่วล้อขี้ข้า ลูกหลานผู้บริหารทอท.หลายคนที่จ้อง “กำจัด” พวกท่านทุกคนอยู่ครับ เนื่องจากไป”ขวาง”ทางผลประโยชน์พวกเขานะครับ…

เมื่อพวกท่านไม่ได้ทำ ก็ “ฟ้อง” เลยครับ เอาเรื่องและหลักฐานที่นักธุรกิจเคย”จ่าย”ใครบ้าง จ่ายเป็นบ้านช่อง  จ่ายเป็นร้านค้าธุรกิจ  จ่ายเป็นคฤหาสน์  จ่ายเป็นรถเก๋ง  จ่ายเป็นที่ดิน  จ่ายเป็นทัวร์ต่างประเทศยกครอบครัว ตั้งแต่สมัยดอนเมือง จนล่ำซำยกกระบิ แล้วยังปล่อยลูกหลานออกมาเพ่นพ่าน  ด่าว่าใครต่อใครมั่วไปหมด  คงโกงกินกันมาตามบรรพบุรุษมาแหละครับ..พวกชอบมั่ว อย่างนี้ อย่าเอาแต่นั่งบ่นครับ ต้องฟ้องให้หมดครับ..

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า  ผู้บริหารทอท.ที่เอาเวลาไปข่มขู่หรือเบ่งใส่ใคร   ช่วยกลับไปดูข้อกฎหมายก่อนดีกว่าไหม(อ๊ะอ๊ะ..อย่าอ้างผู้มีอำนาจอีกนะ..จะ”ฟ้อง”ครับ)  แล้วถ้าตัดสินจะเปลี่ยนชื่อแซ่สกุล เพราะทนอายไม่ไหว..ไม่ว่ากันครับ..! ผมขี้คร้านฟังคนบ่นถึงลูกหลานผู้บริหารพวกนี้ครับ..

โพสท์ใน categorized | ใส่ความเห็น

EP.766..”พรรค”จะถูกเขี่ยเพราะผู้บริหารทอท.โคๆซะละมั้งครับ??


7/10/2553

ลานจอดรถสุวรรณภูมิพ่นพิษ!!

แทบจะเรียกได้ว่า คนส่วนใหญ่ไม่เคยระแคะระคายมาก่อนเลยว่า ลานจอดรถสนามบินสุวรรณภูมิ จริงๆ แล้วเป็นขุมทรัพย์มูลค่ามหาศาลขนาดนี้

จนเมื่อมีกลุ่มชายฉกรรจ์ นับร้อยคน ได้ล้อมลานจอดรถ สนามบินนานาชาติ สุวรรณภูมิ และกลายเป็นข่าว ครึกโครมนั่นแหละ ถึงได้เพิ่งมารู้กันว่า เฉพาะลานจอดรถ ก็มีผลประโยชน์หลายร้อยล้านบาทกันแล้ว

โดยจุดเริ่มต้นของเค้กหลายร้อยล้านบาทที่แบ่งกันไม่ลงตัวครั้งนี้ เริ่มขึ้นเมื่อปลายเดือนกุมภาพันธ์ 2553 เมื่อ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. ได้มีการเปิดให้เอกชนยื่นประมูล ผลคือมีผู้ชนะเป็น กลุ่มร่วมทุน 2 บริษัท คือบริษัท วี ดับเบิ้ลยู ไอ เอ็น จำกัด กับบริษัท สแตนดาร์ด พร้อมพ์ จำกัด สัญญา 5 ปี ระหว่าง 30 เมษายน 2553-31 มีนาคม 2558

ตามข้อตกลงจะต้องจ่ายรายได้ขั้นต่ำค่าบริการรับจอดรถเดือนละ 17.5 ล้านบาท ค่าสมาชิกรายเดือน เดือนละ 4.5-5 ล้านบาท และค่าเช่าพื้นที่อีกประมาณเดือนละ 3-5 ล้านบาท

แต่ทางบริษัท สแตนดาร์ด พร้อมพ์ จำกัด ของ นายธนกฤต เจนกิตติโชค กับ บริษัท วีดับเบิ้ลยูไอเอ็น จำกัด ของ นายจุมพล ญาณวินิจฉัย ไม่มีงบประมาณในการดำเนินการบริหารจัดการ นายธนกฤต จึงได้ขายหุ้น 90 เปอร์เซ็นต์ของบริษัท สแตนดาร์ด พร้อมพ์ ให้แก่นายธรรศ พจนประพันธ์ ก่อนที่บริษัท สแตนดาร์ด พร้อมพ์ กับบริษัท วีดับเบิ้ลยูไอเอ็น จะร่วมกันเปิดบริษัทใหม่เพื่อบริหารลานจอดรถของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิในนามบริษัท ปาร์คกิ้ง แมนเนจเม้นท์ จำกัด โดยที่ทางบริษัท วีดับเบิ้ลยูไอเอ็น ถือหุ้น 60 เปอร์เซ็นต์ และบริษัท สแตนดาร์ด พร้อมพ์ ถือหุ้น 40 เปอร์เซ็นต์

แต่มีข้อตกลงให้ นายธรรศ มีอำนาจจัดการเงินและบัญชีทั้งหมด โดยหุ้นส่วนอื่นมีหน้าที่คุมการดำเนินการลานจอดรถเท่านั้น

ซึ่งมีการเปิดเผยออกมาในภายหลังว่า มีอดีตรัฐมนตรีช่วยกระทรวงคมนาคม เป็นคนจับขั้วให้มีการร่วมทุนกันในดีลนี้

แต่สุดท้ายทั้งคู่ก็ขัดแย้งกัน จนกลายเป็นเรื่องราวใหญ่โตและขุดคุ้ยกันขึ้นมาว่า เรื่องนี้มีเงื่อนงำผลประโยชน์มากมาย

โดยนายธรรศ ได้ทำหนังสือแจ้งความกับสถานีตำรวจราชาเทวะ กล่าวหานายธนกฤต ปลอมแปลงลายมือชื่อ ไปจดทะเบียนเปลี่ยนชื่อใหม่เป็นบริษัท ปาร์คกิ้ง แมเนจเมนท์ จำกัด

ซึ่งนายธรรศ ยังได้มีการทำหนังสือคัดค้านมายัง ทอท. และขอให้สำนักทะเบียนธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ตรวจสอบพร้อมมีคำสั่งเพิกถอนการจดทะเบียนบริษัทดังกล่าว

แต่สุดท้ายบริษัท ปาร์คกิ้ง แมเนจเมนท์ ก็ยังคงได้เข้าทำสัญญากับ ทอท.

โดยว่ากันว่ามีนักการเมืองเข้าไปเกี่ยว และว่ากันว่ารายการนี้น่าจะมีการเผลอไผลทำเงินหล่น และมีคนบังเอิญเก็บได้ในระดับ 100 ล้านบาทเลยทีเดียว

ธุรกิจทำให้ภาพลักษณ์ของทหารเปลืองตัวอีกแล้ว

แต่ที่ทำท่าว่าจะเปลืองตัวหนักที่สุดก็เห็นจะเป็นนักการเมือง โดยเฉพาะมีการพุ่งเป้าไปที่พรรคภูมิใจไทยเต็มๆ จนทำให้นายโสภณ ซารัมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ออกอาการหงุดหงิดกับข่าวลบที่เกิดขึ้นไม่ได้

โดยเฉพาะประเด็นที่ว่า มีอดีตรัฐมนตรีช่วยของพรรคภูมิใจไทยเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้

ซึ่งนายโสภณ กล่าวว่า รู้สึกแปลกใจที่เกิดเหตุตั้งแต่เดือนเมษายนแล้ว แต่ทำไมเรื่องเพิ่งมาแดงเอาตอนนี้ และรู้สึกโกรธที่ไม่เคยทราบเรื่องมาก่อน ไม่รู้ไปทำอะไรกันอยู่ ทั้งนี้ยืนยันว่า ไม่จำเป็นต้องแต่งตั้งคนนอกร่วมตรวจสอบตามข้อเสนอของ ส.ว. ขอการันตีคณะกรรมการชุดนี้เองว่า จะทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา

นายโสภณ กล่าวว่า ส่วนที่มีการพาดพิงบุคคลต่างๆ เพื่อโยงมาถึงภท. นั้น ได้ประกาศว่า พร้อมรับผิดชอบในส่วนที่เกี่ยวข้องกับรัฐมนตรีว่าการ ที่ปรึกษา และเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม หากใครทำอะไรเสียหาย ตนไม่ปกป้อง

ส่วนที่มีการพาดพิงว่าอดีตรัฐมนตรีช่วยคมนาคม สังกัดภูมิใจไทย เกี่ยวข้องด้วยนั้น นายโสภณกล่าวว่า ถ้ามีจริงก็ต้องรับผิดชอบ ใครไปทำอะไรไว้จะปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้ แต่ถ้าจะให้ต้องไปการันตีว่าใครถูกไม่ถูก คงไม่ได้ เพราะก็รู้จากที่เป็นข่าวเท่านั้น

และเรื่องที่ว่าหลังจากที่มีข่าวออกมาได้พูดคุยกับ นายทรงศักดิ์ ทองศรี และนายประจักษ์ แกล้วกล้าหาญ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม สังกัดภูมิใจไทย บ้างหรือยัง นายโสภณกล่าวว่า ยังไม่ได้คุย

ที่น่าสังเกตก็คือ นายโสภณยืนยันเพียงแค่ว่า เรื่องนี้นายประจักษ์ไม่เกี่ยว

ส่วนว่าทั้ง 2 คนควรออกมาชี้แจงข้อมูลหรือไม่ คิดว่า ถ้าพาดพิงถึงใครก็ควรต้องชี้แจง

“ขอยืนยันว่า จะไม่ปกป้องใคร ไม่เช่นนั้นผมเองจะเสียหาย ใครไปทำผิดแล้วจะให้ผมรับผิดชอบได้อย่างไร ผมจะไปรู้ได้อย่างไร สมมุติมีใครไปยิงคนตายแล้วมาบอกให้ผมรับผิดชอบมันได้อย่างไร ถ้าผมบริหารไม่ตรงไปตรงมาว่าผมได้”

งานนี้แม้ว่ายังไม่รู้ว่าจะจบลงอย่างไร แต่ที่แน่ๆ ท่ามกลางกระแสเชี่ยวกรากทางการเมือง ซึ่งพรรคภูมิใจไทยถูกจับตามองเป็นอย่างมากเกี่ยวกับผลประโนยชน์โครงการต่างๆ นั้น

ต้องถือว่าโครงงการลานจอดรถสุวรรณภูมิ เป็นอีกหนึ่งเผือกร้อนที่ลวกมือพรรคภูมิใจไทยอย่างคาดไม่ถึงจริงๆ

ก็คงต้องดูว่าทางพรรคภูมิใจไทยจะแก้ข้อครหา เรื่องอดีตรัฐมนตรีช่วยที่ว่านี้อย่างไร

ขณะเดียวกันก็คงต้องจับตามองทางพรรคประชาธิปัตย์ และนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีด้วยว่า จะตัดสินใจเกี่ยวกับพรรคภูมิใจไทยอย่างไร เพราะมีเรื่องฉาวเกิดขึ้นมาเช่นนี้ ย่อมไม่เป็นผลดีทั้งกับรัฐบาล และพรรคประชาธิปัตย์แน่

ทั่นรมต.ยังยอมรับแล้วว่า…ทำไมเรื่องเพิ่งมา “แดง” ..

ก็ต้องไปถามบอร์ดทอท.ละครับทั่น..!!

สัมปทานมูลค่ากว่าพันล้าน แต่บอร์ดไม่รู้…..งั้นไม่สมควรให้ทำหน้าที่แล้วครับทั่น..!

รึไม่กล้า “ปลด” อีก?

โพสท์ใน categorized | ใส่ความเห็น

EP.765..เรื่องใหญ่ระดับประเทศแล้วครับ…ทั่นปิยะพันธ์!


07 ตุลาคม พ.ศ. 2553 เวลา 06:20:43 น. มติชน

“มทภ.1″สั่งสอบ”เสธ.เฮ้า”เอื่ยวป่วนสุวรรณภูมิ “ทรงศักดิ์”ปัดยุ่งที่จอดรถ “ประยุทธ์”สั่งฟันทหารมาเฟีย

“ประยุทธ์”ลั่น! สั่งฟันทหารมาเฟีย กลางที่ประชุมผู้บังคับหน่วยทบ. “มทภ.1″สั่งสอบ”เสธ.เฮ้า”ถูกกล่าวหาเอื่ยวป่วน”สุวรรณภูมิ” ส.ส.พท.ร่วมขย่มโวยถูกเก็บค่าจอดรถ 500 แต่ไม่มีใบเสร็จรับเงินให้ “ทรงศักดิ์” โต้กก.บริษัทปาร์คกิ้งฯ อ้างไม่เคยชักชวน ย้อนจะลงทุนทำไมไม่ตรวจสอบก่อน เชื่อมีอะไรบางอย่างอยู่เบื้องหลัง หวังโยงหาเรื่อง ภท. ปลัดคมนาคมเชื่อมีคนใน ทอท.เอี่ยว ขึงขังรื้อดูความถูกต้องสัญญาทุกโครงการ “ประยุทธ์”ลั่น! สั่งฟันทหารมาเฟีย กลางที่ประชุมผู้บังคับหน่วยทบ.
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก(ผบ.ทบ.) คนใหม่ กล่าว ในที่ประชุมมอบนโยบายให้ผู้บังคับหน่วยขึ้นตรงกองทัพบก และผู้บังคับหน่วยระดับกองพันผบ.หน่วย ทุกระดับ ในโอกาสเข้ารับตำแหน่ง ผบ.ทบ. เมื่อวันที่ 6 ตุลาคมว่า ขอให้ทุกหน่วยดูแลกำลังพลในสังกัด รวมทั้งใน กองอำนวยการรักษาความมั่นภายใน(กอ.รมน.) และ คณะทำงานต่างๆ ผบ.หน่วย จะต้องรับผิดชอบกำลังพลทุกคน หากมีเรื่อง ก็ต้องตั้งคณะกรรมการสอบสวน มีการถูกลงโทษ แม้จะเป็น นายทหาร ก็ต้องดำเนินการเช่นเดียวกัน

“ถ้าทำตัวเป็นนักเลง หรือผู้มีอิทธิพล  นักเลงหัวไม้ ก็ต้องห้าม ลงโทษ  ผมคาดโทษไปแล้ว มีการตั้งคณะกรรมการสอบสวน  เรื่องนี้มีคนเกี่ยวข้องเป็นร้อย แต่ที่เป็นทหารมีแค่ 1-2 คนเท่านั้น  กำลังสอบสวน  ผมทำอยู่ ถ้าผมไม่ถูกเมื่อไหร่ก็มาว่าผม” ผบ.ทบ. กล่าว

มทภ.1สั่งสอบ”เสธ.เฮ้าส์”
พล.ท.อุดมเดช สีตบุตร แม่ทัพภาคที่ 1 เปิดเผยกรณี พ.อ.สมศักดิ์ ทองสุขเจริญ หรือ “เสธ.เฮ้าส์” สังกัดมณฑลทหารบกที่ 12 เข้าไปเกี่ยวข้องกรณีชายฉกรรจ์ปิดลานจอดรถสนามบินสุวรรณภูมิ ว่า สั่งให้ พล.ต.ประสงค์ ฟักสังข์ ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 12 (มทบ.12) จ.ปราจีนบุรี ในฐานะที่เป็นต้นสังกัด พ.อ.สมศักดิ์ เป็นหัวหน้าคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง เนื่องจากมีคนกล่าวอ้างว่า พ.อ.สมศักดิ์เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้อง
“ขณะนี้กองทัพพยายามทำเต็มที่เพื่อคลี่คลายเรื่องนี้มีข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร หาก พ.อ.สมศักดิ์เข้าไปเกี่ยวข้องจริงก็ต้องดำเนินการตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ โดยกองทัพคงไม่เลี้ยงไว้แน่นอน เพราะไม่อยากให้กองทัพถูกมองมีสิ่งที่ไม่ดี มีสีเทา หรือสีใดที่สกปรกอยู่ในกองทัพ และผมก็ไม่ต้องการเด็ดขาด อย่างไรก็ตาม ต้องเรียก พ.อ.สมศักดิ์มาสอบสวนก่อน โดยมีคณะกรรมการหน่วยฯ และนายทหารพระธรรมนูญร่วมสอบ”แม่ทัพภาคที่ 1 ระบุ
“ทรงศักดิ์”ปัดชวนลงทุนบ.ปาร์คกิ้งฯ
นายทรงศักดิ์ ทองศรี อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม แกนนำพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับปัญหาความขัดแย้งภายในบริษัท ปาร์คกิ้ง แมนเนจเม้นท์ จำกัด ที่ได้รับสัมปทานบริหารลานจอดรถท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ภายหลังชายฉกรรจ์ชุดดำบุกยึด และผู้บริหารบางกลุ่มระบุมีนักการเมืองระดับอดีตรัฐมนตรีหลอกขายหุ้น จนในที่สุดคณะกรรมการ (บอร์ด) บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. ตัดสินใจแก้ปัญหานี้ด้วยการยกเลิกการให้สัมปทาน ด้วยเหตุผลมีการทำผิดเงื่อนไขหลายข้อ
นายทรงศักดิ์กล่าวว่า ไม่เข้าใจว่าไปเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ได้อย่างไร เพราะตนเป็นประชาชนชั้น 2 ไม่มีอำนาจ ไม่มีสิทธิเลือกตั้ง ไม่มีตำแหน่งหน้าที่ใดทั้งสิ้น การที่นางแพรว พจนประพันธ์ มารดานายธรรศ พจนประพันธ์ หนึ่งในกรรมการบริษัท ปาร์คกิ้งฯ ระบุว่ามีส่วนเกี่ยวข้องนั้น ขอให้นางแพรวพูดชื่อออกมาให้ชัดๆ ว่าเป็นใคร
“ผมยืนยันว่าผมไม่เคยรู้จักกับนางแพรว ไม่รู้จักกับใครที่เป็นหุ้นส่วนของบริษัทนี้ และไม่เคยไปชักชวนใครให้มาร่วมลงทุน ผมยังงงอยู่ว่ามาเกี่ยวกับผมได้อย่างไร นางแพรวควรจะพูดชัดๆ ไปเลยว่าผมไปชวนมาลงทุนตรงไหน ตอนไหน แล้วการจะลงทุนทำธุรกิจทำไมจึงไม่มีการตรวจสอบจะลงทุนกับใคร แล้วมาเกี่ยวกับทรงศักดิ์ได้อย่างไร และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม มีผมคนเดียวหรืออย่างไร” นายทรงศักดิ์กล่าว

ขอแทรกครับ;

เมื่อใครๆก็ปฏิเสธ และผู้มีอำนาจจะเอาจริง ในเรื่องที่มีการกระทำผิด… ว่าแต่ผู้บริหารทอท.ยัง “หย่าย” คับฟ้าักันอีกไหมครับ…?ทางคมนาคมที่คิดว่าจะให้ “คนใน” ตวรจสอบเรื่องนี้กันเอง ผมว่าไม่เหมาะแล้วมั้งครับ  คงต้องเชิญผู้ทรงคุณวุฒิ คุณภาพ และรักชาติมาช่วย”จัดการ” ในเรื่องนี้แล้วล่ะครับ  ที่ท่านสว.เสนอไว้ว่าให้สนช.เก่า หรือ ท่านพลเรือเอกบรรณวิทย์มาช่วยตรวจสอบก้ดีนะครับ..ว่าแต่ขออย่ามีผุ้บริหารทอทงคนใด รินำชื่อท่านมา”อ้าง” อีกก็แล้วกันนะครับ..! ถ้าผมได้ยิน ผมจะ “ฟ้อง” ครับ…ผมแนะนำนะครับ ผู้บริหารทอทงคนใดที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ควร”ยุติ”บทบาทเสีย เพื่อเคลียร์เสียก่อนนะครับ ถ้าพิสูจน์ได้ว่า..ไม่ผิด..ค่อยกลับมาทำงานใหม่นะครับ.. เพราะขืนยังนั่งอยู่ต่ออย่างนี้ ทอท.มีแต่เสียหายครับ ผมเกรงจะต้องถึงขั้นตรวจ DNA ล่ะก้อ…จะยิ่ง “ดัง” เลยนะครับ…!!  อิอิ

โพสท์ใน categorized | ใส่ความเห็น

EP.764…โยนกันวุ่นและเพิ่มอีกเรื่อง..ตัวใครตัวมัน!


7/10/2553

“โสภณ”โบ้ยอดีตรมช.คมนาคมจากภท. แก้ปมลานจอดรถสุวรรณภูมิเอง

ก่อนหน้านี้ นายโสภณ ซารัมย์ รัฐมนตรีว่าการคมนาคม และแกนนำพรรคภูมิใจไทย (ภท.) กล่าวเมื่อวันที่ 6 ตุลาคม ที่รัฐสภา ถึงกรณีที่ผู้บริหารบริษัท ปาร์คกิ้ง แมนเนจเม้นจ์ จำกัด ที่ได้รับสัมปทานบริหารลานจอดรถภายในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ทสภ.) ระบุถูกอดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม สังกัดภท. หลอกให้มาถือหุ้นบริษัทดังกล่าว โดยอ้างว่า จะได้สิทธิในการบริหารพื้นที่ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2553 ว่า ได้แต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบการใช้พื้นที่ในทสภ. แล้ว โดยมีนายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม ปลัดกระทรวงคมนาคม เป็นประธาน

นายโสภณกล่าวว่า รู้สึกแปลกใจที่เกิดเหตุตั้งแต่เดือนเมษายนแล้ว แต่ทำไมเรื่องเพิ่งมาแดงเอาตอนนี้ และรู้สึกโกรธที่ไม่เคยทราบเรื่องมาก่อน ไม่รู้ไปทำอะไรกันอยู่ ทั้งนี้ยืนยันว่า ไม่จำเป็นต้องแต่งตั้งคนนอกร่วมตรวจสอบตามข้อเสนอของ ส.ว. ขอการันตีคณะกรรมการชุดนี้เองว่า จะทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา

นายโสภณกล่าวว่า ส่วนที่มีการพาดพิงบุคคลต่างๆ เพื่อโยงมาถึงภท. นั้น ได้ประกาศว่า พร้อมรับผิดชอบในส่วนที่เกี่ยวข้องกับรัฐมนตรีว่าการ ที่ปรึกษา และเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม หากใครทำอะไรเสียหาย ตนไม่ปกป้อง

ผู้สื่อข่าวถามว่า ผู้บริหารบริษัทปาร์คกิ้งฯ พาดพิงว่าอดีตรัฐมนตรีช่วยคมนาคมสังกัด ภท. เกี่ยวข้อง นายโสภณกล่าวว่า ถ้ามีจริงก็ต้องรับผิดชอบ ใครไปทำอะไรไว้จะปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้ แต่ถ้าจะให้ตนไปการันตีว่าใครถูกไม่ถูก คงไม่ได้ เพราะตนทราบข่าวจากสื่อ

เมื่อถามว่า ภายหลังปรากฏข่าวได้พูดคุยกับ นายทรงศักดิ์ ทองศรี และนายประจักษ์ แกล้วกล้าหาญ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคมสังกัดภท. หรือยัง นายโสภณกล่าวว่า ยังไม่ได้คุย แต่นายประจักษ์ไม่เกี่ยว

เมื่อถามว่า ทั้ง 2 คนควรออกมาชี้แจงข้อมูลหรือไม่ นายโสภณกล่าวว่า ถ้าพาดพิงถึงใครก็ต้องชี้แจง ขอยืนยันว่า จะไม่ปกป้องใคร ไม่เช่นนั้นตัวเองจะเสียหาย “รับผิดชอบอะไร ใครไปทำผิดแล้วจะให้ผมรับผิดชอบได้อย่างไร ผมจะไปรู้ได้อย่างไร สมมุติมีใครไปยิงคนตายแล้วมาบอกให้ผมรับผิดชอบมันได้อย่างไร ถ้าผมบริหารไม่ตรงไปตรงมาว่าผมได้”

ซันไชน์แจ้ง “ปาร์คกิ้ง แมนเนจเมนท์”นัดเคลียร์สัมปทานกับการท่าฯ 11ต.ค.

ส.ส.พท.โวยเก็บ500ไร้ใบเสร็จ

นพ.ประสิทธิ์ ชัยวิรัตนะ ส.ส.ชัยภูมิ พรรคเพื่อไทย (พท.) อภิปรายระหว่างการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ในช่วงเปิดให้หารือ ว่า ขอฝากปัญหาการทุจริตสนามบินสุวรรณภูมิไปถึงนายกรัฐมนตรี จากการไปพักผ่อนที่ฮ่องกงวันที่ 1 ตุลาคม โดยนำรถไปจอดในที่จอดรถสนามบินสุวรรณภูมิ ขาเข้าไม่มีการจ่ายบัตร แต่เมื่อจะนำรถกลับเจ้าหน้าที่เก็บค่าจอดรถ 500 บาท แต่ไม่มีใบเสร็จรับเงิน ไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้น และเมื่อมีเหตุวิวาทแย่งชิงผลประโยชน์ที่จอดรถก็ปรากฏว่ามีการระบุถึงคนชุดดำ จึงสงสัยว่าเป็นคนชุดดำพวกเดียวกับที่ไปก่อเหตุความวุ่นวายในการชุมนุมที่ราชประสงค์หรือพวกที่ไปเผาห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลเวิลด์หรือไม่ จึงขอฝากไปถึงนายกรัฐมนตรีว่าจะมีการทุจริตไปทุกเรื่องเลยหรือ กฎเหล็ก 9 ข้อของนายกรัฐมนตรีมันเป็นกฎเล็กไปแล้ว มีแต่ทุจริตคอร์รัปชั่น ขอร้องว่าแค่เงินค่าที่จอดรถยังจะกินกันอีกหรือ ฝากนายกรัฐมนตรีลงไปดูปัญหานี้ด้วย


โพสท์ใน categorized | ใส่ความเห็น

EP.763..ถ้ากล้า”ปลด” ผมกล้า”แฉชื่อ”ครับ..


ปลัดฯเชื่อมีคนในทอท.เกี่ยวข้อง

นายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม ปลัดกระทรวงคมนาคม ในฐานะประธานคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้พื้นที่ภายในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิและการบริหารจัดการระบบขนส่ง เปิดเผยภายหลังเข้าพบหารือกับนายโสภณ ซารัมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมพร้อมผู้บริหารที่เกี่ยวข้องจากบริษัท ท่าอากาศยานไทย ว่า ต้องการสอบถามข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับโครงการนี้ และคณะกรรมการได้นัดประชุมในวันที่ 8 ตุลาคมนี้  เพื่อวางกรอบแนวทางในการพิจารณา คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายใน 30 วัน และเชื่อว่าเรื่องนี้น่าจะมีคนใน ทอท.เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องด้วย

ขอแทรกครับ:

ถ้าท่านเชื่อเช่นนั้น ต้องรอพิสูจน์นานอีกล่ะซิท่า…  ต้องมีอยู่แล้วครับ อย่างนำกองกำลังไม่ทราบฝ่ายเข้ามาปล่อยลูกกระสุนปืนให้เปรี้ยงปร้าง…ผู้บริหารทอท.คงหูบอดจึงไม่ได้ยิน…แล้วนั่นก็ใหญ่นี่ครับ.. นายเสรีรัตน์ “รู้เท่าไม่ถึงการณ์” อีกรึเปล่าครับ?

อ้าวก็ลูกน้องระดับ 6-7 ของผู้บริหารทอท.ระดับ 11 เป็นคนป่าวประกาศอวดศักดาความยิ่งใหญ่ของ “เจ้านาย” เองไม่ใช่หรือครับ..เอาชื่อไหมครับ…

แต่แน่ใจนะครับว่าท่านๆจะกล้าปลดนายเสรีรัตน์ กับพวกนายนิรันดร์  ถ้าท่านกล้า “ปลด” ผู้บริหารทอท.ทั้งกลุ่มนี้วันใด ผมแฉชื่อลงให้เห็นพร้อมนามสกุลในบล๊อกนี้แน่ๆครับ  เอาไหมครับ? เพราะทำผิดพรบ.ฉุกเฉิน ผิดกฏหมาย รับผม..

คนที่จะขึ้นมาทำหน้าที่แทน  ก็ไม่ได้แปลว่าเราเชียร์คุณนะครับ ถ้าผิด หรือทุจริต หรือทำให้ทอท.เสียหาย เราก็เดินหน้าแฉ…เช่นกันครับ…สัญญา!

ทั้งนี้ ข้อมูลที่คณะกรรมการจะพิจารณา ได้แก่ ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการให้สัมปทาน ขั้นตอนการเปิดประมูล  การบริหารสัญญา เหตุผลการเปิดให้เอกชนเข้ามารับสัมปทานทั้งที่ก่อนหน้านี้มีแนวคิดจะลงทุนระบบและดำเนินการจัดเก็บเอง รวมทั้งอัตราการเก็บค่าจอดรถเฉลี่ยรายเดือนในช่วงก่อนและหลังเปิดให้เอกชนเข้าสัมปทาน รายได้ของ ทอท.มาจากแหล่งใด รวมไปถึงข้อมูลที่มีนักการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง จะมีการเรียกผู้บริหาร ทอท. และบริษัท ปาร์คกิ้งฯ เข้ามาสอบถาม หลังจากนั้นจะสรุปพร้อมนำเสนอข้อเสนอแนะให้กับนายโสภณรับทราบต่อไป

สงสัยให้เอกชนเก็บก่อนเซ็นสัญญา

นายสุพจน์กล่าวว่า ในเบื้องต้นพบความผิดปกติหลายข้อ เช่น การเปิดให้เอกชนเข้ามาดำเนินการจัดเก็บค่าจอดรถตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2553 ก่อนจะมีการลงนามในสัญญาในวันที่ 30 เมษายน 2553 การจัดเก็บรายได้ค่าจอดรถก่อนให้สัมปทานเอกชนเป็นอย่างไร เพราะมีหลักฐานว่าในช่วงแรกที่ ทอท.ดำเนินการเองจัดเก็บรายได้มากกว่าจริงหรือไม่ เพราะอะไร รวมทั้งการดำเนินการในเรื่องนี้มีการเปิดประมูล มีการแต่งตั้งคณะกรรมการพิจารณาผลของคณะกรรมการต่อรองราคาเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการรายได้ และยังได้เสนอผ่านบอร์ด ทอท.อีกด้วย ต้องไปดูว่ามีใครเกี่ยวข้องในส่วนไหนอย่างไรบ้าง

“จะสรุปเสนอนายโสภณ เพื่อกำหนดเป็นนโยบายให้ ทอท.ดำเนินการจัดเก็บค่าจอดรถเอง เช่นเดียวกับที่เคยดำเนินการเองในช่วงแรกที่มีการเปิดใช้สนามบินสุวรรณภูมิ โดยให้ใช้ระบบการจัดเก็บค่าจอดรถอัตโนมัติ คาดว่าใช้เงินลงทุนในการจัดซื้อระบบต่างๆ ไม่เกิน 100 ล้านบาท ภายใน 1 ปีจะต้องคุ้มทุนอย่างแน่นอน” นายสุพจน์กล่าว

นายสุพจน์กล่าวว่า ระบบจัดเก็บค่าจอดรถอัตโนมัติ จะทำให้ ทอท.สามารถจัดเก็บรายได้อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย ไม่ต้องจ่ายส่วนแบ่งให้เอกชน ร้อยละ 25 ที่จ่ายให้กับปาร์คกิ้ง แมนเนจเม้นท์ และยังป้องกันเรื่องการรั่วไหลได้อีกทางหนึ่ง เพราะได้พิจารณาช่องทางเข้าออกบริเวณจุดจอดรถมีไม่มาก และเป็นการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งที่เกิดขึ้น ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของการให้บริการที่ ทอท.จะต้องเข้ามารับผิดชอบดูแล แม้จะถูกตั้งข้อสังเกตว่าไม่ใช่ภารกิจหลักของ ทอท.ก็ตาม

ขึงขังรื้อดูความถูกต้องทุกโครงการ

นายสุพจน์กล่าวว่า การจัดการระบบขนส่งภายในสนามบินถือว่าเป็นเรื่องจำเป็น และมีผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของสนามบินสุวรรณภูมิ รวมทั้งที่ผ่านมาได้เข้าไปดูในส่วนของระบบการให้บริการของรถแท็กซี่ และรถสาธารณะต่างๆ หากรถแท็กซี่ไม่ปลอดภัยก็จะส่งผลต่อภาพลักษณ์ของประเทศในภาพรวมด้วย ถือเป็นภารกิจสำคัญที่ ทอท.ต้องเข้าไปดูแล

นายสุพจน์กล่าวว่า คณะกรรมการจะเข้าไปดูเรื่องของการจัดระบบขนส่งของสนามบินสุวรรณภูมิทั้งหมด  งานใดที่เคยให้สัมปทานกับเอกชนจะเข้าไปตรวจสอบความถูกต้องของสัญญาว่าจ้างย้อนหลัง ส่วนที่ ทอท.ได้เปิดประมูลให้เอกชนเข้ามาบริหารจัดการระบบรถแท็กซี่ภายในสนามบินสุวรรณภูมิจะมีการย้ายแท็กซี่ออกไปด้านนอก และทำให้ผู้ประกอบการรถแท็กซี่ต้องมีภาระค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น โดย ทอท.อ้างว่าต้องการลดภาระค่าใช้จ่ายในส่วนนี้นั้น เรื่องนี้นโยบายกระทรวงคมนาคมได้สั่งให้ชะลอโครงการแล้ว เพราะหวั่นว่าจะส่งผลกระทบต่อผู้โดยสาร หากทำให้ผู้ประกอบการมีภาระเพิ่มขึ้น

ขอแทรกครับ;

บกพร่องกันซะขนาดนี้เพราะ ทอท.มีผู้บริหารอย่างนายเสรีรัตน์ ประสุตานนท์  และ นายนิรันดร์ ธีรนาถสิน ไงครับ  ท่านสุพจน์เองก็เคยเป็นบอร์ดทอท. ยังเป็นกรรมการคัดเลือกเอานายเสรีรัตน์ มานั่งตำแหน่งกอญ. ไม่ใช่หรือครับ…ไหนท่านบอกคุณสมบัติดีเลิศเหมาะสม..แล้วบริหารงานออกมาเช่นนี้ได้อย่างไรครับ?

ถ้าท่านปลัดสุพจน์ ไม่ใช่คนในกลุ่มเดียวกันกับผู้บริหารทอท.กลุ่มนี้ กรุณาพิสูจน์ด้วยครับ…กรุณา”ลงโทษ” ที่ผู้บริหารทอท.กลุ่มนี้ ที่กระทำการทำให้ทอท.ต้องเสียหายด้วยครับ

เรื่องการปรับตำแหน่งพรรคพวกของนายนิรันดร์ และนายเสรีรัตน์ขึ้นมาเป็นระดับ 9-10-11 กรุณา“สั่ง” ยกเลิก และตรวจสอบความเหมาะสมด้วยนะครับ  เพราะ แต่ละคนอย่าง นางศศิสุภา สุคนธทรัพย์ มีอะไรโดดเด่นหรือเหมาะสมหรือครับ  จึงขึ้นมานั่งเป็น 11 ทั้งที่อยู่ในก๊วนสายงานพัฒนาธุรกิจกระทำเรื่องสัมปทานอาคารจอดรถเช่นกัน ร่วมกันกับนายนิรันดร์มา

หรือ นายศิโรตม์ ดวงรัตน์ มีอะไรดีครับ นอกจาก เดินทางต่างประเทศเก่งคอเดียวกับนานยนิรันดร์ และได้ชื่อว่าเป็นเสมือนลุกหลานนายศรีสุข..เหตุผลนี้จึงได้ปรับเป็นระดับ 10 หรือครับ? แล้วที่เกี่ยวข้องโดยตรงเพราะ เป็นฝ่ายสายงานพัฒนาธุรกิจที่ดำเนินการในสัมปทานนี้….จนฉาว..แต่เหมาะสมให้ได้รางวัลหรือครับ? หรือสักแต่แต่งตั้งเพราะ “พอใจ” เพราะ”หย่ายคับแผ่นดิน” ?

จะปรับให้เสียอย่าง เพื่อตอบแทน…จะเหมาะสมหรือไม่..ช่างศีรษะทอท…! รึเปล่าครับท่าน?

ผอ.ไปอีกทางให้เก็บเงินก่อน”ปกติ”

นายนิรันดร์ ธีรนาทสิน ผู้อำนวยการท่าอากาศยานดอนเมือง อดีตผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ กล่าวภายหลังเข้าพบนายโสภณว่า ได้มาชี้แจงข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสัญญาสัมปทานของบริษัท ปาร์คกิ้งฯ ส่วนกรณีที่มีการให้เอกชนเข้าไปจัดเก็บรายได้ก่อนจะมีการลงนามในสัญญาว่า เป็นเรื่องปกติ หลายโครงการเมื่อประมูลได้ก็ให้เอกชนเข้ามาดำเนินการก่อน เพราะมีขั้นตอนที่เอกชนจะต้องจัดเตรียมหาเงินค้ำประกันต่างๆ แต่เอกชนจะต้องจ่ายรายได้ให้กับ ทอท.นับจากวันที่ 1 เมษายน 2553

“เรื่องนี้จำได้ว่าช่วงที่เอกชนชนะประมูลตรงกับช่วงที่มีความวุ่นวายทางการเมืองเกิดขึ้นพอดี  สถานการณ์ที่ราชการมีการหยุดงานด้วย ทำให้เอกชนต้องใช้เวลาในการจัดเตรียมเอกสาร และติดต่อสถาบันการเงินในการหาเงินค้ำประกัน ทำให้ต้องยืดเยื้อออกมาถึงวันที่ 30 เมษายน 2553 แต่ไม่ได้เป็นปัญหาอะไร ส่วนรายละเอียดเรื่องตัวเลขการจัดเก็บรายได้ลดลงจากที่ ทอท.ดำเนินการเองนั้น ผมจำไม่ได้ ไม่ทราบ ต้องไปถามเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบในเรื่องนี้โดยตรง” นายนิรันดร์กล่าว

ขอแทรกครับ:

ชัดไหมครับ…นายนิรันดร์ ความจำ“สั้น” ขึ้นมากระทันหันอีกแล้วครับ.. โยนออกจากตัวแล้ว..ว่าไงครับคุณสุภาภรณ์ บุรพกุศลศรี คุณผู้ช่วยพูนสิริ ..จะโยนออกไปทางไหนต่อดีครับ..?

โพสท์ใน categorized | ใส่ความเห็น

EP.762..บท”ลงโทษ”ละครับท่านปิยะพันธ์..???


7/10/2553

ขอให้สหภาพทอท.นำเรื่องนี้ “ยื่นหนังสือ”ถึงภาครัฐ เพราะเป้นความเสียหายที่ผู้บริหารกลุ่มที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้ “ต้องรับผิดชอบ” ครับ และขอแจ้งให้สื่อทุกสังกัดทราบด้วยว่า นายนิรันดร์ ธีรนาถสินไม่ได้ถูกลงโทษ เพราะยังมีอำนาจอยู่เช่นเดิมเท่าเดิมในสายงานภูมิภาค และยังได้ใช้สิทธ์กลับมาเป็นกรรมการรายได้ชุดใหม่อีกด้วย นี่คือการลงโทษหรือครับ?

ทุกสื่อถุกนายปิยะพันธ์ “หลอก”ครับ ต้อง”พักงานยุติบทบาทเท่านั้น” ครับ คนไม่ผิด แต่นายปิยะพันธ์ นายเสรีรัตน์ นางกัลยา นายเสรีรัตน์  กลับสั่ง”แขวนดองมาเป็นปีๆ” ไปกว่าหลายสิบคน?  แต่คนทำผิดจนเห็นชัดเจน กลับไม่ทำอะไร ถ้าประธานบอร์ดใจแคบวิสัยทัศน์อคติ เล่นพวก เป็นมาเฟียเองจากการกระทำที่รู้เห็นเป้นใจให้ผู้บริหารระดับ 11 ใช้เสธ.ที่มีความสนิทสนมกับอดีตนายกฯมาทำงานให้…ขอภาครัฐโปรดพิจารณาด้วยครับ…

ส่วนลิ่วล้อทั้งเจ็ดสิบคนในทีมนี้ทุกคนยัง”กร่าง” เหมือนเดิม และเสธ.”ต” ที่สื่อเอ่ยถึง ส่งคนเข้ามาบุกได้ เพราะผู้บริหารระดับ 11 คนหนึ่งที่กำลังทนงตัวว่า”ขึ้นหม้อ” ครับ…ถือว่าผิดมหันต์ที่ทำร้ายองค์กรของตนเอง เพราะเป็นผู้สนับสนุนอยู่ และผู้บริหารทอท.ที่เกี่ยวข้องไม่ออกมาแก้ปัญหาแน่ถ้าไม่เป็นเรื่องดังขึ้นมา..เพราะที่ผ่านมา “เพิกเฉย” ทุกคน เพราะรู้เห็นเป็นใจร่วมกับผู้ประกอบการที่ขัดแย้งกับคุณ”พ” ครับผม

ผู้บริหารประเภทนี้สมควร”ลาออก”ได้แล้วครับ คุณคือคนทำลายทอท. และท้าทายกฎหมาย ท้าทายพรบ.ฉุกเฉินครับ  คนที่ยิงปืนกว่าสิบนัดก็รู้เห็นด้วยไม่ใช่หรือครับ…ท่านระดับ 11???

ขอแทรกโดย นายวาซาบิครับผม..

บทเรียนล้ำค่า ทอท.สูญรายได้นับ 100 ล. 

ขณะที่มีปมปัญหาขัดแย้งกันภายในบริษัทของกรรมการ 3 คน ทอท.ได้เซ็นสัญญาให้บริษัท ปาร์คกิ้ง แมเนจเมนท์ จำกัด นำคนเข้ามาบริหารลานจอดรถสุวรรณภูมิ ซึ่งเกิดการแบ่งขั้วปาร์คกิ้งฯเป็น 2 ทีม ทีมแรก นายธนกฤตนำคนเข้าไปเก็บเงินสดจากลูกค้าที่นำรถเข้ามาจอดทุกวัน มีรายได้เฉลี่ยวันละ 8 แสนบาท-1 ล้านบาท ทีมสอง นายธรรศน์เป็นเจ้าของเงินที่นำไปค้ำประกันไว้กับธนาคารกสิกรไทย มูลค่าประมาณ 40 ล้านบาท (ตามข้อตกลงปาร์คกิ้งฯ จะต้องนำเงินไปค้ำประกันสัญญารายได้ 105,930,000 บาท พร้อมหลักประกันสัญญาเช่าพื้นที่อีก 13,568,880 บาท) แต่กลับไม่มีสิทธิ์เข้าไปเกี่ยวข้องและรับรู้รายได้ตั้งแต่แรกที่เริ่มดำเนินงาน

เป็นชนวนให้นายธรรศน์ยกพวกเข้าไปค้นสำนักงานปาร์คกิ้งฯซึ่งตั้งอยู่ในสุวรรณภูมิ เปิดช่องให้นายธนกฤตไปแจ้งความที่สถานีตำรวจราชาเทวะ อ้างถูกชายฉกรรจ์บุกรุกเข้าไปทำลายทรัพย์สิน จึงถือโอกาสนี้ฟ้องแพ่งเรียกค่าเสียหายนายธรรศน์พ่วงเข้าไปด้วยเป็นเงิน 55 ล้านบาท จากนั้นปัญหาความขัดแย้งยิ่งปะทุแรงขึ้น ทุกวัน และถูกนำมาเป็นข้ออ้างในการไม่จ่ายเงินรายได้รายเดือนให้ ทอท.ตามสัญญา แถมยังระงับไม่ให้ ทอท.คืนเงินค่ามัดจำแก่นายธรรศน์ 20 ล้านบาท แต่นายธรรศน์มอบอำนาจให้สำนักงานกฎหมายอรุณอมรินทร์ทำหนังสือขอเงินดังกล่าวคืน หากไม่คืนจะดำเนินคดีกับ ทอท. ขณะนั้น ผอ.นิรันดร์เองโดนหางเลขถูกนายธนกฤตฟ้องด้วยเช่นกัน

ในอีกทางหนึ่งก็มีกลุ่มบริษัท ซันไชน์ คอปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ประกาศจะซื้อหุ้นบริษัท ปาร์คกิ้ง แมเนจเมนท์ จำกัด มาตั้งแต่ช่วงเมษายนและพร้อมจ่ายเงินในเดือนกรกฎาคม ที่ผ่านมา โดยนำบริษัทในเครือ อาทิ บริษัท เจเนอรัล เอนจิเนียริ่ง จำกัด เข้ามาซื้อด้วยเงินประมาณ 40 ล้านบาท โดยรวมแล้วกลุ่มนี้นำเงินมาลงในปาร์คกิ้งเกือบ 200 ล้านบาท แต่จนถึงขณะนี้ไม่มีรายงานว่า ได้รับผลตอบแทนกลับคืนหรือไม่

กระทั่งเมื่อ 23 กรกฎาคม 2553 ผอ.นิรันดร์นำมติของคณะกรรมการพิจารณารายได้ ทอท.ซึ่งเสนอให้ส่งหนังสือถึงธนาคารกสิกรไทย สาขาสยามสแควร์ ในฐานะผู้ค้ำประกันเงินโครงการลานจอดรถสุวรรณภูมิ ให้โอนเงินจากบัญชีธนาคารเลขที่ ๕๓-๕๒-๐๐๐๘-๐ จ่ายเป็นเงินรายได้รายเดือนแก่ ทอท.รวม 66,928,310.83 บาท เนื่องจากบริษัท ปาร์คกิ้งฯ ไม่เคยโอนรายได้ดังกล่าวให้ ทอท.ตามข้อตกลงสัญญา และเงินที่โอนมาทั้งหมดนี้ก็ครอบคลุมเฉพาะเดือนเมษายน-กรกฎาคม 2553 เท่านั้น ยังคงค้างจ่ายเดือนสิงหาคม-กันยายน 2553

ตั้งแต่เริ่มให้เอกชนรับสัมปทานโครงการลานจอดรถอาคาร ผู้โดยสารเอและบีสุวรรณภูมิ ปัญหาความขัดแย้งภายในระหว่างกรรมการ 2 คน คือ นายธนกฤตกับนายธรรศน์ได้ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงกับ ทอท.มาตลอดทุกเดือน เพราะคู่สัญญาไม่ได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขข้อตกลงแม้สักข้อเดียว

แต่นายนิรันดร์ ธีรนาถสิน ผู้อำนวยการสุวรรณภูมิ นายเสรีรัตน์ ประสุตานนท์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ทอท.นายปิยะพันธ์ จัมปาสุต ประธานบอร์ด ยังยืนยันว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตั้งแต่ 30 เมษายน 2553 มาจนถึงกลางเดือนกันยายน 2553 เป็นเรื่องภายในของบริษัท ปาร์คกิ้ง แมเนจเมนท์ จำกัด ทอท. จะไม่เข้าไปเกี่ยวข้องแต่อย่างใด

ขอแทรกครับ

ปากเหรอ…ครับนั่น? ที่พูดออกมาเช่นนี้…ไม่สะทกสะท้าน ทั้งที่ทอท.เก็บเงินไม่ได้เนี่ยนะครับ..

 

โพสท์ใน categorized | ใส่ความเห็น

EP.751..รัฐบุรุษคำนึงถึง..”คนรุ่นต่อไป..”


7/10/2553

รายการ “เคาะข่าวริมโขง” ออกอากาศทาง “อีสานทีวี” ช่วงเวลา 18.30-20.30 น. วันพุธที่ 6 ต.ค.โดยมี น.ส.กมลพร วรกุล เป็นผู้ดำเนินรายการ และได้เชิญนายเทิดภูมิ ใจดี นายพิเชษฐ พัฒนโชติ รองหัวหน้าพรรคการเมืองใหม่ และนางมาลีรัตน์ แก้วก่า แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยรุ่นที่ 2 ร่วมพูดคุยในรายการ

นายพิเชษฐ กล่าวถึง กรณีที่รศ.ดร.สุดา รังกุพันธุ์ขึ้นไปพูดเรื่อง 6 ตุลาบนเวทีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์วันนี้ ว่ารายการนี้แปลก คนจัดเอาพวกเสื้อแดงมาพูดเป็นหลัก ดร.สุดานี่ใส่เสื้อสีแดงไปเลยข้างหลังเป็นป้ายราชประสงค์ สิ่งที่พูดคงไม่ถึงขั้นปลุกระดมให้คนไปตาย เพียงแต่พูดสรุปประเด็นถึงผล แต่ไม่พูดถึงเหตุ อ้างว่า 91 ศพ เหมือนเหตุการณ์ตอน 6 ตุลา ที่ถูกอำนาจรัฐฆ่า

“เอามาเทียบกันไม่ได้ มันคนละเรื่อง กรณี 6 ตุลา นักศึกษาไม่ได้มีอาวุธ ดร.สุดา เป็นคนรุ่นหลังไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ ไม่รู้เรื่องมาพูดได้อย่างไร แล้วคนจัดให้ไปพูดได้อย่างไร ที่พูดว่า 91 ศพ ถูกอำนาจรัฐฆ่า คุณก็พูดไม่หมด ว่าเสื้อแดงมี M79 มีบั้งไฟ มีการยิงทหาร สุดท้ายเผาบ้านเผาเมืองอีก ดร.สุดาจะตัดตอนมาพูดแต่ผลโดยไม่พูดถึงเหตุไม่ได้”นายพิเชษฐ กล่าว

นายพิเชษฐ กล่าวอีกว่าเด็กรุ่นใหม่ที่อินกับเสื้อแดงเหลือเกิน ก็เพราะได้รับข้อมูลที่เป็นแต่เพียงผล ไม่ได้ทราบถึงเหตุ อย่างเช่น รู้แต่ว่าการรัฐประหารทำลายระบอบประชาธิปไตย แต่ไม่พูดต่อว่าก่อน 19 กันยายน ประเทศชาติเสียหายจากทุนสามานย์อย่างไร  ไม่ได้รับการบอกเล่าตรงนั้น พูดแต่ว่านายทักษิณมาจากการเลือกตั้ง แล้วทหารมาปฏิวัติ  ดร.สุดาพูดไม่หมด คนฟังก็สับสน  การที่เด็กสมัยนี้ได้รับข้อมูลไม่รอบด้านก่อให้เกิดการเข้าใจผิด แล้วก็แค่เอาเรื่องการเลือกตั้ง กับการปฏิวัติมาเทียบ และยกเรื่อง 2 มาตรฐานมาอ้างอีก

นางมาลีรัตน์ กล่าวว่าระดับครูบาอาจารย์มันมีความน่าเชื่อถือเยอะ แล้วเด็กกิจกรรมก็จะชื่นชมอาจารย์ที่เคลื่อนไหวพวกนี้ด้วย

น.ส.กมลพร กล่าวเปิดประเด็นว่ามีคนบอกว่าช่วงตุลาคม จะมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง มีข่าวว่าทหารจะปฏิวัติ ซึ่งพล.อ.ประยุทธ์ ผบ.ทบ.ก็กล่าวว่าไม่เคยคิดปฏิวัติ ส่วนเหตุการณ์ระเบิดแมนชั่นที่บางบัวทอง ศอฉ.ออกมาพูดว่าเกิดจากการเคลื่อนย้ายหรือการประกอบ แล้วเกิดการผิดพลาด แล้วก็เชื่อมโยงกับระเบิด 4 จุดก่อนหน้านี้ด้วย เพราะลักษณะการประกอบวงจรคล้ายๆกัน ภรรยานายสมัยก็ออกมาบอกว่าสามีตน เป็นพวกเสื้อแดง ซ้ายจัด และฮาร์ดคอมาก

นางมาลีรัตน์ กล่าวว่ากรณีนายสมัย มันชัดเพราะเคยถูกคดีก่อเหตุระเบิดที่เชียงใหม่ แปลกที่ประเทศไทยเรามีพรก.ฉุกเฉินอยู่ แต่ถ้ามีแบบนี้ไม่ต้องมีดีกว่า ที่จับคนร้ายได้ไม่เคยมาจากผลงานของเจ้าหน้าที่เลยนะ อย่างชายฉกรรจ์ 11 คนที่เชียงใหม่ก็มาจากพลเมืองดีแจ้งเบาะแส

ส่วนช่วงตุลาคม จะมีการเปลี่ยนแปลงหรือเปล่าก็ไม่มีใครรู้ ถ้าดูจากเงื่อนไขการโยกย้ายที่อาจทำให้ทหารบางกลุ่มเกิดความไม่พอใจ มันก็มีน้อยไม่น่าจะใช่  หรือเรื่องงบประมาณไม่ลงตัวมันก็ได้งบกันไปหมดแล้ว แต่เงื่อนไขที่เข้ามาแทรกคือคดียุบพรรคที่น่าจะมีขึ้นเร็วๆนี้

นางมาลีรัตน์ยังกล่าวอีกว่า กระบวนการป่วนทำเป็นว่ามือนึงก็บอกว่าปรองดอง อีกมือก็สร้างสถานการณ์ป่วน ตนเชื่อว่า 11 คนที่ถูกจับได้เป็นของจริง สรุปบทเรียนที่ได้คือนายทักษิณอยู่เบื้องหลัง เราคิดว่าโยงกันได้แน่นอน ตนขอเสนอนายกฯเลยว่า กลับมาปุ๊บปรับครม.เอาคนดีๆเข้ามาให้หมดแล้วยุบสภาฯทันที แล้วรักษาการ 3 เดือน เดินตามนี้แก้เกมได้แน่นอน ประเทศได้ประโยชน์ด้วย

นายเทิดภูมิ กล่าวเสริมว่าการก่อเหตุวุ่นวายมีเป้าหมายเพื่อโค่นอำนาจรัฐ แบบที่นายสนธิญาณพูดว่าการปรองดองเป็นเพียงยุทธวิธี และสร้างสงครามจรยุทธ์ให้เกิดความโกลาหล เห็นด้วยกับนางมาลีรัตน์ว่ารัฐบาลแก้เกมได้ต้องให้ความรู้ประชาชน และเอานักการเมืองเลวๆออกไปให้หมด

นายพิเชษฐ กล่าวสรุปว่าไม่ว่าเหตุการณ์ในอดีตหรือปัจจุบันมีอยู่ประโยคหนึ่งที่จะฝากไว้ คือ “นักการเมืองคำนึงถึงการเลือกตั้งครั้งต่อไป แต่รัฐบุรุษคำนึงถึงคนรุ่นต่อๆไป”

โพสท์ใน categorized | ใส่ความเห็น

EP.760…ประธานปิยะพันธ์กรุณาแสดงความรับผิดชอบได้แล้วครับ..


โพสท์ใน categorized | ใส่ความเห็น

EP.759..ลงอีกสักรอบ(แผนเสื้อแดงที่เสรีรัตน


นำบทนี้มาลงใหม่อีกสักที…เพราะเรียกร้องกันมา..นะครับ..!

เอาละว้า..แผนเสื้อแดง(อยู่ที่เสรีรัตน์)?

posted on 14 Sep 2010 14:31 by hiso-zupzip | Edit This

ถึง นายกอภิสิทธิ เวชชาชีวะ, paisal@dharmniti.co.th, pakjira_999@hotmail.com, คุณปานเทพ กล้าณรงค์ราญ, pissanu.19@hotmail.com, tra832@yahoo.com,

14/9/2553

คุณ …. ที่อ้างว่าเป็นลูกน้องคนสนิทของนายนิรันดร์ และนายเสรีรัตน์ ส่งรูปภาพเหล่านี้มาให้เน้นให้ลงอีกต่างหาก รูปก็ช่างเล็กเหลือเกินดูรู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้าง

แต่แผนผัง(ของกลุ่มเสื้อแดง)อันนี้ซิน่าสนใจ เพราะเป็นการบอกขั้นตอนต่างๆไว้ทั้งหมดเลย..ก็ไม่รู้ว่ามีใครเคยเห็นกันบ้าง…แต่คุณพี่แกบอกมาว่าอยู่ในแฟ้มส่วนตัวของนายเสรีรัตน์ครับผม..

พิจารณาดูแล้วผมว่าน่าจะใช่ เพราะมีทั้งรูปถ่ายที่นายเสรีรัตน์น่าจะเก็บไว้ในแฟ้มส่วนตัว คนที่กระชากออกมาให้เราได้เห็นจะต้องเป็นผู้มีฝีมือในด้านคอมพิวเตอร์แน่ๆ ภาพเหล่านี้ไม่ใช่การตัดต่อแน่นอน และจากต้นฉบับก็มีการcopy ไว้เป็นหลักฐานถึงที่มาที่ไปแล้วครับ

ขอบอกก่อนเลยว่า ทีมงานฯเชื่อว่าก่อนที่บทความนี้จะออกสู่สายตาท่านผู้อ่าน เชื่อว่ามีการแพร่กระจายไปแล้วตั้งแต่เมื่อวาน เพราะบทความนี้ทีมงานเขียนเตรียมไว้ล่วงหน้า รอให้เนื้อหาของแผนผัง”ลับ”ที่นำมาเสนอนี้แพร่ออกไปก่อนแล้วจึงได้เวลานำเสนอให้พนักงานในทอท.ได้รับรู้โดยทั่วๆกัน สมเจตนาของคุณพี่…..น่ะครับ

แผนผังของแผนการเสื้อแดงชุมนุมจะมีอยู่ในแฟ้มส่วนตัวของนายเสรีรัตน์ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกครับ เพราะเป็นที่รู้กันดีว่า นายเสรีรัตน์เป็นพี่เมียของนายวีระ มุสิกพงษ์แกนนำเสื้อแดงเรียกคนมาตายแทน(แต่เผ่นก่อนเผาเมือง)!

โดยเฉพาะรูปถ่ายแต่ละภาพ ล้วนเป็นภาพช่วงที่กลุ่มคนเสื้อเหลืองมาชุมนุมที่สนามบินทั้งน้าน..น.. และยังมีบางภาพของเสื้อแดงที่จุดไฟเผาที่ยังไม่เห็นในสื่อต่างๆอีกด้วย..

โอ๊ะโอ๋…แย่แล้วนะท่านประธานปิยะพันธ์ หรือที่แท้ท่านเองก็ร่วมกระบวนการสนับสนุนช่วงมีการเผาเมืองกะเขาด้วยรึเปล่าครับ จึงสนับสนุนกันจัง!! อืม..น่าคิด..น่าคิด…

คุณ…….อุตส่าห์เอามาฝากทั้งที ทีมงานฯจึงต้อง”สนอง”อยู่แล้วครับ ว่าแต่งานนี้ถ้าผู้ใหญ่ในบ้านในเมืองเข้ามาเห็นเข้า ก็ตัวใครตัวมันนะครับท่านประธานปิยะพันธ์ และผู้บริหารทอท.ทั้งหลาย ที่สนับสนุนนายเสรีรัตน์ครับผม….

เพราะคุณพี่แกบอกมาว่าแผนนี้มีอยู่ในแมส่วนตัวนายเสรีรัตน์ตั้งแต่เมษายนที่ผ่านมาแล้วครับ..ตัวอักษรที่มีไฮไลท์เป็นการบันทึกที่กลุ่มนปช.คาดว่ารัฐทำ? ที่ไม่มีไฮไลท์คือแผนของนปช.?

แผนเตรียมการนปช.

หนูขอแจมหน่อยนะคะ คือมัน”คัน”อ่ะค่ะ…
นี่ถ้าเป็นผู้บริหารทอท.อย่างนายเสรีรัตน์และพวก ว่าผมนอนไม่หลับแล้วนะครับเนี่ย…เมื่อไม่กี่วันก่อนช่วงที่นายเสรีรัตน์ไปศาลเพิ่งบอกแม๊บๆว่าไม่รู้ว่านายวีระเป็นแกนนำเสื้อแดง…..(สงสัยบอร์ดทอท.คงเชื่อแบบนี้ด้วยเลย”ดัน”กันใหญ่)
ก่อนหน้านั้นก็บอกว่า ไม่มีสีโกรธพันธมิตรที่ออกมาแฉความสัมพันธ์ของคนเองกับนายวีระ ? บอกปาวๆว่าทำเพื่อการเมือง แต่ไหง แผนผังการชุมนุมของคนเสื้อแดงกลับมาอยู่ในเว็ปส่วนตัวของนายเสรีรัตน์ก็ไม่รู้….?
เรื่องนี้จึงโยงไปได้มากมาย รวมถึงโยงไปถึงกระบวนกลุ่มก๊วนของนายเสรีรัตน์เองในทอท.ด้วย ทำให้น่าสงสัยว่า ที่มีข่าวมาตลอดเวลาว่าผู้บริหารทอท.กลุ่มของนายศรีสุข นายเสรีรัตน์ นายนิรันดร์ ล้วนเป็นตัวการจัดแถวให้”ท่อส่ง”ทำงานสะดวกขึ้นช่วงที่มีการชุมนุมจนเผาเมือง…นั่นไม่รู้จะจริงไหมอ่ะคะ?
ที่น่าสนใจอีกอย่างที่คุณพี่”ผู้ร้ายกลับใจ” ส่งมาให้ทีมงานฯคือ พี่แกยืนยันนอนยันนั่งยันว่ากลุ่มของนายศรีสุข นายเสรีรัตน และนายนิรันดร์ นี้ลองไล่ไปในอดีตย้อนขึ้นไปสักสิบปี…ทำอะไรๆไว้เยอะ….ขอบอก…หมายรวมถึงผู้บริหารเก่าๆที่ร่ำรวยขึ้นผิดหูผิดตาด้วยนะค้า….คุณขา…อยากรู้กันละซิว่าเรื่องอะไร…ขออุบไว้ก่อนนะค้า..เดี๋ยวนี้พวกเราต้องเผยให้สังคมภายนอกได้รู้ก่อน แล้วค่อยมาเผยในบล๊อกเจ้าค่ะ เพื่อป้องกันการสกัดกั้นข้อมูลนะคะนะคะ…

เขียนกันให้อ่านชัดๆ เรียงเป็นแถวนะคร้าบ….

แถวแรกเริ่มจาก>> นปช.ปิดผ่านฟ้า>>ให้ยุบสภาทันที>> อภิสิทธ์ไม่ยุบ>> ปิดราชประสงค์-กระจายทั่วกรุงกดดัน>> กดดันทั่วปปช.รัฐแก้ไม่ได้>> ยั่วยุต่อบุกรัฐสภา>> บิดเบือนข่าวสาร
แถวที่สองเริ่มจาก>>  เลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญปี 50ที่บอกว่าไม่ใช่ปชต.>> ใช้กม.ความมั่นคง>> กดดันปิดล้อมทหารออกจากพื้นที่>> M79ลง-ขนานในม๊อบเสื้อแดง ไม่ยักลงแบบพธม.>> รัฐออกพรบฉุกเฉิน>> รัฐเปิดptv>> นปช.บุกไทยคมขอเปิด>>รัฐสู้กำลังไม่ได้ อ่อนแอเสียหน้า ขอใช้กม.เด็ดขาด
แถวที่สามเริ่มจาก>> คนมาร่วมเยอะไม่เจรจาด้วย>>ขออำนาจศาล>> ศาลยกบอกไม่ต้องขอรัฐมีอำนาจตามกม. >>รัฐหาคนทำไม่ได้?ทำเอง >>เข้าทางนปช.>> นปช.บุกภาค 1>> รัฐตัดสินใจขอคืนพื้นที่ใกล้สงกรานต์ >>ใช้เวลานานเกินไป? มืดค่ำยุทธวิธีไม่รัดกุม
แถวที่สี่เริ่มจาก>> ทักษิณยุตลอดพูดนิ่มขึ้นมีบทเรียน>>นปช.บิดเบือนข่าวสารบอกศาลยกฟ้องรัฐจะรุนแรง>>ทำให้รัฐเข้าสลายรุนแรง>> นายกอยู่ต่อไป>> ให้ข้อมูลปชช.คุยทหารพรรคร่วม>>ทักษิณsmsระดมคน>> มือมืดมาช่วยฆ่าคน>> รัฐใช้ความรุนแรง
แถวที่ห้าเริ่มจาก>>  เป้าล้มองคมนตรี>>ทักษิณกลับมามีอำนาจ>> ลดอำนาจองคมนตรี/ที่ปรึกษาใคร?>> อะไรจะเกิดขึ้นหากทักษิณกลับมา>> นปช.ได้เปรียบ>> ยุบสภา หรือ ลาออก หรือ ไม่จบ>> นายกตัดสินใจ>> ทหารพรรคร่วมกดดัน>> ทักษิณเงียบไป ok >>เข้าแผนนปช.รัฐฆ่าปชช.

โพสท์ใน categorized | ใส่ความเห็น

EP.758..สองมาตรฐานตั้งแต่ถึงสุวรรณภูมิ?


สองมาตรฐาน ตั้งแต่เข้าประเทศไทยที่สุวรรณภูมิ Posted by หมูสนาม ,

หมวด : นักข่าวอาสา

ผมบินกลับจากเซี่ยงไฮ้มาถึงสุวรรณภูมิประมาณตีสองคืนวันเสาร์

(25/9/2553) ขณะรอผ่านด่านตรวจลงตราพาสปอร์ตคนเข้าเมือง มองเห็น

ป้ายของการบินไทย ว่าจัดช่องทางด่วน Fast Track  ให้กับผู้โดยสารการบิน

ไทยในชั้นธุรกิจ และชั้นหนึ่ง ไม่ต้องไปยืนเข้าคิวรอตรวจประทับตราใน

พาสปอร์ตเหมือนผู้โดยสารชั้นประหยัดทั่วๆไป  ผมยกกล้องเพื่อบันทึกภาพ

เก็บไว้ ทันใดนั้นมีคุณผู้หญิงท่านหนึ่ง ไม่ได้แต่งเครื่องแบบระบุว่าทำงาน

หน่วยงานไหน เดินปรี่เข้ามาตำหนิที่ผมถ่ายภาพ เป็นภาษาอังกฤษ

ผมตอบกลับไปว่า “ผมเป็นคนไทยครับ”

“ไม่ทราบหรือไงว่าห้ามถ่ายภาพ” เธอพูดเสียงแข็ง

“ ขอโทษครับ ผมไม่เห็นว่ามีป้ายห้าม ”

“ทำไมถึงถ่ายภาพไม่ได้ครับ” ผมถามกลับไป เธอเงียบไปสักครู่ แล้วพูดว่า

“ ที่นี่ห้ามถ่ายรูป ” ผมยังถามเหมือนเดิม “ห้ามถ่ายเพราะ”

เธอเงียบ มองหน้าผม สักครู่จึงพูดออกมาว่า

“แสงแฟรชจะไปรบกวนการทำงานของเจ้าหน้าที่” ผมจึงบอกกับเธอไปว่า

“ผมถ่ายภาพ โดยใช้โหมด Auto และปิด ฟั่งชั่นแฟรชไว้”

“และที่ที่ผมถ่ายไม่มีเจ้าหน้าที่นั่งทำงานอยู่ ”

ผมเห็นเธอเงียบผมจึงถามต่อไปว่า

“ทำไมผู้โดยสาร ชั้น First Class กับชั้น Business Class จึงได้สิทธิพิเศษไม่ต้องเข้าคิวเหมือนชั้นประหยัด”

เธอตอบว่า “เป็นข้องตกลงระหว่างการบินไทยกับการท่า มีการทำ MOU กัน”

“แปลกดีนะการตรวจคนเข้าเมืองได้สิทธิพิเศษจากตั๋วเครื่องบินด้วย” ผมบ่น

เธอไม่ตอบอะไร รีบเดินเข้าไปในห้องข้างๆแถวผู้โดยสารที่รอคิวอยู่

สักครู่ เดินออกมาบอกกับผมอีกว่า “ทีหลังอย่าถ่ายรูปนะคะ”

“ถ้าไม่ให้ถ่ายรูปน่าจะมีป้ายบอกนะ ทำเป็นภาพสัญลักษณ์ก็ได้ผมจะได้ทราบ”

เธอพูดต่อว่า “ ต้องทำเยอะมาก ทำไม่ไหวหรอก ”

“ทำไมการท่าไม่ขอสปอนเซอร์จากการบินไทยให้ทำให้ล่ะครับ”

เธอคงรู้สึกว่าผมพูดกวนประสาทมากเข้า จึงเดินจากไป

ส่วนผมได้แต่เสียวสันหลังว่าจะโดนกักตัวที่ด่านหรือเปล่าฟะ !!!………..

เท่าที่ผมเคยพบเมื่อเดินทางไปต่างประเทศ ช่องทางด่วน หรือ Fast Trackเขาทำไว้สำหรับอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ที่ไม่สะดวกที่จะยืนรอเป็นเวลานานๆ เช่นหญิงท้องแก่ใกล้คลอด คนชราอายุ 70 ปีขึ้นไป หรือมารดาที่ต้องอุ้มเด็กทารก หรือผู้ป่วยที่นั่งรถเข็น เป็นต้น เพิ่งสังเกตเห็นที่ประเทศไทยนี่แหละที่ ผู้โดยสารชั้นหนึ่ง(Royal First) หรือผู้โดยสารชั้นธูรกิจ (Royal Silk) ของการบินไทยได้สิทธิพิเศษให้ใช้ช่องทางด่วนได้ ไม่ต้องไปยืนรอคิวผ่านการตรวจคนเข้าเมืองเหมือนผู้โดยสารชั้นประหยัด

การยอมจ่ายแพงเพื่อซื้อความสะดวกสบายในการเดินทางโดยเครื่องบินเป็นเรื่องธรรมดายอมรับกันได้เพราะเป็นการทำธุรกิจให้บริการ (ได้สิทธิในความสะดวกสบายมากกว่าคนอื่นเพราะยอมจ่ายแพง) สิทธินี้ควรจะสิ้นสุดเมื่อเดินลงพ้นจากเครื่องบินแล้ว หรือถ้าจะแถมกันเป็นพิเศษ การบินไทยจะบริการพามาส่งให้ถึงหน้าด่านตรวจคนเข้าเมืองโดยไม่ต้องเดินมาเอง ก็ยังพอทำใจได้ แต่การเข้าคิวเพื่อผ่านด่านตรวจคนเข้าเมือง

ที่เป็นงานของรัฐไม่ใช่การบริการทางธุรกิจ

คนรวยมีสิทธิ์อะไรไม่ต้องต่อคิวเหมือนคนอื่น

สองมาตรฐานชัดๆ!!!

/////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////

ผม นายวาซาบิ ต้องฝากถามทอท.อีกเรื่องว่า…เวลาผู้บริหารทอท.ใช้สิทธ์พิเศษเต็มที่  เผื่อแผ่ไปถึงลูกเมียและคนหิ้วกระเป๋า…ให้เที่ยว”กร่าง” ไปทั่ว ขอทั้งน้ำหนักกระเป๋า ทั้งอัฟเกรดตั๋ว ทั้งราคาพิเศษ แต่วางบิลราคาเต็ม หรือการที่ผู้บริหารทอท.ตำแหน่งใหญ่ๆ “หิ้วกระเป๋า” เงินสดใบโตๆให้ลุกน้องเดินไปส่งถึงเครื่อง โดยกระเป๋าเงินสดไม่ผ่านเครื่องเอ็กซเรย์ เนี่ย….(ไม่รู้ขนเงินไปให้ใคร) กี่มาตรฐานครับ?

อย่างการ “ส่งนาย” ก็เหมือนกัน เพราะบรรดา”เจ้านาย” รวมถึงบุตรและภรรยา คงกลัวว่าการเดินทางแต่ละครั้ง อาจไม่มีโอกาสได้กลับมาอีกแล้วหรือไรไม่ทราบ…เพราะมีความพยายามสร้าง“ลางร้าย” ให้เกิดเอง ด้วยการต้องมีลิ่วล้อ ขี้ข้า ลุกน้องทั้งหลายแห่กันไป”ส่ง” เหมือนกำลังจะลาเมรุ อย่างไรอย่างนั้น…

ก็ไม่รู้ว่า กลัวชะตาขาดในเที่ยวบินนั้นทำให้ไม่ได้กลับมาอีก หรือต้องการอวดบารมีว่ามีใคร เป็นขี้ข้ารับใช้บ้าง?  แต่ไม่เป็นไรครับ เพราะความกร่างทั้งหลายได้ถูกลงบันทึกไว้หมดแล้ว อีกหน่อยถ้ามีคดีพัวพัน จะได้ปฏิเสธกันไม่ได้ว่า…“ไม่เกี่ยวข้อง ไม่ได้เป็นลุกน้องสนิท” นะครับ…

โพสท์ใน categorized | 1 ความเห็น

ผ่าบึ้ม..บางบัวทอง..สัญญาน”แรง”?


center>
ผ่าปม บึ้มบางบัวทอง !!! ระเบิดนี้ ท่านได้แต่ใดมา ?? จะนำไปฆ่าใคร..??..ทีเอ็นที – ซีโฟร์ ที่พบไม่ใช่น้อยๆ..ฆ่าได้เป็นร้อยศพ ??!!! ..
Posted by vincentoldbook ,

ผ่าปม บึ้มบางบัวทอง !!! ระเบิดนี้ ท่านได้แต่ใดมา ?? จะนำไปฆ่าใคร..??..ทีเอ็นที – ซีโฟร์ ที่พบไม่ใช่น้อยๆ..ฆ่าได้เป็นร้อยศพ ??!!! ..

เหตุระเบิด..

ที่สมานเมตตาอพาร์ทเมนท์ย่านบางบัวทอง..

นำความระทึกขวัญสั่นประสาทมาสู่สังคมไทยมากมายเหลือเกิน จนเกิดคำถามตามมาเซ็งแซ่จากผู้คนในสังคมไทยวันนี้ว่า ..มันกำลังเกิดอะไรขึ้นกันแน่กับประเทศชาติบ้านเมือง ??..

ภาพพลังทำลายล้างของมัน ที่ทำเอาตึก ๕ ชั้น แทบพังลงมาทั้งหลัง ห้องที่เป็นจุดเกิดเหตุไม่ต้องพูดถึงสภาพพังยับเยินทั้งห้อง แรงระเบิดทะลุจากอีกห้องไปยังอีกห้องและทะลุจากตัวอพาร์ทเมนท์ไปทำความเสียหายให้กับแพปลาที่อยู่ข้างเคียงพังยับเยิน..บ่งบอกได้ชัดถึงอานุภาพของมัน !! ..

มีผู้ที่อยู่ใกล้เคียงจุดเกิดเหตุดับอนาถในทันที่ ๔ ศพ โดยมีหนึ่งศพ ที่โดนแรงอัดของระเบิดทำเอาร่างกระเด็นออกจากชั้นสอง ตกไปลงมาชั้นล่างไกลจากตัวตึกถึงสิบกว่าเมตร และ อีกศพระบุรูปพรรณสัณฐานใดๆไม่ได้เพราะมีแต่ท่อนแขน..นี่ก็บ่งบอกได้ชัดถึงภาพสยดสยองภายหลังการทำลายล้างของมัน !! ..

ไม่จบแค่นี้ยังมีผู้ที่ได้รับบาดเจ็บอีก ๙ คน ที่ภายหลังมีข่าวแจ้งมาว่า ๖ คนสามารถกลับบ้านได้ แต่อีก ๓ คนยังคงพักรักษาตัวที่โรงพยาบาล มีอาการสาหัส ๒ ราย ในจำนวนผู้ที่มีอาการบาดเจ็บสาหัสนั้นมีหนึ่งรายที่เป็นเด็กชายอายุ ๗ ขวบ รวมอยู่ด้วย!!!..

นี่ไม่ใช่ระเบิดธรรมดาๆ ..แต่มันคือระเบิดแสวงเครื่องที่มีอานุภาพทำลายล้างสูง !!..

ที่มีไว้เพื่อลอบสังหารบุคคลสำคัญๆ หรือ มีไว้เพื่อเป้าหมายในการทำลายล้างสร้างความเสียหายอย่างมหาศาลทั้งต่อชีวิต และ ทรัพย์สินของผู้คนจำนวนมากโดยเฉพาะ !!..

มีไว้ใช้งานเฉพาะพวกทหาร หรือ ไม่ก็พวกก่อการร้ายมืออาชีพเท่านั้น ..

ไม่ใช่มีไว้เพื่อสร้างสถานการณ์ป่วนเมืองใดๆอย่างที่แล้วๆมา !!!..
………………………….
เบื้องต้น..

ในการตรวจค้นห้องที่เป็นจุดเกิดเหตุ ..

ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจพบแผงวงจร และ วัตถุที่ใช้ทำระเบิดอีกจำนวนมากที่ทำให้เชื่อได้ว่า ที่เกิดเหตุนั้นต้องเป็นแหล่งผลิตระเบิดอย่างมิต้องสงสัย และ สาเหตุระเบิดนั้นก็ไม่น่าจะมีอะไรมากไปกว่าเรื่องของความผิดพลาดของคนทำระเบิดเอง ..

ทว่า สิ่งที่เรียกความสนใจได้มากมายนอกเหนือจากเรื่องการตายและการบาดเจ็บของผู้คนรวมถึงความเสียหายของทรัพย์สินตัวอาคาร หรือ รถราต่างๆแล้ว ..

ยังมีข่าวที่ออกมาว่าทางเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานได้พบแผ่นวีซีดีรัฐไทยใหม่ ในห้องพัก 202 ที่เป็นห้องพักของ นายสมัย วงศ์สุวรรณ ชาวอำเภอหางดง จ.เชียงใหม่ ที่เพิ่งเข้ามาพักอยู่อาศัยได้เพียง ๑ เดือน และ เชื่อว่าเป็นคนที่กำลังประกอบระเบิดอยู่ กองรวมอยู่ในห้องที่เกิดเหตุด้วยเป็นร้อยๆแผ่น..

ดังนั้น มาถึงตรงนี้ เหตุบึ้ม..ที่อพาร์ทเมนท์ย่านบางบัวทองนี้ จึงมีอะไรให้ชวนคิด ? จึงมีอะไรให้ชวนติดตามมากมายเหลือเกิน ?? ..

โดยเฉพาะกับพยานปากที่เป็นเจ้าของอพาร์ทเมนท์ ที่ระบุว่าห้องพักห้องนี้ มีคนพัก ๓ คน เป็นชาย ๒ คน และ หญิง ๑ คน..

โดยเจ้าของห้องพักที่เกิดเหตุ ที่บอกว่าเป็นชาวหางดง จ.เชียงใหม่ นั้น..

กลับใช้รถกะบะวีโก้ สีบรอนซ์ทอง ..ป้ายทะเบียน..นราธิวาส !!!..

…………………………………..
ดังนั้น..

หลักฐานเบื้องต้นที่พบ..

ไม่ว่าจะเป็น แท่งดินดำ สายไฟอิเล็กทรอนิก ที่เอ็นที ซีโฟร์ ..

หรือ แม้แต่กรณีพบหลักฐานที่เป็นแผ่นวีซีดีรัฐไทยใหม่อีกเป็นร้อยๆแผ่นในห้องที่เกิดเหตุ มันอดที่จะทำให้เราๆท่านๆคิดไปถึง เรื่องข่าวขบวนการก่อการร้าย และ แผนใต้ดินของพวกไพร่แดง ทักษิณ ชินวัตร ที่มีมาก่อนหน้านี้ไม่ได้เลย..

ที่สำคัญก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์ระเบิดในครั้งนี้เมื่อกี่วันที่ผ่านมานั้น มันก็มีเหตุการณ์ที่ทำให้เชื่อว่าขบวนการก่อการร้ายของแก๊งค์กบฏไพร่แดงของ ทักษิณ ชินวัตร กำลังลงมือปฏิบัติงานกันแล้ว..

ข่าวการจับตัวกลุ่มชายฉกรรจ์จำนวน ๑๑ คน ที่รีสอร์ทแห่งหนึ่งในอำเภอแม่ออน จ.เชียงใหม่ ที่มีหนึ่งในจำนวนนั้นสารภาพว่าเป็นกลุ่มที่ไปฝึกอาวุธอยู่ที่เขมรมา และ เตรียมพร้อมที่จะทำการปฏิบัติการลอบสังหารบุคคลสำคัญ ..

โดยที่มีรายชื่อบุคคลที่เป็นที่หมายหัวไว้หลุดเป็นข่าวออกมาแล้วหนึ่งราย ก็คือ เนวิน ชิดชอบ ที่มีการตั้งค่าหัวไว้ที่ ๒๐ ล้าน !!! ..

ก็เป็นอีกหนึ่งข่าวความเคลื่อนไหวของกลุ่มคนเสื้อแดงใต้ดินที่เกิดขึ้นมาแล้วจริงๆ !!..

อีกความต่อเนื่องของกระแสข่าว ที่มีมาก่อนหน้านั้นก็คือ ข่าวที่มีออกมาว่า กลุ่มแกนนำเสื้อแดงในพื้นที่ภาคเหนือ โดยเฉพาะกลุ่มแกนนำแดงเชียงราย และ แดงเชียงใหม่ ที่ต่างๆหลบหนีคดีออกนอกประเทศไปอยู่ที่เขมร ..

ภายหลังสงครามไพร่ตาสุดท้ายเผาบ้านเผาเมืองวอดวายไปแล้วนั้น..

ในขณะนี้คนเหล่านี้ก็ได้ลักลอบกลับเข้ามาในประเทศไทยกันหมดแล้ว ..

………………………………
กลุ่มแดงเชียงใหม่ ..

ที่ผ่านมาขึ้นชื่อลือชาในเรื่องของการเป็นฐานทัพกำลังสำคัญของระบอบทักษิณ..

พวกแกนนำเสื้อแดงเชียงใหม่แต่ละคนล้วนต่างเป็นกลุ่มหัวรุนแรงมีพฤติกรรมที่หนักไปทางอันธพาลนิยม เน้นการใช้ความรุนแรงกับฝ่ายตรงข้าม เป็นกลุ่มคนเสื้อแดงกลุ่มแรกๆที่จงใจที่จะใช้กำลังอาวุธเพื่อต่อสู้กับรัฐบาลโดยเฉพาะ ..

ที่ผ่านมาพวกไพร่แดงเชียงใหม่ก่อคดีอาชญากรรมหนักๆไว้มากมายหลายสิบคดี ทั้งต่อผู้คนบริสุทธิ์ และ ต่อกลุ่มการเมืองฝ่ายตรงข้ามทักษิณ มีลักษณะเนื้อหาของการปลุกระดมมวลชน ที่เน้นหนักไปทางเปลี่ยนแปลงการปกครอง เพื่อสร้างรัฐไทยใหม่ ..

มีเนื้อหาสาระของการต่อสู้ ที่เน้นเรื่องของการโพนทะนามอมเมาประชาชนในเรื่องอาณาจักรล้านนาที่ไม่ได้ขึ้นตรงต่อสยาม เน้นที่จะพูดเรื่องอดีตกษัตริย์อาณาจักรล้านนาเพื่อบิดเบือนประวัติศาสตร์และความเชื่อของประชาชน เน้นมอมเมาเรื่องทักษิณ ชินวัตร เป็นอดีตบุรพมหากษัตริย์ที่มีบุญญาธิการกลับชาติมาเกิด เพื่อหวังผลในการปลุกปั่นให้มวลชนลุกขึ้นมาก่อกบฏ..

กลุ่มแกนนำไพร่แดงเชียงใหม่ เน้นเรื่องของการมอมเมามวลชนด้วยการอาฆาตมาดร้ายสถาบันพระมหากษัตริย์ของไทยอย่างชัดเจนมาโดยตลอด ทั้งทางวาจา ทั้งทางพฤติกรรมที่แสดงออก ผ่านทางเวทีปราศรัยบ้าง ผ่านทางวิทยุชุมชนบ้าง ต่างกรรมต่างวาระกันไป..

นี่คือ ประเด็นสำคัญที่เราควรฉุกคิด ..และ ไม่ควรที่จะหลงลืมประเด็นสำคัญๆนี้ไป !!..

เรื่องที่จะมาทำให้กลุ่มคนเสื้อแดงเชียงใหม่ โดยเฉพาะกลุ่มหัวรุนแรงฮาร์ดคอร์ ที่มีทั้งพวกฝ่ายซ้ายคอมมิวนิสต์ ทั้งซ้ายเหมาอิสต์ ทั้งซ้ายฟันน้ำนมทั้งหลายตามป่าตามเขาตามรั้วมหาวิทยาลัย กลับเนื้อกลับตัวกลับใจเปลี่ยนแนวคิดหันหน้ามาร่วมปรองดองสมานฉันท์เพื่อความสงบสุขของชาติบ้านเมืองนั้น มันเป็นเรื่องไร้สาระทั้งนั้น ..

ไม่มีทางที่คนที่มีแนวคิดกบฏสุดโต่งพวกนี้ จะกลับตัวกลับใจมาร่วมสังฆกรรมปรองดองกับรัฐบาลได้ คนพวกนี้มีแต่อารมณ์อาฆาตมาดร้าย และ เตรียมพร้อมที่จะทำการกบฏ หรือ ปฏิวัติเพื่อเปลี่ยนแปลงการปกครองมาโดยตลอด ผลงานชิ้นโบว์ดำทิ่มตำประเทศทั้งหลายที่คนพวกนี้นำเสนอออกมาสู่สังคมก็ล้วนแต่มีทิศทางของการทำลายล้างชาติบ้านเมืองทั้งนั้น..

ที่สำคัญที่สุด และ น่าเป็นห่วงสุด ก็คือ แนวคิดของคนกลุ่มนี้ มันไม่ต่างอะไรเลยกับแนวคิดของ ทักษิณ ชินวัตร ที่ผ่านมาทั้งในอดีตและในปัจจุบัน เรื่องแผนปรองดองปาหี่ต่างๆ ที่ทักษิณ ชินวัตร และ พวกพ้องคนขี้โกงทั้งหลาย มันพยายามจะนำเสนอแหกตาประชาคมโลกอยู่ในขณะนี้นั้น มันก็เรื่องแค่เรื่องลวงโลกของพวกแก๊งค์สิบแปดมงกุฏทั้งนั้น..

แผนปรองดองปาหี่ที่ออกจากน้ำคำของแก๊งค์มนุษย์สับปลับคอรัปชั่น ขายชาติบ้านเมือง เผาบ้านเผาเมือง ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมานั้น มันไม่ใช่เรื่องอื่นใดเลย..นอกจากเป็นแผนลับลวงพรางของมหาเศรษฐีหนีคุก คนไร้คุณธรรม ไร้ความดีงามใดๆ ในจิตใจ..มันก็แค่นั้น !!..

ทุกสิ่งทุกอย่างที่ ทักษิณ ชินวัตร ทำลงไป หรือ กำลังทำอยู่ในตอนนี้นั้น ..

ล้วนต่างๆเป็นแผนการร้ายเพื่อการกลับมามีอำนาจรัฐอีกครั้งทั้งนั้น !!!..

แต่ละขั้นตอนของแผนการร้ายรอบนี้ มันก็มีแต่แผนนองเลือดทั้งนั้น !!!..

………………………………….
ที่ผ่านมา..

หากเราพิจารณาทิศทางพัฒนาการ..

ของแก๊งค์ระเบิดป่วนเมืองต่างๆที่ผุดขึ้นมาในสังคมไทย..

เราจะพบว่า..มันมีการขยับความรุนแรงขึ้นมาทีละขั้น ทีละขั้น ตามลำดับ จากระเบิดป่วนเมืองของพวกสร้างสถานการณ์อย่าง ระเบิด เอ็ม ๗๙ ที่ใช้เครื่องยิง , ระเบิด เอ็ม ๒๖ ชนิดขว้าง ,ระเบิดพลาสติกที่หวังผลในการข่มขู่ มาเป็นระเบิดแสวงเครื่องที่หวังผลในการสังหารและทำลายล้าง ..

พัฒนานาการนี้ไม่ต่างอะไรเลยกับพัฒนาการของโจรใต้ โดยเฉพาะกับการพัฒนาการในการใช้ระเบิดเข้ามาช่วยในการสร้างสถานการณ์ความรุนแรงต่างๆให้เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ควบคู่ไปกับทีมมือปืนที่คอยหาโอกาสลอบสังหารผู้คนบริสุทธิ์ เพื่อทำลายขวัญประชาชนในพื้นที่ ๓ จังหวัดชายแดนใต้ ..

ดังนั้น ..ระเบิดขนาดใหญ่ที่เกิดระเบิดตูมตามขึ้นมาที่อพาร์ทเมนท์ย่านบางบัวทองหนนี้ จึงเป็นระเบิดที่ผู้ก่อการมุ่งหวังที่จะนำไปวางเพื่อที่จะลอบสังหารบุคคลสำคัญ หรือ เพื่อที่จะนำไปทำลายล้างชีวิตและทรัพย์สินของผู้คนบริสุทธิ์จำนวนมาก เพื่อสร้างสถานการณ์รุนแรงให้เป็นข่าวโด่งดังไปทั่วโลก เพื่อเป็นการประกาศศึกสงครามกับทางฝ่ายรัฐบาลอีกรอบอย่างมิต้องสงสัย ..

ลักษณะของการนำไปวาง ..ก็ไม่มีทางที่คนกลุ่มนี้จะไปบรรลุอุดมการณ์ทางการเมืองของพวกตนจนถึงขั้นยอมทำสงครามด้วยการทำ..ระเบิดพลีชีพ !! เพราะพฤติกรรมในการทำสงครามกองโจรของคนเสื้อแดง ก็เลียนแบบมาเหมือนๆกันกับกลุ่มโจรใต้นั่นแหละ คือ เน้นทำลายคนบริสุทธิ์เป็นหลัก และ ทำเพื่อเงินไม่ได้ทำเพื่ออุดมการณ์ห่าเหวใดๆทั้งสิ้น !!..

ดังนั้น เหตุผลที่เชื่อได้ที่สุดในตอนนี้นั้น จึงน่าจะเป็นเรื่องที่ว่า ..ระเบิดที่คนกลุ่มนี้กำลังประกอบอยู่ก่อนจะเกิดข้อผิดพลาดจนระเบิดตูมตามขึ้นมานั้น มีจุดมุ่งหมายก็การสร้างและประกอบระเบิดอานุภาพทำลายล้างสูงนี้ขึ้นมาก็เพื่อที่จะนำไปติดตั้งเป็นระเบิดคาร์บอมบ์ เหมือนๆกับที่เคยเกิดขึ้นมาในพื้นที่ชายแดนภาคใต้ นั่นแหละ..

ทว่า เป้าหมายที่จะนำไปวางนั้น มันก็มีเรื่องให้ชวนคิดต่อไปว่า ..พวกเขาจะนำไปวาง ณ จุดใด ??..

โดยเฉพาะในเดือนตุลาคมนี้ มีงานชุมนุมสำคัญๆทางการเมืองมากมายหลายงาน ??..ซึ่งก็ล้วนแล้วแต่มีมูลเหตุจูงใจเพียงพอต่อการนำไปวางเพื่อสร้างสถานการณ์ทั้งนั้น ??..

หรือ ..หากคนกลุ่มนี้ไม่ได้หวังที่จะก่อวินาศกรรมเพื่อทำลายชีวิต และ ทรัพย์สินของประชาชน แต่มีเป้าหมายสำคัญในการใช้ประกอบในการลอบสังหารบุคคลสำคัญ ควบคู่ไปกับทีมลอบสังหารอีก ๓๐ กว่าคนที่ไปฝีกอาวุธที่เขมรมาอย่างช่ำชองแล้ว ..

ก็เป็นเรื่องที่น่าหวาดหวั่นใจเป็นอย่างยิ่ง !!..โดยเฉพาะกับคำถามที่ตามมาว่า ..

บุคคลสำคัญที่ตกเป็นเป้าหมายคนนั้นเป็นใคร ???..

…………………………………
สุดท้ายนี้ ..

ใคร่อยากจะฝากเตือนภัยไปยัง รัฐบาล ทหาร และ ศอฉ. สักเล็กน้อย..

ข่าวคราวความเคลื่อนไหวของขบวนการใต้ดินของคนในระบอบทักษิณทั้งสองสามข่าวที่กล่าวมานี้นั้น ล้วนแล้วแต่เป็นข่าวที่ส่อเค้าแนวโน้มไปให้เห็นทิศทางความต้องการของขบวนการก่อการร้ายของ ทักษิณ ชินวัตร ที่ปรารถนาจะทำการรบแตกหักทั้งสิ้น ..

ไม่มีพฤติกรรมใด ? หรือ ไม่มีท่าทีใดๆเลยของคนในระบอบทักษิณตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ?..

ตั้งแต่นายใหญ่คนไร้สัจจะ บ้าอำนาจ มาจนถึง ลิ่วล้อขี้ข้านอมินี่หมารับใช้ หิวเงิน หิวอำนาจ ทั้งหลายแหล่ทั้งพวกลูกสมุนในระดับไพร่ปลายแถว หรือ พวก ส.ส. พรรคเพื่อไทยในสภา ??..

ที่สะท้อนความต้องการอันจริงแท้ออกมาให้พวกเราเห็นว่า พวกเขานั้นปรารถนา และ มีความจริงใจในการที่เข้ามาร่วมเดินหน้าสร้างความปรองดองของคนในชาติ ??..

ทว่า ในทางตรงกันข้ามตลอดระยะเวลาที่ผ่านมานั้น มันมีแต่เรื่องอาฆาตมาดร้าย เรื่องของความเคียดแค้น เรื่องของการจาบจ้วงล่วงละเมิดสถาบันพระมหากษัตริย์มาโดยตลอด ..

ไม่ว่าจะเป็นแดงในประเทศ หรือ แดงนอกประเทศ ยุโรป อเมริกา ต่างมีพฤติกรรมและท่าทีแบบเดียวกันหมด คือ ต้องการล้มรัฐบาล และ ต้องการล้มสถาบันพระมหากษัตริย์ของไทยทั้งนั้น..

ดังนั้น ..สิ่งที่รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ สมควรที่จะเร่งกระทำอย่างต่อเนื่องนับจากวันนี้เป็นต้นไป ก็คือ เรื่องของการไล่ล่ากลุ่มก่อการร้ายไพร่แดงที่แฝงตัวอยู่ในสังคมไทยในขณะนี้ พร้อมๆกับการปิดประตูเรื่องแผนปรองดองต่างๆที่ทางฝ่ายทักษิณเสนอมาทั้งหมดไปก่อน ..

ไม่ใช่เรื่องที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หรือ คนในรัฐบาล..จะเอาแต่เฝ้าเพียรพยายามที่จะหาหนทางเข้าไปเจรจาปรองดองกับกลุ่มคนที่หมายจะสังหารพวกตน และ หมายจะทำลายชาติบ้านเมืองอยู่ทุกลมหายใจเข้าออกอย่างเช่นทุกวันนี้ ..

กลุ่มคนเหล่านี้ มันมีตั้งแต่กลุ่มนายทุนท่อน้ำเลี้ยง คนให้ที่พักอาศัย คนจัดหายานพาหนะ คนจัดหาวัสดุอุปกรณ์เครื่องใช้จัดหา และ จัดเก็บ อาวุธยุทโธปกรณ์ต่างๆ เป็นกลุ่มผลประโยชน์ที่ปฏิบัติงานเพื่อรับเงินเป็นค่าตอบแทนทั้งนั้น..

ที่สำคัญมันไม่ใช่มีแค่พลเรือน แต่มันมีพวกมีสีนอกรีตทั้งหลายเข้าไปมีเอี่ยวด้วยอย่างแน่นอน..

โดยดูได้จากการฝึกอาวุธที่มันจะเป็นอาวุธชนิดอื่นไม่ได้เลยนอกจากอาวุธสงคราม ที่คนฝึกก็ต้องมีความเชี่ยวชาญทางด้านการรบ ..เพื่อนำมาใช้ในการทำสงครามแตกหัก ..เป็นไปไม่ได้ที่พวกมันจะใช้พลเรือนฝึกพลเรือนเพื่อให้มาเป็นนักรบหรือหน่วยลอบสังหาร !!..

ในการทำระเบิดเฉกเช่นเดียวกัน ในจุดที่เกิดเหตุที่บางบัวทองนั้น มันมีเรื่องของการพบสายอิเล็กทรอนิกที่ใช้ในการต่อวงจรระเบิด ที่ทางเจ้าหน้าที่ฝ่ายตรวจสอบหลักฐานที่มีความเชี่ยวชาญทางด้านวัตถุระเบิดยืนยันมาว่า มันไม่ใช่สิ่งที่จะอนุญาตให้พลเรือนมีไว้ครอบครอง แต่มันมีใช้เฉพาะบางหน่วยงานของรัฐเท่านั้น !!!..

ดังนั้น ..นโยบายตั้งรับต่างๆที่ทำมาก่อนหน้านี้ นับจากนี้ต่อไปมันไม่อาจจะนำมาใช้งานได้อีกแล้ว เฉกเช่นเดียวกันกับนโยบายปรองดอง หรือ แผนปรองดองต่างๆของคนในชาติบ้านเมือง มันไม่มีทางเกิดขึ้นมาได้เลย ตราบใดที่ยังมีพวกบ่อนทำลายชาติติดอาวุธสงครามอยู่เป็นโขยงเต็มไปหมดทั่วทั้งประเทศอยู่อย่างนี้ ..

นโยบายที่จะใช้ได้ผลต่อสถานการณ์ตอนนี้ก็คือ นโยบายปราบปรามเชิงรุก เน้นการกวาดล้าง และ การไล่ล่าทีมงานผู้ก่อการทั้งหมด ทั้งภายในประเทศ และ ต่างประเทศ ตั้งแต่หัวขบวนยันท้ายขบวน และ รัฐบาล ทหาร และ ศอฉ. ต้องกระทำการต่อเนื่องชนิดกัดไม่ปล่อย และ ไม่ลดลาวาศอกต่อกลุ่มคนนอกกฎหมายเหล่านี้อย่างที่แล้วๆมาอีกต่อไป ..

ไม่แน่นะ ..เรื่องระเบิดที่บางบัวทองนี้ สาวไปสาวมา สืบไปสืบมา ฝ่ายรัฐบาลอาจจะโชคดี คว้าไปเจอแจ๊คพ็อต พบพยานหลักฐานชิ้นสำคัญ ที่สามารถเชื่อมโยงไปถึงคดีลอบวางระเบิดของขบวนการก่อการร้ายในชายแดนภาคใต้ก็ได้ ..ใครจะไปรู้ ???..

เนื่องเพราะ ..รัฐไทยใหม่นั้น ..นิยามความหมายของมันไม่ได้จำกัดขอบเขตไว้เพียงแค่ รัฐเชียงใหม่ รัฐอุดรใหม่ หรือ รัฐแดงเถือกใหม่ใดๆ ทางภาคเหนือ หรือ ทางภาคอีสาน เท่านั้น ..

ทว่า มันยังรวมถึง ..รัฐปัตตานี ..ของใครบางคน??..

ทางชายแดนใต้อีกด้วย ??!!!..

…………………………………

วินเซนต์

ริมโขง หนองคาย

๖ ตุลาคม ๒๕๕๓

…………………………………..

โพสท์ใน categorized | ใส่ความเห็น

EP.757..”ซาเล้ง”ยั๊ว..ภท.ถูกเชื่อมโยงทุจริต..!


สอบปาร์คกิ้ง ซาเล้งรับไม่ได้ ลากภท.เอี่ยว

โดย ASTVผู้จัดการรายวัน

6 ตุลาคม 2553 00:07 น.

ASTVผู้จัดการรายวัน-“โสภณ” ทนไม่ได้ ข่าวนักการเมืองภูมิใจไทยเอี่ยวผลประโยชน์ที่จอดรถสุวรรณภูมิ แจ้นตรวจที่เกิดเหตุ ลั่นพบใครเอี่ยวฟันไม่ยั้ง พร้อมตั้งคณะทำงานสอบสัมปทานปาร์คกิ้ง “สุพจน์”แนะให้ทอท. ลงทุนทำเอง “ปิยะพันธ์” ยันให้เอกชนทำดีสุด แต่ถ้าอยากให้ทำเองก็สั่งมา สว.ติงเลิกสัญญาระวังถูกฟ้องกลับ “พล.อ.คณิต” รับเสธ.เฮ้าส์ที่อยู่ในที่เกิดเหตุเป็นลูกน้องเก่า

วานนี้ (5 ต.ค.) เวลาประมาณ 14.00 น. นายโสภณ ซารัมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม พร้อมด้วยนายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม ปลัดกระทรวงคมนาคม และผู้บริหารกระทรวงคมนาคมได้เดินทางไปตรวจที่จอดรถท่าอากาศยานสุวรรณภูมิบริเวณชั้น 1 บริเวณห้องชำระค่าสมาชิก จุดรับบัตรขาเข้าและจุดขาออกอาคารที่จอดรถ ซึ่งเป็นจุดที่มีปัญหากลุ่มชายฉกรรจ์ชุดดำเข้าไปในพื้นที่และเกิดปัญหาการบริหารจัดการลานจอดรถ

นายโสภณกล่าวว่า ต้องการตรวจพื้นที่จริงว่ามีปัญหาอะไร และยังมีคำกล่าวหาว่า เรื่องนี้มีนักการเมืองพรรคภูมิใจไทยอยู่เบื้องหลังในฐานะที่เป็นรัฐมนตรีของพรรคภูมิใจไทย ทนไม่ได้จึงต้องมาดู โดยยืนยันว่าถ้าเป็นตนเองหรือคนใกล้ชิด ซึ่งมี 2 คนคือ เลขานุการรมว.คมนาคมและที่ปรึกษา รมว.คมนาคมเข้าไปเกี่ยวข้องจะปฎิเสธความรับผิดชอบไมได้ แต่ถ้าเป็นบุคคลอื่นคงรับผิดชอบไม่ได้ เรื่องนี้ต้องตรวจสอบว่าจริงไม่จริง เพราะข่าวนี้ทำให้พรรคข่าวเสียหาย เรื่องนี้ต้องมีหลักฐานจะมากล่าวหากันลอยๆ ไม่ได้ ยืนยันไม่ปกป้องใคร ทำตรงไปตรงมา ซึ่งหากเป็นคนของพรรค เมื่อมีข้อมูลหลักฐานก็ต้องนำเข้าที่ประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคแน่นอน เพราะถือว่าทำให้เสียหายทั้งพรรคและสนามบินสุวรรณภูมิ เท่าที่รู้ตอนนี้ก็เป็นเรื่องข่าวลือ

coment;

ไม่ใช่ข่าวลือนะครับท่านรมต. เพราะผู้บริหารทอท.กลุ่มนี้แต่แรกเริ่มก็ป้องกันตนเองด้วยการ”อ้่าง”ชื่อคุณเนวินแล้วครับ ถ้าไม่ใช่เรื่องจริงว่าทำเพื่อคุณเนวิน แล้วทำไมคำอ้าง“แซ่ด”ขนดนี้  แต่ท่านไม่สั่งการลงโทษการพูดอย่างปากเปลาะละครับ แต่กลับให้คนเข้าใจว่าใช่มาตลอด กรณีนี้หลักฐานน่ะ ผู้ประกอบการแฉออกมาตั้งเยอะแล้วครับท่าน… ว่าแต่มีหรือครับสัมปทานในสุวรรณภูมิที่ภท.ไม่้กี่ยว? แล้วนักการเมืองที่ไปพบคุณ “พ” ที่บ้านให้มาลงทุนในเรื่องการันตีให้เองด้วยครับ…

ผู้บริหารทอท. “ลืม” เล่าเรื่องนี้ให้ท่านรมต.ฟังหรือครับ..หลักฐานน่ะ ไม่ส่งให้ท่านรมต.ผู้ปกป้องผู้บริหารทอท.กลุ่มนี้หรอกครับ ส่งไปที่อื่นเหมาะสมกว่าครับ...

ส่วนกรณีที่มีกลุ่มคนมีสีเข้ามาเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์นั้น ในรายงานที่ได้รับไม่มีคนมีสีที่ไหน มีแต่ชายฉกรรจ์สีดำ ไม่มีสีอื่น วันนี้ต้องพูดอย่างตรงไปตรงมาว่า สนามบินสุวรรณภูมิบอบช้ำมากมากแล้ว เรื่องที่เกิดขึ้นและภาพที่ปรากฏออกมาทำให้ไม่สบายใจมาก เพราะสุวรรณภูมิเปรียบเหมือนประเทศไทย คนที่เข้ามาประเทศไทยต้องมาลงที่สุวรรณภูมิก่อน เมื่อเกิดเหตุแล้ว ต้องตรวจสอบ ว่าใครทำอะไร หลักการ คือ ถ้าทำตามนิติกรรมถูกต้องแล้วก็ควรได้รับการคุ้มครอง แต่ถ้าเป็นการทำนิติกรรมอำพรางไม่ถูกต้อง จะไม่มีการเลือกปฎิบัติแน่นอน

comment;

ผมเพิ่งรู้ว่านี่คือวิธีการ “ไม่เลือกปฏิบัติ”..เข้าใจแล้วครับว่า ที่ท่านไม่เลือกปฏิบัติเพราะ ท่านปฏิบัติเท่าๆกันในการปกป้องเพราะมีงบอีกตั้งกว่าหกหมื่นล้านที่ต้องช่วยกันใช้นี่นะครับ…ก็จริงครับว่าสุวรรณภูมิคือประเทศไทย เพราะอย่างนี้หรือเปล่าครับ คุณทักษิณกับพวกจึงต้องให้คนของตนเองมากำกับดูแลสุวรรณภูมิจนถึงปัจจุบันนี้

เพราะคุมสุวรรณภูมิได้ ก็เหมือนมีคลังของประเทศไทยเป็นคลังส่วนตัวเช่นกัน  ผู้บริหารทอท.เป็นคนทำให้เกิดความเสียหายแก่ทอท. ตั้งแต่แรก แต่ท่านรมต.มาพูดแต่ตอนหลัง..แบบนี้มาตรฐานเดียวกันสไตล์ภท.ใช่ไหมครับ

มิน่า..ทั้งประเทศอื้ออึงว่าผู้บริหารทอท.ชุดนี้เป็นคนของคุณเนวิน เมื่อเรื่องทุจริตมากที่เกิดจากคนกลุ่มนี้แต่คุณเนวินยังเลี้ยงไว้  ย่อมเป็นเรื่องธรรมดาครับที่ทุกสังคมจะยอมรับว่า ภท.คือพรรคที่โกงกินที่สุดในยุคนี้…ท่านว่าจริงอย่างนั้นไหมครับ ?

เมื่อเลี้ยงคนโกงไว้เอง ก็ต้องยอมรับที่เขาลือกันด้วยนะครับท่าน…เพราะพิสูจน์ก็ไม่ได้ หลักฐานก็เพียบ ไม่รู้ผู้บริหารทอท.กลุ่มนี้สีข้างยังสบายดีกระดูกอยู่ครบหรือเปล่านะครับ??

จาก นายวาซาบิ

นายโสภณกล่าวว่า ได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมา 1 ชุด โดยมีปลัดกระทรวงคมนาคมเป็นประธาน และกรรมการรวม 5 คน เพื่อตรวจสอบรายละเอียดปัญหาการบริหารอาคารจอดรถที่เกิดขึ้น รวมถึงตรวจสอบการบริหารพื้นที่ในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิในเรื่องอื่นๆ ว่ามีปัญหาอย่างไรและพิจารณาว่าในอนาคตควรจะต้องบริหารจัดการอย่างไรด้วย โดยให้สรุปเร็วที่สุด ส่วนการยกเลิกสัญญากับ บริษัท ปาร์คกิ้งนั้น เป็นอำนาจหน้าที่ของฝ่ายบริหารในการพิจารณายกเลิกสัมปทาน ซึ่งที่ผ่านมา ได้ให้นโยบายไปแล้วว่าในการบริหารสัญญาต่างๆ หากพิจารณาพบว่าเกิดความเสียหายต่อองค์กร ก็ให้ฝ่ายบริหารเข่าไปดำเนินการได้ตามอำนาจหน้าที่

ด้านนายสุพจน์กล่าวว่า การบริหารที่จอดรถสุวรรณภูมิ ทอท.ไม่จำเป็นที่จะต้องจ้างหรือให้สัมปทานเอกชน เพราะทอท.สามารถดำเนินการเองได้ โดยใช้ระบบการจัดเก็บเงินอัตโนมัติ ซึ่งน่าจะมีความเหมาะสมมากกว่า เนื่องจากทำให้ทอท.มีรายได้ และยังทำให้รู้ถึงจำนวนเข้าออกของรถที่มาใช้บริการ ซึ่งในด้านการลงทุนนั้นก็ใช้งบประมาณไม่มาก คาดว่าจะไม่เกิน 1,000 ล้านบาท

ขณะที่นายปิยะพันธ์ จัมปาสุต ประธานบอร์ดทอท.กล่าวว่า ผู้บริหารทอท.ได้รายงานยืนยันว่า การให้สัมปทานเอกชนเข้ามาบริหารจัดการที่จอดรถสนามบินสุวรรณภูมินั้น เป็นวิธีการที่ดีที่สุด เพราะทอท.ไม่ต้องลงทุนเอง โดยใช้สถิติจำนวนรถและการประกันรายได้ ในขณะที่ทอท.มีภาระหน้าที่มาก และก่อนหน้านี้ทอท.ทำเองก็มีปัญหาเจ้าหน้าที่ทุจริต ดังนั้น การให้เอกชนหรือทำเองก็มีปัญหาหมด ซึ่งขณะนี้เมื่อพบข้อบกพร่องในการให้สัมปทานเอกชน จึงได้ให้ทอท.ดำเนินการปรับปรุงร่างทีโออาร์และข้อสัญญาให้มีความเข้มข้นขึ้นเพื่อให้การบริหารสัญญาเกิดประสิทธิภาพ

วานนี้ (5 ต.ค.) ในการประชุมคณะกรรมาธิการคมนาคม วุฒิสภา ซึ่งมีนายเกชา ศักดิ์สมบูรณ์ ส.ว.ราชบุรี เป็นประธาน ในวาระพิจารณาเรื่องทั่วไปที่เกี่ยวกับการให้บริการการขนส่งทางอากาศ ได้เชิญผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ทอท.เข้าชี้แจง เช่น นายนิตินัย ศิริสมรรถวาร รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่สายงานพัฒนาธุรกิจและการตลาด โดยนายเกชา ได้ซักถามถึงประเด็นที่มีชายชุดดำเข้าไปปิดล้อมบริเวณอาคารที่จอดรถสนามบินสุวรรณภูมิ แต่ทางเจ้าหน้าที่ทอท.ปฏิเสธที่จะให้รายละเอียด โดยระบุว่า เรื่องดังกล่าวไม่เกี่ยวข้องกับสายงานที่ดูแล

ด้านพล.อ.อ.อาคม กาญจนหิรัญ ส.ว.สรรหา ในฐานะรองประธาน กมธ.คมนาคม คนที่ 1 กล่าวว่า ทอท. จะใช้วิธียกเลิกสัญญาบริษัทปาร์คกิ้ง แมนเนจเม้นท์ จำกัด เพื่อแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น ซึ่งเกรงว่าการยกเลิกสัญญาโดยไม่พิจารณาข้อกฎหมายให้รอบคอบ อาจจะทำให้บริษัทปาร์คกิ้งฯ ฟ้องกลับได้ ซึ่งเจ้าหน้าที่ ทอท.ระบุว่า เรื่องดังกล่าวทราบเพียงว่าผู้บริหารจะดำเนินการ แต่ยังไม่ได้มีการทำเรื่องเพิกถอนสัญญาแต่อย่างใด

พล.อ.คณิต สาพิทักษ์ ที่ปรึกษาพิเศษกองทัพบก กล่าวถึงปัญหาที่สนามบินสุวรรณภูมิที่ในวันเกิดเหตุ พ.อ.สมศักดิ์ ทองสุขเจริญ หรือ เสธ.เฮ้าส์ ได้อ้างชื่อว่าเป็นคนของพล.อ.คณิต ว่า ยอมรับว่า เสธ.เฮ้าส์ เป็นลูกน้องเก่า แต่ไม่เคยสั่งการให้ไปทำแบบนั้น จึงได้เรียกมา เสธ.เฮ้าส์ มาคุยแล้ว และว่ากล่าวตักเตือนไปว่า อย่าเอาชื่อตนมาอ้าง เพราะตนไม่เคยสั่งการ ทุกคนรู้ดีว่า ตนไม่ยุ่งเกี่ยวกับวงการมาเฟีย ส่วนการสอบสวนข้อเท็จจริงในเรื่องดังกล่าว ทางกองทัพบก คงได้ดำเนินการไปตามขั้นตอน หากพบว่ามีความผิดจริง ก็ต้องว่าไปตามผิด

“โสภณ”ปัดรับผิดปมที่จอดรถสุวรรณภูมิ

วันพุธ ที่ 06 ตุลาคม 2553 เวลา 12:54 น

Bookmark and Share

ลั่นใครทำผิดต้องยอมรับ ชี้ตั้ง กก.สอบปมขัดแย้งที่จอดรถสุวรรณภูมิแล้ว ปัดรับผิดชอบแทนอดีต รมช.คมนาคม

วันนี้ (6 ต.ค.) ที่รัฐสภา นายโสภณ ซารัมย์ รมว.คมนาคม ปฏิเสธข่าวที่ระบุว่า มีอดีต รมช.คมนาคม ซึ่งเป็นคนของพรรคภูมิใจไทย มีส่วนเกี่ยวข้องกับปมขัดแย้งที่จอดรถสนามบินสุวรรณภูมิ ว่า หากมีหลักฐานชัดเจน ตนไม่ปฏิเสธความรับผิดชอบ และไม่คิดปกป้องใคร ยอมรับว่าปมขัดแย้งเรื่องที่จอดรถเกิดมาตั้งแต่เดือน เม.ย. แต่ตนไม่รับทราบข้อเท็จจริง เมื่อเกิดเหตุจึงตั้งกรรมการขึ้นมาตรวจสอบ โดยมี นายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม ปลัดกระทรวงคมนาคม เป็นประธาน ส่วนเรื่องความโปร่งใสนั้น ตนใช้ตำแหน่ง รมว.คมนาคม การันตีว่า จะทำงานอย่างโปร่งใส ตรงไปตรงมา แม้กรรมการจะเป็นคนในองค์กรทั้งหมด ส่วนที่มีผู้เสนอให้มีกรรมการส่วนคนนอกนั้น เบื้องต้น ตนมองว่าไม่มีความจำเป็น

เมื่อถามว่า ในฐานะเป็นเจ้ากระทรวง จะรับผิดชอบในการกระทำของอดีตรัฐมนตรีช่วยที่ถูกกล่าวหาอย่างไร นายโสภณ กล่าวว่า “ให้ผมรับผิดชอบแทนคนอื่นได้อย่างไร ใครทำผิดก็ต้องออกมายอมรับ ส่วนผู้ที่ถูกพาดพิงต้องออกมาชี้แจงต่อสังคม แต่หากผมทำผิดในส่วนงานบริหาร ผมก็พร้อมจะรับผิดชอบ หากผมรู้ว่าไม่โปร่งใสแล้วไม่ดำเนินการใด ๆ ก็พร้อมจะให้ต่อว่า”

ผู้สื่อข่าวถามว่า การยกเลิกสัญญาจ้าง บริษัท ปาร์คกิ้ง เมนเนจเม้นท์ จำกัด ต้องรอผลการตรวจสอบให้แล้วเสร็จก่อนหรือไม่ นายโสภณ กล่าวว่า สามารถพิจารณาควบคู่กันไปได้ โดยไม่ต้องรอการตรวจสอบให้แล้วเสร็จ แต่ทุกอย่างต้องว่าไปตามกฎหมาย หากทำอย่างตรงไปตรงมาก็จะไม่เกิดปัญหา ส่วนที่หลายฝ่ายกังวลว่า หาก ทอท.ยกเลิกสัญญาบริษัท ปาร์คกิ้งฯ อาจจะถูกฟ้องได้นั้น คาดว่า บอร์ด ทอท.ต้องนำเรื่องดังกล่าว กลับไปพิจารณาอย่างรอบคอบ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหา.

โพสท์ใน categorized | ใส่ความเห็น

EP.756..รมต.เองก็โยนแล้วครับ..!


โยน”บอร์ดทอท.”ชี้ขาดเลิกสัมปทานบ.ปาร์คกิ้ง

คมชัดลึก :“โสภณ”โยน”บอร์ดทอท.”ชี้ขาดเลิกสัมปทานที่จอดรถบ.ปาร์คกิ้ง ลั่นไม่ขอดึงคนนอกร่วมสอบทุจริตภายทอท.

(6ต.ค.) นายโสภณ ซารัมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวกรณีที่การบริษัทการท่าอาศายานฯ เตรียมยกเลิกสัญญากับบริษัท ปาร์คกิ้ง แมนเนจเมนท์ จำกัด ที่ได้รับสัมปทานดูแลที่จอดรถในสนามบินสุวรรณภูมิ ว่า จนถึงขณะนี้ยังไม่มีความคืบหน้าในเรื่องดังกล่าว เนื่องจากทางบอร์ดของทอท.จะต้องไปพิจารณาในข้อกฎหมาย และการยกเลิกสัญญาโดยไม่โดนฟ้องกลับจะสามารถดำเนินการได้หรือไม่ ส่วนการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบสวนการทุจริตภายในทอท.นั้น ถือว่าเป็นคนละเรื่องกับปัญหาที่จอดรถ

ดังนั้นการพิจารณายกเลิกสัญญา จึงไม่เกี่ยวข้องกัน และตนยืนยันว่าการตั้งคกก.ขึ้นมาสอบสวนเรื่องดังกล่าวนี้ จะใช้คนภายในองค์กรโดยไม่ใช้คนนอก ซึ่งตนจะใช้ตำแหน่งรัฐมนตรีการันตีความโปร่งใสในการตรวสอบ โดยไม่จำเป็นที่จะต้องนำคนนอกเข้าร่วมในการตรวจสอบแต่อย่างใด

comment;

รมต.เองท่านคงงานเยอะนะครับท่านก็เลยไม่อยาก”มือเปื้อน”…จึงโยนออกจากตัวเรียบร้อยแล้วครับ…

ว่าแต่ที่นายเสรีรัตน์ถือโอกาส “ชิ่ง” ไม่รับผิดชอบด้วยการขอลาพักร้อน นอกเหนือจาก”รับงาน”สำคัญเพื่อเตรียมป่วนเมือง ช่วงนี้หรือเปล่าไม่รู้นะครับ…ยังถือโอกาส พ่วง..การไม่ต้องรับผิดชอบใดๆในเรื่องนี้ ช่วงนี้อีกด้วยครับ…

ฉนั้นคนที่อยู่ก็รับกันไปนะครับ และช่วย“จดจำ”กันไว้ด้วยครับว่า…นายเสรีรัตน์เขา”โยน”ความรับผิดชอบที่เขาก่อให้พวกคุณทุกคน..! เจ้านายอย่างนี้..ยังจะเก็บไว้ต่อ DNA อีกหรือครับ..

ส่วนลิ่วล้อที่ขยันสอพลอ.งแล้วเดินเกมด้วยการ”โยนขี้ทั้งถัง” ให้สหภาพทอท.ในเรื่องต่างๆ เพื่อให้พนักงานที่ไม่ค่อยรู้เรื่องอะไรทั้งหลาย “จงเกลียดจงชัง” สหภาพฯนั้น ต้นเหตุก็ผู้บริหารกลุ่มนี้แหละครับ เพราะเขาทนไม่ได้ที่เดี๋ยวนี้สหภาพทอท.มีผู้นำที่เข้มแข็ง และมีทีมงานฯที่ขยันทะลวงใส้พวกเขา เขาคาดไม่ถึงว่าทีมงานของพี่ๆสหภาพทอท.ทีมนี้จะมีศักยภาพเช่นนี้ เพราะพนักงานทอท.ไม่เคยเห็นภาพแห่งการเป็นตัวแทนองค์กร ที่เข้มแข็งและทำเพื่อส่วนรวมเช่นนี้มานานแล้วครับ…ที่ผ่านมามีแต่เป็นขี้ข้าผู้บริหารทอท.กันมาทั้งนั้น เพราะนายศรีสุขจะยอมทำตัวเป็นเผด็จการ สั่งแล้วไม่ทำคือย้าย แขวน ปลด…

คนที่โลภมาก ขี้เกียจทำงานจะเพราะต่อมสมองพิการ หรือ ทำงานไม่เป็นแต่อยากรวย ก็ไม่ทราบได้ ก็จะตกเป็นเครื่องมือของผู้บริหารทอท.กลุ่มนี้ทั้งหมดครับ ฉนั้นผมแนะนำให้พี่เกษมฯเปิดหน้าชนไปเลยครับ เพราะแม้พีอยู่เฉยๆพวกเขาก็จ้องทำลายพวกพี่อยู่แล้วครับ

พนักงานคนใดที่เดินตามนโยบายผิดๆของผู้บริหารทอท.กลุ่มนี้ พี่กรุณานำเอาชื่อสรรเสริญขึ้นบอร์ดกลางหน้าตึกสำนักงานเลยนะครับ จะได้รับการสรรเสริญจากพนักงานในหน่วยงานอื่นๆด้วยไงละครับ…เขาจะได้รู้กันว่า ลิ่วล้อของผู้บริหารกลุ่มนี้มีใคร หน้าตาเป็นอย่างไร ทำงานอะไรถึงได้ดีมีตำแหน่ง หรือวันๆเอาแต่เดินแกว่ง…กร่างๆปเรื่อยๆ..จะได้ช่วยกันแฉนะครับพี่สหภาพครับ..

อีกผู้หนึ่งที่เกรงว่าสหภาพจะลืมเลือน และไม่ยื่นให้มีการตรวจสอบ…..เป็นผู้ที่ต้องรับผิดชอบในกรณีอาคารจอดรถเจ้าปัญหาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ คือ…นางสุภาภรณ์ บุรพกุศลศรี...ผุ้บริหารที่ดูแลการเงินนั่นแหละครับ เพาะวันนี้สื่อเองยังออกมาตั้งคำถามว่า…เมื่อทอท.ไม่ยอมรับ”ค่าเช่า” จากบริาัทปาร์คกิ้งฯเอง (อาจเพราะถูกสั่งมา) และอ้างว่านายธรรศไม่มีสิทธ์ DUE อะไรกับทอท.แล้ว แต่ไหง..ดันไป”ยึดเงิน” ประกันที่มีนายธรรศ…เป็นคนดำเนินการไว้?…

เฉพาะประเด็นนี้คนที่ต้องรับผิดชอบคือ นางสุภาภรณ์ นายนิรันดร์ นายเสรีรตัน์ครับ… แม้จะบอกว่าเพราะเก็บเงินไม่ได้ แต่ผู้บริหารทอท.คงต้องสู้หนักในศาลแน่ ผมบอกให้นะครับ…เหตุผลของทอท. “ฟังไม่ขึ้น” ครับ!

เรื่องนี้แม้ท่านรมต.จะออกมาบอกว่าใช้คนในเท่านั้นในการตรวจสอบ  หรือท่านรมต.คงจะกลัวว่า เรื่องผู้บริหารทอท.ทุจริตเป็นความจริงละซิครับท่าน? แต่ผมว่านั่นก็คำสั่งท่านนะครับ แต่ภาครัฐในส่วนอื่นๆที่เข้าต้องปกป้องผลประโยชน์ของชาติ เขาก็คงไม่ยอมหรอกครับ

เพราะเรื่องนี้ ผู้บริหารทอท.ลูกน้องท่าน ปล่อยปละละเลยจนเรื่องมันฉาวไปทั่วโลกแล้วครับ ดังเกินกว่าจะเพียงแค่รมต.กำกับหรือเปล่าผมไม่แน่ใจ แต่รัฐบาต้องลงมาช่วยรักษาภาพของสนามบินไว้ด้วยแล้ว เพราะการ “เพิกเฉย ละเลย ละเว้น ปฏิบัติหน้าที่” ของผู้บริหารทอท.ครับผม… สภาพฯยื่นเรื่องให้บรรดาอดีตสนช.ตรวจสอบเลยนะครับ ผมเช่อว่าผู้ทรงคุณวุมิเหล่านั้น..มีความเป็นกลางยุติธรรม และยืดผลประโยชน์ของชาติเป็นหลักครับ..

ส่วนผุ้บริหารทอท.ทุกคนที่ต้องรับผิดชอบเพราะนายเสรีรัตน์ “โยน” อะไรมาให้..ผมแนะนำเลยนะครับ อย่าเข้าไปยุ่งเกี่ยว ปัญหาใครเป็นคนสร้างก็ให้คนนั้นแก้……

เรื่องนี้ขอให้ผู้ประกอบทุกฝ่ายถ้าจะฟ้องกรุณาไปฟ้องร้องเป็นรายตัวนะครับ อย่านำทอท.เข้าไปเกี่ยว  เพราะการดำเนินการในเรื่องนี้ รวมถึงค่าเงินสินบนต่างๆ ทอท.ไม่ได้รับครับ ใครต้องจ่ายใคร ผมแนะนำให้”แฉ”ไปเลยครับ เพราะพวกคุณไม่มีอะไรจะเสียไปมากกว่านี้แล้ว

คนที่ซื่อตรงเท่านั้น จึงจะมีชีวิตอยู่ได้ โดยไม่ต้องก้มหน้ามองดินหรือคอยหลบ….อย่างเดียวนะครับ!

จาก นายวาซาบิ ครับผม..

โพสท์ใน categorized | ใส่ความเห็น

EP.755..”เวรกรรม”ไม่มีหมดอายุความ..!



ทีมงานกำลังพยายามจะนำเสียงสัมภาษณ์ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับกรณี”บุกสุวรรณภูมิ”อันฉาวโฉ่มาได้ให้ฟังกัน…เพราะสังคมจะได้รู้ว่ากรณีที่มีปัญหาอยู่จนทำให้ทอท.อับอายขายหน้านั้น…มันเกิดจาก “ความไม่รับผิดชอบของผู้บริหารทอท.” และการที่ผู้บริหารทอท.ชุดที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ “ให้ความร่วมมือ” กับผู้ประกอบการฝ่ายของนักการเมือง

รวมถึง “บกพร่อง” ในหน้าที่หน้าที่ในการใช้อำนาจหน้าที่ในการ”เอื้อ”ให้กับพรรคพวกเดียวกัน..และมีการเอ่ยชื่อนายทหารหลายท่าน แต่สิ่งที่ผิดอย่างมากๆคือ ผู้บริหารทอท.เองกลับนำคนชุดดำส่วนหนึ่งเข้ามาร่วม”ขับไล่”ผู้ประกอบการ  และเป็นการแจงไว้ด้วยว่า..มีกองกำลังไม่ทราบฝ่ายเข้ามาอยู่ในสุวรรณภูมินานเป็นสิบวันแล้วด้วย..ครับผม(ตรงกับที่เราแจ้งไว้ให้สังคมรับรู้มาแต่แรก)  จึงแสดงให้เห็นว่า ผู้บริหารทอท.ไม่มีใครออกมาแก้ปัญหาใดๆ ทั้งสิ้น จนทำให้ปัญหาลุกลามใหญ่โต

ทุกคนที่ทราบในเรื่องจะพูดตรงกันหมดว่า ผู้บริหารทอท.เพิกเฉยมาแต่แรกจริงๆ ไม่เคยมีการแก้ไขใดๆ และปฏิเสธไม่รับรู้ในปัญหาที่เกิด แต่กลับมีภาพที่ “เอื้อ” กับอีกฝ่าย ซึ่งเป็นเรื่องไม่ถูกต้องอีก.. ในเสียงสัมภาษณ์มีการระบุถึงนายปิยะพันธ์ด้วย…

ถึงขนาดนี้ แต่ผู้บริหารทอท.ชุดนี้ยังมีความพยายามจะ”ปัด”ความรับชอบออกไป ทั้งที่ผู้บริหารทอท.กลุ่มนี้ “สมควร” แสดงความรับผิดชอบได้แล้ว…ครับ..! เวลานี้ที่ยืนเพื่อไม่ให้ขายหน้าอับอายของผู้บริหารทอท.กลุ่มนี้ในสังคม แทบจะไม่มีเหลือแล้ว แต่กลับจะทำให้ที่ๆเหลือเพียงน้อยนิดของพวกคุณ..หมดไปอีกหรือ?

เรื่องนี้ผู้บริหารทอท.กลุ่มนี้ “อ้าง”แต่ชื่อท่านรองนายกสุเทพ และคุณเนวิน..ที่ผ่านมาเราไม่เชื่อหรอกว่าท่านจะเกี่ยวข้องจริง แต่มาบัดนี้ชักไม่แน่ใจ เพราะกระทรวงคมนาทั้งประเทศรู้ว่า อยู่ว่าอยู่ภายใต้การกำกับของท่านเนวินและท่านสุเทพ แต่ไหง..เรื่องทั้งหมดที่เกิดจากผู้บริหารทอท.ที่กระทำผิดหลายมารา…ตั้งแต่กอญ.ลงมา แต่กลับไม่ถูก”ลงโทษ” ยังลอยนวลอยู่ในเก้าอี้ให้ทำหน้าที่เพื่อให้ทอท.เสื่อมเสียไปหนักยิ่งกว่านี้หรือครับ?…..

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า..คนที่คิดว่าฉลาดที่สุด…มักโง่เสมอครับ..!

จาก นายวาซาบิ

เวรกรรมไม่มีอายุความ (พระอภัยมณีตีกลอง)

ประมวลกฎหมายอาญา กำหนดอายุความการดำเนินคดีอาญาไว้แตกต่างกันไปตามลักษณะความผิด สูงสุดไม่เกิน 20 ปี

แต่เรื่องของเวรกรรมหากใครไปก่อกรรมไว้ไม่ว่าหนักเบาแค่ไหน ไม่มีบทบัญญัติใดกำหนดเรื่องอายุความ

ดังคำกล่าวว่า “เวรกรรมไม่มีอายุความ”

“หนีคดีโลกได้-หนีเวรหนีกรรมไม่ได้”

“ก่อกรรมทำเข็ญไว้ ต้องชดใช้ไม่ชาตินี้ก็ชาติหน้า”

วันนี้มีบุคคลบางฝ่ายในสังคมพยายามเรียกร้องให้มีการแก้ไขกฎหมายเป็นว่า “ความผิดฐานทุจริตคอร์รัปชั่นไม่มีอายุความ” นั่นเป็นการมองการชดใช้กรรมในทางโลก ส่วนโดยกฎแห่งกรรม หลายเรื่องมองเห็นได้แล้วในชาตินี้ไม่ต้องรอไปดูในชาติหน้า

คดีสำคัญหลายเรื่องที่เกิดขึ้นในอดีตร่วม 20 ปีที่แล้ว ปัจจุบันได้ถูกรื้อฟื้นขึ้นมาดำเนินคดีแล้วภายในกำหนดอายุความ 20 ปี เช่น

(1) คดีของ นายราเกซ สักเสนา เจ้าของฉายา”พ่อมดการเงิน”ซึ่งถูกทางการไทยยื่นฟ้องเมื่อปี 2539 ฐานร่วมกันยักยอกทรัพย์บีบีซีราว 3,000 ล้านบาท จนเป็นเหตุให้ธนาคารกรุงเทพพาณิชย์การจำกัด ธนาคารเก่าแก่ของไทยแห่งหนึ่งตกอยู่ในภาวะล้มละลายในปี 2538 และเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ประเทศไทยต้องประสบภาวะ “วิกฤตต้มยำกุ้ง” ครั้งสำคัญ

หลังจากได้หลบหนีคดีไปอยู่ต่างประเทศเป็นเวลากว่า 10 ปี สุดท้ายได้ถูกส่งตัวกลับมาดำเนินคดีในประเทศไทย ฐานความผิดของนายราเกซ สักเสนาคือร่วมกันยักยอกทรัพย์ของธนาคารและผิด พ.ร.บ.หลักทรัพย์ฯ

ในคดียักยอกทรัพย์ไม่สามารถเอาผิดนายราเกซฯได้ เนื่องจากมีอายุความ 10ปีและหมดอายุความไปแล้วเมื่อเดือนกรกฎาคม 2548 ส่วนคดีความผิด พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ มีอายุความ 15 ปี จึงสามารถดำเนินคดีได้ทันที เพราะนายราเกซฯถูกส่งตัวกลับมาถึงประเทศไทยในวันที่ 30 ตุลาคม 2552 ก่อนหมดอายุความเพียงปีเดียว

สุดท้ายผลคำพิพากษาในคดีนี้จะเป็นอย่างไรก็ตาม แต่ในระหว่างดำเนินคดีนายราเกซฯไม่ได้รับอนุญาตให้ประกันตัว จึงถูกควบคุมตัวอยู่ในเรือนจำพร้อมโรคร้ายประจำตัวรุมเร้าสารพัด ต้องไปขึ้นศาลโดยรถเข็นพยาบาลในลักษณะที่หมดสภาพพ่อมดการเงินโดยสิ้นเชิง

หากนายราเกซ สักเสนาได้ก่อกรรมทำเข็ญไว้กับใครก็ตาม วันนี้กำลังรับกรรมที่ทำไว้แล้ว และหากที่ผ่านมามีใครไปก่อกรรมทำเข็ญไว้กับประเทศชาติร่วมกับนายราเกซฯอีกกี่คนก็ตาม ถึงแม้วันนี้มือกฎหมายยังเอื้อมไม่ถึง แต่ก็ต้องระวังกฎแห่งกรรมที่จะตามมาไม่ช้าก็เร็ว เพราะ “เวรกรรมไม่มีอายุความ”

(2) เรื่องของ พลตำรวจโทคนหนึ่งของสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่ถูกกล่าวหาว่าร่วมกระทำความผิดในการหายตัวไปของนักธุรกิจชาวซาอุดิอาระเบียคนหนึ่งตั้งแต่เมื่อเดือน มกราคม-กุมภาพันธ์ 2533 แต่เพิ่งมาถูกชี้มูลความผิดและดำเนินคดีในเดือนมกราคม 2553 ซึ่งเป็นเดือนที่กำลังจะครบกำหนดอายุความ 20 ปีพอดี

คดีนี้ถูก-ผิด, จริง-เท็จ อย่างไรก็ยังไม่มีใครชี้ชัด แต่ทางประเทศซาอุดิอาระเบียเกาะติดเอาเรื่องกับนายพลตำรวจผู้นี้อย่างจริงจังตลอดมา 20 ปี สุดท้ายถึงกับเอาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศและสิทธิมนุษย์ชนทางศาสนามาเป็นเครื่องต่อรอง จนท่านนายพลผู้นี้ต้องแสดงเจตนาสละความก้าวหน้าทางราชการ ทำให้เป็นที่แคลงใจว่ามีการก้าวก่ายอำนาจการบริหารราชการแผ่นดินจากต่างประเทศอย่างน่าเสียใจ

หากนับอายุความตามกฎหมาย ดูเหมือนมีการดำเนินคดีนี้ภายในกำหนดอายุความ 20 ปีพอดีอย่างน่าประหลาด แต่โดยกฎแห่งกรรมที่ไม่มีอายุความ ใครทำอะไรกับเรื่องนี้ไว้อย่างไรคงจะต้องติดตามดูกันต่อไป

(3) เรื่องที่ดินแห่งหนึ่งที่มีผู้ศรัทธายกให้เป็นที่ธรณีสงฆ์เพื่อประโยชน์ในพระพุทธศาสนา สุดท้ายถูกนักการเมืองกลุ่มหนึ่งบิดเบือนแย่งชิงเอาไปขายทำสนามกอล์ฟ เรื่องนี้มีผู้เกี่ยวข้องสมคบกันหลายคนทั้งฝ่ายผู้ซื้อและฝ่ายผู้ขาย และเหตุการณ์ยืดเยื้อมาเป็นเวลาร่วม 10 ปีแล้ว ทันทีที่ถูกดำเนินคดีมีผู้ถูกกล่าวหาออกมาโวยวายอ้างว่าคดีขาดอายุความแล้ว

คดีขาดอายุความหรือไม่อย่างไรคงขึ้นอยู่กับการพิจารณาวันเริ่มต้นกระทำความผิด แต่การยักยอกเอาที่ธรณีสงฆ์เพื่อการพระพุทธศาสนาไปเป็นที่ดินเอกชนเพื่อการพาณิชย์ เป็นสิ่งที่สังคมพุทธศาสนาอย่างประเทศไทยยอมรับไม่ได้ ถือเป็นการก่อเวรก่อกรรมไว้ให้กับตนเองถึงแม้จะหมดอายุความตามกฎหมายหรือไม่อย่างไรก็ตาม แต่มีผู้เชื่อมั่นว่า “เวรกรรมไม่มีอายุความ”

ในสังคมไทยวันนี้ยังมีอีกหลายๆเรื่องที่เข้าหลักกฎแห่งกรรม ไม่ว่ากรณีอ้างการปราบปรามยาเสพติด แต่ได้ใช้อำนาจรัฐฆ่าประชาชนไปเสีย 2-3 พันคน โดยผู้รับเคราะห์กรรมส่วนใหญ่ไม่ได้มีส่วนรู้เห็นเกี่ยวกับการค้ายาเสพติดด้วย การสั่งการให้ฆ่ากำจัดแกนนำมุสลิมใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เสียสัก 50-60 คน เพื่อให้เหตุการณ์ในจังหวัดชายแดนภาคใต้สงบลงให้ได้ใน 5-6 เดือนตามที่ผู้นำในประเทศบางคนไปประกาศเป็นประกาศิตไว้ เป็นเหตุให้ประชาชนผู้บริสุทธิ์ในภาคใต้และข้าราชการครู-ตำรวจ-ทหารผู้ไปปฏิบัติหน้าที่รักษาความสงบต้องศูนย์เสียชีวิตและบาดเจ็บพิการไปนับหมื่นคนแล้ว ตลอดจนการหายตัวไปของทนายสมชาย นิลไพจิตร ทนายความที่ลุกขึ้นต่อสู้อำนาจรัฐทรราชเพื่อปกป้องชาวมุสลิมใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ให้พ้นจากการก่อกรรมทำเข็ญ แต่ต้องถูกจับตัวสาบศูนย์ไปโดยยังเอาความผิดกับใครไม่ได้รอวันหมดอายุความดำเนินคดี รวมถึงบุคคลอีกจำนวนหนึ่งทั้งที่ต้องคำพิพากษาให้จำคุกและต้องหาคดีอาญา แต่พากันหลบหนีไปอยู่ต่างประเทศรอวันกลับคืนมาเสวยสุขเมื่อคดีหมดอายุความ

สำหรับท่านทั้งหลายที่กำลังสนุกสนานอิ่มเอมกับการทุจริตคอร์รัปชั่น กอบโกยผลประโยชน์เพื่อส่วนตัวและพวกพร้องโดยไม่คำนึงถึงความเสียหายของประเทศชาติ และที่กำลังก่อกรรมทำเข็ญไว้กับบ้านเมือง

สิ่งที่จะต้องขอเน้นเตือนไว้ในวันนี้ก็คือ

“เวรกรรมไม่มีอายุความ”

พระอภัยมณี

วันที่ 6/10/2010

โพสท์ใน categorized | ใส่ความเห็น

EP.754…ทำไม”นายเก่าต้อง”ฆ่าเนวิน”ให้ตาย..!!


“นายเก่า” ทำไมต้อง “ฆ่าเนวิน” ให้ตาย !!

หนูคนเดิมมาแล้วค่ะคุณขา…เห็นข่าวนี้แล้วหนูตกจายโหม๊ะเลย..ค้า..

นึกว่าคุณเนวินฮีโร่ของหนูจะถุก”สังหาร”ซะอีก แต่พอได้อ่านๆๆแล้วก็เข้าใจว่า คงยังไม่เกิดตอนนี้นะคะ..

เอ..ว่าแต่สมตินะคะสมมติ..เกิดคุณเนวินของหนูเป็นไรไปจริงๆ..

งั้นก็ก็ต้องเข้าใจว่า…เป็นเพราะ “นายเก่า” งั้นรึเปล่าคะคุณขา..า…

ต้อง”เข้าใจ” กันแบบนี้ใช่ไหมคะคุณขา….?

โห..แบบนี้ ผู้บริหารทอท.พวกที่ชอบ “อ้าง” ชื่อคุณเนวิน จะ”ลำบาก” ไหมคะเนี่ย…

แล้วผู้บริหารทอท.เหล่านั้นจะหันไปอ้างใคร…เป็นคนต่อไป เพื่อจะ “กร่าง” ได้ต่อไปละคะคุณขา…

หรือต้อง”อ้าง” ท่านรองนายกสุเทพแทน..ไหมคะคุณขา..?

แต่คุณเนวินอย่าเป็นอะไรไปเลยนะคะ คือว่า..หนูกลัววาจะต้องฝืนทนดู..”ละคร”..บทใหม่ที่แสดงนำโดยผู้บริหารทอท.กลุ่ม”ดัง”กลุ่มนี้อ่ะค่ะ!

ประมาณ…”สอพลอตอแหล” ว่า รักชาติ  ต้องทำเพื่อชาติและสถาบัน…ทั้งที่ เล่นบท  “กร่างไม่กลัวกฎหมาย” กันเก่งทั้งกลุ่ม..ทู๊ก..คนอ่ะค่ะคุณขา…


เพราะที่ผ่านมา แต่ละคนก็ “เน่า” จนบางรายต้องไปอำเภอเพื่อขอเปลี่ยนชื่อ…กันมาแล้วละค้า.า…

แต่ DNA ไม่ได้เปลี่ยน..ก๊อเลยยัง..“หาดีไม่ได้”….เหมือนเดิมค่ะ…อิอิ

หนูน่ะรู้ดีอีกแล้วค่ะว่า ผู้บริหารทอท.ล้วนอยากให้  คุณเนวินมีอำนาจยิ่งใหญ่คับฟ้าคับแผ่นดิน  เยี่ยงนี้ไปตลอดชั่วกัลปวสาน

เพราะกลัวกันว่า..วันใด “นายเก่า” ตัดสินใจให้ไม่มีฮีโร่อย่างคุณเนวินบนโลกนี้อีก…ผู้บริหารทอท.กลุ่มนี้ รวมถึงพวกข้าราชการที่ ชอบ”กร่าง” เพราะ ข้ามหัวตนมาใหญ่บ้าง  พวกชอบทุจริตต่อหน้าที่บ้าง หรือ พวกชอบอ้างคุณเนวินบ้าง พวกข่มเหงรังแกคนอื่นที่ไม่ยอมก้มหัวให้เพื่อทำสิ่งชั่วๆ  หรือพวกชอบผิดมาตรา 157 บ่อยๆ คนเหล่านี้จะหันไปพึ่งใครที่จะยิ่งใหญ่และขู่คนดีที่ไม่ชั่ว ให้กลัวเกรงได้้อีกละคะคุณขา…?

ไหนจะต้องผวากับ “โจทย์” ต่างๆที่เคย “ทำ”กับเขาไว้อีกมากมาย…หนูล่ะห่วงผู้บริหารทอท.กลุ่มนี้จริงๆเชียวนะคะคุณเนวินขา…ยิ่งมีหนูคนเดิมสันดานแส่สาระแน คอยเกาะติดจดจำทู๊กพฤติกรรมของผู้บริหารกลุ่มนี้ด้วยแล้ว…ใครลืม หนูจะไปแส่ไปกระแทกความจำให้เองด้วยนะคะคุณขา…

ฉนั้น..คุณเนวิน อาจต้อง แสดง เอ้ย..สวมบทบาท “หักหลัง” ท่านนายกฯเพื่อเอาชีวิตรอด อีกรอบไหมค่ะคุณเนวินขา…?

แต่ถ้าคุณเนวินจะแกล้งหักหลังเที่ยวนี้…หนูขออย่างนะคะคุณเนวินขา…อย่าร้องไห้น้ำตาอาบแก้มอีกนะคะ เพราะหนูพาล..ใจจะขาดอ่ะค่ะ..นะคะนะคะคุณเนวินขา…

ว่าแต่คุณเนวินรู้ไหมคะว่า..ทำไมนายเสรีรัตน์จึงรีบ”ลาพักร้อน” ไปลอนดอนตั้งอาทิตย์ล่ะค่ะ

หรือเพราะนายเสรีรัตน์จะลาจากทอท.ถาวรตลอดกาลแล้ว?

เพราะนายเสรีรัตน์มี  “น้องเขยแกนนำเสื้อแดง” ที่คอยส่ง”ซิก”ให้ออกนอกประเทศอยู่เรื่อยนะคะ

ว่าแต่ช่วงนี้ไม่มีใครเขาเดินทางเข้าอังกฤษกันนักนะคะ เพราะข่าวว่าอันตรายน่ะค่ะ ต๊าย..เกิดสมมตินายเสรีรัตน์โดนแจ๊คพ๊อต..ไปอยู่ในจุดที่มีระเบิดนี่..ก็ดี เอ้ย..ซวยเลยสิคะ…

ว่าแต่จริงไหมคะ ที่มีข่าวว่า นายเสรีรัตน์ไปหาที่ทางเตรียมๆไว้”หนี”จึงยอมเสี่ยงไปในช่วงนี้ น่ะค่ะคุณขา….

จาก  หนหูคนเดิมสันดานแส่สาระแนเองค่ะ



คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น

ผ่าประเด็นร้อน

จะเป็นเพราะสถานการณ์พัฒนามาถึงจุด “แตกหัก” ไม่อาจหวนคืนดีปรองดองกันแบบเดิมอีกต่อไปได้แล้ว หรือมีแต่ “ความตาย” เท่านั้นที่จะทำให้ความแค้นที่มีอยู่ในหัวอกจนล้นทะลัก กลับคืนสู่ภาวะปกติ

ข่าวที่ออกมาจากปากของ “เนวิน ชิดชอบ” ขาใหญ่จากบุรีรัมย์ผู้อุปถัมภ์คนสำคัญของพรรคภูมิใจไทย ที่ระบุโพล่งออกมาในงานวันเกิดครบรอบ 52 ปีของตัวเองเมื่อวานนี้(4 ตุลาคม)ยอมรับข้อมูลจากฝ่ายความมั่นคงและอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) ก่อนนี้ว่า “นายเก่าที่อยู่ต่างประเทศ” บงการจ้างฆ่าตัวเอง โดยตั้งค่าหัวประมาณ “20 ล้านบาท”

ได้ยินตัวเลขค่าหัวดังกล่าวสูงจนน่าตกใจ ซึ่งถือว่ามีราคาใกล้เคียงกับค่าหัวของ “บิน ลาเดน” ที่ทางการสหรัฐตั้งค่าหัวเอาไว้ไม่ว่าจับเป็นหรือตายจำนวนราว 1 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ

จำนวนเงินสูงขนาดนี้ถ้าเป็นระดับรัฐบาลก็ว่ากันไปอย่าง แต่สำหรับค่าหัวที่ตั้งโดยผู้บงการเอกชนแบบส่วนตัวแล้วถือว่าไม่ธรรมดาแน่นอน และคนที่สั่งการต้องมีที่มายิ่งไม่ธรรมดาต้องมีฐานะเข้าขั้นอภิมหาเศรษฐีเท่านั้นถึงจะมีศักยภาพทำได้

อย่างไรก็ดีก่อนอื่นต้องถอดรหัสคำว่า “นายเก่าที่อยู่ต่างประเทศ” ให้ได้เสียก่อนว่าหมายถึงใครกันแน่

นาทีนี้แม้ว่าจะไม่ได้มีการเอ่ยชื่อกันตรงๆ แต่สำหรับคอการเมืองที่ติดตามสถานการณ์มาพอสมควรก็คงจะรู้แล้วว่าหมายถึง “ใคร” ส่วนจะเป็น ทักษิณ ชินวัตรหรือไม่ เพราะถือว่าเป็นนายเก่าของเนวิน เหมือนกัน และเวลานี้ก็ยังอยู่ต่างประเทศ แถมยังมีฐานะร่ำรวยมหาศาล และน่าจะมีศักยภาพที่จะสั่งฆ่าเนวินได้ มันก็คิดกันไปได้

แม้ว่านาทีนี้จะเข้าเค้าเมื่อพิจารณาจากคุณสมบัติเบื้องต้นตามที่คู่กรณีได้ระบุออกมา แต่เพื่อให้เห็นภาพก็ต้องย้อนกลับไปพิจารณาถึงข้อมูลเก่าๆเพื่อให้เห็นถึงต้นตอว่าทำไมถึงต้องฆ่าเนวินให้ได้ เพราะเมื่อดูจากจำนวนเงินที่ตั้งค่าหัวเอาไว้เป็นจำนวนถึง 20 ล้านบาทมันเป็นจำนวนตัวเลขที่สูงมาก มีความหมายเหมือนกับว่าต้องทำทุกทางเพื่อให้ “ตายสถานเดียว”

คำถามว่าทำไมถึงต้องแค้นกันขนาดนั้น !!

คำตอบแบบสั้นๆก็ไม่มีอะไรมากไปกว่า เป็นเพราะ เนวิน ชิดชอบ เพียงคนเดียวเท่านั้นที่ทำให้ ทักษิณ ชินวัตร ต้องกลายสภาพมาเป็น “สัมภเวสี” เหมือนวิญญาณพเนจรที่นับวันจะไร้ค่าลงไปทุกวัน และแนวโน้มที่จะกลับเข้ามาในประเทศและใช้ชีวิตปกติในประเทศไทยแทบจะไม่มีหลงเหลืออยู่เลย อย่าถึงขั้นคิดไปไกลว่าจะกลับมามีอำนาจอีกรอบตามที่พวกลิ่วล้อป้อยอเพื่อหลอกเอาเงินแต่อย่างใดไม่

ที่ผ่านมาหากย้อนกลับไปในอดีตมีจุดเริ่มต้นจากเหตุผล “ทรยศเพื่อชาติ” ที่ เนวิน ชิดชอบ “พลิกขั้ว” ไปกอดคอจับมือกับ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เพื่อจัดตั้งรัฐบาลใหม่ และก่อตั้งพรรคภูมิใจไทยซึ่งมีเป้าหมายไปแย่งฐานเสียงในภาคอีสานและภาคเหนือ หรือกรณี “ดูด” ส.ส.พรรคเพื่อไทยมาเข้าคอกแบบไร้ขีดจำกัดประดังเข้ามาอีก คิดเอาเองว่ามันต้องทะลักจุดแตกหรือไม่

แม้ว่าเหตุผลที่ เนวิน และเพื่อนได้อ้างมาตลอดว่า เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหลังจากกรณีการยุบพรรคพลังประชาชน ทุกคนสามารถเป็นอิสระ และที่สำคัญมีการ “ตอบแทน” กันไปหมดแล้ว

อย่างไรก็ดีผลที่เกิดขึ้นจากเหตุการณ์ในวันนั้นเป็นต้นมามันก็ได้ส่งผลกระทบต่อสถานะของ ทักษิณ มาจนถึงปัจจุบัน จากเดิมที่เคยไว้ใจในฐานะขุนพลข้างกาย ส่งเสริมให้ทำการแทนในหลายเรื่อง แต่คำตอบสุดท้ายในวันที่ทรยศ ส่งเสียงตามสายกลับไปว่า “มันจบไปแล้วครับนาย” นี่แหละที่ทำให้มันคลั่งแค้นอกแทบแตกตาย และเมื่อพิจารณาจากอารมณ์ของ ทักษิณ ในอดีตก็จะพบว่าเป็นคนเจ้าคิดเจ้าแค้นรุนแรงมาก และถ้าถามว่าเมื่อเปรียบเทียบกันระหว่าง เนวิน กับคนสำคัญอื่นๆที่ติดโผล่าสังหาร เช่น นายกรัฐมนตรี อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หรือสุเทพ เทือกสุบรรณ แล้วเชื่อว่า คนที่ชื่อ เนวิน นี่แหละที่เป็นเป้าหมายแรก

แต่ถึงอย่างไรมันยังไม่อาจฟันธงได้อย่างเด็ดขาดว่า “นายเก่า” ที่พำนักอยู่ต่างประเทศดังกล่าว ที่เนวิน ชิดชอบ บอกใบ้ออกมาระหว่างงานเลี้ยงครบรองวันเกิดของเขาเมื่อวานนี้ว่าเป็นใครกันแน่ จะใช่ ทักษิณ ชินวัตร หรือไม่ แต่ถ้าพิจารณาจากแบ็กกราวด์เก่าๆ รวมไปถึงมูลเหตุจูงใจ และผลประโยชน์ทางการเมืองซึ่งส่งผลกระทบต่ออนาคตของตัวเองแล้ว ก็ทำให้มองภาพแบบนี้ได้ชัดขึ้น

ขณะเดียวกันข้อมูลจากอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ธาริต เพ็งดิษฐ์ ที่ระบุก่อนหน้านี้ว่ามีบุคคลสำคัญกำลังตกเป็นเป็นเป้าหมายลอบสังหาร ซึ่งหมายถึง นายกรัฐมนตรี อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง สุเทพ เทือกสุบรรณ รวมไปถึงคนอื่นๆ มันก็ย่อมทำให้ต้องระมัดระวังตัวแจ แต่ถ้าตัดตอนเอาเฉพาะกรณีของ เนวิน มาพิจารณาก่อน มันก็ทำให้พอเห็นภาพคนที่บงการอยู่เบื้องหลังได้ชัดขึ้นไปอีก !!

โพสท์ใน categorized | ใส่ความเห็น

EP.753..ผู้บริหารทอท.”ดัง”ทั่วอีสาน 19 จังหวัดแล้วนะครับ!


5/10/2553

อุเหม่..ผมเพิ่งทราบว่า ผู้บริหารทอท.กลุ่ม DNA สายพันธ์พิเศษ  ล้วน “ดัง” ทั่วอีสาน ฐานเสียงคนเสื้อแดงแล้วนะครับ…ภูมิใจทอท.ไหมครับ ?

ดังขนาดนี้ พี่เกษมกับทีมงานสหภาพทอท.ต้องทำงานหนักแล้วครับ  ยิ่งต้องให้ผุ้บริหารทอท.กลุ่มนี้ “ชดใช้” และรับผิดชอบยิ่งๆขึ้นด้วยนะครับ…ข้อหา เป็นต้นเหตุนำความเสื่อมเสียมาสู่ทอท.ครับผม..!

กรุณาดูจำนวนคนเข้าที่อ่านซิครับ..แสนเจ็ดครับ...!!

เครือข่ายประชาชนอีสาน 19 จังหวัด

เครือข่ายประชาชนอีสาน 19 จังหวัด

เรียนท่านนายกฯ กรณีคดีความเรื่องอาคารจอดรถ A-B

นานาทัศนะ ทัศนะจากพี่น้องประชาชนไทย

เขียนโดย sptthai

apisit_1.jpg

30/9/2553

เรียน นายก อภิสิทธ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี
ท่านพีระพันธ์ สาลีรัฐวิภาค รมต.ยุติธรรม
ท่านปานเทพ กล้าณรงค์ราญ ประธานคณะกรรมการปปช.
และทุกหน่วบงานของรัฐที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการยุติธรรม

เนื่องจากกรณีคดีความเรื่องอาคารจอดรถ A-B ซึ่งมีบริหษัท ปาร์คกิ้งแมเนจเม้นท์ จำกัด เป็นผู้ประกอบการ และได้มีการยื่นเรื่องฟ้องร้อง”เอาผิด”ผู้บริหารทอท. อย่าง นายนิรันดร์ ธีรนาถสิน นางดวงใจ คอนดี  นายเสรีรัตน์ ประสุตานนท์ และบอร์ดทอท.ที่มีนายปิยะพันธ์เป็นประธานและอนุมัติโครงการสัมปทานนี้ไปในข้อหา “ละเว้นปฏิบัติหน้าที่”

แต่เบื้องหลังเรื่องนี้ผู้บริหารทอท.กลุ่มนี้ รวมทั้งบอร์ดทอท.ชุดนี้ กลับเพิกเฉย ไม่แก้ปัญหาใดๆในเรื่องนี้ และยังปล่อยให้ผู้บริหารทอท.ที่มีชื่อเกี่ยวข้องในกรณีทุกคนบริหารทอท.อยู่ ทั้งที่นำความเสียหายมากมายมาสู่ทอท. เพราะจากกรณีนี้ทอท.ไม่สามารถจัดเก็บรายได้เรื่องนี้เข้ามาได้ และยังมีกลุ่มชายฉกรรจ์เข้ามาในชุดดำและชุดทหารเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาประมาณ 200 คนอีกด้วย แต่ผู้บริหารทอท.สั่งให้ปกปิดข้อมูล ไม่ใส่ใจนั่งกินเลี้ยงในตึกในสนามบินต่อไปเหมือนรู้เห็นเป็นใจด้วย?

ซึ่งต่างจากเรื่องกรณีทุจริตลานจอด”แป้งร่ำ” ที่ยปิยะพันธ์รีบออกมาแก้ไขลั่นว่า จะทำอย่างโปร่งใส แต่พอมาเรื่องนี้ ทั้งที่มีการอนุมัติไปแล้ว(ต้องรับผิดชอบ) และผู้บริหารทอท.เองก็ละเลยไม่รอบคอบทั้งเอื้อในการดำเนินการต่างๆจนเป็นข่าวฉาวในสื่อต่างๆมาตลอดอาทิตย์ แต่นายปิยะพันธ์ไม่คำนึงถึงผลประโยชน์หลักของชาติ ของทอท. แต่กลับแก้ตัวให้ผู้บริหารทอท.ที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้ทุกคน และพยายามเบี่ยงประเด็นกลบข่าว บิดเบือนในทุกทางที่ทำได้ จนบัดนี้เรื่องนี้ยังได้ไม่แก้ปัญหา กลับปล่อยปละละเลย ให้ทอทงขาดผลประโยชน์ไปเรื่อยๆ

จนล่าสุด ทราบว่าคดีการฟ้องร้องผู้บริหารทอท.ที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้ต้องขึ้นศาลบางพลีสมุทรปราการ และจะต้องมีการดำเนินการต่อไปในวันที่ 27/9/2553 ที่ผ่านมา แต่ปรากฎว่า ผู้บริหารทอท.กลุ่มนี้มีการไปวิ่งเต้นกับเจ้าหน้าที่ของรัฐ  ทำให้คดีนี้ถุกเลื่อนออกไปเป็นเดือนตุลาคมแทน เรื่องนี้มีการ”เอื้อ”กันและมีนายเสรีรัตน์ และนายนิรันดร์ เป็นหัวโจกกำกับทุกอย่างมาตั้งแต่แรก เช่นเดียวกับคดีทุจริตอื่นๆในสุวรรณภูมิ และผู้บริหารกลุ่มนี้ไม่เคยเกรงกลัวกฏหมายหรือใคร เพราะจะอ้างจนเป็นที่รู้กันว่าเป็นคนของคุณเนวิน..?

จะจริงหรือไม่ไม่ทราบ แต่ที่แน่ๆ อ้างทุกการกระทำว่าคุณเนวินดูแลอยู่  ซึ่งคุณเนวินอาจไม่เกี่ยวมั้ง? แต่แปลกที่ไม่มีใครออกมาจัดการลงโทษผู้บริหารทอท.กลุ่มนี้ ทั้งที่วันๆก่อแต่ความเสียหายมากมายให้ทอท. ทั้งกลุ่มก๊วนนี้ทุกคน หรือจะเกี่ยวจริง เพราะเวลานี้คุณเนวินทอะไรก็ผิด..!

หรือท่านจะยกสนามบินที่สร้างมาจากภาษีประชาชนคนไทยทั้งชาติ  และใช้งบประมาณของชาติอ้างพัฒนา(แบบห่วยๆ และเน้นส้วมเป็นสำคัญ) ให้เป็นสมบัติส่วนตัวของชาติตระกูลผู้บริหารทอท.กลุ่มนี้ ที่ได้รับการยอมรับและเป็นที่รู้กันว่า สร้างมาจากทักษิณ และรองนายก”ส”  ที่โกงทุกเม้ดกินทุกอย่างเหมือนตายอดตายอยาก…. จะได้พยายาม”ทำใจ”ยอมรับน่ะครับ เพียงแต่ไม่รู้ว่าประชานคนไทยที่เหลือ”ยอมรับ”ด้วยหรือไม่?

กรุณาตรวจสอบเรื่องการวิ่งเต้นจนให้เลื่อนคดีนี้ออกไปด้วยนะครับ เพราะผู้บริหารกลุ่มนี้กำลังขนถ่ายย้ายทำลายเอกสารสำคัญๆในเรื่องนี้ เหมือนเอกสารสำคัญๆในคดีอื่นๆด้วย เพื่อจะทำเอกสารขึ้นมาใหม่ เพราะทำกันเป็นประจำ ทั้งสอดใส้แทรกซ้อนปรับเปลี่ยนเกสารต่างๆเพื่อให้พวกตนสมประโยชน์ เป็นงานถนัดของผู้บริหารทอท.ครับผม…

ขอให้ภาครัฐ”จัดการ”กับผู้บริหารทอท.ข้าราชการของรัฐที่ทำเพื่อให้ผลประโยชน์ตกแก่ตนและพวกพ้องเสียทีเถอะครับ… พนักงานทอท.เองก็เบื่อหน่ายผู้บริหารกลุ่มนี้เหลือเกิน เพราะเน่าเฟะมาจากนายศรีสุขแล้ว คนๆนี้เรื่องทำเพื่อชาติอย่าไปหวัง โด่งดังทำเพื่อตนเองจนฉาวไปทั่ว และวิ่งเต้นจนรอดได้ หรือจะเป็นมาตรฐานใหม่ของกระทรวงยุติธรรมครับท่าน?

หรือการที่คดีความในสุวรรณภูมิไม่สามารถเดินหน้าได้ทั้งที่ทำให้ชาติเสียหายเป็นแสนล้านเพราะ…..? มิน่าผู้บริหารทอท.กลุ่มนี้ที่เป็นผลผลิตของนายศรีสุขจึง “ไม่มีใครกลัวเกรงกฎหมาย” เลยสักคน

ด้วยความเคารพและนับถืออย่างสูงครับ
นายวาซาบิ ครับผม

โพสท์ใน categorized | ใส่ความเห็น

EP.752..อย่างเร็วและด่วนด้วยนะครับพี่เกษม..


5 ตค. 2553 12:34 น.

ในการประชุมคณะกรรมาธิการคมนาคม วุฒิสภา ที่มีนายเกชา ศักดิ์สมบูรณ์ ส.ว.ราชบุรี เป็นประธาน มีวาระพิจารณาเรื่องทั่วไปที่เกี่ยวกับการให้บริการการขนส่งทางอากาศ ซึ่งได้เชิญเจ้าหน้าที่ของ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (ทอท.) อาทิ นายนิตินัย ศิริสมรรถวาร รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่สายงานพัมนาธุรกิจและการตลาด ทอท.เข้าชี้แจง ผู้สื่อข่าวรายงานว่าก่อนเข้าวาระประชุมปกติ นายเกชา ได้ซักถามเจ้าหน้าที่ถึงประเด็นที่มีชายชุดดำเข้าไปปิดล้อมบริเวณอาคารที่จอดรถสนามบินสุวรรณภูมิ แต่ทางเจ้าหน้าที่ปฏิเสธที่จะให้รายละเอียด พร้อมระบุว่าเรื่องดังกล่าวไม่เกี่ยวข้องกับสายงานที่ดูแล ทำให้นายเกชา ระบุว่า เรื่องดังกล่าวถือว่าสร้างความเสียหายกับหน้าตาของประเทศ เพราะสนามบินสุวรรณภูมิเป็นสนามบินนานาชาติ ดังนั้นในการประชุม กมธ. นัดต่อไป จะเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ ทอท. ผอ.สุวรรณภูมิ เข้ามาชี้แจง เพื่อที่จะได้หามาตรการป้องกันไม่ให้เรื่องดังกล่าวเกิดขึ้นซ้ำอีก

ด้านพล.อ.อ.อาคม กาญจนหิรัญ ส.ว.สรรหา ฐานะรองประธานกมธ.คมนาคม คนที่ 1 กล่าวว่าในการแก้ปัญหาเรื่องดังกล่าวทราบว่านายปิยะพันธ์ จำปาสุต ประธาน ทอท. จะใช้วิธียกเลิกสัญญาบริษัทปาร์คกิ้ง แมนเนจเม้นท์ จำกัด ซึ่งตนเกรงว่าการยกเลิกสัญญาโดยไม่พิจารณาข้อกฎหมายให้รอบคอบ อาจจะทำให้บริษัทปาร์คกิ้งฯ ฟ้องกลับได้ ซึ่งเจ้าหน้าที่ทอท. ระบุว่า เรื่องดังกล่าว ทราบเพียงว่าผู้บริหารจะดำเนินการ แต่ยังไม่ได้มีการทำเรื่องเพิกถอนสัญญาแต่อย่างใด

ทั้งนี้พล.อ.อ.อาคม กล่าวว่า ตนเพียงแค่ติงการตัดสินใจของนายปิยะพันธ์เท่านั้น เพราะจากประวัติศาสตร์คดีความระหว่างภาครัฐและเอกชน ภาครัฐนั้นจะแพ้คดีเสมอ อย่างไรก็ตามสัญญาที่ ทอท.ได้ทำกับบริษัท ปาร์คกิ้งนั้น ตนพอทราบว่าอายุสัญญามีถึงปี 2558 ดังนั้นหากพิจารณาข้อกฎหมายและสัญญาไม่รอบคอบอาจถูกฟ้องกลับได้ และที่สำคัญ ทอท.เป็นบริษัทมหาชน เพื่อดำเนินการใดๆ อาจจะกระทบกับประชาชนผู้ถือหุ้นได้

ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่นายโสภณ ซารัมย์ รมว.คมนาคมระบุวิธีแก้ปัญหาเรื่องที่เกิดขึ้นด้วยการมุ่งเป้าจัดการมาเฟียใน พล.อ.อ.อาคม กล่าวว่า ตนไม่ทราบในรายละเอียด แต่ในฐานะที่ตนเคยอยู่ในแวดวงดังกล่าว พบว่าพื้นที่ที่มีผลประโยชน์มักจะมีบุคคลภายนอกเข้าไปเกี่ยวข้อง ทั้ง คนมีสี และนักการเมือง มาตลอด ซึ่งการแก้ปัญหาถึงต้นตอ ตนมองว่าต้องลงลึกไปแก้ไขมติบอร์ด ทอท. สัญญาจัดซื้อจัดจ้าง ด้านการทุจริตอื่นๆ นั้นตนมองว่านายโสภณ

ควรตั้งคณะทำงานขึ้นมาปฎิบัติหน้าที่ โดยเชิญบุคคลภายนอกที่มีความรู้เฉพาะด้าน เช่น พล.ร.อ.บรรณวิทย์ เก่งเรียน อดีต สนช. เข้ามาทำหน้าที่ตรวจสอบและแก้ไขปัญหาทุจริตภายในองค์กร

เพิ่มเติมจากทีมงานฯครับ

ผมแนะนำให้สหภาพทอท.ยื่นหนังสือถึงท่านพลเรือเอก บรรณวิทย์ เก่งเรียน ด้วยนะครับ  รบกวนขอให้ท่านช่วยตรวจสอบอย่างเข้มข้น และหาวิธีการ “จัดการ” กับกลุ่มผู้บริหารทุจริตและเก่งแต่สร้างความเสียหายให้ทอท. กลุ่มนี้โดยเร็วด้วยครับ พี่เกษมต้อง”รุกหนัก”และเร็วนะครับ..

รวมถึงหาแนวทางที่จะให้ผู้บริหารทอท.เหล่านี้รับผิดชอบในสิ่งที่เกิดขึ้นเอง ไม่ใช่ยามได้ประโยชน์ก็กอบโกยเข้ากระเป๋าตนเอง และพวก ยามเสียประโยชน์ก็โยนให้ทอท.รับผิดชอบ..!! เช่นนี้..

จาก นายวาซาบิ ครับผม

http//hisowasabi.wordpress.com

email. hisowasami@gmail.com

โพสท์ใน categorized | ใส่ความเห็น

EP.751…”สินบนคาร์ปาร์ค”ใช้ประกอบหลักฐานเอาผิดด้วยนะครับ…


5/10/2553

  • อย่ามองข้ามกรณีที่ผู้บริหารทอท.ระดับ 11 “จัดการ”นำชายชุดดำเข้าร่วมบุกสุววรรณภูมิเสียเองด้วยนะครับ

ถึง นายกอภิสิทธิ เวชชาชีวะ, paisal@dharmniti.co.th, pakjira_999@hotmail.com, คุณปานเทพ กล้าณรงค์ราญ, pissanu.19@hotmail.com, tra832@yahoo.com, สมัชชาประชาธิปไตย,teerawat2008@gmail.com

ตีแผ่ลิเกฉากใหญ่”สุวรรณภูมิ”วงในเผย” แป้งร่ำ รีเทล” แค่หาเหตุเด้งผู้บริหาร ชี้ชนวนหลักมาจากสินบน คาร์ปาร์ก หลัง 2 ผู้ถือหุ้นของปาร์คกิ้ง แมนเนจเม้นท์ ผู้รับสัมปทาน ขัดแย้งกันเอง และดึงฝ่ายการเมืองที่เคยส่งส่วย บีบผู้บริหารให้ไล่อีกฝ่ายออกจากพื้นที่ แต่ไม่ได้รับการตอบสนอง เพราะเรื่องเป็นคดีความกันอยู่ พร้อมอ้างเหตุเข้าพื้นที่ไม่ได้ ขอหยุดส่งส่วย จนการเมืองโกรธหนักแก้เกมโยกผู้บริหาร ไฟเขียวสั่งให้เตรียมเลิกสัญญาเปิดประมูลใหม่

comment;

เรื่องนี้ “ไม่ใช่” การบีบผู้บริหารให้ไล่อีกฝ่าย  แต่เพราะ “ผู้บริหารทอท.กลุ่มที่เกี่ยวข้องกับกรณีนี้และในสายงานพัฒนาธุรกิจ” ต้องการบีบให้ฝ่ายของนายธรรศ ออกไปจากการบริหารอาคารจอดรถ เพราะผู้บริหารกลุ่มนี้นำทีมโดยนายปิยะพันธ์และนายเสรีรัตน์ กับ นายนิรันดร์ เป็นคนต้นคิด และ “เจตนา” นำสัญญาไปมอบให้ฝ่ายของนายธรรศเอง ในตอนแรก ด้วยการผ่านนส.ผานิต เสถียรเสพย์ (ลูกน้องนายนิรันดร์) แต่เมื่อฝ่ายนายธนกฤติไม่พอใจ

ผู้บริหารทอท.จึงต้องแก้เกมด้วยการปล่อยให้มีคนชุดดำเข้าบุก เท่านั้นยังไม่พอ ผุ้บริหารทอท.เองคนหนึ่งเป็นคน”จัดการ” ส่งชายชุดดำเข้ามาในวันเกิดเหตุปะทะที่สนามบินวันที่ 1/10/2553 เองด้วย! เพราะฝ่ายของนายธรรศเองก็ไม่รู้ว่า ถูกผุ้บริหารทอท.รายนี้้ “หักหลัง” แล้ว  ประกอบกับบ.ปาร์คกิ้งนเองผิดสัญญาในหลายเรื่องด้วย จึงเป็นโอกาสที่จะให้เหตุกลมกลืนกันไป แต่บัดนี้เชื่อว่า ฝ่ายของนายธรรศ รับรู้แล้วว่า เขาถุกผู้บริหารทอท.คนใดบ้างหักหลัง..!!

อันที่จริง บริษัทปาร์คกิ้งแมเนจเม้นท์ ฯ ผู้ประกอบการทั้งสองฝ่าย คือฟากนายธนกฤต และ นายธรรศ ถูกผู้บริหารทอท.กลุ่มนี้ “หักหลัง” ทั้งคู่ เพราะต้องการ “พ้นผิด” จากกรณีที่ทำงานบกพร่องและทุจริตในหน้าที่ อีกทั้งใช้อำนาจหน้าที่ “เอื้อ” ประโยชน์ให้บริาัทนี้ตั้งแต่เริ่มแรก…แต่เมื่อเรื่องคนชุดดำบุกสนามบิน ดัง ขึ้นมาจึงคิดว่าจะ “กลบ” ความผิดของกลุ่มตนเองได้…

แหล่งข่าวระดับสูงจากบริษัทท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน)หรือทอท.เปิดเผยกับ”ฐานเศรษฐกิจ”ถึงเบื้องหลังการโยกย้ายผู้บริหารของทอท.ที่บอร์ดทอท.ยกประเด็นการอนุมัติให้บริษัทแป้งร่ำ รีเทล จำกัด ได้รับสิทธิ์เช่าพื้นที่เพื่อดำเนินโครงการสุวรรณภูมิ สแควร์ ว่าคณะกรรมการรายได้ไม่มีอำนาจ เพราะต้องนำเรื่องเข้าบอร์ดก่อนนั้น ถือเป็นเพียงการฉวยโอกาส ที่ฝ่ายการเมืองต้องการโยกย้ายผู้บริหารในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิออกไป ทั้งๆที่ทอท.ยังไม่ได้เซ็นสัญญากับทางแป้งร่ำและไม่ได้มีการตั้งกรรมการสอบสวนในเรื่องนี้แต่อย่างใด

“เรื่องที่เกิดขึ้นเพราะฝ่ายการเมืองต้องการใช้โอกาสนี้ เชือดไก่ให้ลิงดู เนื่องจากไม่ได้รับการตอบสนองจากฝ่ายบริหาร จากปัญหาความขัดแย้งภายในของบริษัทปาร์คกิ้ง แมนเนจเม้นท์ จำกัด ผู้ได้รับสัมปทานให้บริหารพื้นที่ลานจอดรถของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เป็นเวลา 5 ปี ที่กำลังเป็นคดีความฟ้องร้องกันเองอยู่ระหว่างนายธรรค์ พจนประพันธ์และนายธนกฤต เจตกิตติโชค ซึ่งเป็นกลุ่มผู้ถือหุ้นของบริษัทปาร์คกิ้งฯ โดยดึงฝ่ายการเมืองในพรรคภูมิใจไทย ที่เคยจ่ายเงินสินบนไปแล้วราว 20 ล้านบาท จนชนะการประมูล มาบีบให้ผู้บริหารทอท.ดำเนินการไล่อีกฝ่ายออกจากการบริหารพื้นที่ “

comment;

นี่ไงครับ..ข้อมูลที่อยู่เบื้องหลังว่า “มีการจ่ายสินบนให้ผู้บริหารทอท.จริง”..แล้ว “ใคร” คือกลุ่มคนที่ได้ จึงทำให้ผู้บริหาร “ร้อนตัว” จนต้องสร้างสถานการณ์ขึ้นมาโดยได้รับความร่วมมือจากผู้บริหารระดับ 11 คนหนึ่ง “จัดการ” ส่งชายชุดดำมั่วเข้ามากับชายชุดดำที่ลือกันว่าส่งมาจากเสธ.ทหารสองคนที่ขัดแย้งกัน..

เพราะก่อนหน้านี้ ผู้ประกอบการคิดไม่ถึงว่า จะถูก “หักหลัง” จากคนกันเอง ที่มีญาติอยู่ในสายทหารเหมือนๆกัน

แหล่งข่าวกล่าวว่าการฟ้องร้องกันเองของกลุ่มผู้บริหารของบริษัทปาร์คกิ้ง แมนเนจเม้นท์ จำกัด มีทั้งการกุมสิทธิการบริหารพื้นที่และการปลอมแปลงเอกสารเพื่อยึดกิจการของบริษัท ซึ่งก็เป็นเรื่องภายในของบริษัท และทั้งสองฝ่ายต่างมีคดีที่ดำเนินการฟ้องร้องกันอยู่ ทำให้ผู้บริหารทอท.ไม่มีใครกล้าเข้าไปดำเนินการ เพราะการต่อสู้คดีทั้ง 2 ฝ่ายยังไม่ยุติ

และที่ผ่านมาก็ไม่ได้มีการยกเลิกสัญญา เนื่องจากมีข้อตกลงเรื่องการทยอยจ่ายเงินสินบนที่ยังจ่ายไม่ครบตามที่เรียกกันไว้ราว 100 ล้านบาท และทอท.ได้ดำเนินการหักเงินค้ำประกันจากบริษัทปาร์คกิ้งฯ ที่ค้างจ่ายการเรียกเก็บค่าที่จอดรถเพื่อไม่ให้ทอท.เสียประโยชน์เท่านั้น ซึ่งก็สร้างความไม่พอใจให้อีกฝ่ายเช่นกัน

comment;


ตรงนี้ไงครับ..คือ “ประเด็น” ทีนี้หูตาสว่างกันไหมครับว่า.. ทำไมทั้งบอร์ดทอท.และผุ้บริหารกลุ่มของนายเสรีรัตน์ และ นายนิรันดร์ รวมทั้งลิ่วล้อที่ร่วมมือกันทั้งหมด ทั้งที่ทำงานอยู่ในสุวรรณภูมิ กลับ “เพิกเฉย” และไม่จัดการใดๆ ปล่อยให้เรื่องราวขยายใหญ่โต..จนมีชาชุดดำมาบุกสร้างชื่อเสียให้ทอท. และที่สำคัญผู้บริหารทอท.เองนั่นแหละครับที่เป็นคนเปิดทางและจัดการให้เข้ามา.. ไม่มีการดำเนินการ หรือแก้ปัญหาใดๆ เพราะ”เงินสินบน” มันอุดปากไว้…ตั้ง 20 ล้านไงครับ

ชายชุดดำเข้ามาตั้งแต่วันที่ 24/9/2553 ผุ้บริหารทอท.หายหัวไปไหนหมด ทั้งที่รู้กลับให้ข่าวว่า “ซ้อมฉุกเฉิน” อย่างนี้ภาษากฎหมายเขาเรียกว่าละเว้นปฏิบัติหน้าที่ ครับผม…ท่านประธานปิยะพันธ์!(กรุณาอ่านทวนอีกรอบถ้าท่านไม่ GET!..)

ขณะเดียวกันความขัดแย้งของผู้บริหารบริษัทปาร์คกิ้งฯยังก่อปัญหาจนส่งผลให้กลุ่มผู้ถือหุ้นอีกฝ่ายปฏิเสธการจ่ายสินบนที่เป็นข้อตกลงที่ยังค้างทยอยจ่ายอยู่ โดยอีกฝ่ายอ้างว่าที่ผ่านมามีปัญหาการขัดแย้งและไม่สามารถเข้าพื้นที่ได้ เพราะไม่ได้รับการอำนวยความสะดวกจากฝ่ายบริหารทอท. ขณะที่อีกฝ่ายได้คำนวณกำไรจากโครงการแล้วพบว่าในช่วง 5 ปี บริษัทปาร์คกิ้งฯ จะมีกำไรจากสัมปทานเพียง 180 ล้านบาทเท่านั้น (คำนวณรายได้อยู่ที่ 22 ล้านบาทต่อเดือน แต่ต้องส่งเงินค่าสัมปทานให้ทอท. 20 ล้านบาทต่อเดือน) จึงปฏิเสธไม่รับรู้เรื่องการจ่ายสินบน ทำให้ฝ่ายการเมืองไม่พอใจและสั่งโยกย้ายผู้บริหารดังกล่าว

comment;

แต่รู้กันไหมครับว่า นายปิยะพันธ์ ดำเนินการอย่างไรกับผู้บริหารที่บกพร่องในหน้าที่… คือสั่งย้ายให้มีตำแหน่งสูงเท่าเดิม แต่ไปกำกับดูแลสายงานภูมิภาค ที่กำลังมีการ “ใช้งบ” กว่าห้าพันล้านเพื่อขยายสนามบินภูเก็ต และท่าเชียงรายที่ล้วนแต่มีทีมของนายนิรันดร์ ที่กระทำการทุจริตทุกเรื่อง ตั้งแต่เรื่องโยกย้ายงบประมาณ ทำลายเอกสารที่จะใช้เป็นหลักฐาน หรือการที่ผอ.ท่าเชียงราย จ่ายแจกงานปรับปรุงก่อสร้างตกแต่งสนามบินเชียงรายให้แก่ ญาติพี่น้องทางฝ่ายภรรยาและตนเอง และพรรคคพวกตนเอง แต่ถ้างานใหญ่ๆก็หลีกทางให้บริาัทที่เกี่ยวข้องกับนักการเมืองดังๆครับ..!

นี่หรือครับ”การลงโทษ” ผู้บริหารอย่างนายนิรันดร์ ธีรนาถสิน เพราะเป็นคนสนิทกับนายปิยะพันธ์เองจะทำกันลงได้อย่างไรครับ หรือการปรับตำแหน่งให้ นางศศิสุภาสุคนธทรัพย์  นายศิโรตม์ ดวงรัตน์  ขึ้นเป็นระดับ 10-11 ตามลำดับ ทั้งที่ไม่มีผลงานอะไรดีๆจากบุคคลทั้งสองเลย นอกจากรวมหัวกระทำการที่ส่อไปในทางทุจริต…ทุกเรื่อง..แต่เกี่ยวข้องโดยตรงในสายงานพัฒนาธุรกิจที่มีอำนาจเรื่องสัมปทานต่างๆในสุวรรณภูมิ..?  เพราะผลงานเข้าตากระแทกใจ รับสินบนกันอู็ฟู่มาแล้วหรือเปล่าครับ …?

หรือการสั่งชลอการ “ประเมินผลงาน” ของนายนิตินัย ศิริสมรรถการ ที่มารับตำหน่งดุและสายงานพัฒนาธุรกิจที่นายปิยะพันธ์ พ่นน้ำลายไว้ว่าถ้าทำงานไม่ดีไม่มีผลงานจะไม่ผ่านประเมินเอง แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่ยอมประเมิน เพราะอะไรครับ เพราะกำลังหาผลงานให้ทำเพื่อนำมาพ่นหลอกสังคมอีกหรือ.. ทั้งที่สหภาพทอท.มีการทักท้วงไว้ตั้งแต่แรกที่นำดรงคนนี้เข้ามาทำงานในทอท.ว่า พนักงานดีมีความสามารถตั้งอีกกว่าสามพันคน ทำไมไม่ใช้ แต่นายปิยะพันธ์เป้นใครมาจากไหน กลับไปทางนั้นดีกว่าไหมครับ

จึงนำดร.ไม่ผ่านโปรฯมาก่อนจากที่เก่า มานำเสนอว่าเก่งเหลือเกินจนทำลายระบบให้กำลังใจพนักงานที่ไต่เต้ามาในทอท.โดยสิ้นเชิง..ถือเป็นการใช้อำนาจหน้าที่ข่มเหงจิตใจพนักงานทอท. และเพราะคนในทอท.ไม่เคารพไม่ก้มหัวให้ขี้ข้านักการเมืองทุจริต..(ใครโกรธกับคำนี้ แสดงว่ายอมรับว่าเป็นขี้ข้าพวกขายชาติ..)

การลงโทษย้ายนายนิรันดร์ ไปนั่งในตำแหน่งระดับเท่าเดิมแต่ได้กำกับผลประโยชน์ท่าภูมิภาคแทน และยังได้กลับมาเป็นกรรมการรายได้ชุดใหม่ที่เพิ่งมีการแต่งตั้งไปเมื่อไม่นาน ดดยอ้างว่า นายนิรันดร์ต้องเป็นกรรมการรายได้ โดยตำแหน่งหน้าที่ที่กำกับงานสายภูมิภาค…เนี่ยนะครับ การลงโทษ? สหภาพทอท.ชี้แจงไปทางสื่อทุกสำนักยิ่งดีครับผม อย่าลืมช่อง 3,5,7,9 ด้วยนะครับ..จะได้รู้ว่า วิธี “ลงโทษ” ของนายปิยะพันธ์เป็นอย่างนี้เอง…สงวนไว้เฉพาะพวกที่มาจากสายพันธ์เดียวกันด้วยครับผม...

ไม่รู้ว่า…อีก10-20 ปีคนนามสกุลพวกนี้จะเจอเคาระห์กรรมอะไรบ้างนะครับ.. ? จะได้ช่วยสมน้ำหน้า…ครับผม

นอกจากนี้ยังได้เตรียมที่จะให้กลุ่มผู้บริหารชุดใหม่ ดำเนินการยกเลิกสัญญากับทางบริษัทปาร์คกิ้งฯ เพื่อนำไปสู่การเปิดประมูลใหม่ ทั้งๆที่ก่อนจะเปิดสัมปทานทอท.ก็เป็นผู้ดำเนินการบริหารพื้นที่ลานจอดเองได้อยู่แล้ว อีกทั้งการเปิดประมูลรอบใหม่ก็เชื่อว่ากลุ่มที่จะเข้ามาก็จะเป็นเครือข่ายในกลุ่มการเมืองของพรรคภูมิใจไทยอยู่ดี รวมไปถึงการขยายโครงการใหญ่ๆที่รอการเปิดประมูล ก็ล้วนอยู่ในกำกับการดูแลจากคนที่พรรคภูมิใจไทยส่งมาทั้งสิ้น

ด้านนายประวัติ หาดปิ่นขจรจารุ ทนายความของบริษัท ปาร์คกิ้งฯเปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้ทอท. จะเปิดให้บริษัทเอกชนเข้าประมูลบริหารพื้นที่ลานจอดรถนั้น บริษัท สแตนดาร์ด พร้อมพ์ จำกัด ของ นายธนกฤต เจนกิตติโชค ร่วมกับบริษัท วีดับเบิ้ลยูไอเอ็น จำกัด ของ นายจุมพล ญาณวินิจฉัย ชนะการประมูล แต่ทั้ง 2 บริษัทไม่มีงบประมาณในการบริหารจัดการ ดังนั้นนายธนกฤตจึงได้ขายหุ้น 90% ของบริษัท สแตนดาร์ดฯ ให้แก่นายธรรค์ พจนประพันธ์ ก่อนที่บริษัท สแตนดาร์ดฯ กับบริษัท วีดับเบิ้ลยูไอเอ็นฯ จะร่วมกันเปิดบริษัทใหม่เพื่อบริหารลานจอดรถในนามบริษัท ปาร์คกิ้ง แมนเนจเม้นท์ จำกัด

ทั้งนี้บริษัท วีดับเบิ้ลยูไอเอ็นฯ ถือหุ้น 60% และบริษัท สแตนดาร์ดฯ ถือหุ้น 40 % แต่มีข้อตกลงให้ นายธรรค์ มีอำนาจจัดการการเงินและบัญชีทั้งหมด ขณะที่หุ้นส่วนอื่นมีหน้าที่คุมการดำเนินการลานจอดรถเท่านั้น โดยในเดือนแรก นายธรรค์ ยอมให้บริษัท สแตนดาร์ดฯ และบริษัท วีดับเบิ้ลยูไอเอ็นฯ เข้ามาดำเนินการจัดการบริหารพื้นที่ลานจอดรถก่อน กระทั่งเมื่อวันที่ 23 เมษายน 2553 พบว่า มีการปลอมแปลงรายงานการประชุม มีการปลอมลายเซ็นนายธรรค์ โดยเปลี่ยนชื่อกรรมการผู้มีอำนาจในบริษัท สแตนดาร์ดฯ จากนายธรรค์ มาเป็นนายธนกฤตเพื่อยึดกิจการของนายธรรค์ทั้งหมด

ในที่สุด นายธรรค์ จึงเข้าแจ้งความที่ สน.บางพลัด ให้ดำเนินคดีนายธนกฤต ในข้อหาปลอมแปลงเอกสาร แล้วจัดเจ้าหน้าที่และพนักงานเข้าดำเนินการจัดการบริหารพื้นที่ลานจอดรถแทน แต่ต่อมาวันที่ 30 เมษายน 2553 นายจุมพล เข้าแจ้งความที่สภ.ราชาเทวะ ให้ดำเนินคดีกับ นายธรรค์ กับพวกในข้อหาบุกรุก ฐานเข้าบริหารจัดการลานจอดรถ แต่เมื่อตรวจสอบเอกสารหลักฐานแล้ว พบว่า นายธรรค์ มีอำนาจในการบริหารจัดการจริง จึงได้ถอนหมายจับและสั่งไม่ฟ้องคดี

ขณะเดียวกัน นายธรรค์ได้ตรวจสอบพบว่า นายธนกฤต กับนายจุมพล มีการแอบโอนหุ้นของปาร์คกิ้ง แมนเนจเม้นท์ ทั้งหมดให้กับบริษัทแห่งหนึ่งเมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม2553

กระทั่งวันที่ 3 มิถุนายน2553 นายธนกฤต ได้มอบอำนาจให้ทนายความนำตำรวจกองปราบปรามกว่า 36 นาย เข้าบริษัท ปาร์คกิ้ง แมนเนจเม้นท์ฯ อีกครั้งเพื่อขอมีส่วนร่วมในการบริหาร ส่วนการยื่นฟ้องของนายธนกฤต ก็ยังดำเนินการต่อสู้ต่อไป และอยู่ในขั้นยื่นขออุทธรณ์ และบริษัทปาร์คกิ้งฯก็มีความมั่นใจ เพราะมีหลักฐานที่ยืนยันได้ว่านายธนกฤต ได้ปลอมแปลงเอกสารจริง

ด้านนายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานกรรมาธิการ (กมธ.) การเงิน การคลัง การธนาคารและสถาบันการเงิน สภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) เปิดเผยว่า ใน วันที่ 15 กันยายนนี้ กมธ.การเงิน ฯจะเชิญ นาย โสภณ ซารัมย์ รมว.กระทรวงคมนาคม นายเสรีรัตน์ ประสุตานนท์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ทอท. และผู้บริหารสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) กระทรวงการคลัง มาชี้แจงกรณี ทอท.ให้เอกชนบริหารลานจอดรถ ว่าเพราะเหตุใด ทอท. จึงยกให้เอกชนเข้ามาบริหารลานจอดรถทั้งที่ ลานจอดรถของ ทอท.แน่นทุกแห่งและมีกำไรอยู่แล้ว น่าจะบริหารจัดการเองได้

“ในเบื้องต้นขอฟังการชี้แจงของ ทอท. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก่อน ส่วนจะต้องประชุมกี่นัดอยู่ที่ว่า ทอท.ชี้แจงละเอียดหรือไม่ โดยเฉพาะประเด็นรายละเอียดของสัญญาสัมปทาน และรายได้ทั้งหมด ที่ทอท.ได้รับ รวมทั้ง เมื่อการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรี ที่นายสุรพงษ์ ได้อภิปรายเรื่อง การใช้พื้นที่ ดิวตี้ฟรี ของบริษัทคิงเพาเวอร์ฯ เกินกำหนด แม้ว่า ทอท. จะเรียกปรับแต่ปรับไม่เต็มที่  เมื่อทาง กมธ. การเงิน ฯเชิญผู้เกี่ยวข้องมาชี้แจงก็ชี้แจงไม่ตรงคำถามตลอดจนมีการปกป้องกันเอง

comment;

เห็นรึยังครับว่า คนกลุ่มนี้ ช่วยกันเพียงใดยามที่ต้องปกปิดความผิด..ที่ทำร่วมกันมา..?

ฉนั้นผมจึงต้องขอรบกวนคุณพี่เกษม แห่งสหภาพทอท.อีกแล้วครับ ที่จะให้สหภาพทอท.ช่วยยื่นเอกสารไปตามหน่วยงานทุกส่วนของรัฐ  ให้เข้ามาตรวจสอบผู้บริหารทอท.กลุ่มที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ทั้งหมด

รวมถึงผู้บริหารทอท.คนที่”จัด”ชายชุดดำเข้ามาร่วมด้วย เพราะถือเป้นการกระทำผิดวินัยและผิดต่อหน้าที่ เพราะเป็นถึงผู้บริหารระดับ 11 แล้วมีประสบการณ์ดูแลงานในสาย operation มาตลอดย่อมต้องรู้ว่าอะไรถูกต้องหรือไม่ อย่างไร..? แล้วเหตุใดเข้าร่วมกระทำการเสียเอง…หรือเพราะญาติพี่น้องมีส่วนได้เสียในผลประโยชน์ค่าจอดรถด้วย..!

เรื่องนี้รุ้กันทั่วตั้งแต่วันที่เกิดเหตุแล้ว เท่ากับผู้บริหารคนนี้ ยอมทำทุกอย่างเพื่อให้ตนเอง”ก้าวหน้า”? จึงกล้าท้าทายอำนาจรัฐทั้งที่อยู่ในช่วงการใช้พรบ.ฉุกเฉิน..? (ถือว่าผิดกฎหมายด้วยครับ) ที่สำคัญ บอร์ดทอท.และ กอญ. ให้ความร่วมมือ และเพิกเฉยกับเรื่องที่เกิดขึ้น จนกระทั่งมีข่าวออกมาให้อับอายก่อนจึงออกมาแก้ไข แก้ตัว?

สหภาพทอท.ต้องยื่นถอดถอนบอร์ดทอท.และผุ้บริหารทอท.ที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้ทุกคน หรือให้ศาลปกครองหรือหน่วยงานรํฐที่มีอำนาจเกี่ยวข้อง  ให้ช่วยมีคำสั่งให้ยุติบทบาทผู้บริหารที่เพิกเฉยต่อการบุกเข้ามาของชายชุดดำในสนามบินถึง 7 วัน7 คืน และ เพิกเฉยต่อการบอกยกเลิกสัญญาของผู้ประกอบการทั้งที่ควรกระทำตั้งแต่ที่ ไม่มีการชำระค่าเช่าให้ทอท.แล้วยังไม่รวมถึงการที่ขยันสร้างปัญหา ให้ทอทงถูกฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายได้ทุกเรื่องที่ผู้บริหารทอทงกลุ่มนี้เข้าไปเกี่ยวข้อง…

เพราะล่าสุดทั้งสองฝ่ายของปาร์คกิ้งแมเนจเม้นท์จะฟ้องร้องทอท.เรียกค่าเสียหายในกรณีนี้อีกแล้วครับท่าน…เรื่องเลวๆอย่างนี้จะไม่เกิดขึ้น ถ้าทอท.ไม่มีผู้บริหารเลวๆทีี่เห็นแก่ตัวและเป็นขี้ข้านักการเมืองอย่างนี้…

สุดท้ายต้องเรียกร้องให้แสดงความรับผิดชอบด้วยการยุติบทบาทและหยุดปฎิบัติงาน เพราะที่ผ่านมาทอท.อยู่ในมือผู้บริหารทีมนี้แต่ไม่มีอะไรดีขึ้นเลย นอกจากเสียผลประโยชน์ และเสื่อมเสียชื่อเสียงมาตลอดอีกด้วยครับ ควรให้ไปพักผ่อนเพื่อเตรียมรับมือกับคดีความต่างๆที่ทำไว้ให้ทอทงสูญเสียจะดีกว่านะครับ

สหภาพทอท.ต้องทำหนังสือขออย่าให้มีการฟ้องร้องทอท.เรียกค่าเสียหายจากผู้ประกอบ ในกรณีนี้ เพราะทอท.ไม่รู้เรื่องด้วย

เพราะกลุ่มคนที่ทำให้ทอท.เกิดความเสียหายมาตลอด ตั้งแต่ก่อนเปิดสุวรรณภูมิก้คือผู้บริหารทอท.กลุ่มนี้ทุกคนครับ…!! และนี่คือเหตุผลหลักที่ต้องให้มีการยุติบทบาทของผู้บริหารทอท.กลุ่มนี้ทั้งหมด ก่อนที่ทอท.จะบรรลัยวายวอดไปเพราะผู้บริหารเฮงซวยกลุ่มนี้…มากกว่านี้นะครับ..

แต่อย่าไปยื่นที่กท.คมนาคมนะครับ เพราะพวกเดียวกันอย่างที่รู้ๆว่า  คงหาเหตุช่วยกันอีก หรือไม่ก็อ้างรองนายกสุเทพฯ และคุณเนวินเช่นเดิม ..รึจะจริง??

ส่วนกรณีที่มีกระแสข่าว ว่ามีคนของพรรคการเมืองร่วมรัฐบาลพรรคหนึ่งเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ทาง กมธ. การเงิน ฯ จะพิจารณาอีกครั้งว่าจะเสนอเข้าสู่ที่ป
ระชุมอีกหรือไม่”

ขอบคุณข้อมูลจาก


__________________
โพสท์ใน categorized | ใส่ความเห็น

EP.750…ล้างมาเฟียสุวรรณภูมิ..


จะล้างมาเฟียในทอท. ..แปลความหมายได้ว่า…คณะบอร์ดและผู้บริหารทอท.ชุดที่เกี่ยวข้องกับกรณีนี้…ต้องลาออกทั้งหมด ครับ…รวมถึงผู้บริหารทอท.”ตัวการ”ที่จัดการส่งคนเข้ามาร่วม”บุก” ในทอท.ด้วยนั่นแหละครับ..ต้องเรียกมาซักว่า “ใคร” สั่งการให้ทำลายทอท….? อย่าหลบ..รู้นะว่า “ใคร”!

ทอท.ล้างมาเฟียสุวรรณภูมิ

ล้มสัมปทานที่จอดรถ ขีดเส้น11ตค.พ้นพื้นที่
เอกชนแฉโกงกันสะบัด ปูดเด็กนักการเมืองเอี่ยว

บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด(มหาชน)หรือทอท. ตัดสินใจยกเลิกสัญญาที่ให้บริษัทปาร์คกิ้ง แมนเนจเม้นท์ จำกัด ได้สิทธิประกอบกิจการบริหารจัดการอาคารจอดรถและลานจอดรถของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิแล้ว หลังตรวจสอบพบทำผิดสัญญาหลายอย่าง และเกิดเรื่องอื้อฉาวผู้บริหารของบริษัทขัดแย้งกัน จนถึงขั้นมีการยกกองกำลังชายฉกรรจ์ชุดพรางจาก 2 ฝ่าย ไปปิดล้อมพื้นที่อาคารจอดรถ หวิดปะทะกันช่วงกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา สร้างความแตกตื่นให้ผู้มาใช้บริการสนามบินมาก

นายปิยะพันธ์ จัมปาสุต ประธานคณะกรรมการ ทอท.เปิดเผยว่า ทอท.จะส่งหนังสือแจ้งยกเลิกสัญญาไปยังบริษัท ปาร์คกิ้ง แมนเนจเม้นท์ ภายในวันที่ 6 ตุลาคม ให้มีผลบังคับ 11 ตุลาคม หลังจากฝ่ายบริหารทอท.ตรวจสอบการดำเนินงานพบว่า บริษัทแห่งนี้ทำผิดสัญญาถึง 4 เรื่องหลัก คือ1.ผิดนัดในการจัดส่งรายได้ให้ทอท. 2.ไม่รายงานยอดรายได้ ทั้งที่ตามสัญญาต้องรายงาน ทอท.ทุกวัน 3.ติดตั้งอุปกรณ์ต่างๆของระบบการบริหารจัดการลานจอดรถไปเพียงบางส่วน โดยไม่สามารถติดตั้งทั้งหมดเสร็จสิ้นภายใน90วันตามเงื่อนไขสัญญา และ4.ไม่สามารถวางหลักประกันการันตีจากธนาคารได้ตามเงื่อนไขสัญญา

“ทอท.ดูแล้วว่า การบริหารงานบริษัทนี้ไม่มีประสิทธิภาพ จึงเห็นสมควรยกเลิกสัญญาทันที ซึ่งหากบริษัทยินยอมออกจากพื้นที่หลัง11ตุลาคม ทอท.ก็จะส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปบริหารงานที่จอดรถชั่วคราวก่อน แล้วค่อยเปิดประมูลหาผู้รับสัมปทานรายใหม่ให้เสร็จภายใน 3 เดือน แต่หากเขาไม่ยอมอกจากพื้นที่ ทอท.ก็ต้องฟ้องร้องตามกฎหมาย” นายปิยะพันธ์กล่าว

ก่อนหน้าที่ทอท.จะแถลงยกเลิกสัญญาดังกล่าว ปรากฎมีนักธุรกิจ 2 คนคือ นายธรรศ พจนประพันธ์กับนายสุภชัย สถิตวิมล ได้ออกแถลงการณ์ในนามผู้เสียหายจากกรณีการร่วมกันทุจริตอาคารจอดรถสนามบินสุวรรณภูมิ เปิดโปงการถูกหลอกลวงให้เข้ามาลงทุนในบริษัทปาร์คกิ้ง แมนเนจเม้นท์ นี้ จนสูญเงินไปหลายสิบล้าน ทั้งกล่าวหาด้วยว่า มีนักการเมืองอยู่เบื้องหลัง

แถลงการณ์ระบุว่า ตั้งแต่เปิดใช้สนามบินสุวรรณภูมิปี 2549 ก็มีปัญหาทุจริตคอร์รัปชั่นมาตลอด ปัจจุบันนักการเมืองก็ยังคงฉกฉวยหาผลประโยชน์ ซึ่งในโครงการที่ให้บริษัทเอกชนเข้ามาบริหารจัดการเก็บค่าจอดรถในลานและอาคารจอดรถสนามบินนั้น นักการเมืองใช้ลูกมือคนหนึ่ง ตั้งบริษัทปาร์คกิ้ง แมนเนจเม้นท์ ขึ้นทำสัญญากับทอท. แต่ลูกมือของนักการเมืองรายนี้ไม่สามารถหาแบงก์การันตีมาค้ำประกันได้และไม่มีเงินลงทุนด้วย จึงนำโครงการไปเร่ขาย หลอกคนเข้ามาลงทุน ทั้งขายโครงการซ้ำซ้อนให้นักธุรกิจทั้ง 2 คนคือ นายธรรศและ นายสุภชัย โดยทั้งคู่ก็ไม่รู้จักกัน ต่างหลวมตัวหลงซื้อหุ้น เพราะถูกหลอกจะให้เป็นกรรมการและผู้บริหารบริษัทดังกล่าว

นายธรรศอ้างได้เสียเงินซื้อหุ้นไป 17 ล้านบาทและได้ถูกยืมเงินไปอีก 20 ล้าน โดยมีสัญญาว่า จะได้เป็นกรรมการตัวยืน เพื่อให้มีอำนาจในบริษัท แต่กลับไม่เป็นเช่นนั้น ทั้งยังโดนปลอมลายมือชื่อทำผิดกฎหมาย ซึ่งเรื่องนี้มีผลพิสูจน์ลายมือชื่อของกองพิสูจน์หลักฐาน สำนักงานตำรวจแห่งชาติปรากฎออกมาเมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม 2553 อีกทั้งลูกมือนักการเมืองคนดังกล่าวได้เข้าไปเก็บเงินค่าจอดรถ โดยไม่ส่งเงินเข้าบริษัทหรือนำส่งให้ทอท.แต่ประการใด เมื่อนายธรรศได้ทราบความจริง จึงแจ้งความกับตำรวจ ก็ถูกตอบโต้ฟ้องดำเนินคดีกลับ ถูกนักการเมืองรวมหัวกับตำรวจออกหมายจับ

ส่วนนายสุภชัยอ้างถูกลูกมือนักการเมืองมาเร่ขายโครงการซ้ำอีกราย โดยทำข้อตกลงว่ากลุ่มของนายสุภชัยจะลงทุนเพิ่มทุนในบริษัท ปาร์คกิ้ง เมเนจเม้นท์ อีก 240 ล้านบาท และได้เสียเงินไปแล้ว 90 ล้านบาท สำหรับเป็นหนังสือค้ำประกันโครงการในวงเงิน 120 ล้านบาท แต่ที่สุดก็ไม่ได้เข้ามาเป็นเจ้าของกิจการแต่ประการใด

ต่อมามีกลุ่มชายฉกรรจ์จากผู้ที่อ้างว่าเป็นเสธ.ต่างๆ เข้ายึดสำนักงานและจุดเก็บเงิน รวมถึงห้องควบคุมคอมพิวเตอร์ ทั้งๆที่กลุ่มบุคคลเหล่านี้ไม่ใช่คู่สัญญาใดๆ กับ ทอท.

จนกระทั่งนายธรรศกับนายสุภชัยมีโอกาสพบกัน จึงรู้ความจริงว่า ต่างฝ่ายต่างถูกหลอก และในขณะนี้ ก็ไม่รู้ว่า เสธ.คนใดเป็นคนเก็บเงินที่จอดรถกันแน่ ทั้งๆที่ไม่ได้เป็นคู่สัญญากับ ทอท. ทำให้ ทอท.ขาดประโยชน์ จึงไปบังคับเอาจากหนังสือค้ำประกันซึ่งทั้งนายธรรศและกลุ่มต้องเป็นคนจ่ายและเสียหายจากการถูกทยอยหักจากหนังสือค้ำประกันโครงการอย่างต่อเนื่อง

แถลงการทั้งคู่ยังเรียกร้องให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เข้ามาแก้ไขปัญหานี้โดยด่วน เพื่อยุติการกระทำของนักการเมืองและข้าราชการทหารที่ทำตัวเป็นอันธพาล ที่สมรู้ร่วมคิดในการหลอกลวงผู้อื่น และทำให้ ทอท. เสียหายโดยทันที

ทั้งนี้ในช่วงที่ทอท.ได้เปิดแถลงข่าวถึงการยกเลิกสัญญากับบริษัท ปาร์คกิ้ง แมนเนจเม้นท์นี้ นายธรรศก็มาขอเข้าร่วมรับฟังด้วย เพื่อที่จะร้องขอความเป็นธรรม แต่ทางทอท.ก็ไม่ยอมให้เข้าร่วม

ขณะที่นายปิยะพันธ์ จัมปาสุต ประธานบอร์ดทอท.ถูกซักเรื่องปัญหาการทุจริตโกงกันในบริษัท ปาร์คกิ้ง แมนเนจเม้นท์ ก็ตอบเพียงว่า ทอท.จะไม่เข้าไปพิจารณาเรื่องนี้ เพราะเป็นเรื่องภายในของบริษัทฯที่มีการขัดแย้งกันเอง

วันที่ 5/10/2010

โพสท์ใน categorized | ใส่ความเห็น

EP.749…”แก่”..กะโหลกกะลา…ในทอท.?


เลิกสัมปทาน”จอดรถสุวรรณภูมิ” แฉหุ้นส่วน”ปาร์คกิ้งฯ” แตกคอส่งมาเฟียคุมเชิง ขายหน้าสนามบินนานาชาติ

ทอท.เลิกสัญญาบริษัทสัมปทานลานจอดรถสุวรรณภูมิ 6 ต.ค.นี้ แฉหุ้นส่วน”ปาร์คกิ้งฯ”ผิดเงื่อนไขอื้อ ผิดนัดส่งรายได้ 2 กก.บริษัทปาร์คกิ้งฯแฉถูกนักการเมืองพรรคร่วม รบ.หลอกให้ลงทุน
ผู้บริหารบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. ให้ยกเลิกสัญญาบริษัทปาร์คกิ้ง แมเนจเมนท์ จำกัด ผู้รับสัมปทานพื้นที่ลานจอดรถภายในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ หลังร่วมหารือกับนายปิยะพันธ์ จัมปาสุต ประธานคณะกรรมการ (บอร์ด) บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) เมื่อวันที่ 4 ตุลาคม
โดยนายปิยะพันธ์กล่าวว่า จากการหารือร่วมกับผู้บริหาร ทอท. ทาง ทอท.จะทำหนังสือเพื่อแจ้งยกเลิกสัญญาและสัญญาทวงหนี้ค้างชำระจากบริษัทปาร์คกิ้งฯ ผู้รับสัมปทานพื้นที่ลานจอดรถภายในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ภายในวันพุธที่ 6 ตุลาคม หลังจากนั้นในวันที่ 11 ตุลาคม ทอท.จะเข้าไปดูแลพื้นที่ที่คืนและในช่วงแรก ทอท.จะเป็นผู้เข้าไปบริหารการจัดเก็บค่าจอดรถเป็นการชั่วคราว ก่อนที่จะเร่งดำเนินการประกวดราคาคัดเลือกเอกชนรายใหม่เข้ามาบริหารจัดการภายใน 90 วัน
นายปิยะพันธ์กล่าวว่า ได้ให้นโยบายกับฝ่ายบริหารของ ทอท.เกี่ยวกับแนวทางยกเลิกสัญญากับบริษัทปาร์กกิ้งฯเพราะทำผิดสัญญาหลายประการ คือ ผิดนัดการนำส่งรายได้ให้ ทอท. ไม่รายงานรายได้ให้กับ ทอท.ได้รับรู้ซึ่งจะต้องดำเนินการทุกวัน รวมทั้งปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นความขัดแย้งระหว่างผู้ถือหุ้นของบริษัททั้ง 2 กลุ่ม โดยส่งชายฉกรรจ์ชุดดำเข้ามายึดพื้นที่ภายในพื้นที่ลานจอดรถ ซึ่งสร้างความตื่นตกใจให้กับผู้ที่มาใช้บริการ ถือว่าเป็นการสร้างความเสียหายให้กับสนามบินสุวรรณภูมิซึ่งเป็นสนามบินนานาชาติ

comment;

เรื่องนี้ผู้บริหารทอท.จะโยนว่าเป็นความผิดของผู้ประกอบการอย่างเดียวให้รับผิดชอบไม่ได้นะครับ เพราะตั้งแต่วันแรกที่เกิดเรื่องขึ้นในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ผู้บริหารทอท.ก็ไม่ได้ออกมารับผิดชอบหรือแก้ไขปัญหาใดๆ จนกระทั่งมาเกิดเหตุซ้ำอีกตั้งแต่วันที่ 24/9/2553 ผู้บริหารทอทงก้ไม่มีใครออกมาแก้ปัญหา วึ่งเป็นสาเหตุให้ปัญหาบานปลายขึ้นเรื่อยๆ กลุ่มชายฉกรรจ์ส่วนหนึ่งก็ส่งมาโดยผู้บริหารทอท.เอง จึงสมควรแสดงความรับผิดชอบร่วมกับผู้ประกอบการที่ไม่รู้จักดูแลสถานที่ๆต้องบริหารจัดการ โดยหน้าที่ครับผม..


“ความจริงคิดเรื่องเลิกสัญญามาตั้งแต่ 2 อาทิตย์ก่อนหน้านี้ที่เข้าไปดูรายละเอียด พบว่ามีการกระทำผิดสัญญาหลายข้อ มีการแจ้งเตือนแล้ว ได้นัดให้มาคุยตกลงกันตั้งแต่วันที่ 29 กันยายนที่ผ่านมาก็ไม่มา ปัญหาเพราะหุ้นส่วนทะเลาะกันเอง แต่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิได้รับผลกระทบเสียหาย จึงต้องยกเลิกสัญญา และอาจจะถูกแบล๊คลิสต์ ตัดสิทธิในการเข้าร่วมประมูลรอบใหม่ด้วย” นายปิยะพันธ์กล่าว และว่าประเด็นหลักของการยกเลิกสัญญา คือ บริษัทไม่ปฏิบัติตามสัญญาในการติดตั้งเครื่องจัดเก็บค่าจอดรถอัตโนมัติ จะต้องติดตั้งแล้วเสร็จภายในวันที่ 30 มิถุนายนที่ผ่านมา เพื่อช่วยในการเช็คยอดจำนวนรถที่ผ่านเข้าออกได้อย่างชัดเจน แต่เบื้องต้นเป็นการกำหนดอัตราขั้นต่ำไว้เท่านั้น ทำให้ ทอท.เสียผลประโยชน์ และตั้งแต่สัญญามีผลบังคับตั้งแต่วันที่ 21 เมษายนที่ผ่านมา บริษัทจ่ายผลประโยชน์ตอบแทนให้กับ ทอท.งวดแรกของเดือนเมษายนเพียงงวดเดียว หลังจากนั้นใช้วิธีหักจากเงินค้ำประกัน และบริษัทไม่ได้นำเงินค้ำประกันมาวางเพิ่มอีก
นายปิยะพันธ์กล่าวว่า ขั้นตอนจากนี้ ทอท.จะทำหนังสือแจ้งบอกเลิกสัญญาฝ่ายเดียว  ในขณะเดียวกันจะมีหนังสือทวงหนี้จากการจัดเก็บค่าจอดรถในช่วงที่ผ่านมา เป็นการส่งหนังสือแจ้งเตือนแบบลงทะเบียนเพื่อให้มีหลักฐานและหลีกเลี่ยงข้ออ้างจากไม่ได้รับเอกสาร จะให้เวลาอีกประมาณ 3 วัน เพื่อให้ขนย้ายบุคลากรออกจากพื้นที่ จากนั้นภายในวันที่ 11 ตุลาคม ทอท.จะดำเนินการเข้ายึดพื้นที่คืน และให้ทาง ทอท.จัดเจ้าหน้าที่เข้าไปรับผิดชอบในการบริการจัดเก็บค่าจอดรถเป็นการชั่วคราว ก่อนที่จะดำเนินการคัดเลือกเอกชนเข้ามาให้เร็วที่สุดภายใน 60 วัน ไม่เกิน 90 วัน
นายปิยะพันธ์กล่าวว่า ขณะนี้ได้สั่งให้ฝ่ายบริหาร ทอท.ทบทวนร่างทีโออาร์เดิม ให้พิจารณาเรื่องการกำหนดคุณสมบัติของผู้เข้าร่วมประมูล การกำหนดกรอบวงเงินและประสบการณ์ที่ผ่านมา เพื่อต้องการคัดเลือกเอกชนที่มีความพร้อมจะเข้ามาดำเนินการ  รวมทั้งจะต้องปรับเรื่องการกำหนดเงื่อนไขในการบอกยกเลิกสัญญา เช่น การวางเงินค้ำประกัน หลังถูกหักไปแล้วภายในกี่วันต้องนำเงินการันตีก้อนใหม่มาวาง หรือการไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขกำหนดที่จะใช้เป็นเหตุในการบอกเลิกสัญญาได้ทันที โดยใช้จากกรณีศึกษาในครั้งนี้เพื่อให้สัญญามีความรัดกุมมากขึ้น

comment;

แปลกดีนะครับ เกิดต่อมรักชาติรักองค์กร”แตก” ขึ้นมารึครับท่านประธาน? แหม.งรักชาติจริง แล้วโกงกินมุบมิบเผด็จการเพื่อ นักการเมืองแล้วมา”อ้าง”ท่านรองนายกฯทำไมครับท่าน? แล้วที่ขี้ขาในทอท.ของท่านประธานอย่างนายนิรันดร์ และกลุ่มก๊วน ทั้งหางแดงอย่างนายเสรีรัตน์ ที่ผลงานไม่มี คดีติดตัวจนไม่รู้ว่าลำพัง”บารมี”ของท่านประธานที่”กล้า” ฝ่าพรบ.ฉุกเฉินด้วยการวางแผนนำคนเข้ามาบุกเสียเองแล้วพากัน”หลบ” เพื่อให้มีการประมูลใหม่ เพื่อตอบสนองให้นักการเมืองคนดังได้ส่งคนเข้ามาเป็นนอมินีทำต่อไปเนี่ย…ร๊ากชาติเหลือเกิ๊น…!


ส่วนกรณีที่ทั้ง 2 ฝ่ายต่างมีกลุ่มผู้มีอิทธิพลคนมีสีหนุนหลังอยู่นั้น นายปิยะพันธ์กล่าวว่า ไม่ทราบว่าเป็นใคร ไม่ได้สนใจ เพราะถือว่าสิ่งที่ได้ทำไปนั้นเป็นสิ่งที่ถูกต้องเพื่อรักษาผลประโยชน์ของประเทศชาติและสนามบินสุวรรณภูมิ ซึ่งถูกมองเป็นกลุ่มผู้มีอิทธิพลเข้ามาหาผลประโยชน์ทั้งไก๊ด์ผีและแท็กซี่เถื่อน ซึ่งหลายคนบอกว่าเป็นปัญหาที่แก้ได้ยาก หรือมาเตือนว่าอย่าเข้าไปยุ่งเกี่ยว ที่ผ่านมาเข้าไปจัดการและพิสูจน์ให้เห็นแล้ว

comment;

แน่ใจหรือครับว่าไม่รู้จัก เข้าใจปัดนะครับ แล้วที่ผู้บริหารทอท.สุมหัวกันเพื่อให้ต้องเป้นเจ้านี้เท่านั้นที่เข้ามาละครับ ไม่พูดถึงหรือครับ เงินที่ผู้ประกอบการสั่งจ่ายเป็นเช็กมูลค่า 10 ล้านที่มีโน๊ตเขียนเล้กๆไว้ว่า “จ่ายผู้บริหารทอท.” จนออกสื่อฉาวโฉ่..ไม่ทราบเขา”จ่าย” ผูบริหารทอท.ชฃสังกัดท่านประธานรึเปล่าครับ? แล้วความเสียหายที่เกิดขึ้นในสนามบินเพราะผู้บริหารอย่างนายเสรีรัตน์ “ห่วยแตกเป้นลูกแหง”…ท่านประธานปล่อย “ลอยนวล” ไว้มาดกงกินต่อไปในสัมปทานอื่นๆหรือครับ คิดว่าเขาไม่รู้กันหรือครับท่าน… ไม่อายแล้วยังไม่ฉลาด ออกมาสร้างภาพอีก..ช่างไม่รู้ตัวเลยว่า..เขารู้ทันทั้งนั้น..ว่าชื่อนี้นามสกุลนี้เป็นคนอย่างไร เป็นคนของใคร..? เออ..แก่กะโหลกกะลา..เป็นอย่างนี้เองเน๊อะ!

วันเดียวกันนี้ นายทรรศ พจนประพันธ์ และนายสุภชัย สถิตวิมล กรรมการบริษัทปาร์คกิ้งฯออกแถลงการณ์ในนามของผู้เสียหาย กรณีที่ร่วมกันทุจริตอาคารที่จอดรถสนามบินสุวรรณภูมิ โดยระบุว่ามีนักการเมืองพรรคร่วมรัฐบาล ใช้ลูกมือคนหนึ่งเข้ามาตั้งบริษัทเพื่อทำหน้าที่เก็บค่าจอดรถที่สนามบินสุวรรณภูมิ แต่ไม่มีเงินลงทุน และไม่มีความสามารถในการทำหนังสือค้ำประกันเพื่อลงนามในสัญญา จึงนำโครงการไปเร่ขายนายทุนและหลอกให้เข้ามาลงทุน

ทั้งนี้ ในเอกสารระบุว่า ทั้งนายทรรศและนายสุภชัยไม่ได้รู้จักกันมาก่อน แต่ถูกหลอกให้เข้าไปซื้อหุ้นเพราะมีการสัญญาว่าจะให้เข้าไปเป็นกรรมการบริษัท และบริหารโครงการ ทำให้นายทรรศเสียเงินไปแล้ว 17 ล้านบาท และถูกยืมอีก 20 ล้าน พร้อมกับเงื่อนไขให้นายทรรศเป็นกรรมการที่มีอำนาจลงนาม แต่ไม่เป็นไปตามที่ตกลง เพราะพบว่ามีการปลอมลายเซ็นของนายทรรศ และเปลี่ยนแปลงสัดส่วนผู้ถือหุ้น รวมทั้งกรรมการผู้มีอำนาจ ซึ่งนายทรรศได้แจ้งความกับตำรวจ เพราะถือว่าเป็นการทำผิดกฎหมาย แต่มีนักการเมืองบางคนเข้ามาเรียกร้องค่าวิ่งงานและยุติปัญหาทั้งหมดจากนายทรรศจำนวน 100 ล้านบาท แต่นายทรรศไม่ยินยอม จึงถูกลูกน้องนักการเมืองคนดังกล่าวฟ้องร้องดำเนินคดี และถูกออกหมายจับ

ส่วนนายสุภชัย ซึ่งถูกเร่ขายโครงการได้ไปทำข้อตกลงว่าจะยอมเพิ่มทุนในบริษัทปาร์คกิ้งฯอีก 240 ล้านบาท และเสียเงินไปแล้ว 90 ล้านบาท แต่กลับไม่ได้เข้ามาเป็นเจ้าของกิจการ กระทั่งในเวลาต่อมาได้มีกลุ่มชายฉกรรจ์ได้เข้ายึดสำนักงานและจุดเก็บเงินรวมถึงห้องควบคุมคอมพิวเตอร์
หลังจากที่นายทรรศและนายสุภชัยได้พบกัน จึงรู้ว่าต่างถูกหลอกให้มาลงทุนในโครงการเดียวกัน และที่ผ่านมาการจัดเก็บเงินไม่ได้มาถึงมือของผู้ลงทุนทั้ง 2 และไม่มีการนำส่ง ทอท. ทำให้ ทอท.ไม่ได้รับผลประโยชน์เพราะมีนักการเมืองและเจ้าหน้าที่ของรัฐสมรู้ร่วมคิดในการปล่อยให้ใช้กองกำลังเข้ามาคุกคาม จึงขอเรียกร้องไปยังนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีให้เข้ามาดำเนินการแก้ไขปัญหานี้โดยเร่งด่วน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงก่อนแถลงข่าวมีสตรีนางหนึ่งอ้างว่าเป็นมารดาของนายทรรศ ระบุว่าถ้า ทอท.ยกเลิกสัญญาก็ต้องมีการดำเนินคดีฟ้องร้อง ทอท. เพราะขณะนี้ถือว่าครอบครัวของตนซึ่งเป็นเจ้าของบริษัทปาร์คกิ้งฯได้รับความเสียหาย

นายโสภณ ซารัมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า ที่มีการระบุว่ามีคนในพรรคภูมิใจไทยเข้าไปเกี่ยวข้องในปัญหาของบริษัทปาร์คกิ้งฯนั้น ไม่รู้ในรายละเอียด ซึ่งหากใครมีหลักฐานให้ดำเนินการฟ้องร้องกันไป แต่ตนในฐานะกำกับดูแล ทอท. ยอมไม่ได้ที่ปล่อยให้มีกลุ่มบุคคลเข้ามาปิดอาคารที่จอดรถ จนทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของสนามบินสุวรรณภูมิ

โพสท์ใน categorized | ใส่ความเห็น

EP.748..อย่าลืม..แซะให้เจอว่าผู้บริหารทอท.อยู่เบื้องหลังกี่คน?


ASTV ผู้จัดการรายวัน-“ทอท.”ยกเลิกสัมปทานลานจอดรถสุวรรณภูมิฉาว ยันตรวจสอบบริษัททำผิดสัญญา มีผล 11 ต.ค.53 ด้านเอกชนลั่นฟ้องกลับทอท.ยกเลิกสัญญาไม่เป็นธรรม เปิดโปงเหลือบในคราบนักการเมือง นำโครงการเร่ขาย หลอกเอกชนลงทุน 2 รายซ้ำซ้อนในบริษัทเดียวกัน แถมรีดเงิน 100 ล้านแลกกับให้เรื่องยุติ จี้”มาร์ค” เร่งแก้ปัญหาด่วน

นายปิยะพันธ์ จัมปาสุต ประธานคณะกรรมการบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือทอท. เปิดเผยว่า หลังจากได้ให้ผู้บริหารทอท.ตรวจสอบและแก้ปัญหากรณีที่บริษัท ปาร์คกิ้ง แมนเนจเม้นท์ จำกัด ผู้รับสัมปทานบริหารอาคารจอดรถ และลานจอดรถท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ มีปัญหาในการให้บริการและมีกลุ่มชายชุดดำเข้าไปในพื้นที่ ซึ่งทำให้ผู้ใช้บริการได้รับความเดือดร้อนนั้น ฝ่ายบริหารได้รายงานว่า บริษัทปาร์คกิ้งฯ ได้ทำผิดเงื่อนไขในสัญญาหลายข้อจึงให้ยกเลิกสัญญา โดยจะมีผลตั้งแต่วันที่ 11 ต.ค. 2553 เป็นต้นไป โดยบริษัทได้ทำผิดสัญญา 4 ข้อ 1. ผิดนำส่งรายได้ให้ทอท. 2. ไม่รายงานยอดรายได้ ทุกวัน ตามสัญญา 3. ไม่สามารถติดตั้งอุปกรณ์ต่างๆ ซึ่งเป็นระบบในการบริหารจัดการลานจอดรถให้แล้วเสร็จหลังลงนามสัญญา 90 วันได้ 4. เงินค้ำประกันไม่ครบตามสัญญา หลังจากที่ทอท.หักเงินค้ำประกันแทนค่าตอบแทนรายเดือนตามสัญญาที่บริษัทไม่ได้นำส่ง

นายปิยะพันธ์กล่าวยืนยันว่า การยกเลิกสัญญาครั้งนี้ ทอท.ได้ตรวจสอบข้อกฎหมายอย่างรอบคอบแล้วว่า สามารถดำเนินการได้ เนื่องจากก่อนหน้านี้ได้มีการแจ้งเตือนบริษัทเป็นลายลักษณ์อักษรตามสัญญาแล้ว แต่บริษัทไม่ได้ดำเนินการใดๆ และไม่มีการชี้แจงต่อทอท. และยังเกิดเหตุการณ์ชายชุดดำเข้ามาในพื้นที่เมื่อวันที่ 1 ต.ค.2553 ซึ่งกระทบต่อภาพลักษณ์ของสนามบินนานาชาติและทำให้ผู้ใช้บริการเกิดความรู้สึกไม่ปลอดภัย เป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นว่า บริษัท ปาร์คกิ้งฯ ไม่สามารถบริหารลานจอดรถได้ตามสัญญา

***เอกชนลั่นฟ้องทอท.ยกเลิกสัญญาไม่เป็นธรรม

รายงานข่าวแจ้งว่า ทอท.ได้แจ้งการแถลงข่าวกรณียกเลิกสัญญาบริษัทปาร์คกิ้งแวลา 16.00 น. วานนี้ (4 ต.ค.) ปรากฏว่า ก่อนการแถลงข่าว มารดาของนายธรรศ พจนประพันธ์ ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นของบริษัทปาร์คกิ้งฝ่ายที่ร้องเรียนว่าถูกปลอมแปลงเอกสาร ได้ขอเข้าร่วมฟังการแถลงข่าวด้วย แต่ได้รับการปฏิเสธจากทอท. โดยมารดาของนายธรรศกล่าวว่า

เป็นผู้ได้รับความเสียหายและหากทอท.ยกเลิกสัญญา จะฟ้องร้องแน่นอน โดยขณะนี้อยู่ระหว่างปรึกษาทนาย เนื่องจากก่อนทอท.ลงนามสัญญากับบริษัทปาร์คกิ้ง ได้มีการทำหนังสือถึงนายเสรีรัตน์ ประสุตานนท์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ทอท. ให้ระงับการเซ็นสัญญาเพราะมีการปลอมแปลงเอกสาร

***แถลงการณ์แฉนักการเมืองเอี่ยวผลประโยชน์

อย่างไรก็ตาม วานนี้ (4 ต.ค.) นายธรรศ พจนประพันธ์ และ นายสุภชัย สถิตวิมล ได้ร่วมกันออกแถลงการณ์ ในนามผู้เสียหายจากกรณีการร่วมกันทุจริตอาคารจอดรถสนามบินสุวรรณภูมิ ระบุว่ามีนักการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ จากการเก็บค่าจอดรถในลานจอดรถท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยก่อนการร่วมทุนได้มีนักการเมืองนำโครงการไปเร่ขาย ในเงื่อนไขให้แบ่งผลประโยชน์ 75% และ 25% พร้อมกับตั้งคำถามว่าเหตุใดทอท.จึงไม่เก็บเอง

โดยนักการเมืองที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ไม่ต้องพูดก็ควรจะต้องรู้ว่าเป็นพรรคการเมืองใด ซึ่งโครงการรถเมล์เอ็นจีวี 4,000 คัน การแต่งตั้งปลัดกระทรวงมหาดไทยข้ามหัวข้าราชการคนอื่น ก็เป็นฝีมือของนักการเมืองพรรคนี้ทั้งสิ้น เป็นการเร่ขายโครงการให้กับเอกชนถึง 2 ราย ซ้ำซ้อนกัน จึงทำให้เกิดปัญหา โดย นายธรรศระบุว่า ใช้เงินเพื่อซื้อหุ้น 17 ล้านบาท และได้ถูกยืมเงินไปอีก 20 ล้านบาท โดยมีสัญญาว่าจะให้นายธรรศเป็นกรรมการตัวยืน ลงนามร่วมกับกรรมการคนอื่น เพื่อให้นายธรรศเป็นผู้มีอำนาจในบริษัท ปาร์คกิ้งฯ แต่ความจริงกลับไม่ได้เป็นเช่นนั้น โดยมีทั้งการปลอมลายชื่อนายธรรศ และการเปลี่ยนแปลงสัดส่วนผู้ถือหุ้นและกรรมการผู้มีอำนาจ ซึ่งผิดกฎหมายทั้งสิ้น ดังปรากฏจากผลการตรวจพิสูจน์ลายมือชื่อของกองพิสูจน์หลักฐาน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เมื่อวันที่ 6 ก.ค. 2553 อีกทั้งลูกมือดังกล่าวยังได้เข้ามาเก็บเงินค่าจอดรถโดยไม่นำเงินกลับคืนบริษัทหรือนำส่งให้กับ ทอท.แต่ประการใด

เมื่อทราบความจริง นายธรรศจึงได้ไปแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อที่จะเข้าไปแก้ไขปัญหา แต่กลับมีนักการเมืองบางคนได้เข้ามาเรียกร้องให้นายธรรศต้องจ่ายเงิน 100 ล้านบาท เพื่อเป็นค่าวิ่งงานเพื่อยุติปัญหาทั้งปวงและให้โครงการดังกล่าวเดินหน้าต่อไปได้

ซึ่งนายธรรศเห็นว่าเรื่องนี้เป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้องจึงไม่ยินยอมจ่ายเงินให้กับนักการเมืองคนดังกล่าว
ส่วนนายสุภชัย ผู้ถูกลูกมือนักการเมืองมาเร่ขายซ้ำอีกราย โดยได้ไปทำข้อตกลงว่ากลุ่มจะลงทุนเพิ่มทุนในบริษัท ปาร์คกิ้ง เมเนจเม้นท์ จำกัด อีก 240 ล้านบาท และในวงเงินดังกล่าวได้เสียเงินไป 90 ล้านบาท สำหรับเป็นหนังสือค้ำประกันในโครงการดังกล่าวในวงเงิน 120 ล้านบาท แต่ก็ไม่ได้เข้ามาเป็นเจ้าของกิจการในบริษัท ปาร์คกิ้ง แต่ประการใด

ส่วนกรณีชายฉกรรจ์เข้าไปในที่จอดรถ และยึดที่เก็บเงินนั้น ขณะนี้ไม่รู้ว่า เสธ.ใดเป็นคนเก็บเงิน ทำให้ ทอท.ย่อมขาดประโยชน์ และ ทอท. ได้หักเงินจากหนังสือค้ำประกัน ซึ่งกลุ่มนายธรรศเป็นผู้เสียหายจากการถูกทยอยหักจากหนังสือค้ำประกันโครงการอย่างต่อเนื่อง

กรณีดังกล่าวถือว่าเป็นบรรยากาศของบ้านป่าเมืองเถื่อน เพราะเจ้าหน้าที่รัฐและนักการเมืองได้สมรู้ร่วมคิดในการปล่อยให้มีการใช้กองกำลังติดอาวุธซึ่งจัดเข้ามาโดยลูกมือนักการเมือง เข้ามายึดสำนักงานและกิจการในการเก็บเงิน โดยที่ทำให้ ทอท. และเอกชนที่สุจริตได้รับความเสียหายดังที่เห็นอยู่ในปัจจุบัน และขอให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีแก้ไขปัญหานี้โดยเร่งด่วน โดยให้ยุติการกระทำเช่นนี้ของนักการเมือง ข้าราชการทหารที่ทำตัวเป็นอันธพาล ที่สมรู้ร่วมคิดในการหลอกลวงผู้อื่น และทำให้ ทอท.เสียหายโดยทันที

โพสท์ใน categorized | ใส่ความเห็น

EP.ึึ747… เขารู้ทันหมดแล้วครับท่านประธาน!


ถึง นายกอภิสิทธิ เวชชาชีวะ, wirush.gera@yahoo.com, paisal@dharmniti.co.th, pakjira_999@hotmail.com, คุณปานเทพ กล้าณรงค์ราญ, pissanu.19@hotmail.com, tra832@yahoo.com, สมัชชาประชาธิปไตย

ก่อนจะอ่านเรื่องนี้จากสื่อ…ผมก็อยากจะบอกความจริงให้รู้กันทั่วๆไว้เรื่องหนึ่งคือ กลุ่มคนที่บุกเข้ามาในสนามบินสุวรรณภูมิตั้งแต่วันที่ 24/9/2553 จนปะทะเดือดเมื่อวันที่ 1/10/2553 นั้นไม่ใช่คนของของสองเสธ.ที่ขัดแย้งกันเท่านั้น…นะครับ

แต่มีอีกกลุ่มที่เป้นคนของ ผู้บริหารทอท.ระดับ 11 เอง ที่ส่งเข้ามาผ่านเครือข่ายอิทธิพลที่ญาติทำมาหากินอยู่ เรื่องนี้รู้กันดีในหมู่พนักงานทอท.รวมถึงสหภาพบางคนด้วยครับ แต่ถูกสั่งให้ปิดปาก เพราะกลัวอิทธิพลมาเฟียที่ผู้บริหารคนนี้”อ้าง”อยู่เสมอๆ

ไม่เพียงเท่านั้น เรื่องทั้งหมดในวันนั้น ที่กลุ่มชุดดำเข้ามาได้ ตั้งแต่วันที่ 24/9/2010 และอาศัยผลัดเปลี่ยนเวียนคนเข้ามาตลอด โดยได้รับความสะดวกจากผู้บริหารทอท.และนายปิยะพันธ์เอง จึงไม่มีผุ้บริหารทอท.ออกมาไม่ทำอะไรเลยนั้น  เพราะนายปิยะพันธ์นั่นแหละที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ด้วย ลุกน้องคนสนิทของผู้บริหารคนนี้พุดขู่ให้พนักงน”ปิดปาก” และห้ามยุ่ง…

ใครกันแน่คือ”มาเฟีย”ในทอท. ใช่นายปิยะพันธ์ และกลุ่มผุ้บริหารทอท.ที่เกี่ยวข้องกับสัญญาสัมปทานนี้เองหรือเปล่าครับ? คำถามมากมายที่สื่อถามและเหตุการณ์ตั้งแตเริ่มดูจะเอื้อกันอย่างมาก เพราะอะไร เพราะนายปิยะพันธ์มีชื่อถูกฟ้องร้องในคดีนี้ ด้วย และลิ่วล้ออย่างนายเสรีรัตน์ และนายนิรันดร์ กับลูกน้องในทีมก็ถุกฟ้องเพราะเรื่องนี้ จึงมีการ”จัดการ”ต้องให้ผู้ประกอบการที่นั่งเก็บเงินอยู่ทุกๆวัน..ออกไปเสีย พร้อมกับผุ้บริหารทอท.กลุ่มนี้”รอด”จากคดีด้วย!

นั่นแปลว่า ผู้บริหารระดับ11 คนนี้ที่วันนั้นไม่โผล่หัวออกมาเลย กับนายปิยะพันธ์ และทีมงานฯนายนิรันดร์ นายเสรีรัตน์ ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ทุกคน “เจตนา จงใจ กระทำผิดกฎหมายในช่วงที่ใช้พรบ.ฉุกเแฉินในกทม. และกล้าหาญชาญชัยมากที่”อ้าง”ว่าท่านรองนายกสุเทพ และคุณเนวินสั่งให้ทำ..!! และไม่มีใครกล้าเอาผิดได้..

เมื่อประธานบอร์ดทอท.”ลงมือ” เสียเอง ผุ้บริหารทอท.ลงมือเอง เพียงเพื่อจะ”โยน” ให้เป็นความผิดของผู้ประกอบการว่าทะเลาะกันเอง  จะได้ใช้เป้นข้ออ้างช่วยให้ผุ้บริหารทอท.กลุ่มนี้รวมทั้งนายปิยะพันธ์ด้วยไม่มีความผิดที่ทุจริตในเรื่องสัมปทานมาตั้งแต่แรก?

ยังได้”ไล่”ผู้ประกอบการพร้อมยกเลิกสัญญา ทั้งที่สัญญานี้ “ผิด”มาทุกขั้นตอน ทั้งผุ้ประกอบการและผุ้บริหารทอท.ร่วมกันทำอยู่แล้ว…แต่เพื่อให้อีกฝ่ายได้เข้ามาประมูลใหม่นั่นเอง…

ผู้บริหารทอท.จึงพร้อมใจไม่ออกมาห้ามปรามหรือยับยั้งตั้งแต่แรก ทั้งที่กลุ่มชายฉกรรจ์อยู่ในสนามบินมาเป็นอาทิตย์แล้วครับ แต่กลับออกมาให้ข่าวว่ารู้แล้วแต่ใช้เวลาเตรียมตัวเตรียมเอกสารตรวจสอบอยู่ว่าจะยกเลิกสัญญาอย่างไร แล้วทำไมเจ้าหน้าที่ในสนามบินหรือผู้บริหารทอท.ในสนามบินไม่ทำอะไร หรือทั้งสุวรรณภูมิช่วยกันตรวจสอบสัญญาทุกคน?

การที่กลุ่มคนเข้ามาตั้งแต่ตีสี่..จนมีเหตุเสียงปืนแตกนับสิบนัด? ต้องรอให้ผ่านไปหลายวันจึงคิดหาคำอธิบายได้งั้นหรือครับ? และวันแรกที่กลุ่มคนเข้ามาจนรถราติดไปหมด ทำไมบอกว่าซ้อมแผนฉุกเฉินครับ ทั้งที่ผมก็เป็นพนักงานทอท.ยังไม่รุ้เรื่องเลย พี่ๆในสหภาพก็ไม่มีใครรู้เรื่องซ้อมแผนฉุกเฉิน…

เอาเป็นว่าคุณ”พ”เจ้าของสัมปทานที่นายปิยะพันธ์ต้องการให้ออกไป  ถ้าได้อ่านบล๊อกนี้กรุณารุ้ไว้ด้วยนะครับว่า ต้นเหตุที่เกิดเหตุร้ายในสนามบินวันที่ 1/10/2553 ก็คือผู้บริหารทอท.ระดับ11 ครับ  ที่กล้ามากสั่งขนคนเข้ามาท้าทายอำนาจรัฐ? และกลุ่มของนายนิรันดร์ นายเสรีรัตน์ทั้งโขยงไปดูรายชื่อคนที่เป็นระดับแปดขึ้นมาในสายงานพัฒนาธุรกิจ(ก่อนเดือนตุลาคมนะครับ) นั่นแหละครับทั้งหมดทุกคน…เป้นคน”จัดการ”ในเรื่องนี้ !

รวมทั้งประะธานปิยะพันธ์ด้วยครับ  เขาร่วมมือกันเพื่อช่วยให้อีกฝ่ายได้เข้ามาประมูลใหม่เมื่อคุณออกไปแล้ว นี่แหละครับมาเฟียในสนามบินตัวจริง

แล้วท่านเนวินท่านรองสุเทพยังใช้งานอยู่อีกหรือครับ..?.ท่านเนวินให้สัมภาษณ์ว่านายเก่าของท่านตั้งค่าหัวท่าน หมายถึงอดีตนายกนทักาิรหรือเปล่าครับ ถ้าใช่ แล้วทำไมท่านเนวินจึงเพียรพยายามให้ทุกงานในสุวรรณภูมิเป็นของคนในตระกูลนี้ล่ะครับ

เช่น อย่างนายปิยะพันธ์ทำเป็นขึงขังเชือดTAGS แต่สุดท้ายแอบมุบมิบไปรวมกับบริษัทเจมินายน์ ที่นายเสรีรัตน์ปลุกปั้นมากับมือและเซนต์อนุมัติเองได้งานบริหารฟรีโซนไปอีก

แล้ว TAGS นีน้องสาวอดีตนายกคุมอยุ่อย่างทีรู้ๆกันนี่ครับ หรือ อย่างอาคารจอดรถ ฝ่ายที่จะเข้ามาประมูลใหม่ ลึกๆลงไปก็มีชื่อลุกชายของน้องสาวอดีตนายกฯเป้นเจ้าของอีก..

หรืออย่าง การที่นายปิยะพันธ์หัวหน้ามาเฟียทอท. กับกลุ่มนายเสรีรัตน์ ซึ่งมีผังเสื้อแดงอยู่กับตัว และเป็นพี่เมียแกนนำเรียกคนมาตาย หรือนายนิรันดร์กับทีมงานลิ่วล้อทั้งหลายที่ทุจริตเรียงตัว เวลานี้หลักฐานเอกสารพลังเงียบในทอท.รวมตัวกันเก็บไว้หมดแล้ว

ผุ้บริหารกลุ่มนี้คนของอดีตนายกทั้งนั้น..ทุกคนประสานเสียงอย่างเดียวกันว่า ทำให้คุณทักษิณ  โดยมีคุณเนวินเป็นผู้สั่งการแทน…? ทำไมจึงเป็นเช่นนี้ล่ะครับท่าน?

ท่านเนวินดีและเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ของชาติให้คุณทักาษิณและครับครัวขนาดนี้ (ตามที่ลูกน้องนายนิรันดร์พุดจนทั่วทอทงครับ  และนายสิงหเทพ เทพกาญจนาน้องชายนายพงษ์เทพคนสนิทคุณทักษิณ ที่เป็นเงาตามตัวนายปิยะพันธ์เป็นเครื่องพิสูจน์ได้ว่าคุณทักษิณส่งให้มาดุแลทอท.จริงๆ)

แล้วคุณทักษิณจะตั้งค่าหัวท่านเนวินทำไมครับ..? ไม่น่าเป็นไปได้นะครับ..แล้วอย่าบอกนะครับว่าท่านเนวิน”สั่ง”ให้นายปิยะพันธ์และรมต.สั่งให้ผู้บริหารระดับ 11 คนนี้ขนคนเข้ามาบุกสนามบินหม้อข้าวตนเอง เพราะบอกมาใครๆก็เชื่อครับ..เพราะอะไรรู้ไหมครับ..เพราะพฤติกรรมของผู้บริหารทอท.ในช่วงที่กลุ่มคนเข้ามา กับการสั่งให้ปิดปากจากลุกน้องของผุ้บริหารทอทงกลุ่มนี้อย่างไรเล่าครับท่าน..!

ว่าแต่คุณ”พ”น่าจะได้ทราบแล้วนะครับว่า ผู้บริหารทอท.คนใด ที่ “หักหลัง” คุณในเรื่องนี้

เพราะ“ร่วมมือและจัดการ” กันนำเข้า “ชายชุดดำ” บุกสุวรรณภูมิ..ส่วนหนึ่งในครับผม..!

และนี่คือสาเหตุที่มีการเลื่อนสืบพยานด้วยไหม..ต้องไปสืบดูนะครับ..

ถ้าไม่รู้…ไปถามบรรดาพนักงานทอท.ดูนะครับ หรือลูกน้องของนายนิรันดร์ก็ได้ครับผม…ถ้าไม่ตอบ โปรดเข้าใจด้วยว่า”ถูกขู่”มาครับ..แต่จะส่งรายละเอียดชื่อของคนที่รู้เรื่องนี้ให้ครับ..

จาก นายวาซาบิ ครับผม.

มาเฟียคนมีสีนับวันเหิมเกริม (บทบรรณาธิการ)

เหตุการณ์กองกำลังชายฉกรรจ์แต่งกลายชุดดำพร้อมอาวุธครบมือจำนวนราว 200 คนกระจายกำลังยกพวกส่วนหนึ่งเข้าปิดล้อมสำนักงานชั่วคราวของบริษัทบริษัทปาร์คกิ้ง แมนเนจเม้นท์จำกัดซึ่งได้รับสัมปทานที่จอดรถภายในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ขณะที่อีกกลุ่มหนึ่งเข้าปิดล้อมทางเข้าอาคารลานจอดรถโซน 2 ทำให้ต้องปิดบริการ แต่ที่สำคัญคือสร้างความตื่นตระหนกต่อผู้โดยสารที่มาใช้บริการสนามบินสุวรรณภูมิและเป็นการทำลายภาพพจน์ของสนามบินแห่งชาติซึ่งถือเป็นพฤติกรรมเถื่อนดุจอันพาลครองเมืองที่อุกอาจย่ำยีกฏหมายเหมือนบ้านเมืองไม่มีขือมีแป

ข้อน่าสังเกตุก็คือหลังเกิดเหตุแม้เจ้าหน้าที่ของการท่าอากาศยานจะประสานไปยังสถานีตำรวจราชาเทวะและนายตำรวจระดับสูงของจังหวัดสมุทรปราการซึ่งรับผิดชอบพื้นที่เพื่อให้ส่งกำลังตำรวจเข้ามารักษาความสงบ แต่เมื่อกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจมาถึงกลับไม่กล้าเข้าขัดขวางพฤติกรรมเถื่อนของเหล่ากำลังชายฉกรรจ์ชุดดำ และแสดงท่าทีเหมือนเกรงอกเกรงใจเหล่าชายฉกรรจ์ชุดดำเหล่านี้เป็นอย่างมาก

ทั้งนี้ผู้ที่อยู่เบื้องหลังการกองกำลังชุดดำที่ปฏิบัติการเถื่อนในพื้นที่สนามบินแห่งชาติอย่างเหิมเกริมไม่แยแสต่อกฏหมายบ้านเมืองครั้งนี้เป็นนายทหารระดับ”เสธ.”ที่ทำตัวเป็นมาเฟียผู้มิอิทธิพล ขณะที่มาเฟียทหารหลายคนใช้อิทธิพลเถื่อนเข้ามาแสวงหาผลประโยชน์มูลค่ามหาศาลจากธุรกิจทั้งที่เปิดเผยและไม่เปิดเผยภายในสนามบินสุวรรณภูมิ

มาเฟียทหารระดับ”เสธ.” มีมาตั้งแต่อดีตจวบจนปัจจุบันกลายเป็นวัฒนธรรมอันเลวร้ายที่สืบทอดกันมาของนายทหารนอกแถวของกองทัพบางคนบางกลุ่มที่ทำตัวอยู่เหนือกฏหมายด้วยการเป็นผู้มีอิทธิพลคอยเรียกค่าคุ้มครอง รับจ้างทวงหนี้หรือเคลียร์คดี หรือคอยคุ้มสถานบันเทิง คิวรถตู้รถรับจ้างต่างๆ หรือแม้แต่เป็นซุ้มมือปืนรับจ้าง รวมทั้งสิ่งผิดกหมายรูปแบบต่างๆ

ที่น่าแปลกใจก็คือทั้งๆที่มีนายทหารบางคนบางกลุ่มทำตัวเป็นมาเฟียผู้มีอิทธิพลประพฤติตนอยู่เหนือกฏหมายมาตลอด แต่กองทัพกลับปล่อยปละละเลยไม่ดำเนินการขั้นเด็ดขาดกับคนสีเดียวกัน ขณะที่ตำรวจซึ่งเป็นผู้มีหน้าที่บังคับใช้กฏหมายโดยตรงกับเกรงกลัวไม่กล้าดำเนินคดีกับมาเฟียทหารทั้งๆที่ทำผิดกฏหมายจนกลายเป็นความย่ามใจ

เพราะฉะนั้นเหตุการณ์กลุ่มชายฉกรรจ์ชุดดำที่ปฏิบัติการเถื่อนเย้ยกฏหมายภายในสนามบินแห่งชาติครั้งล่าสุดน่าจะเป็นอุทธาหรณ์และควรเป็นเหตุการณ์ครั้งสุดท้ายซึ่งรัฐบาล กองทัพ และสำนกงานตำรวจแห่งชาติจะต้องดำเนินการบังคับใช้กฏหมายขั้นเด็ดขาดและจริงจังกับเหล่ามาเฟียในเครื่องแบบเหล่านี้ ซึ่งหากยังปล่อยให้มาเฟียคนมีสีครองเมืองต่อไปก็อาจจะสร้างความเสียหายขั้นร้ายแรงแก่บ้านมืองกว่าที่เป็นอยู่

ทั้งนี้ในส่วนของรัฐบาลต้องมีนโยบายที่ชัดเจนและจริงจังกับเหล่าทหารมาเฟีย ขณะที่กองทัพต้องจัดการขั้นเด็ดขาดไม่ปล่อยให้มีทหารนอกแถวในกองทัพและที่สำคัญผู้นำกองทัพต้องไม่ปกป้องคุ้มครองหรือเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ ขณะที่ตำรวจต้องบังคับใช้กฏหมายอย่างจริงจังโดยต้องไม่เกรงกลัวอิทธิพลของผู้กระทำผิดกฏหมายไม่ว่าจะจะเป็นคนในเครื่องแบบสีใดหรือยิ่งใหญ่แค่ไหนก็ตาม เพราะไม่อย่างนั้นสังคมคงอยู่ไม่ได้เพราะกฏหมายขาดความศักดิ์สิทธิ์และไร้ความเท่าเทียม

วันที่ 4/10/2010

โพสท์ใน categorized | ใส่ความเห็น

EP.745…อย่าหวังว่าผู้บริหารทอท.จะทำสิ่งดีๆเป็น??เพราะไม่เคยทำ!!


4/10/2553

เรื่องร้อนๆ ที่สุวรรณภูมิ

+ อันดับข่าวอ่านมากที่สุ

ผลจากการขาดธรรมาภิบาล?

เเวดวงลอจิสติกส์ช่วงนี้คงจะไม่มีที่ไหนร้อนเท่าที่สนามบินสุวรรณภูมิ

เพราะประเด็นร้อนๆ เริ่มปูดขึ้นมาเป็นดอกเห็ด หลังจากที่คณะกรรมการรายได้ ซึ่งมี “เสรีรัตน์ ประสุตานนท์” กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ทอท. เป็นประธาน ไม่รู้ระเบียบของบอร์ดทอท.ไปอนุมัติให้บริษัท แป้งร่ำ รีเทล จำกัดได้งานสัมปทานลานจอดรถระยะยาว กว่า 62,000 ตารางเมตร อายุสัมปทาน 15 ปี จากที่มีอำนาจอนุมัติแค่ 5 ปี งานนี้หลายคนต้องถูกโยกย้าย ยกเว้นท่านเอ็นดีใหญ่

จนสหภาพฯ ทอท.ต้องยื่นหนังสือร้องเรียนความไม่เป็นธรรมต่อบอร์ด โดยให้ปลด “เสรีรัตน์” ออกจากตำแหน่ง แต่หากบอร์ดเพิกเฉยก็จะไปยื่นหนังสือต่อรมว.กระทรวงคมนาคม และรมว.กระทรวงการคลัง รวมไปถึงรัฐสภาฯ ยันผู้ตรวจการแผ่นดิน ก็ต้องติดตามกันต่อว่าเรื่องนี้จะจบลงอย่างไร

จากนั้นก็มีเรื่องคดีฟ้องร้องกันของบริษัท ปาร์คกิ้งแมนเนจเม้นท์ จำกัด ผู้ได้รับสัมปทานให้บริหารพื้นที่ลานจอดรถในสนามบินสุวรรณภูมิว่ากันว่าบริษัทนี้จ่ายสินบนสูงนับ 100 ล้านบาท งานนี้ไม่รู้เงินไปเข้ากระเป๋าใครบ้าง แต่ที่แน่ๆ บริษัทดังกล่าวมีปัญหาภายในอย่างหนัก ซึ่งหลายฝ่ายมองว่าจะกระทบต่อการบริการประชาชนที่เข้าไปใช้บริการอาคารจอดรถ ซึ่งเรื่องนี้ทอท.ไม่ควรจะนิ่งเฉย ต้องเร่งแก้ไขโดยด่วน เพราะสนามบินสุวรรณภูมิ เป็นสนามบินมาตรฐานระดับโลก จึงไม่ควรให้เกิดปัญหาต่างๆ กระทบต่อการบริการประชาชน

ส่วนการสอบสวนว่าเอาผิด งานนี้จะได้แพะ หรือแกะ เป็นเรื่องจากคณะกรรมการบอร์ดต้องไปว่ากันกันต่อไป แต่สิ่งที่ “สุนทรีย์” อยากจะฝากคือ สุวรรณภูมิ เป็นสนามบินระดับโลก การบริหารจัดการควรยึดหลักธรรมาภิบาลเป็นที่ตั้ง การทำงานในทุกระดับต้องโปร่งใส ตรวจสอบได้ ตั้งแต่ระดับล่างถึงระดับบน…ไม่ถูกซิ! ต้องบอกว่า ต้องโปร่งใสตั้งแต่ระดับบนลงมาระดับล่าง ให้สมกับคำที่พวกท่านทั้งหลายมักอ้างว่า “ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ท่าอากาศ ยานแห่งความภูมิใจของคนไทย”

งานเก่ายังไม่จบงานใหม่เข้าอีกแล้ว ไม่น่าเชื่อ! ว่า “โรงแรมสุวรรณภูมิ” จะอาการแย่ เพราะตอนที่เริ่มสร้างและเปิดบริการนั้นทำกันอย่างใหญ่โต มีการคัดเลือกบริษัทที่มีผลการดำเนินการยอดเยี่ยมมาบริหาร ชูเป็นโรงแรมระดับ 5-6 ดาว มีการคัดเลือก CEO ระดับมืออาชีพ เงินเดือนก็ตั้งมากมาย ที่สำคัญ ทอท.ถือหุ้นอยู่ด้วย ไหงอาการร่อแร่เสียแล้ว!

ทำให้เจ้ากระทรวงคมนาคม “โสภณ ซารัมย์” ถึงกับต้องขอคำแนะนำทางออกกับสภาพัฒน์ โดยสภาพัฒน์ได้เสนอแนะให้ ทอท.พิจารณาบทบาทและแนวทางการดำเนินงาน และการบริหารจัดการบริษัท โรงแรมท่าอากาศสุวรรณภูมิ จำกัด โดยเฉพาะกลยุทธ์ด้านการตลาด เพื่อเพิ่มรายได้และควบคุมค่าใช้จ่าย เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อฐานะการเงินของบริษัทและผู้ถือหุ้น

พร้อมทั้งให้ทอท.เร่งหาแนวทางสร้างมูลค่าเพิ่มจากการใช้ประโยชน์ที่ดินท่าอากาศยานภูมิภาค เพื่อเพิ่มรายได้จากกิจกรรมเชิงพาณิชย์ และลดภาระต้นทุนองค์กร รวมทั้งควรให้ความสำคัญกับการเบิกจ่ายการลงทุนให้เป็นไปตามเป้าหมาย และให้ความสำคัญต่อการจัดทำแผนการดำเนินงาน เพราะจะทำให้แผนการเบิกจ่ายลงทุนมีความรอบคอบชัดเจน

ปัญหาเหล่านี้ ผู้บริหารทอท.ต้องเร่งแก้ปัญหา ไม่ใช่มัวแต่ประสานผลประโยชน์จนลืมงานหลักที่ต้องบริหารจัดการสนามบินในทุกภาคส่วน เพื่อให้การบริการประชาชนและผู้โดยสารที่ใช้บริการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ได้รับความสะดวกสบาย ประทับใจ และกลับมาใช้บริการอีก

โพสท์ใน categorized | ใส่ความเห็น

EP.744…หลักฐานเป็นคนก็มี เป็นเทปก็มี..ไม่ธรรมดา…


4/10/2553

อ่านข่าวนี้แล้ว สงสารคุณเนวินจับใจ  คุณเนวินให้สัมภาษณ์ว่านายเก่าเป็นคนทำ…โถ..นายเก่าทำแกลงได้อย่างไรครับ  คนของนายเก่านายปิยะพันธ์ก็กระเตงไว้อย่างดีทู๊กคน..กิจการของพี่น้องนายเก่า  นายปิยะพันธ์ก็อ้างว่าคุณเนวิน”สั่ง” จึงช่วยซิกแซกทุกทางให้ได้งานสัมปทานทู๊กราย…

ถึงขนาดออกมา”กำกับ”มาเฟียด้วยตัวเอง..ให้บุกอาคารจอดรถสนามบิน  ในช่วงมีพรบ.ฉุกเฉิน..โห..หย่าย..ขนาดนี้ มิน่า..ไม่กลัวกฎหมายกันสั๊ก..ก..คน!

แล้วนายเก่าจะตั้งค่าหัวคุณเนวิน..ได้อย่างไร..? มันไม่ “เนียน” อีกแล้วครับ

ถ้า “ปลด” ขี้ข้านายใหญ่ได้ ว่าไปอย่างนะครับ แต่นี่ทำไม่ได้…แค่นี้ก็พิสูจนืด้แล้วว่าคุณเนวินนั้น “รัก” นายเก่า และทำเพื่อนายเก่ามาตลอดปานใด ก็นายปิยะพันธ์พูดเอง แล้วจะไม่เชื่อได้อย่างไรครับท่าน..!

แต่ถ้าเป็นผู้บริหารทอท.ละก็  ไม่ได้รักด้วยหรอกนะครับ  แต่ละคนล้วนรักเอาตัวรอดทุกคน แต่พร้อม “หักหลัง” นายใหญ่และคุณเนวินแน่ๆครับ..

ข้อนี้ไม่ต้องห่วง เพราะทำกันมาหลายคนแล้วครับ..

ว่าแต่ แต่ละคนมี “ค่าหัว” ด้วยรึครับ?

ปล..  คุณ….(เพศหญิง)ที่สนิทกับ “ผู้บริหารระดับ 11 คนที่ ระดมกองกำลังเข้ามาบุกส่วนหนึ่ง” ให้บังเอิญว่าสนิทกับ คุณ”พ” ผู้ประกอบการอาคารจอดรถ ด้วยสิครับ

สงสัยแกแค้น..เพราะหมดไปหลายสิบล้านให้อดีตผู้บริหารทอท.มาดนุ่ม(เกษียนไปแล้ว)คนหนึ่ง  ที่เป็นอดีตเจ้านาย..  จนสร้างคฤหาสน์ทั้งให้ลุกชายและต่างจังหวัด มาแล้วเป็นหลายสิบล้าน  ผู้หญิงคนนี้เป็นลูกนายทหารอากาศ sheรู้เรื่องดีนี้นะครับ  ว่า “ผู้บริหารทอท.ระดับ11คนนี้…รับคำสั่งมาจากท่านปิยะพันธ์!

แต่เวลานี้รู้กันทั่วตั้งแต่วันนั้นแล้วครับท่านปิยะพันธ์

จาก นายวาซาบิ ครับผม..

สารภาพฝึกอาวุธในเขมร รวบนักรบแดง แฉค่าหัวเนวิน20ล้าน


4/10/2553

ASTVจัดการรายวัน – ตำรวจเชียงใหม่ควบคุม 11 นักรบเสื้อแดงซุกรีสอร์ท อ.แม่ออน เค้นสอบปากคำ สารภาพร่วมฝึกการใช้อาวุธชายแดนเขมร ด้านข่าวกรองDSI แฉท่อน้ำเลี้ยงรอบใหม่ ขนเงินผ่านเขมรหนุนชุดดำบึ้มป่วนเมือง “ภาณุพงศ์” รู้ตัวโรคจิตโทร.ขู่บึ้ม รพ.ศิริราช ได้ตัวใน 1-2 วัน

แหล่งข่าวจากกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ยอมรับเมื่อวานนี้ (3 ต.ค.) ว่า เมื่อเย็นวันที่ 2 ต.ค.ที่ผ่านมา ตำรวจได้ควบคุมตัวชายฉกรรจ์ต่างถิ่นจำนวน 11 คน ซึ่งอาจเกี่ยวข้องกับขบวนการฝึกอาวุธที่เป็นปฏิปักษ์กับรัฐบาล แต่ยังไม่มีการตั้งข้อกล่าวหาใด ๆ ยังคงเป็นเพียงการควบคุมตัวและขอความร่วมมือให้ปากคำ

ล่าสุด พล.ต.ต.สมหมาย กองวิสัยสุข ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด (ผบก.ภ.จว.) เชียงใหม่อยู่ระหว่างการตรวจสอบด้วยตนเองโดยได้แจ้งผู้สื่อข่าวว่ายังไม่สามารถให้ข่าวสารใด ๆ อย่างเป็นทางการได้

วันที่ 2 ต.ค.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.แม่ออน ได้รับแจ้งจากชาวบ้านในพื้นที่ว่าพบชายฉกรรจ์คนหนึ่งมีพิรุธและอาจเกี่ยวข้องกับขบวนการฝึกอาวุธคนเสื้อแดง ชายคนดังกล่าวชื่อนายกิตติชัย จันทร์สวัสดี ภูมิลำเนาอยู่ที่ อ.บ้านสร้าง จ.ปราจีนบุรี ได้แจ้งกับเจ้าหน้าที่ว่าเขาหลบหนีออกมาจากค่ายฝึกนักรบคนเสื้อแดงซึ่งอยู่ภายในบ้านภูฟ้ารีสอร์ท

นายกิตติชัย ให้การว่า ตนเดินทางมาเชียงใหม่ตั้งแต่วันที่ 7 กันยายน ส่วนเพื่อนคนอื่น ๆ ทยอยเดินทางมาจนล่าสุดมีจำนวน 12 คนและยังอ้างว่า ชายฉกรรจ์เหล่านี้เคยฝึกอาวุธที่ชายแดนกัมพูชามาด้วย เป็นลักษณะของการทยอยเดินทางมาทีละ 2-3 คนจนครบ 12 คน ซึ่งมีแกนนำคนสำคัญคือ นายสหรัฐ ไม่ทราบนามสกุล ชาวกรุงเทพฯ ซึ่งอยู่ระหว่างถูกศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) ออกหมายจับ

ทั้งนี้ นายกิติชัยกับพวกซ่องสุมกำลังเพื่อรอเวลาในการปฏิบัติการป่วนเมืองและยิงผู้นำโดยเฉพาะนายเนวิน ชิดชอบ ระบุว่ามีค่าหัวถึง 20 ล้านบาท โดยนายกิตติชัยเป็นนักรบแดงที่มีรหัสลับประจำตัว คือ  j0011    เจ้าหน้าที่ยังได้เชิญตัวชายฉกรรจ์มากกว่า 10 คนในภูฟ้ารีสอร์ทออกมา เพื่อขอความร่วมมือให้ข้อมูลและประสานกับผู้บังคับบัญชาระดับสูงทราบ โดยนำตัวไปยังสถานที่ปกปิดแห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงใหม่

ด้านนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กล่าวถึงกรณี พ.ต.อ.กนิษฐ์ ประสานสุข ผกก.สภ.แม่ออน จ.เชียงใหม่ จับกุมกองกำลังนักรบแดงรวม 11 คน ได้ที่บ้านภูฟ้ารีสอร์ท ตั้งอยู่เขตพื้นที่บ้านสหกรณ์ อ.แม่ออน จ.เชียงใหม่ ก่อนสอบสวนพบเตรียมเคลื่อนไหวก่อเหตุป่วนเมืองและลอบสังหารผู้นำรัฐบาลว่า ดีเอสไอยังไม่ได้รับรายงานว่ามีการจับกุมกองกำลังดังกล่าว คาดว่าเรื่องนี้จะเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นผู้ดำเนินการสอบสวนต่อไป

***ท่อน้ำเลี้ยงขนเงินผ่านเขมร

มีรายงานข่าวจากกรมสอบสวนคดีพิเศษว่า หน่วยข่าวกรองของดีเอสไอสืบทราบว่ามีการลักลอบขนเงินสดจากประเทศกัมพูชา เพื่อจ้างให้กลุ่มนักรบชุดดำก่อเหตุป่วนเมืองโดยเฉพาะในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานครในช่วงเดือน ต.ค. ส่วนบุคคลต้องสงสัยที่เกี่ยวข้องกับการขนเงินเข้ามาในประเทศไทยตามแนวตะเข็บชายแดน ส่วนสืบสวนสะกดรอยของดีเอสไอ กำลังเร่งสืบสวนหาตัวผู้ต้องสงสัยที่เกี่ยวข้องเป็นท่อน้ำเลี้ยงให้กลุ่มป่วนเมือง เพื่อหาพยานหลักฐานดำเนินคดีก่อการร้ายต่อไป

โพสท์ใน categorized | ใส่ความเห็น

EP.743…ผิดพรบ.ฉุกเฉินครับ..(อะไรคือเบื้องหลัง)?


4/10/2553

กำลังฟังวิทยุออนไลน์จากคอมพ์ทอท.เองละครับช่อง97  ที่นายปิยะพันธ์กำลังให้สัมภาษณ์อย่างแจ่มใสมากว่า  ได้แก้ปัญหาอาคารจอดรถไปแล้ว  อ้าว..แล้วทำไมท่านไม่บอกด้วยละครับว่า   ผู้ที่สั่งระดมคนเข้ามาก่อเหตุในสนามบินจนเกิดเสียงปืนดังขึ้นนั้น…แท้จริงเป็นคนของท่านร่วมกับผู้บริหารระดับ 11ที่เกี่ยวข้องกับสายทหาร…  และกระทำการด้วยความเห็นชอบของบอร์ดทอท.เองครับ เพื่อให้ตนเองและพวก”รอด”จากการฟ้องคดีความในศาลด้วย …

เพราะเมื่อเกิดเหตุแรงขึ้น ก็จะ “โยน” ให้ผู้ประกอบการรับผิดชอบครับ  นักเลงยืนเตร่ที่นายปิยะพันธ์พูดถึงก็คือคนที่นาย…ส่งเข้ามา พนักงานทอท.ปิดกันแซ่ดแล้วครับ งามหน้าแล้วท่านประธานฯ

ซ้อนแผนผู้ประกอบการที่ทะเลาะกันเพื่อให้พวกตนรอดจากความผิด เรียกนายปิยะพันธ์ไปด้วยนะครับ แผนหลุดครับเพราะปากเก่งของลูกน้องผู้บริหาร”คนนั้น”เองครับ ยืนยันนอนยันว่าท่านประธานสั่งการด้วย เพราะมีท่านรองนายกหนุนหลัง..อีกแล้ว

ทำไมชอบ”ดึง”ท่านเข้ามาเกี่ยวให้เสื่อมเสียเรื่อยเลย   อย่างนี้ต้องถือว่า “ผู้บริหารทอท.คือมาเฟียตัวจริงที่ทำผิดพรบ.ฉุกเฉิน” นะครับ จู่ๆไปโยนความผิดให้ผู้ประกอบการระวังลมฟ้าอากาสด้วยครับท่าน ผมทราบว่าประวัติผู้ประกอบการคนนี้ “โหด”ใช่ย่อย เส้นสาย”ใหญ่”ไม่แพ้ท่านประธานบอร์ดทอท.ด้วยนะครับ…

ดูจากที่ลูกน้องคนสนิทของท่านพูดบอกว่าท่านหน้าดำเหมือน..คนชะตาขาด…ยิ่งน่ากลัวนะครับ…ผมละเป็นห่วงจริงๆครับ  ไปๆมาๆท่านกลายเป็น”เจ้าพ่อ”จัดการเรื่องนี้เองหรือครับ

เออ..คุณพ. คุณท. กรุณารับทราบด้วยนะครับ…

แม้จะมีการยกเลิกสัญญาแล้วก็ตาม แต่ท่านบอกเองว่าเพิ่งมาดูเรื่องนี้เมื่อสองสัปดาห์ก่อน แสดงว่าที่ผ่านมาจนผิดสัญญาถึง 90 วันแล้ว ท่านก็ยังเพิกเฉย? เอกสารเพิ่งมาตรวจสอบหรือว่ามา”แก้ไข” เอาให้แน่นะครับ ตอบความจริงดีกว่าครับ…? ยิ่งท่านแก้ปัญหาด้วยวิธีของโจร ท่านยิ่งดูเป็น”โจร”มากขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเลยนะครับ… ประเภทโหดเลวครบเครื่องดีนะครับ

แต่ถึงอย่างไรกระบวนการที่ได้มาซึ่งการทำสัญญารายนี้ ท่านและพวกพ้อง “ผิดเพราะบกพร่อง” นะครับ คิดว่าแค่ยกเลิกสัญญาแล้วจะท่านและนายนิรันดร์ กับนายเสรีรัตน์จะพ้นผิดหรือครับ…?

ที่ทอท.สูญเสียเพราะวุฒิภาวะของท่านและพวกให้ไปรอฟ้องศาลรึครับ ช้าไปมั้งครับ..? แก้ปัญหาแบบไม่ได้แก้นี่ครับ ผมว่าเรื่องนี้ไม่จบแน่ ใครจะนั่งบริหารต่อไปคงต้องหาคนคุ้มกันนะครับ เพราะได้ยินว่าแต่ละคนล้วน “มาเฟีย” ทั้งนั้น..! ท่านประธานก็ยังต้อง “ปลด” ผู้บริหารสองรายนี้ด้วยครับ พร้อมการ”ยกเลิก”สัญญา ไม่ใช่ทำให้เสื่อมเสีย มีปัญหาแล้วยังให้ทำงานต่อไป…

ถ้างั้น ผมขอส่ง“หลักฐาน”บางชิ้นที่ระบุว่าท่านประธานบอร์ดทอท.ร่วมกับผู้บริหารกลุ่มนายนิรันดร์ และผู้บริหารทอท.อีกคนระดับ 11 ส่งกองกำลังคนติดอาวุธ เข้ามาทำการอุอาจในสุวรรณภูมิเอง ให้ ภาครัฐเลยนะครับ(แต่พวกท่านจะไม่ได้ยินได้เห็นหรอกครับ ผมรับรอง!

จะให้ส่งให้ทางผู้ประกอบการฝ่ายไหนดีครับ…จะฝ่ายผู้หญิงหรือฝ่ายผู้ชายดีครับ ที่ได้ฟังแล้ว..รับรอง..”แค้น” แน่ท่านกับผู้บริหารทอท.กลุ่มนี้แน่ๆครับ!  ที่เขาว่า “กับโจรต้องโจรปราบ”..เป็นเช่นนี้เองหรือครับ?

ประเทศไทยกลายเป็นสมบัติของตระกูลผู้ริหารและข้าราชการเลวๆไปแล้วหรือนี่?…

ให้สัมภาษณ์ดูดีครับแต่ไม่เนียน จับสะดุดได้ ไม่เป็นไรครับ คนบุคคลที่รู้เรื่องนี้ล้วนเป็นพนักงานทอท.ทั้งนั้นรวมถึงผมเองด้วย..ได้ยินกันทั่วว่า ประธานบอร์ดทอท.”สั่งการ” แล้วให้โยนผิดไปที่ผู้ประกอบการจะได้ทั้ง”ไล่ออก” และ”พ้นผิดยกแก๊งค์” เพื่อให้นายเสรีรัตน์และนายนิรันดร์ คงอำนาจอย่างถาวรตลอดไป

อ้าว..แล้วที่ผู้บริหารกลุ่มนี้เคย “โกง” และ “รีดไถ” ญาติอดีตนายกฯ ที่เพิ่งมีข่าวเล็ดลอดออกมาช่วงก่อนหน้านี้เม้าท์สนั่นหล่ะครับ ท่านจะป้องยังไงครับ เพราะงานนี้คนที่ถูกส่งไปทำคือ นาย”ต” ลูกน้องนางศศิสุถภา กับนายนิรันดร์เสียด้วยครับ ผมได้ยินมายัง “ตกใจ” เขาว่าคนที่พูดเรื่องนี้เส้นใหญ่กว่านายนิรันดร์แน่ๆครับ  หรือไปถามคนที่ถูกโกงเองท่าจะดีกว่านะครับ…เพราะเรื่องดังขนาดแว่วว่า “เจ้าตัว” รู้เรื่องแล้วครับ แต่ใครคาบไปบอกผมไม่ทราบ กำลังหาตัวอยู่ครับผม…

นายปิยะพันธ์ไม่สั่งประหารคนของตนเองและสายงานของทักษิณหรอกครับ ที่แอ๊บประหารน่ะ แอบช่วยกันให้ไปมีอำนาจในส่วนอื่น เช่นTAGS ก็ไปร่วมกับเจมินายน์ มาเฟียก็ย้ายมาจากดอนเมือง ปราบตรงไหนครับท่าน หรือนายนิรันดร์ก็อยู่สบายดี เพราะ”sandaan joan”เหมือนกันนี่ครับ จึงต้องเลี้ยงก่อน หน้าดำกันทั้งก๊กเลยรึครับ แต่กำลังจะจัดพิธ๊ทำบุญให้พระที่พวกท่านใส่ดวงตนเองไว้ไม่ใช่หรือครับ งั้นขอถ่ายรูปเก็บส่งยืนยันว่าใครที่ไปร้่วมงานก็ล้วนต้องเป็นคนของฝ่ายอดีตนายกทักษิณดีกว่านะครับ..เพราะท่านเองก็เป็นคนที่นายศรีสุขสร้างไว้จากน้ำเงินของทักษิณไม่หรือครับ… ผมจะได้ส่งให้ภาครัฐเก็บไว้ลงบัญชี เพื่อมีคดีอะไรจะได้หารูปแระกอบไม่ยาก เออ..งานทำบุญพระที่ตึกสำนักงานทอท.ณ.ท่าสุวรรณภูมิ ใครอยาก”ดัง” เชิญนะครับ ใครเป็นก๊วนเดียวกัน เชิญเข้าร่วมพิธีเลยนะครับ..เชิญครับ..

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า…ผู้บริหารทอท.อย่า”หมดอำนาจ” หรือ “ลงจากเก้าอี้” เด็ดขาดนะครับ เพราะ “โจทย์” เยอะ จนจับมือใครดมไม่ได้เลยจริงๆ..55555555555555555555!


4/10/2553

ASTVผู้จัดการรายวัน – “อภิสิทธิ์” ลั่นจัดการเด็ดขาดชายชุดดำบุกยึดพื้นที่จอดรถสุวรรณภูมิ ชี้ผิด พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ด้าน ทอท. เตรียมเรียกผู้รับสัมปทานถก

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงกรณีที่กลุ่มชายฉกรรจ์แต่งกายคล้ายทหารและแต่งชุดดำปิดล้อมบริเวณลานจอดรถภายในสนามบินสุวรรณภูมิ ว่า เมื่อปีที่แล้วที่มีปัญหาหลายเรื่องในสนามบินสุวรรณภูมิ และตนได้เข้ามาดู ก็คลี่คลายไปแล้ว แต่พอเกิดเหตุเรื่องชายชุดดำบุกเข้ามาก็เป็นเรื่องที่ต้องตรวจสอบ โดยขอให้ผู้ที่เกี่ยวข้องดูแลให้เกิดความเรียบร้อย เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อผู้เข้ามาใช้บริการ

เมื่อถามว่าปัญหาเรื่องกลุ่มมาเฟีย นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ปัญหาเรื่องกลุ่มมาเฟียไม่ใช่เฉพาะที่นี่ ก็มีหลายปัญหากำลังแก้ไขกันอยู่ เช่นที่คลองเตย ส่วนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเกิดในจังหวัดสมุทรปราการ ที่ยังคงพ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินอยู่ ถ้าผิดกฎหมายก็จะดำเนินการตามกฎหมายไม่มียกเว้น

สำหรับเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดเหตุขึ้นเมื่อช่วงเช้าของวันที่ 1 ต.ค.ที่ผ่านมา โดยมีกลุ่มชายฉกรรจ์แต่งกายคล้ายทหารและแต่งชุดดำประมาณ 200 คน บุกเข้ายึดอาคารลานจอดรถท่าอากาศยานสุวรรณภูมิชั้น 1 โซนที่ 2 พร้อมยึดตู้เก็บเงินค่าจอดรถและนำแผงมาปิดทางเข้าและออกอาคารลานจอดรถจนทำให้ผู้ที่มาใช้บริการได้รับความเดือดร้อน เนื่องจากไม่สามารถนำรถเข้าจอดได้

ทั้งนี้ หลังจากเกิดปัญหาขึ้น ทางผู้บริหารของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ทอท.) ได้จัดส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปเจรจากับทางบริษัท ปาร์คกิ้ง แมนเนจเม้นท์ จำกัด ซึ่งเป็นผู้บริหารจัดการอาคารจอดรถในทันที เพื่อมิให้กระทบต่อผู้ใช้บริการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ พร้อมกันนี้ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิได้เชิญคณะผู้บริหารบริษัทมาเจรจาในวันที่ 11 ต.ค.นี้ เพื่อปรับปรุงการให้บริการให้เป็นไปตามสัญญาที่ทำไว้

สำหรับบริษัทปาร์คกิ้ง แมนเนจเม้นท์ จำกัด ได้รับอนุญาตให้ประกอบกิจการอาคารจอดรถและลานจอดรถ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเป็นเวลา 5 ปี ตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย.2553 ถึง 31 มี.ค.2558 โดยปัญหาที่เกิดขึ้น เป็นเพราะหุ้นส่วนในบริษัทเดียวกันเกิดขัดแย้งกันเองเรื่องผลประโยชน์จึงเกิดปัญหากันขึ้น โดยส่งกลุ่มชายฉกรรจ์มาปิดล้อม เพื่อช่วงชิงอำนาจในการบริหารจัดการที่จอดรถในสนามบินสุวรรณภูมิ.

โพสท์ใน categorized | ใส่ความเห็น

EP.742..ถามผู้บริหารทอท.ด้วยนะครับ..เพราะจัด”ส่ง”เข้ามาเองด้วย!


4/10/2553

สางปม!มาเฟียชิงผลประโยชน์ลานจอดรถสนามบินสุวรรณภูมิ กมธ.เชิญบิ๊กทหารชี้แจงการกำกับวินัยกำลังพล

“อภิสิทธิ์”กำชับ จนท.สางปมชายฉกรรจ์ยึดลานจอดรถสนามบินฯ รับปัญหามาเฟียไม่ได้มีเฉพาะสุวรรณภูมิ “โสภณ” ให้”บอร์ด-ฝ่ายบริหาร”ทอท.จัดการ ชี้หากผิดให้เลิกสัญญา กมธ.ทหาร วุฒิสภาเตรียมเชิญผู้ใหญ่กองทัพแจงการกำกับวินัยกำลังพล
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 3 ตุลาคม ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ถึงกรณีประธานกรรมาธิการ (กมธ.) ตำรวจ สภาผู้แทนราษฎร เรียกร้องให้รัฐบาลจัดการปัญหากลุ่มชายฉกรรจ์นับร้อยคนบุกยึดลานจอดรถโซน 2 ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม ท่ามกลางความขัดแย้งระหว่างคนมีสี ที่ได้รับสัมปทานบริหารจัดการพื้นที่ภายในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ว่า หลังเกิดความขัดแย้งภายในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเมื่อปี 2552 ตนเข้าไปดูแลจนปัญหาคลี่คลายไป ส่วนกรณีที่เกิดขึ้นล่าสุด เจ้าหน้าที่กำลังตรวจสอบอยู่ และพยายามดูแลให้เกิดความเรียบร้อย ไม่มีปัญหาอะไร เมื่อถามว่า จะแก้ไขปัญหามาเฟียภายในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิอย่างไร นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ไม่เฉพาะที่นี่หรอกที่มีเรื่องกลุ่มมาเฟีย แต่ยังมีที่คลองเตย (กรุงเทพฯ) และที่อื่นอีก
เมื่อถามว่า เหตุใดจึงเกิดปัญหาได้ทั้งที่ จ. สมุทรปราการ เป็นพื้นที่ที่มีการประกาศพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ถ้าผิดกฎหมายก็ดำเนินการตามกฎหมาย ไม่มีละเว้น
ด้าน นายโสภณ ซารัมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยถึงกรณีมีชายฉกรรจ์หลายสิบคน ปิดกั้นที่จอดรถสนามบินสุวรรณภูมิว่า ปัญหาที่เกิดขึ้น ท่าอากาศยานไทย (ทอท.) มีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเข้าไปดูแลด้วย แต่อาจจะไม่เพียงพอ เรื่องนี้ทางฝ่ายความมั่นคงควรที่จะเข้ามาช่วยดูแลด้วย
“ได้สั่งการให้ทั้งบอร์ดและฝ่ายบริหารของ ทอท.ไปพิจารณาอย่างเร่งด่วนแล้วว่าปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นอย่างไร หากยังไม่สามารถตกลงกันได้ก็ให้พิจารณายกเลิกสัญญาและเร่งเปิดให้เอกชนรายอื่นเข้ามา เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเป็นอย่างมาก คาดว่า สัปดาห์หน้าปัญหาต่างๆ น่าจะได้รับการแก้ไขที่ดีขึ้น” นายโสภณกล่าว
ด้าน นายปิยะพันธ์ จัมปาสุต ประธานกรรมการ (บอร์ด) ทอท. กล่าวว่า ฝ่ายบริหารสั่งการให้เรืออากาศโทอนิรุทธ์ ถนอมกุลบุตร ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ คนใหม่แจ้งความกับตำรวจที่ สภ.ราชาเทวะ รวมถึงให้เร่งแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น ที่ผ่านมา บอร์ดเคยเรียกผู้บริหารมาชี้แจงแล้ว 1 ครั้ง เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่ฝ่ายบริหารของบริษัทอ้างว่ายังไม่พร้อม จึงยังไม่เข้ามาชี้แจง และสัปดาห์หน้า คณะกรรมการ ทอท. จะเรียกผู้บริหารมาชี้แจงอีกครั้ง หากไม่ดำเนินการแก้ไข ทอท. จะพิจารณาว่าจำเป็นต้องหาแนวทางเลิกสัญญาสัมปทานกับบริษัทดังกล่าวหรือไม่
“ปัญหาเรื่องอาคารจอดรถท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เกิดจากกรรมการบริษัทผู้สัมปทานบริหารพื้นที่ลานจอดรถ มีปัญหาพิพาทกัน ทำให้พยายามขัดขวางการทำธุรกิจจนกระทบต่อการให้บริการผู้โดยสาร” นายปิยพันธ์กล่าว
ด้าน น.ส.เกศสิณี แขวัฒนะ ส.ว.อยุธยา ประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การทหาร วุฒิสภา กล่าวว่า ในส่วน กมธ.ฝั่งวุฒิสภา มีหน้าที่มองปัญหาในภาพรวมแล้วหาทางป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาซ้ำรอย ส่วนการสอบสวนเจาะลึกว่า ใคร ทำอะไร ฝ่ายไหน เป็นเรื่องที่ กมธ.ฝั่งสภาผู้แทนราษฎร จะดำเนินการ กรณีผลประโยชน์ต่างๆ ในการท่าอากาศยาน เท่าที่ตนได้ยินมามีเยอะแยะ ต่างฝ่ายต่างแอบอ้างกัน คนข้างในบางครั้งก็เอาคนข้างนอกเข้ามาแอบอ้าง หลายครั้งที่คนข้างนอกที่ถูกอ้างถึงก็ไม่รู้เรื่อง บางครั้งก็เป็นเรื่องคนข้างนอกเอาปัญหาเข้ามา
“ส่วนกรณีที่เกิดขึ้นที่มีข่าวว่า มีนายทหารระดับสูงเข้ามาเกี่ยวข้องผลประโยชน์ในที่จอดรถของสนามบินสุวรรรIภูมิ ดิฉันเห็นว่า เป็นเรื่องส่วนบุคคล คงไม่เกี่ยวกับกองทัพ เพราะกองทัพมีกำลังพล 3 แสนกว่าคน แต่คงต้องดูแลคนในสังกัดให้เรียบร้อยกว่านี้ เบื้องต้นคงจะหารือ กมธ.ที่เกี่ยวข้อง ย้ำไปถึงหน่วยงานที่รับผิดชอบว่า กฎระเบียบการปฏิบัติเกี่ยวกับการให้สัมปทานมีอยู่ คนที่รับผิดชอบกำกับดูแลผู้ได้รับสัมปทานก็ต้องทำให้รัดกุม”  น.ส.เกศสิณีกล่าว
ด้าน พล.อ.อ.อาคม กาญจนหิรัญ รองประธาน กมธ.การคมนาคม และเลขานุการ กมธ.การทหาร วุฒิสภา กล่าวว่า จากการข่าวทราบว่า เป็นเรื่องการขัดผลประโยชน์ภายในบริษัทที่ได้รับสัมปทานที่จอดรถ ซึ่งต่างฝ่ายต่างมีทหารเป็นลูกมือ ฝ่ายหนึ่งเป็นฝ่ายห้องเก็บเงินค่าบัตรจอดรถ กับอีกฝ่ายเป็นผู้ทำบัญชี ซึ่งฝ่ายผู้ทำบัญชียกพวกไปยึดห้องเก็บค่าบัตรจอดรถ แต่ฝ่ายแรกไม่ยอมก็ยกพวกมาเหมือนกัน ซึ่งการท่าอากาศยานฯจึงเอาตำรวจมาเคลียร์ เบื้องต้นทราบว่า เคลียร์กันได้แล้ว ส่วนที่มีข่าวว่า มีนายทหารระดับสูงจากกองบัญชาการทหารสูงสุดเข้ามาเกี่ยวข้องนั้น ในทางการข่าวยังไม่ยืนยัน
“ในส่วน กมธ.ทหารจะนำเรื่องเข้าที่ประชุมในวันที่ 4 ตุลาคม โดยจะเสนอให้เชิญนายทหารชั้นผู้ใหญ่ที่เกี่ยวข้องในการกำกับดูแลกำลังพลมาสอบถาม เพราะปัจจุบันมีข่าวเรื่องทหารออกไปทำงานนอกมากมาย ซึ่งไม่น่าจะถูกต้อง แถมไม่รู้ว่าไปทำในหรือนอกเวลาราชการด้วย ส่วน กมธ.คมนาคมจะนำเรื่องเข้าที่ประชุมวันที่ 5 ตุลาคม เพื่อเชิญผู้บริหารการท่าอากาศยานฯมาสอบถามว่า ที่แก้ไขปัญหา ได้ทำถูกต้องหรือไม่ มีลับลมคมในอะไรอีกหรือไม่ เพราะที่ผ่านมามีผู้บริหารการท่าอากาศยานฯกำลังโดนคดีเรื่องการให้สัมปทานทำนองนี้มาแล้ว”  พล.อ.อ.อาคมกล่าว

โพสท์ใน categorized | ใส่ความเห็น

EP.741…บริหารทอท.จนเป็นอย่างนี้..แต่บอร์ดยังสนับสนุน..?


ถึง นายกอภิสิทธิ เวชชาชีวะ, wirush.gera@yahoo.com, paisal@dharmniti.co.th, pakjira_999@hotmail.com, คุณปานเทพ กล้าณรงค์ราญ, pissanu.19@hotmail.com, tra832@yahoo.com, สมัชชาประชาธิปไตย

3/10/2553

สัมปทานพิสดาร ลานจอดรถฉาวสุวรรณภูมิ เลือก “บ.ปาร์คกิ้ง” ชูธุรกิจค้าอาวุธร่วมวง

สัมปทานซับซ้อนพื้นที่ลานจอดรถสนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิ ที่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) “ทอท.” ทำสัญญากับ “บริษัท ปาร์คกิ้ง แมเนจเมนท์ จำกัด” บริเวณอาคารเอและบี (ลานจอดรถปัจจุบัน) ขนาด 160,000 ตารางเมตร เป็นเวลา 5 ปี ระหว่าง 30 เมษายน 2553-31 มีนาคม 2558 เมื่อตรวจสอบเอกสารพบเงื่อนงำพิสดารมากมายและหลายฝ่ายตั้งข้อสังเกต หากรัฐยังปล่อยไว้เช่นนี้จะยิ่งกระทบรายได้และภาพลักษณ์ สนามบินนานาชาติของประเทศที่ตั้งเป้า ติด 1 ใน 5 ของโลก

ท่ามกลางปัญหาของหน่วยงานได้ดำเนินธุรกิจอย่างโปร่งใส มีธรรมาภิบาลหรือไม่ ?

เมื่อ ทอท.เปลี่ยนแผนหารายได้พื้นที่ลานจอดรถสุวรรณภูมิ จากเดิมดำเนินการเองไปให้สัมปทานเอกชนทำ แบ่งผลประโยชน์ตามสัญญา เมื่อ 21 เมษายน 2553 ให้บริษัท ปาร์คกิ้ง แมเนจเมนท์ จำกัด เป็นผู้รับสิทธิ ต้องปฏิบัติตามข้อตกลงหมวดต่าง ๆ ได้แก่ หมวดหลักเกณฑ์และสิทธิการพิจารณาข้อเสนอค่าตอบแทน ระบุอย่างชัดเจนว่า ผู้ได้รับอนุญาตจะต้อง “ชำระค่าผลประโยชน์ตอบแทน” แก่ ทอท.อัตราร้อยละ 75 ของยอดรายได้ต่อเดือน (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) ก่อนหักค่าใช้จ่ายใด ๆ ทั้งนี้ต้องไม่ต่ำกว่าค่าตอบแทนขั้นต่ำ (minimum guarantee) 15.5 ล้านบาท/เดือน

“หมวดการทำสัญญา” ให้วางหลักประกันสัญญา ส่วนที่ 1 ค่าตอบแทน รายได้เป็นเงิน 6 เท่า ของเงินค่าตอบแทนขั้นต่ำรายเดือนของปีที่ 1 หรือประมาณ 120 ล้านบาท วิธีชำระค่าตอบแทนให้นำส่ง ทอท.ทุกเดือนภายในวันที่ 7 ของเดือน ถัดไป หากล่าช้าจะคิดดอกเบี้ยปรับร้อยละ 18 ต่อปี ของเงินที่ค้างชำระแต่ละเดือน ส่วนที่ 2 หลักประกันค่าเช่าพื้นที่ประกอบการเป็นเงิน 4 เท่า ของค่าเช่ารายเดือน หรือประมาณ 19.2 ล้านบาท

“ประชาชาติธุรกิจ” ตรวจสอบเอกสารสัญญาระหว่าง ทอท.กับบริษัท ปาร์คกิ้ง แมเนจเมนท์ จำกัด และหนังสือร้องเรียนของนายเกษม วงษ์สมศรี ประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ ทอท. กรณีผลกระทบรุนแรงที่จะเกิดขึ้นจากสัมปทานบริหาร ลานจอดรถสุวรรณภูมิ (ก่อนหน้านี้ “ประชาชาติธุรกิจ” ได้ตรวจสอบคำร้องทุกข์ของนายธนกฤต เจตกิตติโชค ซึ่งอ้างเป็นกรรมการ บริษัท ปาร์คกิ้ง แมเนจเมนท์ จำกัด ส่งถึงปลัดและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เมื่อ 29 สิงหาคม 2553 กล่าวโทษนายนิรันดร์ ธีรนาถสิน ผู้อำนวยการสุวรรณภูมิ และ นางดวงใจ คอนดี รองผู้อำนวยการสุวรรณภูมิ เพื่อให้ลงโทษฐานละเลยการปฏิบัติหน้าที่)

ก่อน ทอท.ลงนามกับกรรมการ บริษัท ปาร์คกิ้ง แมเนจเมนท์ จำกัด เมื่อ 29 เมษายน 2553 มีหลักฐานปรากฏในเอกสาร ทอท. 16540 ลงเวลา 15.28 น. รับเรื่อง : ขอทักท้วงคัดค้านการลงนาม ตามสัญญาเข้าบริหารจัดการอาคารและลานจอดรถผู้โดยสาร ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เรียน : กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) อ้างถึง : หนังสือแจ้งผลการพิจารณาขยายเวลาการทำสัญญาอนุญาตของ ทอท.ที่ 356/2553 ลงวันที่ 21 เมษายน 2553 (ดูจากสำเนากราฟิก) คัดค้านโดย “นายธรรศ พจประพันธ์” ผู้ถือหุ้นและเป็นกรรมการผู้มีอำนาจลงลายมือชื่อร่วมกับกรรมการอื่น อีกหนึ่งคนของ บริษัท ปาร์คกิ้ง แมเนจเมนท์ จำกัด

หนังสือทักท้วงคัดค้านให้ ทอท.ลงนามสัญญาสัมปทานลานจอดรถได้ระบุชัดว่า สำเนาการขอจดทะเบียนแก้ไขเปลี่ยนแปลงกรรมการผู้มีอำนาจมีข้อมูลอันเป็นเท็จ ลายมือชื่อปลอม ลงวันที่ 12 เมษายน และ 23 เมษายน 2553 จึงได้แนบหนังสือขอเพิกถอนการจดทะเบียนแก้ไขต่อนายทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทกรุงเทพมหานคร และสำเนารายงานประจำวันเกี่ยวกับคดี ดังกล่าวของ สน.บางพลัด ตามคดีอาญาที่ 511-2553 ลงวันที่ 28 เมษายน 2553 มาไว้ด้วย

เอกสารทั้งหมดนั้น “นายธรรศ พจนประพันธ์” ผู้มีอำนาจลงนามใน บริษัท ปาร์คกิ้ง แมเนจเมนท์ จำกัด ต้องการให้ผู้บริหาร ทอท.หยุดการลงนามสัญญาสัมปทานลานจอดรถสุวรรณภูมิไว้ก่อน เพื่อรอคำสั่งและการพิสูจน์จากสำนักงานพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ซึ่งต่อมาเมื่อ 23 กรกฎาคม 2553 นางพิมลวรรณ คชเดช ผู้อำนวยการ สำนักงานพัฒนาธุรกิจการค้าเขต 1 นายทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทกรุงเทพมหานคร ส่งหนังสือยืนยันถึงนายธรรศและนายธนกฤตนำไปแสดงต่อ ทอท.เรื่องแจ้งคำสั่งเพิกถอนการจดทะเบียนบริษัท ปาร์คกิ้ง แมเนจเมนท์ จำกัด ทะเบียนเลขที่ 0105553045168 ตามคำขอ และหากจะมีผู้อุทธรณ์ต้องทำภายใน 15 วัน (จนถึงบัดนี้ยังไม่มีอุทธรณ์)

ผลปรากฏว่าผู้บริหาร ทอท.ไม่ได้ฟัง คำค้านของนายธรรศ กรรมการบริษัทนี้มาตั้งแต่ต้น กลับเดินหน้าทำสัญญาให้บริษัท ปาร์คกิ้ง แมเนจเมนท์ จำกัด เข้าทำสัมปทานเมื่อ 30 เมษายน 2553 เป็นต้นมา และมีปัญหาลุกลามบานปลายมาถึงวันนี้


จากการตรวจสอบคุณสมบัติที่กำหนด ในทีโออาร์ ทอท.ระบุผู้ชนะประมูลต้องมีประสบการณ์บริหารลานจอดรถไม่ต่ำกว่า 3 ปี แต่ในทางปฏิบัติจริงกลุ่มเก่า 2 บริษัท คือ บริษัท วี ดับเบิ้ลยู ไอ เอ็น จำกัด ของนายธนกฤติ เจตกิตติโชค กับบริษัท สแตนดาร์ด พรอมพ์ จำกัด ของนายชุมพล ญาณวินิจฉัย ไปยื่นจดทะเบียนใหม่เป็นบริษัท ปาร์คกิ้ง แมเนจเมนท์ จำกัด เพิ่มกรรมการใหม่อีก 1 คน คือนายธรรศ พจนประพันธ์ เป็นผู้มีอำนาจลงนามคนแรกและยื่นคัดค้านการทำสัญญาทั้งหมด

เมื่อตรวจสอบเอกสารยื่นจดทะเบียนของบริษัท ปาร์คกิ้ง แมเนจเมนท์ จำกัด ที่แนบมาพร้อมกันขณะยื่นประมูลงาน ทอท. ตั้งแต่ 7 เมษายน 2553 แจ้งดำเนินธุรกิจ 90 รายการ ในจำนวนนี้ได้ระบุ ประกอบกิจการจำหน่ายอาวุธยุทโธปกรณ์ จำหน่ายรถถัง รถหุ้มเกราะ ยานยนต์หุ้มเกราะ รถตีนตะขาบ ยานพาหนะที่ใช้ในราชการสงครามทุกชนิด และกิจการขนส่ง-ขนถ่ายสินค้า คนโดยสารทั้งทางบก ทางน้ำ ทางอากาศ ทั้งภายในประเทศและระหว่างประเทศ รวมทั้งรับบริการของออกจากท่าเรือตามพิธีศุลกากร และจัดระวาง การขนส่งทุกชนิด

รวมไปถึงกิจการนำเที่ยว ตัดผม แต่งผม เสริมสวย ตัดเย็บ ซักรีดเสื้อผ้า โรงพยาบาลเอกชน สถานพยาบาลรักษาคนไข้และผู้ป่วยเจ็บ จัดพิมพ์และ เผยแพร่สถิติ ข้อมูลทางเกษตรกรรม อุตสาหกรรม พาณิชยกรรม การเงิน การตลาด รับทำและซ่อมแซมรถยนต์ หุ้มเกราะ รถที่ใช้ในราชการสงครามทุกชนิด

เรื่องราวสัมปทาน “ลานจอดรถสุวรรณภูมิ” ที่ ทอท.อนุมัติให้บริษัท ซึ่งแจ้งมีวัตถุประสงค์จะดำเนินธุรกิจจำหน่ายยุทโธปกรณ์ใช้ในราชการสงครามทุกชนิด เรื่อยไปจนถึงกิจการขนาดเล็กมากมายนั้น เหตุใด ทอท.จึงยินยอมตกเป็นเบี้ยล่าง ทั้ง ๆ ที่คู่สัญญาปฏิบัติ ผิดเงื่อนไขทีโออาร์แทบทั้งสิ้น

เป็นไงครับ….ทำผิดขนาดนี้ แต่ความยิ่งใหญ่ของบอร์ดทอท.ที่ชอบอวดอ้างว่ามีท่านรองนายกสุเทพให้การสนับสนุน และมีคุณเนวิน”สั่ง”ให้ทำทุุกเรื่องในทอท.  ผู้บริหารทอท.กลุ่มนี้จึง”ใหญ่”กันเสียจน “อันธพาลครองทอท.” มาตั้งแต่สมัยอดีตนายกฯทักษิณแล้วครับ รับไม้ส่งลูกกันมาเรื่อยๆจน ไม่”เกรงกลัว”กฎหมายใดๆทั้งสิ้น

ถ้าไม่จริงก็หวังจะได้เห็นท่านนกการเมืองผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสอง  ที่มีผู้คน”กลัว”จนตัวสั่นงันงกกันไปหมดทั้งประเทศแล้ว…ช่วยกรุณาออกมา”จัดการ”กับผู้บริหารทอท.กลุ่มนี้ ที่”บังอาจ”แอบอ้างชื่อท่านจนดังกระฉ่อนทั้งทั่ววงการการบินด้วยนะครับ

ผมน่ะเชื่อท่านทั้งสองนะครับ เพราะท่านมักจะ “แสดง” ว่า “รักชาติรักสถาบัน” ได้สมจริงสมจังมากเหลือเกินครับ  ถือว่าช่วยชาติละกันนะครับท่าน...

ไม่เท่านี้นะครับเพราะ…คุยทับกันอีกว่าคดีความต่างๆของทอท. ที่ไม่คืบหน้าเลยนั้น เพราะความยิ่งใหญ่ของนักการเมืองสองท่านนี้(ท่านรองนายกสุเทพ และ ท่านเนวิน) แต่ผมน่ะไม่เชื่อหรอกครับว่า  ก็เห็นคุณเนวินชอบประกาศว่า”รักชาติ”บ่อยๆ…แต่กระแสที่ข่าวออกจาก”ปาก”ลูกน้องนายนิรันดร์ และนายเสรีรัตน์ เองทั้งนั้น

เมื่อทีมงานฯนี้นำเรื่องทุจริตในทอท.มาแฉ…นายปิยะพันธ์ออกอาการ“ร้อน”….ถึงกับสั่งเจ้าหน้าที่ทั้งในทอท.และในกท.ไอซีทีให้”ไล่ล่า”หาตัวทีมงานฯทันที  โอโห..ใหญ่ขนาดสั่งข้ามใช้งาน”ส่วนตัว” ได้เสียด้วยซิครับ

ส่วนนายเสรีรัตน์ ที่มีพรรคพวกใน กทช.ก็ให้สืบหาตัวทีมงานฯนี้เช่นกันครับผม…หวังว่าคงไม่ใช่เพราะมัวมาสืบหากันอย่างหนัก จนทำให้สัญญา 3 จีมีปัญหานะครับ…. แต่ก็ยัง….ผิดตัวกันจนถึงวันนี้…จนกลายเป็นสร้างศัตรูให้ตนเองและพวกโดยไม่จำเป็น!

ผมรู้ว่าบล๊อกของเรามีทีมงานของบรรดานักการเมืองใหญ่ๆทุกพรรค ข้าราชการหน่วยงานภาครัฐที่สำคัญๆเกือบทุกหน่วยงาน และเจ้าหน้าที่กระทรวงดังๆทั้งหลายเข้ามาอ่านกันมาก รวมถึงเจ้าของสัมปทานต่างๆ และเจ้าหน้าที่สายการบิน และทางคาร์โก้ในสุวรรณภูมิด้วย ยินดีและขอบคุณที่กรุณาตามอ่านกันมาจากบล๊อกเดิมนะครับ

จาก นายวาซาบิ เผ็ดละมุน ครับผม.

ปล. ผมว่าจะส่งชื่อผู้บริหารระดับ 11 คนที่จัดส่ง “นักเลง” บุกเข้ามาในสุวรรณภูิมิวันที่มีเสียงปืนดัง..ให้กับบริษัท คู่กรณีของทอท.ด้วย  เผื่อเขาจะได้รู้ว่าผู้บริหารทอท.คนไหนอีกบ้างที่เกี่ยวข้องด้วย…ดีไหมครับ?(เพราะวันนั้นมีคน”มั่ว”โดยการจัดการของผู้บริหารคนนี้ละครับ..ว่าแต่”หลบ”ไปไหนละคร้าบ…!)


โพสท์ใน categorized | ใส่ความเห็น

EP.740..CAR PARKสุวรรณภูมิ…ที่มาของเรื่องครับ


3/10/2553

สังเกตุดูนะครับ ช่วงเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา(กว่า3เดือนแล้ว) เรื่องคนบุกเข้ามาอาคารจอดรถสุวรรณภูมิ พร้อมอาวุธครบมือ…จนบัดนี้ผ่านมากี่เดือนแล้ว ผู้บริหารทอท.ทำอะไรช่วงที่ผ่านมาหรือครับ ถ้าไม่ใช่”วิ่ง”หาหลัก และทำเอกสารขึ้นมาใหม่เพื่อ”โยน”เรื่องกลับไปให้เป็นความผิดของผู้ประกอบการ

ทั้งที่ช่วงนั้นทอทงก็ไม่มีรายได้จากสัมทานนี้เลย แล้วมาวันนี้ผู้บริหารทอท.ยัง”พ่นน้ำลายเน่าๆ”ว่า ผู้บริหารไม่ผิด แต่เพราะผู้ประกอบการทะเลาะกันเอง ไอ้ที่เขาทะเลาะเนี่ย ต้นเหตุเพราะนายนิรันดร์และพวกที่โลภ ส่งเอกสารสัญญาให้”ผิด”คน(ไม่คิดว่าจะมีคนรู้อ่ะดิ) แล้วปล่อยให้ผู้ประกอบการไปทะเลาะกันเอง ส่วนพวกตัวเองนั่งบนภูรอ“เสือหันมาขย้ำ!”?

พูดมาได้ว่า จะไม่เกิดเหตุการณ์อุอาจเช่นนี้ขึ้นอีก แล้ววันที่เสียงปืนแตก(ศัพท์นิยมของกลุ่มเผาเมือง..ใช่ไหมท่านเสรีรัตน์) ไม่ทราบว่า..คืออะไรรึครับท่าน? หรือเป็นเสียงลมออกจากรูก้นของท่าน?

เข้าใจแล้วใช่ไหมครับว่า ทำไมไม่มีใครเขาเชื่อคำพูดผู้บริหารทอท.อีกแล้ว เพราะสักแต่พูด ครับ ลาออกไป”หลบ”สิ่งที่คาดไม่ถึงดีกว่าไหมครับ เพราะรู้มาอีกแล้วว่า เรื่องนี้ไม่วันจบแน่ เพราะคนผิดคือผู้บริหารทอท.ที่ทำให้ผลระโยชน์ไม่ลงตัวตามที่ควรจะเป็น..และไม่ว่าใครที่ถุก”ไล่”ให้ไป “เขา”ไม่ยอมครับผม…

ยังไม่รวมกลุ่มคนที่ถูกส่งให้เข้าไป”มั่ว”  จากการส่งประกวดโดย “ผู้บริหารระดับ 11” คนหนึ่งที่ต้องการ”สร้างสถานการณืให้เลวร้ายยิ่งขึ้น(รึเปล่าไม่ทราบ) อีกเรื่องนะครับ…อยากรู้ว่าใคร..ไล่ๆดูนะครับมีักันอยู่ไม่กี่คนเอ๊ง…!(ทำเองชงเอง..ทำผิดเสียเอง แต่”หลบ”ครับผม..)

แต่ประธานหน้าดำของเรากำลังพยายามเอาสีขาวมาละเลงทับสีดำที่ตัวสร้างขึ้นเอง ด้วยการกระเตงผู้บริหารทอท.ที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้ทั้งก๊กไว้ให้ปราสจากความผิด..

อย่างน้อยนะครับ การที่พวกท่านได้เป็นใหญ่เป็นโตในสายงานราชการมา ทำให้แต่ละคนมีชื่อเสียงติด  มีเงินทองใช้สอย  มีเงินส่งเสียลุกเมียให้เสวยสุขได้ ทำให้มีใบหน้าใหญ่ๆ(ที่อยากมีกันมากๆเพื่อ”ลบ”ปมด้อยที่”ด้อย”มาแต่กำเนิด) ทำให้มีๆๆๆจนอยู่สบายมาทุกวันนี้ได้

แต่บุญคุณของแผ่นดินนี้ ไม่มากพอที่จะทำให้ผู้บริหารทอท.ระดับสูงอย่างพวกท่านกลุ่มนี้ สำเหนียกสำนึกกันได้บ้างจริงๆว่า ควร”ตอบแทนคุณ” แผ่นดินนี้อย่างไร?

แล้วจะเกิดกันมาทำม้าย..ย…ไม่เก่งและเลวแบบนี้…กรุณาไสศีรษะไปอยู่แผ่นดินอื่นเถอะไป๊!ไอ้เนรคุณ…!

จาก นายวาซาบิ ครับผม.

..”CAR PARK”เรื่องมันเป็นเช่นนี้เอง….

posted on 30 Aug 2010 14:38 by hiso-zupzip | Edit This

เพื่อไม่ต้องให้ผู้อ่านลำบากในการย้อนเปิดอ่านในเรื่องอาคารจอดรถฉาวนี้แต่แรก ที่เคยนำมาลงไว้ตั้งแต่ช่วงเดือนมิถุนายน จึงขอยกบทความจากสื่อที่เคยลงไว้มาให้อ่านกันอีกรอบ
เพื่อให้เข้าใจเนื้อหาของเรื่องมากขึ้น
อีกทั้งเรื่องนี้มีการหมกเม็ดในเรื่องทุจริตมาตั้งแต่เริ่มต้นแล้วเช่นเดียวกับการประมูลในเรื่องอื่นๆของการท่า..

ผู้เขียน หัวข้อ: ระดมตำรวจพร้อม M-16 รับงานนักการเมือง “ท” สมคบแก๊งต้มตุ๋น
NARUTO

Sr. Member
****
กระทู้: 332

« เมื่อ: มิถุนายน 04, 2010, 04:18:15 pm »


นายประวัติ หาดปิ่นขจรจารุ ทนายความของบริษัท ปาร์คกิ้งแมนเนจเม้นท์ จำกัด ซึ่งได้รับสิทธิ์สัมปทานจากการท่าอากาศยานแห่งประเทศไทย ให้บริหารพื้นที่ลานจอดรถของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เปิดเผยถึงปัญหาถูกคุมคามจาก นายธนกฤต เจนกิตติโชค ซึ่งเป็นหนึ่งในหุ้นส่วนของบริษัท ปาร์คกิ้ง แมนเนจเม้นท์ จำกัด

นายประวัติ เล่าถึงปัญหาความขัดแย้งที่เกิดขึ้นว่า ก่อนหน้านี้ การท่าอากาศยานแห่งประเทศไทย ได้เปิดให้บริษัทเอกชนเข้าประมูลบริหารพื้นที่ลานจอดรถของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ซึ่งทางบริษัท สแตนดาร์ด พร้อมพ์ จำกัด ของ นายธนกฤต เจนกิตติโชค ร่วมกับบริษัท วีดับเบิ้ลยูไอเอ็น จำกัด ของ นายจุมพล ญาณวินิจฉัย ชนะการประมูล แต่ทั้ง 2 บริษัทไม่มีงบประมาณในการดำเนินการบริหารจัดการ นายธนกฤตจึงได้ขายหุ้น 90 เปอร์เซ็นต์ของบริษัท สแตนดาร์ด พร้อมพ์ ให้แก่นายธรรศ พจนประพันธ์ ก่อนที่บริษัท สแตนดาร์ด พร้อมพ์ กับบริษัท วีดับเบิ้ลยูไอเอ็น จะร่วมกันเปิดบริษัทใหม่เพื่อบริหารลานจอดรถของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิในนามบริษัท ปาร์คกิ้ง แมนเนจเม้นท์ จำกัด โดยที่ทางบริษัท วีดับเบิ้ลยูไอเอ็น ถือหุ้น 60 เปอร์เซ็นต์ และบริษัท สแตนดาร์ด พร้อมพ์ ถือหุ้น 40 เปอร์เซ็นต์ แต่มีข้อตกลงให้ นายธรรศ มีอำนาจจัดการเงินและบัญชีทั้งหมด โดยหุ้นส่วนอื่นมีหน้าที่คุมการดำเนินการลานจอดรถเท่านั้น

แต่ใน 1 เดือนแรก นายธรรศยอมให้บริษัท สแตนดาร์ด พร้อมพ์ และบริษัท วีดับเบิ้ลยูไอเอ็น เข้ามาดำเนินการจัดการบริหารพื้นที่ลานจอดรถก่อน กระทั่งเมื่อวันที่ 23 เมษายน ที่ผ่านมา พบว่า มีการปลอมแปลงรายงานการประชุม มีการปลอมลายเซ็นนายธรรศ โดยเปลี่ยนชื่อกรรมการผู้มีอำนาจในบริษัท สแตนดาร์ด พร้อมพ์ จากนายธรรศมาเป็นนายธนกฤตเพื่อยึดกิจการของนายธรรศทั้งหมด ทำให้นายธรรศเข้าแจ้งความที่ สน.บางพลัด ดำเนินคดีในข้อหาปลอมแปลงเอกสาร หลังจากนั้น นายธรรศ ได้จัดเจ้าหน้าที่และพนักงานเข้าดำเนินการจัดการบริหารพื้นที่ลานจอดรถสนามบินสุวรรณภูมิแทน

ต่อมาเมื่อวันที่ 30 เมษายน นายจุมพลกลับเข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สภ.ราชาเทวะ ดำเนินคดีกับ นายธรรศ กับพวกในข้อหาบุกรุก ฐานเข้าไปดำเนินการบริหารจัดการลานจอดรถของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ แต่เมื่อตำรวจตรวจสอบเอกสารหลักฐานแล้ว พบว่า นายธรรศ มีอำนาจในการบริหารจัดการจริง จึงได้ถอนหมายจับและสั่งไม่ฟ้องคดี

ขณะเดียวกัน นายธรรศได้ตรวจสอบพบว่า นายธนกฤต กับนายจุมพล มีการแอบโอนหุ้นของปาร์คกิ้ง แมนเนจเม้นท์ ทั้งหมดให้กับบริษัทแห่งหนึ่งเมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม ที่ผ่านมา

กระทั่งวันที่ 3 มิ.ย.53 นายธนกฤตได้มอบอำนาจให้ทนายความนำตำรวจกองปราบปรามกว่า 36 นาย พร้อมอาวุธสงครามประเภท M-16 เข้าคุกคามบริษัท ปาร์คกิ้ง แมนเนจเม้นท์ อีกครั้งเพื่อขอเข้ามามีส่วนร่วมในการบริหาร ก่อนที่ตำรวจกองปราบปราม จะเดินทางกลับหลังจากตรวจสอบไม่พบว่าบริษัทกระทำความผิด อย่างไรก็ตาม นายธรรศยินดีที่จะให้ทางนายธนกฤต และ นายจุมพล เข้าร่วมบริหารจัดการลานจอดรถของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ แต่จะต้องชำระค่าหุ้นจำนวน 5 ล้านบาท และรายได้ของเดือนแรกที่ทั้งคู่เข้ามาบริหารจัดการรายได้ค่าจอดรถจำนวน 20 ล้านบาทก่อน

ทั้งนี้ บริษัท ปาร์คกิ้ง แมนเนจเม้นท์ จำกัด มีรายได้จากการบริหารพื้นที่ลานจอดรถของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิจำนวน 24 ล้านบาทต่อเดือน แต่ต้องจ่ายค่าสัมปทานให้แก่การท่าอากาศยานแห่งประเทศไทย เดือนละ 22 ล้านบาท

แต่ล่าสุด แหล่งข่าวระบุว่านายธรรศกลับได้รับการติดต่อจากนักการเมืองมาพูดข่มขู่ ขอรับส่วนแบ่ง 100 ล้านบาท โดยอ้างว่าเป็นสัญญาใจที่ทางนายธนกฤต และนายจุมพล สัญญาว่าจะให้หลังจากให้ความช่วยเหลือให้ได้รับสัมปทานบริหารพื้นที่ลานจอดรถท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ หากมิเช่นนั้นจะไม่รับประกันว่าอะไรจะเกิดขึ้น

แหล่งข่าวกล่าวอีกว่า นักการเมืองคนดังกล่าวได้ย้ำอีกด้วยว่า ต้องได้รับส่วนแบ่งครบถ้วน 100 ล้านบาท มิเช่นนั้นจะถือว่าเสียศักดิ์ศรี โดยเครือข่ายนักการเมืองคนดังกล่าวนั้นมีตัวอักษรย่อว่า “ท” เป็นอดีตรัฐมนตรี ซึ่งมีอิทธิพลทั้งในกระทรวงคมนาคม และสำนักงานตำรวจแห่งชาติในปัจจุบัน

โพสท์ใน categorized | ใส่ความเห็น

EP.ึ739..จง”ห่าง”จากผู้บริหารทุจริต..ก่อนจะสายเกิน….เราเตือนคุณแล้วนะ!


3/10/2553

อ่านบทความนี้จบ…ผมขอเชียร์ให้ท่านนายกฯอภิสิทธฺ์”ปราบ”คอรัปชั่นที่เกิดจากข้าราชการของรัฐก่อนเลยครับ ต้นตออยู่ที่ทอท.นี่แห่งหนึ่งครับ

ถ้าท่านนายกฯไม่ทราบจะเริ่มตรงไหน กรุณาเริ่มที่ ทอท.ก่อนนะครับ เพราะขณะนี้ผู้บริหารเลวๆมีมากและกำลังทำให้สนามบินกลายสภาพเป็นแหล่งซ่องสุมของผู้ก่อการ”ไม่ดี”แห่งชาติไปแล้วครับ ที่สำคัญ ผู้บริหารทอท.เองเป็นหนึ่งในกลุ่ม”มาเฟีย”เหล่านั้นเสียเองครับผม..!

คดีที่ค้างๆไว้ในภาครัฐ เมื่อไหร่จะได้บทลงโทษเสียทีครับท่าน..! เอาเลยครับ ทำอะไรก็ได้ ให้พวกขี้ฉ้อทั้งหลายได้บทเรียนเสียที ฝากด้วยนะครับ…ขอเป็นกำลังใจให้ท่านนายกนและทีมงานฯทำงานสำเร็จนะครับ…

จาก นายวาซาบิ ครับผม..

“นักการเมืองและข้าราชการต่างก็สับสน จนนำชาติกระโจนสู่หายนะ” (เพื่อประชาชน)

ความวุ่นวาย ความขัดแย้งทางการเมือง ในการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการ และการทุจริตคอร์รัปชั่นที่กำลังเกิดขึ้นกับบ้านเมืองของเราในขณะนี้ ดูเหมือนจะไม่มีทางออก ให้กับรัฐบาลและผู้เกี่ยวข้อง ทุกๆฝ่ายล้วนตกอยู่ใต้อำนาจทิฏฐิมานะ ความยึดมั่น ถือมั่นของตนเอง จนไม่สามารถสลัดคราบไคลต่างๆที่เกาะแน่นติดตามเนื้อตัวของตนเองออกไปได้ ในที่สุดก็จะนำชาติบ้านเมืองกระโจนลงสู่ความวิบัติ และความหายนะ

ในทัศนะของกระผม ขอเรียกสภาวะการณ์เช่นนี้คือ สภาวะการณ์แห่งความสับสนของตัวนักการเมืองทั้งหลายทั้งปวง และข้าราชการระดับสูงที่ยอมอุทิศตนเป็นเครื่องมือให้กับนักการเมือง ทำการทุจริตคอร์รัปชั่น เพียงเพื่อการได้ดำรงตำแหน่งที่สูงขึ้น มีอำนาจมากขึ้น

ลองหันมาพิจารณา เจ้าตัว”ความสับสน”ที่เกิดกับนักการเมืองทั้งหลายทั้งปวงก่อน เราก็ได้ทราบว่า นักการเมืองเกือบทุกๆคนต่างพากันสับสนในหน้าที่ภารกิจและความรับผิดชอบของตนที่ได้เป็นผู้แทนของปวงชนชาวไทย เข้ามาทำหน้าที่แทนประชาชนในการบริหารราชการแผ่นดิน ทั้งในฐานะรัฐบาลและในฐานะฝ่ายค้าน ที่นักการเมืองทั้งสองฝ่ายต้องมีหน้าที่ความรับผิดชอบร่วมกัน ในกิจการบริหารบ้านเมือง โดยฝ่ายหนึ่งทำหน้าที่บริหาร อีกฝ่ายหนึ่งต้องทำหน้าที่ตรวจสอบควบคุม โดยมีการสลับสับเปลี่ยนหน้าที่ ฝ่ายหนึ่งกลับเข้ามาเป็นฝ่ายบริหาร อีกฝ่ายหนึ่งก็กลับเป็นฝ่ายค้าน ตามที่ประชาชนมอบหมาย ตามผลการเลือกตั้งทั่วไปทุกๆ 4 ปี

ทุกวันนี้นักการเมืองทั้ง 2 ฝ่าย สับสนในหน้าที่ความรับผิดชอบ ด้วยการเข้ามาแย่งชิงอำนาจรัฐาธิปัตย์กันอย่างสุดลิ่มทิ่มประตู อย่างไม่ได้สติ ไม่ลืมหู ลืมตาดู โดยเฉพาะฝ่ายค้านจะไม่ยอมทำหน้าที่ควบคุมดูแลการบริหารงานของรัฐบาล กลับใช้ความพยายามทุกวิถีทาง จะโค่นล้ม ทำลาย รัฐบาลลง เพื่อตนจะได้กลับเข้ามาครองอำนาจใหม่ ฝ่ายรัฐบาลก็ดำเนินการทุกรูปแบบที่จะป้องกันรักษาฐานอำนาจในมือที่มีอยู่ไว้ให้นานที่สุด เหมือนกับนักมวยที่ต้องการชกป้องกันตำแหน่งทุกวัน ฝ่ายค้านก็พยายามชกชิงตำแหน่งทุกวัน

หากการบริหารบ้านเมืองเป็นกีฬาชกมวยที่มีแพ้มีชนะ ก็เป็นเพียงตัวนักมวยที่แพ้และชนะกันเท่านั้น แต่กรณีชิงอำนาจรัฐเช่นนี้ บ้านเมืองประเทศชาติเป็นผู้แพ้ เป็นผู้สูญเสียโอกาสตลอดเวลา นั่นก็คือ ประชาชนชาวไทยทั้งประเทศต่างได้รับความเสียหายจากการแย่งชิงอำนาจของนักการเมืองทั้ง 2 ฝ่าย

สี่ปีหลังการปฏิวัติ 19 กันยายน 2549 ได้เกิดศึกชิงอำนาจของนักการเมืองทั้ง 2 ฝ่าย ที่เห็นเด่นชัดเป็นรูปธรรมอย่างที่สุด นักการเมืองฝ่ายค้านมีหัวหน้าหนีคดีไปอยู่ต่างประเทศ คอยบงการ สนับสนุนให้นักการเมืองและผู้สนับสนุนในประเทศ พยายามโค่นล้มรัฐบาลชุดปัจจุบันให้จงได้ รัฐบาลชุดปัจจุบันใช้ความพยายามทุกรูปแบบ จะนำตัวหัวหน้าฝ่ายค้านจากนอกประเทศมารับโทษทัณฑ์ จนเกิดมีการเผาบ้านเผาเมือง 2 – 3 ครั้ง นำความวิบัติ วินาศมาสู่ประเทศชาติ เศรษฐกิจ สังคม การท่องเที่ยว ในที่สุดทุกฝ่ายก็พยายามเพรียกหาการสร้างความปรองดอง สมานฉันท์ สามัคคีกันใหม่ แต่ก็มิอาจแสวงหาความปรองดอง สมานฉันท์ สามัคคีกันได้ เพราะนักการเมืองทั้ง 2 ฝ่ายยังมั่งคั่ง ร่ำรวยกันด้วยทิฏฐิมานะ ความอาฆาตแค้นเคือง ยังรักกันไม่ได้ ให้กันไม่เป็น

นักการเมืองทางซีกรัฐบาล ก็มิได้มีความปรองดองเพื่อมุ่งแก้ปัญหาความแตกแยกของบ้านเมืองอย่างเต็มที่ เพราะนักการเมืองเหล่านี้ก็ยังมีความสับสนในบทบาทภารกิจการเป็นรัฐบาลที่ดี ด้วยการคิด เชื่อว่า เมื่อตนได้เป็นรัฐบาลแล้ว ย่อมมีอำนาจ และเป็นเจ้าของกิจการต่างๆในกระทรวงทบวงกรมที่ดูแล พยายามแสวงหาผลประโยชน์อันมิควรได้จากโครงการพัฒนาต่างๆของรัฐ เพื่อเตรียมทุน เตรียมเงินไว้ลงต่อสู้ชิงชัยให้พรรคของตนได้กลับมาเป็นส.ส.ให้มากที่สุด เพื่อจะได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลเสียเองหรือเข้าร่วมกับพรรคอื่นๆ ด้วยอำนาจต่อรองตำแหน่งรัฐมนตรีที่สูงสุด

ในรัฐบาลชุดปัจจุบัน เกิดเรื่องฉาวโฉ่คละคลุ้งไปด้วยกลิ่นอายแห่งการทุจริต คอร์รัปชั่นมากมาย โดยไม่มีการปราบปรามดำเนินคดีที่ชัดเจน มีการแต่งตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริงขึ้นมาซื้อเวลา ให้เรื่องจางหายไปจากความสนใจของประชาชนและสื่อมวลชน แล้วก็เลิกรากันไป อยู่ร่วมกันเป็นรัฐบาลต่อไป ต่างฝ่ายต่างเป็นไม้ค้ำยันซึ่งกันและกัน ให้อยู่ในอำนาจให้นานที่สุด

ความสับสนของนักการเมืองซีกรัฐบาล เช่นนี้ ได้สร้างความผิดหวังแก่ประชาชนโดยทั่วไปมาก ประชาชนอยากบอกกับนักการเมืองซีกรัฐบาลอยู่ทุกวันนี้ว่า ประชาชนไม่ได้มอบหมายให้ท่านทั้งหลายมาครองอำนาจรัฐ แล้วสามารถกระทำการทุจริตคิดมิชอบแสวงหาผลประโยชน์จากโครงการพัฒนา โครงการค้าขายสินค้าต่างๆ แล้วนำเงินเข้าพกเข้าห่อพรรคตนเอง พวกตนเองแต่อย่างใด ท่านมีความสับสนในหน้าที่การงานและภารกิจ หรือท่านมีเจตนาจะทุจริตคิดมิชอบโดยไม่ละอายใจ

กระบวนการทุจริตคิดมิชอบที่เกิดขึ้นตามกระทรวงทบวงกรม รัฐวิสาหกิจต่างๆ ไม่สามารถกระทำการได้ลำพังแค่นักการเมืองฝ่ายเดียว ต้องมีเจ้าหน้าที่รัฐ หรือข้าราชการระดับสูงยอมร่วมมือ ยอมเป็นเครื่องมือ ยอมอยู่ในอาณัติเพียงเพื่อให้ได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งสูงขึ้นเท่านั้น ซึ่งข้อเท็จจริงคำกล่าวนี้ มีให้เห็นเป็นประจักษ์พยานอยู่หลายกระทรวงทบวงกรมในปัจจุบั

ความอยากได้ใคร่ดีของข้าราชการระดับสูง ระดับปลัดกระทรวงก็ดี อธิบดีหรือเทียบเท่าก็ดี รวมทั้งระดับผู้ว่าการรัฐวิสาหกิจต่างๆก็ดี ได้ปิดบังเป็นม่านดำกั้นจิตสำนึกที่ถูกที่ควรของบุคคลเหล่านี้ ยอมตนกระทำการต่างๆ ตอบแทนนักการเมืองผู้มีพระคุณผู้แต่งตั้งตนให้ดำรงตำแหน่งสำคัญ เหล่านั้น จนบางคนออกมายอมรับต่อสื่อมวลชนว่า นักการเมืองคนไหนมีบุญคุณกับตนอย่างไร แล้วก็ยอมปฏิบัติตามคำสั่งนักการเมืองนั้นโดยสิ้นเชิง ไม่ว่าจะเป็นการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการผู้ใต้บังคับบัญชา การจัดซื้อ จัดจ้าง การจำหน่ายจ่ายแจกทรัพย์สินของชาติและของทางราชการ

ท่านเหล่านี้เกิดความสับสนในความคิดความอ่าน สับสนในตนเอง ที่ต้องมีความกตัญญูกตเวทีต่อแผ่นดินนี้ ต่อหน่วยงานที่เป็นอู่ข้าวอู่น้ำของตน และต่อประชาชน จนระบบราชการของไทยทุกวันนี้ถึงกาลวิบัติ พังพินาศไปสิ้น ทุกๆครั้งที่เปลี่ยนรัฐมนตรีเจ้ากระทรวง หรือเปลี่ยนแปลงรัฐบาล เราจึงเห็นปฏิบัติการล้างไพ่ โยกย้ายข้าราชการที่นักการเมืองฝ่ายตรงข้ามได้แต่งตั้งไว้

เมื่อนักการเมืองและข้าราชการพากันสับสนในภารกิจหน้าที่ความรับผิดชอบเช่นนี้ ประชาชนคนไทยย่อมรอผู้ที่จะเข้ามาพัฒนาปรับปรุงแก้ไขระบบชั่วช้าเลวทราม และปรับจิตสำนึกที่ไร้คุณธรรมและไร้ยางอายของทั้งนักการเมืองและข้าราชการประจำ ท่านอย่าได้แปลกใจเมื่อมีการปฏิวัติรัฐประหารครั้งใด จึงเป็นการปฏิวัติดอกกุหลาบบ้าง ดอกดาวเรืองบ้าง เพราะประชาชนก็หวังว่า ทหารที่พากันปฏิวัติเหล่านั้น จะนำมาซึ่งระบบคุณธรรม ระบบธรรมาภิบาลคืนสู่บ้านเมือง

แต่ก็เป็นโชคร้ายของคนไทยอีกเช่นกัน ที่คณะปฏิวัติรุ่นต่างๆมิได้ใช้อำนาจและศักยภาพในการแก้ไขความสับสนอันเลวร้าย ชั่วอย่างสุดๆได้เลย ระบบคุณธรรมและระบบธรรมาภิบาล ยังเป็นฝันอันไกลพ้นของประชาชน อีกต่อไป

ยังมีที่หวังแห่งเดียวคือ ตัวท่านนายกฯอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จะลุกขึ้นมาขจัดความสับสนชั่วร้ายเหล่านี้ลงไปในช่วงเวลาที่สั้นที่สุด รวดเร็วที่สุด อย่ารอข้อเสนอของคณะกรรมการแฝดอิน – จัน ท่านอานันท์ ปันยารชุนกับนายแพทย์ประเวศ วะสีเลย ผ่านมา 3 เดือนท่านอานันท์พึ่งออกมาสรุปว่า ผลงานยังไม่ก้าวหน้ามากนัก หากท่านนายกฯอภิสิทธิ์จะรอแก้ไขจากผลศึกษาของคณะกรรมการปฏิรูปชุดนี้ ก็ต้องรออีก 3 ปีข้างหน้า มันจะช้าเกินไป กว่าถั่วจะสุก งาก็จะไหม้เสียก่อน

สิ่งที่ท่านนายกฯอภิสิทธิ์ สามารถลงมือปฏิวัติได้ทันทีก็คือ ปฏิวัติจิตสำนึกของข้าราชการไทย ปฏิวัติระบบการแต่งตั้งโยกย้ายเสียใหม่ ใช้แบบอย่างของคณะกรรมการ ก.ต. และสร้างความเป็นมืออาชีพในการทำงานของข้าราชการ ที่จะทำงานร่วมกับนักการเมืองเสียใหม่ ขณะเดียวกันก็ต้องปรับปรุงระบบบริหารราชการแผ่นดินเสียใหม่ ให้ลดอำนาจหน้าที่และจำนวนราชการส่วนกลาง คือ กระทรวงทบวงกรมลง เหลือเฉพาะส่วนที่เป็นงานระดับชาติ งานพัฒนาคุณภาพชีวิต และสิ่งแวดล้อมต่างๆโอนให้เป็นเรื่องขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ราชการส่วนกลางมีหน้าที่เพียงกำหนดนโยบาย กำหนดยุทธศาสตร์ กำหนดมาตรฐาน ตรวจสอบ ควบคุมท้องถิ่น

ปรับการบริหารราชการส่วนภูมิภาคให้เป็นศูนย์อำนวยการด้านยุทธศาสตร์การพัฒนา การประสานงาน การติดตามตรวจสอบตามมาตรฐานปฏิบัติงานขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต่างๆ คณะกรรมการยุทธศาสตร์นี้ต้องมีตัวแทนภาคเอกชนและตัวแทนองค์กรปกครองท้องถิ่นร่วมกัน

และประการสุดท้าย ต้องกล้าปฏิวัติรูปแบบ ขนาดจำนวนขององค์กรปกครองท้องถิ่นให้พอดี เหมาะสมกับการตรวจสอบควบคุมและการกำกับ ทุกวันนี้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นกว่า 5,000 แห่งที่ไม่มีหน่วยงานใดไปตรวจสอบควบคุมเลย ปล่อยให้ทุจริตคิดมิชอบกันได้อย่างเสรี

กระผมหวังจะเห็นความกล้าหาญเยี่ยงรัฐบุรุษจากท่านนายกฯอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ครับผม

ประมวล รุจนเสรี
E – mail : Pramuanr @ hotmail com

วันที่ 3/10/2010
โพสท์ใน categorized | 1 ความเห็น

EP.738…อย่าดันทุรัง.. ไม่ไหวจะเคลียร์..ครับ!


3/10/2553

  • ความจริงคืออย่างนี้นะครับ…ท่านนายกฯ‏

ผบก.ปากน้ำรับทำอะไรกลุ่มชุดดำไม่ได้ โบ้ยต้นสังกัดจัดการเอง พท.เย้ยศอฉ.ไร้น้ำยาปล่อย2ก๊กยึดสุวรรณภูมิ

ผบก.ปากน้ำรับทำอะไรกลุ่มชายฉกรรจ์ไม่ได้ เหตุสุวรรณภูมิเป็นที่เปิดใครก็เข้า-ออกได้ โบ้ยต้นสังกัดจัดการเอง เผยคุ้ยประวัติแล้วเจอ 2 คนมีหมายจับคดีอาญา พท.เย้ยศอฉ.ไร้น้ำยาทั้งที่เป็นพื้นที่ประกาศใช้พ.ร.ก. แต่กลับปล่อยให้ 2 ก๊กคนมีสีเข้ายึด ประธานกมธ.ตำรวจฯยุ”ประวิตร”ฟัน ชี้กฎหมู่อย่างไม่ยำเกรงกฎหมาย

comment;


เป็นไงครับผลงานผู้บริหารทอท.ชุดที่มีนายปิยะพันธ์คนเก่งจัง!…และนายเสรีรัตน์ กับนายนิรันดร์ตัวต้นเหตุ…แต่เพราะ”ร่วมกัน” เอื้อทุกทางจนได้ผู้ประกอบการดีๆเช่นนี้เข้ามา

ผมแนะนำนะครับ ถ้าจะ”รื้อ”และ”ฟัน” กรุณาเริ่มที่”ต้นเหตุ” ครับผม…ที่เหตุการณ์บานปลายรลุกลามจนใหญ่โตอายขายหน้าชาวไทยและต่างประเทศ ทั้งที่ทั่นเสรีรัตน์เพิ่งประกาศว่า จะผลักดันให้ติด TOP TEN นั้น รู้กันด้วยนะครับว่าวันที่ประกาศออกสื่อทั้งหลายนั้น …ผู้บุกรุกล้วนเข้ามา STAND BY ในสุวรรณภูมิตั้งแต่วันที่ 24/9/2553 แล้วครับท่านทั้งหลาย แต่กลับ”ไม่พูดถึง”? เอาแต่ให้คะแนนตนเองและผู้บริหารกลุ่มก๊วนตนเองตั้ง 9 เต็ม 10…. อุ อุ…ทำไปด้าย..ย…ครับพี่น้อง!

ตำรวจสมุทรปราการเผยผลการตรวจสอบประวัติชายฉกรรจ์ 22 คน จากจำนวนทั้งหมดนับร้อยคนที่บุกยึดลานจอดรถโซน 2 ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิอย่างไม่เกรงกลัวกฎหมายบ้านเมือง เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม อันเป็นผลจากปัญหาความขัดแย้งภายในฝ่ายบริหาร 2 กลุ่มในบริษัท ปาร์คกิ้ง แมนเนจเม้นจ์ จำกัด ซึ่งได้รับสัมปทานจากบริษัท ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จำกัด เป็นเวลา 5 ปีนั้น พบว่า 2 คนมีหมายจับในคดีอาญา


พล.ต.ต.ชิษณุพงษ์ ยุติทัต ผบก.ภ.จว.สมุทรปราการ ให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 2 ตุลาคม ว่าปัญหาเรื่องนี้เกิดจากการบริหารจัดการภายในบริษัท ปาร์คกิ้ง แมนเนจเม้นจ์ จำกัด ซึ่งได้รับสัมปทานจากบริษัท ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จำกัด ส่วนที่จะให้เอาผิดกับกลุ่มคนที่แต่งกายชุดทหาร เพราะเป็นพื้นที่ประกาศใช้ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินนั้น ในทางคดีตำรวจไม่สามารถทำได้ เนื่องจากคนกลุ่มนี้ยังไม่ได้ก่อเหตุให้เกิดความเสียหาย อีกทั้งภายในสนามบินเป็นที่เปิด ใครก็สามารถเข้า-ออก เว้นแต่เข้ามาแล้วกระทำผิดกฎหมาย เจ้าหน้าที่จึงจะดำเนินคดีได้ เรื่องนี้คงต้องปล่อยให้เป็นหน้าที่ของต้นสังกัดดำเนินการไป

comment;

อ้าว..ไม่ใช่ว่าช่วงที่มีพรบ.ฉุกเฉินคุ้มครองอยู่ ทหารหาญของชาติต้องอยู่ในกรมกองไม่ใช่หรือครับ? แบบนี้อีกหน่อยใครๆก็นำทหารเข้ามาในสนามบินได้”ตามใจ”ซิครับ? มิน่า..ผมจึงได้ยินพนักงานทอท.ในระดับล่างถึงกลางพูดกันว่า มีการประสานจากผู้บริหารทอท.ให้เข้ามาอย่างสะดวกโยธินนั่นเอง! และยิ่งไปกว่านั้น มีผู้บริหารระดับ 11 ของทอท. เป็นคน”มั่ว” สั่งคนขับแท๊กซี่ให้แต่งชุดดำเข้ามามั่วด้วย…เพราะอย่างนี้รึเปล่าครับ ท่านปิยะพันธ์และท่านเสรีรัตน์ กับท่านนิรันดร์และลิ่วล้อทั้งหลายจึงมีคำสั่งให้พนักงานทอท.ทุกคน “ปิดปาก”..! แต่บังเอิญว่าทีมงานฯนี้คิดว่า “ไม่ถุกต้อง” เพราะผู้บริหารกลุ่มนี้ทั้งหมดทุกคนคือตัว “ต้นเหตุ” ครับผผม..

งานนี้ไม่”อ้าง” คุณเนวินกับท่านรองนายกนอีกหรือคะท่านนิรันดร์ ท่านเสรีรัตน์? วันแรกๆอ้างถึงนายพลอีกต่างหาก…วันนี้”ไม่ใหญ๋”กันแล้วหรือครับ? ท่นปิยะพันธ์บอกจะไม่ปล่อยให้มีพวกอิทธิพลในสนามบิน เพราะท่านไม่มีปัญญาดีๆมาปราบ? หรือเพราะกลัวใครมา”แย่ง”ตำแหน่งที่พวกท่านเองและทีมลิ่วล้อตั้งแต่สมัยนายศรีสุขนำทีมจัดเอามาไว้กันแน่ครับท่านครับ..?

“ชายฉกรรจ์ที่ตำรวจควบคุมตัวได้ที่ลานจอดรถ 22 คน พ.ต.อ.ณรงค์ฤทธิ์ ภักดีณรงค์ ผกก.สภ.ราชาเทวะ อ.บางพลี รายงานว่าได้ทำประวัติ ตรวจสอบหาสารเสพติด และตรวจสอบว่าใครเคยทำความผิดอื่นใดหรือไม่ เบื้องต้นพบเพียง 2 ราย มีหมายจับคดีลักรถยนต์ท้องที่ สน.บางพลัด และอีกรายขับรถชนคนตายในท้องที่ สภ.เฉลิมพระเกียรติ จ.นครราชสีมา ซึ่งประสานให้ตำรวจท้องที่มารับตัวไปดำเนินคดีแล้ว” พล.ต.ต.ชิษณุพงศ์กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการเข้าสังเกตการณ์บริเวณอาคารลานจอดรถโซน 2 สนามบินสุวรรณภูมิ พบว่าทางเข้าลานจอดรถชั้นที่ 1 ซึ่งเป็นจุดตั้งตู้จ่ายค่าบัตรจอดรถและตู้เก็บเงินรวม 8 ตู้ มีเพียง 1 ตู้ที่บริษัทจัดพนักงานมาจ่ายบัตรทางเข้า สำหรับทางออกมีพนักงานเก็บเงินครบทั้ง 4 ตู้ ขณะที่ด้านถนนทางเข้าและทางออกมีกำลังเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยท่าอากาศยาน 5 นาย ตั้งจุดตรวจตลอด 24 ชั่วโมง
แหล่งข่าวกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัด เปิดเผยว่า บริษัท ปาร์คกิ้ง แมนเนจเม้นจ์ จำกัด มีกลุ่มนายทหารระดับเสนาธิการ สังกัดกองบัญชาการทหารสูงสุด เป็นที่ปรึกษา ต่อมามีปัญหาภายในเรื่องการเงิน และเรื่องต่อสัญญา กลุ่มของ พ.อ.สมศักดิ์และ พล.ต.การุณหรือเสธ.แขก จึงนำกำลังเข้าผลักดันกลุ่มของ พ.ท.หิมาลัยหรือเสธ.หิ เมื่อวันที่ 24 กันยายนมาครั้งหนึ่งแล้ว แต่ไม่มีเหตุรุนแรง โดยกลุ่มทหารทั้งสองฝ่ายต่างอ้างสิทธิว่าเป็นผู้ได้รับมอบให้เข้าบริหารจัดการด้านการเงินของบริษัท
นายสาธิต ปิตุเตชะ ประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การตำรวจ ผู้แทนราษฎรจากพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า  การกระทำดังกล่าวถือเป็นการใช้กฎหมู่อย่างไม่ยำเกรงกฎหมาย ซึ่งถ้าตรวจสอบพบว่าชายกลุ่มดังกล่าวเป็นทหารที่ออกมาเคลื่อนไหวเพื่อต้องการแสวงหาผลประโยชน์ ผลที่ตามมาจะทำให้ภาพลักษณ์ของทหารเสียหาย รวมทั้งจะกระทบต่อการท่องเที่ยวและการบริหารงานของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เรื่องนี้อยากให้ตำรวจ สภ.ราชาเทวะ ที่ดูแลเรื่องนี้ไปจับกุมชายกลุ่มดังกล่าวมาตรวจสอบประวัติ เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริง ถ้าพบว่าเป็นทหารจริง ก็อยากให้มีการตรวจสอบต่อไปว่าทหารกลุ่มนั้นประจำการอยู่ที่หน่วยใด จากนั้นตนก็พร้อมจะนำข้อมูลที่ได้จากการสอบสวนของตำรวจมาตรวจสอบด้วย หากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมีสาเหตุมาจากความขัดแย้งของทหารในราชการตามที่มีการกล่าวอ้าง ก็อยากเรียกร้องไปยัง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และผู้นำเหล่าทัพ ช่วยทำความจริงในเรื่องนี้ให้กระจ่าง รวมทั้งอยากให้ดำเนินการเรื่องนี้อย่างจริงจัง ซึ่งถ้าพบว่าทหารเข้าไปเกี่ยวข้องก็ต้องมีการจัดการ เนื่องจากทหารมีหน้าที่ปกป้องประเทศ ไม่ใช่การใช้กำลังพลที่มีอยู่แสวงหาผลประโยชน์เข้ากระเป๋าตัวเอง

comment;

กรุณา”จัดการ”ตั้งแต่บอร์ดทอท.ลงมาเลยครับ รวมถึงผู้บริหาร”ด้าน”ของทอท.ทั้งหลายด้วยครับ เมื่อผู้บริหารกลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่ทำให้บริาัทนี้ได้สัญญา ทั้งที่กระบวนทุกอย่างไม่โปร่งใส และ”ผิด”ขั้นระเบียบ รวมถึง”ส่อ”ทุจริต จนกระทั่งตัวผู้บริหารทีมนี้และคณะกรรมการจัดจ้าง กรรมการเขียนทีโออาร์ คณะกรรมการตรวจการจ้าง กรรมการตรวจสอบเอกสาร ทุกขั้นตอนส่อทุจริตหมด..

และที่เกิดปัญหาเพราผู้บริหารสายงานพัฒนาธุรกิจ(ในขณะที่ดำเนินการเรื่องนี้ทุกคน) ตั้งแต่ระดับแปดขึ้นมาจนถึงระดับ 11 ซึ่งคือทีมเดียวกับนายนิรันดร์ผู้ควบคุมร่วมกับนายเสรีรัตน์ เพื่อให้เป็นไปตามประสงค์ที่ตนต้องการ คือ”ต้อง”เป็นบริษัทนี้เท่านั้น!! ฉนั้นผู้บริหารทอท.สายงานพัฒนาธุรกิจดังกล่าวรวมทั้งผู้ควบคุมงานให้เป็นไปตามประสงค์ของตนเพราะ”รับ”กันมาเยอะ…จะต้องรับผิดชอบครับผม..!

ยังไม่เฉพาะแต่ที่รับก้อนโตๆ จนผู้ประกอบให้ข่าวเองว่า ทุ่มทุนไปถึง100 ล้านบาทถ้าได้ทำสัญญากับทอท.ในเรื่องนี้(จะนำข่าวชิ้นนี้ยกมาจากบล๊อก hiso-zupzip.exteen.com มาเสนออีกทีครับ) แล้วใครละครับที่”รับ”ไปขนาดนั้น ถ้าไม่ใช่ผู้บริหารในทอท.ผู้ที่ “ต้อง” มีอำนาจกำหนดทิศทางทุกอย่างให้เป็นไปตามที่ตนเองและพวกต้องการ?

เป็นที่รู้กันดีว่า…ตั้งแต่นายศรีสุขเข้ามาเป็นผู้บริหารในทอท.และจัดวางตัวบุคคลไว้ทั้งบอร์ดและผู้บริหารที่ sandan เดียวกัน รสนิยมทำลายชาติบ้านเมืองเหมือนกันเท่านั้นจึงจะเข้าร่วมสมาคมนี้ได้ ตั้งแต่นั้นมากลุ่มของ นายเสรีรัตน์ และนายนิรันดร์ ก็เติบใหญ่มากจนกำหนดทุกเรื่องในทอท. จริงไหมครับสหภาพทอท.และพนักงานที่ถูดกลั่นแกล้งทั้งหลาย เพียงเพราะ “ไม่ก้มหัวให้” คนทุจริต?

หรือจะเป็นเพราะต้องการ”ตอบแทน”ผลงานของผู้บริหารทอท.ทีมนี้ทุกคน แต่ละคนแม้ผิดและฉาวแค่ไหน..แต่นายปิยะพันธ์กลับ “โปรโมต”ตำแหน่งให้เป็นรางวัลทู๊กคน… ไม่ว่าจะ นางศศิสุภา สุคนธทรัพย์ คนสนิทแนบแน่นสุดๆของนายนิรันดร์ชนิดไม่เกรงใจเครื่องเซ่นไหว้ที่บ้านด้วยซ้ำ

หรือแม้แต่ ท่านด๊อกนิตินัย ศิริสมรรถการ ที่ไม่มีผลงานและเล่อนการประเมินผลงานออกไปเพื่อให้ทอท.ยังต้อง”สิ้นเปลือง”งบในการจ่ายเงินเดือนให้ต่อไปอีกตั้ง 3 เดือน…(เป็นผมนะ..ไม่รู้จะเอาศีรษะวางไว้ส่วนไหนของร่างกายแล้วครับ..คงต้องยืนยันขอลาออกไปแล้ว แต่ท่านดีอกแก”ทนด้ายคับ”)

หรือแม้แต่ นายศิโรตม์ ดวงรัตน์ คนโปรดนายศรีสุข เลื่อนขึ้นเป็นระดับ 10 อย่างรวดเร็ว ทั้งที่เป็นตัวแทนนายนิรันดร์และนางวศศิสุภาในหลายวีรกรรม และถนัดมากในเรื่องใช้งบเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศแต่โยนความผิดให้พนักงานระดับ 7-8 ?

หรืออย่าง นางสุกัญญา ชำนาญเวช สาวคนสนิทสนมของนายศรีสุขที่นายศรีสุขต้องรักษาไว้เท่าชีวิต ด้วยการที่ผ่านๆมาจะไม่ให้ทำอะไรให้อยู่ในตำแน่ง”แขวนลอย” ดูเหมือนถูกลงโทาแต่ที่แท้มีบทบาทในการกำกับรับคำสั่ง และเป็นคนประสาน”งา”ให้เกิดความขัดแย้งระหว่างพนักงานทอทงด้วยกันเองด้วยการใช้”ปาก”ใส่ความคนนี็ให้คนนั้นฟัง แลัแต่งเรื่องว่าคนโน้นให้คนนั้นฟัง..เพื่อจะ”ล้วง”ผุ้บริหารแต่ละคน ทำสำเร็จมาเยอะเพราะผุ้บริหารในทอท.ล้วนมีสมอง”โค”เป็นคุณสมบัติในการปรับตำแหน่งครับผม!

นางคนนี้ด้วยความที่ทำงานไม่เป็นเพราะไม่เคยทำงาน นอกจากเก็บข้อมูลของทุกคนเพื่อไว้ข่มขู่และเชือด(นายศรีสุขระวังให้ดีนะครับ เพราะผอ.เก่าท่านหนึ่งเลือดสาดมาแล้วครับผม) นายศรีสุขกลัวแปดเปื้อนเรื่องคดีความจึงให้นายิยะพันธ์นำไป”แขวน” แต่ขอโทษต้องปรับตำแหน่งจากระดับ8 ให้เป็น 9 ก่อนนะครับ ทุกสิ้นปี จะประเมินผลงานในอากาศออกมาคะแนนสูงลิ่วเพื่อเงินเดือนจะสูงๆ เงินทองเรื่องเล็กครับ เอาแค่รองเท้าเจ้าหล่อนยี่ห้อดังราคาเหยียบหมื่นทั้งที่ไปดู”ตอ”ที่มานะครับว่าแค่ไหน? ข่าวที่ว่ามีสามร้อยล้าน..ไม่ใช่เรื่องโกหกครับ ตามไปดูที่ญาติพี่น้องนะครับ…ปปง.(รึดูกันมาแล้วดีครับดี..)

เป็นไงครับผลตอบแทนที่ผุ้บริหารในทอท.มักนิยมใช้กัน ไปดูเถอะครับ แต่ละคนที่มีรายชื่อในกลุ่มนี้ไม่มีใครต่ำกว่าระดับ 8 แน่นอนครับ เอาพวกมือทำงานจัดการนะครับ ฉนั้นด้วยเหตุผลทั้งปวง เรื่องที่สุวรรณภูมิเสียหายฉาวขนาดนี้ จนกระทั่งไม่เคยได้รับค่าเช่าเลยจากสัมปทานเรื่องนี้…

ผู้บริหารทอท.ทีมนี้ทุกคน“ต้อง”อย่างยิ่งที่ต้อง”รับผิดชอบ” ครับผม พวกคุณก่อเรื่องเอง มีปัญหา”โยน”ให้ตำรวจหรือผู้ประกอบการทำไม??? หรือพร้อมจะไปนุ่งซิ่น? ครับผม..เหตุอื่นๆนะ..ตามมาเพราะพวกคุณอีกนั่นแหละที่”ไม่แก้”ปัญยหา ปล่อยเลยมาตั้ง 8 วันจนเกิดเรื่องในวันที่มีการ”รับเสด็จ”..!! กล้าๆหน่อยครับ เงินเดือนจากทอท.รับไปคนละเยอะๆ รู้จักอายบ้างสำนึกตื่นได้แล้วครับ หรือสมองขาด”ไอโอดีน”?

นายปลอดประสพ สุรัสวดี รักษาการรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า ขณะนี้ศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน หรือ ศอฉ.มีพฤติกรรมใกล้มาเฟียแล้ว ตัวอย่างที่ ศอฉ.ไม่กล้าทำคือเหตุการณ์ชายฉกรรจ์แต่งกายคล้ายชุดทหารปิดอาคารจอดรถ สนามบินสุวรรณภูมิ ซึ่งมีกลุ่มคนมีสี 2 กลุ่มเข้าไปยึด ทั้งที่ จ.สมุทรปราการอยู่ภายใต้ประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และสนามบินเป็นเรื่องของความมั่นคง ดังนั้น ศอฉ.จะปล่อยให้เกิดเรื่องอย่างนี้ขึ้นได้อย่างไร ผมทราบว่าเหตุดังกล่าวมี 2 เสธ.อยู่เบื้องหลัง จึงไม่ทราบว่ากองทัพกำลังทำอะไรอยู่ไม่เข้าไปควบคุม และกลับปิดกั้นห้ามคนมาเดินขบวน แต่กองทัพปล่อยให้ลูกน้องตัวเองมายึดสนามบินแล้วจะมี ศอฉ.ไว้ทำไมŽ นายปลอดประสพกล่าว


นายชนะพล บุปผาชาติ เจ้าหน้าที่บริษัท ปาร์คกิ้ง แมนเนจเม้นท์ จำกัด กล่าวว่า ได้ร่วมกับเจ้าหน้าที่บริษัทคนอื่นๆ ตรวจเช็คระบบต่างๆ ภายในบริษัทในวันเดียวกันนี้ พบทรัพย์สินบริษัทเสียหายเล็กน้อย เอกสารในตู้ถูกรื้อค้น กระจกประตูแตก อย่างไรก็ตามในขณะนี้สามารถเปิดให้บริการลานจอดรถได้เป็นปกติแล้ว เหลือเพียงห้องไอทีของบริษัทที่ในขณะนี้อยู่ในระหว่างตรวจสอบระบบ คาดว่าวันที่ 3 ตุลาคม จะสามารถใช้งานได้ตามปกติ

comment;

ผมมีข่าวล่าจะแจ้งให้ทราบว่า…ผู้ประกอบการรายนี้”ไม่ธรรมดา”จริงๆ ผู้บริหารทอท.คนใดสั่งให้มีการ”ยกเลิกสัญญา” ผมไม่อยากจะคิดต่อว่าอะไรจะเกิดขึ้น สนามบินนะครับไม่ใช่สนามรบ..ท่านปิยะพันธ์ !

เมื่อลูกน้องที่ท่านรักเหลือเกินร่วมอุดมการณ์ทำลายทอท.ด้วยกันมา เป็นตัวต้นเหตุของเรื่อง…จนเกิดเหตุรุนแรง และอาจรุนแรงกว่านี้ เพราะที่ผ่านมา พวกท่านทุกคน ปกปิด สั่งปิดปาห้ามพูด และไม่ออกมาแก้ไขปัญหาอะไรเลยตั้งแต่วันแรก (เรื่องนี้เรื่องเดียวก็ผิดแล้วครับ) แต่กลับทำตัวปรัะหนึ่งไม่รับรู้ปัญหา เพื่อให้เหตุมันรุนแรงหรือไรผมไม่ทราบ แต่ท่านและผู้บริหารทีมนี้ผิดแน่ๆ ผิดกฎหมายด้วยครับ เพราะเป็นเจ้าของบ้าน แต่ในสถานการณ์ที่มีพรบ.ฉุกเฉินบังคับใช้  กลับปล่อยปละละเลยในหน้าที่ไม่แก้ไขปัญหา

จึงเท่ากับให้ร่วมมือก่อให้เกิดสถานการณ์ ที่อาจเป็นอันตรายและเกิดความเสียหายอย่างใหญ่หลวงตามมากับสถานที่ของรัฐอย่างสนามบิน อย่ามาสัญญิงสัญญาอะไรเลยครับว่าจะไม่เกิดเหตุการณืเช่นนี้อีก ท่านและผุ้บริหารชุดนี้ควรรู้ตัวได้แล้ว(ถ้าไม่มีใครเคยบอก)ว่า ทุกสิ่งที่ออกจากปากพวกท่าน ไม่มีใคร “เชื่อ” มานานแล้วครับ

ถ้าสมมติวันที่เกิดเหตุยิงกัน มีคนโดนลูกหลง หรือไม่แค่พกอาวุธแต่เป็นอะไรที่แรงกว่านั้น หรือภาพของสนามบินสุวรรณภูมิเสียหายหนักทั่วโลกมากว่านี้ (ล่าสุดข่าวออกไปสถานีข่าวต่างประเทศแล้วครับ) ถามว่าพวกท่านรับผิดชอบไหวหรือ? จะบอกอีกไหมว่ารับรองไม่เกิดขึ้นอีก?มีสักเรื่องที่สุจริตแล้วพวกท่าน “ทำได้” จริงๆไหมครับ?(เรื่องเดียวก็พอ..)

ความเสียหายที่เกิดขึ้นแล้วเป็น PAST TENSE ครับผม…ให้ทีมชุดดำบุกไปบ้านผู้บริหารทอท.กลุ่มนี้แทนได้ไหมครับ? อย่าบุกมาที่สุวรรณภูมิเลยครับ แค่นี้สุวรรณภูมิก็เน่าเพราะผู้บริหารก๊กนี้จนเขาจดจำนามสกุลกันได้แม่นทุกคนแล้วครับ

ขอร้องผ่านบล๊อกนี้นะครับ

บุคคลกลุ่มใด หรือ ใคร (ยกเวันกลุ่มที่ส่งไปจากผุ้บริหารทอท.ระดับ 11 คนนั้นเองนะครับ) มีความประสงค์จะส่งทีมชุดไหนไปบุกสนามบินอีก  กรุณาเปลี่ยน “เป้าหมาย” ไปบุกที่บ้านของ นายนิรันดร์ นายเสรีรัตน์ นางสุกัญญา นางศศิสุภา นายณรงค์ชัย นายศิโรตม์ นางดวงใจ นส.ผานิต นายนิตินัย แกนนำหลักในการดำเนินการเรื่องนี้แทนนะครับ

จะบุกไปเพื่อกดดันหรือ ยิงอีกหลายสิบนัดเพื่อข่มขู่ หรือจะทำอะไรก็สุดแล้วแต่ท่านเถอะนะครับ  ท่านอาจได้แรงเชียร์และอาจไม่เป็นข่าวฉาวโฉ่ หรือได้ชื่อว่าทำลายชื่อเสียงของประเทศ “ร่วมกับ” ผู้บริหารกลุ่มนี้ก็ได้นะครับ

เพราะ ความจริงคือ นายนิรันดร์กับนายเสรีรัตน์ และทีมงานที่เอ่ยชื่อมานี้ทั้งหมด เป็นคน”ส่งเอกสารสัญญา” ให้กับฝ่ายหนึ่งที่นั่งเก็บเงินอยู่ทุกวันนี้ เพื่อแลกกับ…ก้อนโตครับ และโยนว่าเพราะไม่รู้ว่าจะมีปัญหาเนื่องจากเห็นว่าฝ่ายที่นั่งเก็บเงินอยู่ ก็เป็นหนึ่งในกรรมการบริษัทเหมือนกัน  นายนิรันดร์แอนด์ก๊ก จึงใช้คำพูดว่า…ฉนั้นใครอยากไล่ใคร จงไปหาวิธีทำกันเอาเอง…

ส่วนฝ่ายที่”ลงทุน”เมื่อไม่ได้ผลประกอบการจึงยกพวกไปตีกัน  ทั้งที่กลุ่มคนที่ทำให้ท่านๆไม่ได้รับผลประโยชน์จากการประกอบการก็เพราะนายเสรีรัตน์ และนายนิรันดร์กระทำการเอาสัญญาไปให้อีกฝ่ายนั่นเองครับ ฝ่ายที่นั่งเก็บเงินอยู่เขาไม่ยอม  เพราะเขา”จ่าย”ให้ผู้บริหารกลุ่มนี้มาเยอะครับ…

ไม่รู้ว่าที่ผู้บริหารกลุ่มนี้ไม่ทำอะไรเพิกเฉยกับเรื่องนี้ตั้งแต่ต้นนั้น…เพราะเจตนาให้เรื่องออกมารุนแรงเพื่อจะโยนเบี่ยงเบนประเด็นไม่ให้มีการพูดถึง “ต้นเหตุ” ที่แท้จริงหรือเปล่า…ครับผม?

เป็นผมๆก็ไม่ออกไปไหน และคงบุกทวงหรือทำทั้งสองอย่าง เพราะตัวอย่างมีให้เห็นแล้วว่า  สามารถทำให้ผู้บริหารทอท.เพิกเฉยได้…จากนี้ไปสนามบินในประเทศไทยจะเป็นแหล่งซ่องสุมผู้ก่อการร้ายอย่างเปิดเผย(อย่างน้อยพี่เมียแกนนำเรียกคนมาตายก็อยู่ในทอท.ตลอดที่ผ่านมานี่หว่า)?  เป็นแหล่งสุมอิทธิพลเถื่อนเพราะฝีมือการบริหารจัดการจากผู้บริหารทอท.ชุดที่มีนายเสรีรัตน์เป็นกอญ. และนายนิรันดร์( ที่ทำผิดยังไงก็ยังต้องมีบทบาทและได้เป็นกรรมการรายของทอท.ได้ต่อไป)…เป็นผู้วางรากฐานให้สนามบินกลายเป็นที่”อันตราย”ที่สุด ติดอันดับ TOP TEN สมใจผู้บริหารทอท.เรียบร้อยแล้ว จริงไหมครับท่านประธานปิยะพันธ์  ครับผม….??

จาก นายวาซาบิ ครับผม..

โพสท์ใน categorized | ใส่ความเห็น

พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา..ท่านเชื่อคำว่า…


Posted by ภาณุมาศ_ทักษิณา

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ) เคยกล่าวไว้ว่า

“ผมมีผู้ใต้บังคับบัญชามากมาย จนตอนนี้ 2 แสนกว่าคน ก็ต้องมีกฎกติกา เข้มงวด มีระเบียบวินัย

ทหารต้องเป็นทหารของประชาชน ป้องปกชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์”

ท่าน ผบ.ทบ. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ครับ…

วันนี้…ผู้ใต้บังคับบัญชาของท่าน ที่เป็นทหาร 2 แสนคน และเป็นประชาชนธรรมดาอีก 60 ล้านกว่าคน กำลังได้รับความเดือดร้อนจากการกระทำของนักการเมืองที่มีอำนาจทั้งในรัฐบาลและในรัฐสภา ครับ

วันนี้..สภาพของบ้านเมืองตกอยู่ในสภาพเน่าเฟะจนส่งกลิ่นเหม็นแล้ว

นักการเมืองในฟากรัฐบาล ที่มีตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีในหลายกระทรวง ถูกตั้งข้อสังเกตุสังคม ว่ากำลังทุจริต จ้องที่จะผลประโยชน์จากโครงการต่าง ๆ

ขนาดนักธุรกิจระดับสูงในสมาคม หรือสภาอุตสาหกรรมแขนงต่าง ๆ ที่ไม่เคยออกปาก ยังทนไม่ไหวต้องขอร้องให้นักการเมือง “เบา ๆ” หน่อย แต่พวกมันก็ไม่ฟังครับ

หลายโครงการใช้เงินลุงทุนเป็นแสนล้าน ยังไม่ทันทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันก็ขาดทุนวินาศสันตะโร จนต้องขอกู้เงินมาโป๊ รัฐวิสาหกิจอย่างการรถไฟ หรือรถเมล์ ที่รัฐบาลผูกขาดอยู่เจ้าเดียวก็หนี้ส้นบานเบอะ

แทนที่พวกนักการเมืองจะหาทางอุดรู้รั้ว หรือป้องกันการคอรัปชั้น พวกมันทะลึ่งเตรียมกู้เงินต่างชาติทำรถไฟฟ้าความเร็วสูง ทั้ง ๆ ที่ไม่รู้ทำเสร็จแล้วจะมีคนใช้บริการสักกี่คน และอีกกี่ชาติจะคุ้มทุน

แต่ที่มันต้องทำเพราะพวกมันหวังเปอร์เซ็นต์ครับท่าน ผบ.ทบ.

นอกจากนี้นักการเมืองในบางกระทรวง ก็โกงชาติด้วยการขายตำแหน่งสำคัญ ๆ ตามข่าวที่ปรากฎในตอนนี้ก็มี

ตำแหน่งนายอำเภอ ตำแหน่งนายตำรวจ ตำแหน่งเลขาฯนักวิชาการ ตำแหน่งผู้บริหารระดับสูงในองค์กรของรัฐ หรือรัฐวิสาหกิจ พวกมันตั้งราคาซื้อขายเหมือนผัก-ปลาในตลาดสด

พรรคการเมืองแต่ละพรรคต่างมุ่งหวังที่จะสร้างฐานคะแนนเสียงสำหรับตัวเองในการเลือกตั้งครั้งใหม่ ว่าจะต้องได้รับเลือกให้มากที่สุดเพื่อเป็นแกนนำรัฐบาล

กลุ่มการเมืองที่ซุกตัวเองอยู่ในพรรคใหญ่ ๆ ก็คิดว่าหลังเลือกตั้งกลุ่มตัวเองต้องมี ส.ส.สัก 30 คนขึ้นไปจะได้ต่อรองขอเป็นเพรรคร่วมรัฐบาลได้ ไม่งั้นจะอดอยากปากแห้ง หางบประมาณไปพัฒนาจังหวัดตัวเองไม่ได้

ส.ส.ระดับเสี่ย ก็หว่านเงินหาเสียงให้เพื่อน ๆ หวังจะมี ส.ส.ในมือสัก 7 – 8 คน เผื่อจะแห่ไปหนุนพรรคใดพรรคหนึ่งแลกกับการเป็นรัฐมนตรี เหมือนที่ทำกันในตอนนี้

แต่ไม่มีไอ้นักการเมืองหน้าไหนคิดไกลไปเลยว่า…ตอนนี้ฝนยังไม่ตก น้ำยังไม่หยุดท่วม ชาวบ้านในชนบทจะมีชีวิตอยู่อย่างไร ใครไปถามมัน มันก็ปัดสวะพ้นตัวว่า มีข้าราชการประจำคอยให้การช่วยเหลืออยู่แล้ว

มันบอกว่า ทุกจังหวัดมีผู้ว่าฯ มีนายอำเภอ มีเงินงบประมาณอยู่แล้ว ให้ออกไปช่วยเหลือประชาชนได้เลย

พวกมันไม่เคยคิดกันเลยว่า…หลังจากน้ำที่ท่วมอยู่ลดลงแล้ว จะวางแผนป้องกันน้ำท่วมในปีต่อไปอย่างไร.. เพื่อเกษตรกรจะไม่เดือดร้อน

พวกมันคิด และมองเห็นเพียงว่า น้ำท่วมเป็นปรากฎการณ์ทางธรรมชาติที่เมื่อฝนตกมาก ๆ ไหลลงทะเลไม่ทันน้ำก็ต้องท่วม

หรือแม้แต่ภัยจากความแห้งแล้ง นักการเมืองเอี้ย ๆ บางคนก็บอกเพียงว่ามาจากปรากฎการณ์โลกร้อน

มันไม่เคยคิดเลยว่า ผืนดินที่แห้งแล้ง แม่น้ำที่แห้งขอดจนชาวบ้านปลูกพืชทางการเกษตรไม่ได้ มันควรจะแก้อย่างไร

สิ้งที่พวกมันคิดก็คือ ปีที่แล้วตั้งงบช่วยภัยแล้งเท่าไหร่ ช่วยน้ำท่วมเท่าไหร่ หากภัยแล้งและน้ำท่วมมากขึ้นก็เพิ่มวงเงินช่วยเหลืออีก 10 เปอร์เซนต์

แต่ท่าน ผบ.ทบ.ครับ กว่าเงินช่วยเหลือเหล่านั้นจะถึงชาวบ้านก็แทบไม่เหลืออะไรแล้ว เหมือนมีคนเปรียบเทียบเหมือนแท่งไอติมนั่นแหละครับ

พล.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ.เคยกล่าวไว้ว่า…

“ที่ผ่านมา เราไม่ได้ยุ่งเกี่ยวการเมือง แต่ที่จำเป็นก็เพื่อรักษาความมั่นคงและเสถียรภาพของบ้านเมืองเท่านั้น”

ท่าน ผบ.ทบ.ครับ ตอนนี้บ้านเมืองกำลังขาดความมั่นคงและบ้านเมืองกำลังไร้เสถียรภาพครับ

พวกนักการเมือง มันมอมเมาประชาชนว่า ระบอบประชาธิปไตยมาจากประชาชน เป็นของประชาชน และเพื่อประชาชน

แต่เลือกตั้งทุกครั้งมีแต่โคตรเง้าของนักการเมืองทั้งสิ่น

ในสภาผู้แทนราษฎรวันนี้ นักการเมืองบางคนคนมีฐานะเป็น พ่อ(บางคนแก่เดินไม่ไหวต้องนั่งรถเข็น) ลูก เมีย หรือ พี่ น้อง ของนักการเมืองที่ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองครับ

นักการเมืองพวกนั้น ส่วนใหญ่ต้องคอยคำแนะนำจากไอ้พวกที่ถูกตัดสิทธิ์

ใคร “ขาใหญ่” มีบารมีมากก็ให้พ่อ ให้เมีย รับตำแหน่งใหญ่โต หาก พ่อ หรือ เมียมันทำงานไม่เป็นก็ หาคนมาเป็นที่ปรึกษาด้วยการตั้งโคตรของมันอีกนั่นแหละเข้ามาเป็นฝูง

ขนาดรัฐสภาเป็นแหล่งรวมกฎหมายที่เกี่ยวกับประเทศชาติ พวกนักการเมืองมันยังขนใครก็ไม่รู้เข้าไปงานในนั้นอย่างไม่อินังขังขอบกับคำว่าความลับหรือความมั่นคงของชาติ

ท่านผู้บัญชาการทหารบกครับ ท่านเคยตั้งคำถามว่า คนชั่วเยอะเหลือเกิน จะทำอย่างไรดี

ก็คงต้องเรียนว่า ลำพังประชาชนมือเปล่าอย่างพวกผมทำอะไรมันไม่ได้หรอกครับ ต้องคนมีอำนาจอย่างท่านครับ ท่านเท่านั้นที่ต้องทำหน้าที่พิทักษ์รักษาชาติและแผ่นดินให้รอดพ้นจากคนชั่วครับ

ผมเชื่อว่า อีกไม่นานคงจะมีการยุบสภาฯ และมีการเลือกตั้งใหม่อีกครั้งหนึ่ง เท่าที่ผมสดับตรับฟังจากข่าว

เลือกตั้งงวดหน้า ชี้ชะตาประเทศไทยเชียวนะครับ

ทักษิณ ชินวัตร อดีตนักโทษหนีคดี ประกาศหนักแน่นแล้วว่า พรรคเพื่อไทย แพ้ไม่ได้ ต้องชนะเพื่อเป็นรัฐบาล เข้าไปออกกฎหมายนิรโทษกรรม

เพื่อกลับมายิ่งใหญ่อีกครั้งหนึ่ง ถึงวันนั้นผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าคนไทยจะอยู่กันอย่างไร เพราะคนเสื้อสีนั้นสีนี้คงทนไม่ได้ต้องออกมาประท้วง คราวนี้ ทักษิณ มันคงไม่ปล่อยให้ลอยนวล มันคงเอาถึงตายแน่

หากพรรคเพื่อไทยชนะไม่เด็ดขาด ทักษิณ ก็ต้องกว้านซื้อ ส.ส.จากพรรคต่าง ๆ เพื่อหนุนพรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาลให้ได้

ถึงวันนั้น ท่าน ผบ.ทบ.ครับ “ค่าตัว” ของ ส.ส.จะสูงลิบเป็น สิบล้าน ยี่สิบล้าน หรือร้อยล้านเชียวนะครับ

แล้วพรรคที่ได้เป็นรัฐบาลจะไปเอาเงินจากไหนมาละครับ หากไม่ฉ้อราษฎร์บังหลวง คดโกงประเทศชาติและประชาชน

วันนี้ พวกเสี่ยทางการเมืองจึงพยายามเกาะกลุ่มกันแน่นเพื่อกว๊านเอา ส.ส.มาอยู่ด้วย จะได้มีอำนาจต่อรองกับพรรคที่ได้คะแนนที่หนึ่งและที่สองพรรคไหนจ่ายมากกว่า พวกมันก็จะเฮโลไปอยู่ด้วย

พวกมันไม่สนใจหรอกครับ ว่าพรรคที่ได้ที่หนึ่งหรือที่สอง มีนโยบายในการบริหารประเทศอย่างไร มันรู้แต่เพียงว่า มีกระทรวงไหนบ้างที่มีโอกาสถอนทุนคืนและสร้างกำไรให้พวกมัน

ผมเชื่อว่า สิ้งทีผมเขียนมาทั้งหมด ท่านคงจะทราบดีอยู่แล้ว จากหน่วยข่าวต่าง ๆ

ท่านผุ้บัญชาการทหารบกเคยบอกว่า…

“ไม่เคยคิดที่จะปฏิวัติ… แต่ ข้อสำคัญอย่ากดดันทหารว่าทำไมทหารไม่ทำนั่นทำนี่”

ผมไม่ได้กดดันท่านนะครับ…

แต่ผมมีความรู้สึกว่า คำกล่าวที่ว่า

“ต่างชาติไม่ยอมรับรัฐบาลที่มาจากการปฏิวัติ” นั้น น่าจะเป็นการกดดันท่านอย่างยิ่งนะครับ

หลายประเทศเขาอยู่ได้โดยไม่ต้องพึ่งต่างชาติก็มีให้เห็น

ไทยเป็นเมืองเกษตรกรรม เราผลิตอาหารกินกันได้สบาย ๆ

ผมไม่ได้ออกมาเรียกร้องให้ท่านทำการปฏิวัติ เพราะเป็นเรื่องผิดกฎหมาย

ผมเพียงแต่อยากเรียนให้ท่านทราบ วันนี้ประชาชนกำลังอยู่อย่างหวาดผวา จึงผมอยากให้ท่าน เข้ามาทำหน้าที่รักษาความมั่นคงภายในและรักษาเสถียรภาพของบ้านเมือง

จัดระบบระเบียบให้ประเทศเสียใหม่ครับ คัดเลือก คนดี ๆ ที่มีฝีมือในแต่ละด้านเข้ามาบริหารประเทศสักพักหนึ่ง เพื่อฟื้นฟูประเทศให้แข็งแรง

ส่วนจะด้วยวิธีใดนั้น ขอให้อยู่ในดุลยพินิจของท่านครับ !

 

 

 

โพสท์ใน categorized | 1 ความเห็น

ทุจริตอีกแล้วครับ..คมนาคม..


รถไฟฟ้าสีน้ำเงินกลิ่นโชย “มาร์ค” สั่งแกะรอย กมธ.พบหลักฐานอื้อ
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 15 ตุลาคม 2553 10:30 น.
คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น
อนุกรรมาธิการ ป.ป.ช.แฉประมูลรถไฟฟ้าสีน้ำเงินกลิ่นทุจริตโชย ยอมรับนายกฯ สั่งเร่งสอบทุจริตด่วน ยันตรวจพบความไม่โปร่งใสหลายประการ ทั้งการกำหนดวงเงิน และการประกวดราคา คาดใช้เวลาแกะรอยเอกสาร 64 ลัง 1 สัปดาห์ ก่อนรายงานนายกฯ

นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ ส.ส.นครนายก พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ในฐานะประธานคณะอนุกรรมาธิการตรวจสอบโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ช่วงหัวลำโพง-บางแค และช่วงบางซื่อ-ท่าพระ ในกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (กมธ. ป.ป.ช.) สภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 12 ตุลาคม 2553 การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ม.) ส่งเอกสารรายละเอียดโครงการ จำนวน 64 ลังมาให้อนุ กมธ. หลังพบความไม่โปร่งใสในหลายประการ อาทิ การกำหนดวงเงิน และการประกวดราคา โดยคาดว่าจะใช้เวลาอ่านเอกสารประมาณ 1 สัปดาห์ ก่อนสรุปรายละเอียดเข้าที่ประชุมใหญ่ และรายงานให้นายกรัฐมนตรีทราบ

เบื้องต้น ตรวจสอบพบความพิรุธ กรอบวงเงินค่าก่อสร้าง ที่ ร.ฟ.ม.ขอเปลี่ยนแปลงตัวเลขจาก 48,821 ล้านบาท เป็น 52,460 ล้านบาท เพื่อเพิ่มเติมในส่วนค่าใช้จ่ายการรื้อย้ายสาธารณูปโภค และอื่นๆ ที่เสนอต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน 2552 แต่สำนักงบประมาณ อนุมัติให้ปรับเพิ่ม เป็นเพียง 50,353 ล้านบาท

“ถือเป็นเรื่องน่าประหลาด ที่สุดท้าย ครม.ไม่ได้ท้วงติง ซึ่งได้รายงานให้นายกรัฐมนตรีทราบเบื้องต้นแล้ว โดยนายกรัฐมนตรีขอให้เร่งสรุปรายละเอียดให้ทราบ ก่อนจะเชิญรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง มาชี้แจงรายละเอียด โดยได้แสดงความกังวล เพราะลงนามอนุมัติให้ ร.ฟ.ม.ไปลงนามสัญญาจ้างบริษัทที่ชนะการประกวดราคา ดังนั้น ในการประชุมสัปดาห์หน้า จึงเชิญเจ้าหน้าที่จากสำนักงานอัยการสูงสุด และเลขาธิการ ครม. มาชี้แจง”

ทั้งนี้ หลังอนุกรรมาธิการ ป.ป.ช.ตรวจสอบเรื่องดังกล่าวอย่างเข้มข้น ร.ฟ.ม.จึงชะลอการลงนามสัญญาจ้างออกไป เพื่อรอผลตรวจสอบ รวมถึงตั้งกรรมการตรวจสอบสัญญาจ้างควบคู่กันไปด้วย

ใส่ความเห็น

ปิดไม่มิด…ผู้บริหารทอท.ก็แบบเนี้ย…


15/10/2553
ปิดไม่ลับ!”ไอ้ตู่”วาดฝันให้”น้อง น.”เป็นเมียรัฐมนตรี 

 

“อยากให้นายจตุพร กลับไปดูแลเมียหลวงให้ดี ไปทำอะไรไว้ที่ชายหาดที่ไม่ใช่เมียนายจตุพรเอง คนเสื้อแดงเป็นร้อยเป็นพันเขาเห็น”

นั่นคือคำพูดของ “นายเมธี อมรวุฒิกุล” แนวร่วมกลุ่มคนเสื้อแดง ในฐานะพยานคดีก่อการร้ายที่อยู่ในโครงการคุ้มครองพยานของดีเอสไอ ที่เขาได้แถลงเปิดโปง นายจตุพร พรหมพันธ์ แกนนำเสื้อแดง และ ส.ส.ผู้ทรงเกียรติ พรรคเพื่อไทย เกี่ยวกับพฤติกรรมชั่วแบบหมดเปลือก…

ประเด็น”กลกามแห่งความรัก” ของ จตุพร หาก”เมธี”ไม่รู้หรือไม่เห็นมากับตา เขาคงไม่กล้าพูดแน่นอน อีกทั้ง หญิงชู้รักของไอ้ตู่ ที่”เมธี”กล่าวถึง กลับมาตรงกับ”หญิงชู้รัก” ที่ เอเอสทีวีผู้จัดการรายวัน เคยนำเสนอมาก่อนหน้านี้

ย้อนกลับไปช่วงการชุมนุมของคนเสื้อแดง หากใครได้ชม ได้ฟัง ทีวีเสื้อแดง โดยเฉพาะในช่วงที่ไอ้ตู่”จตุพร พรหมพันธุ์”ขึ้นปราศรัยบนเวทีกล่าวหาโจมตี”สุเทพ เทือกสุบรรณ”เขาก็จะพูดกล่าวหา”สุเทพ”แบบ เสียๆหายๆโดยเฉพาะเรื่องชู้สาว ที่เป็นจุดอ่อนของ”เทพเทือก”

ครั้งนั้น ไอ้ตู่(ศรีธนญชัย)แต่งบทใส่ร้าย “สุเทพ”ว่า ตอนนี้มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับ คุณหญิงท่านหนึ่ง ก่อนสรุปว่า”สุเทพ ตีท้ายวัง”

แต่สำหรับตัวตนของไอ้ตู่ ศรีธนญชัย ชีวิตจริงของเขาก็ไม่ธรรมดา เมื่อพบว่า เขาชอบลุ่มหลงในรสกาม นอกใจภรรยา เช่นกัน

“ชู้รักไอ้ตู่”ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่ได้อยู่บนเวทีคนเสื้อแดง ในฐานะพิธีกร มีนามที่แปลความหมายออกมาแล้วว่า น.ส.นางแก้ว นามสกุล (นน)คล้ายๆนางเลิ้ง ซึ่งสาวผู้นี้เป็นคน จ. น่าน เดิมเป็นผู้ประกาศช่อง 11 ไปอยู่พีทีวี ตั้งแต่เริ่มเปิดจนถึงปัจจุบัน โดยพนักงานที่นั่น พูดปากต่อปากว่า เขาเป็นภรรยาลับของนายจตุพร พรหมพันธุ์ โดยได้รับค่าเลี้ยงดูเดือนละ 2 หมื่นบาท ผ่อนรถเก๋งให้ 1 คัน พร้อมกับได้เงินเดือนที่เป็นผู้ประกาศกับพีทีวี เดือนละ 38,000 บาท พักอยู่อพาร์ตเม้นต์แถวลาดพร้าว 95

นางหญิงชู้รักไอ้ตู่…หลัง เมธี แฉ..วันต่อมาสดๆร้อนๆ (13 ต.ค.)มีการพูดกันปากต่อปาก ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯสถานที่คุมขังแกนนำเสื้อแดง โดยผู้ต้องขังเสื้อแดงแต่ละคนได้ต่อว่า” เมธี”อย่างรุนแรง ว่าไม่สมควรนำเรื่องส่วนตัวไปพูดกันเลย เพราะจะทำให้ ผู้หญิงเขาเดือดร้อน แต่ที่สำคัญ ทุกคนต่างยอมรับว่า เรื่องที่”เมธี”พูดเป็นเรื่องจริง

จากประเด็น”ชู้รักไอ้ตู่”ที่แกนนำเสื้อแดงในคุก ยอมรับว่า เป็นเรื่องจริง …ที่”เมธี”ไม่สมควรพูด…

ส่วนการออกมาแถลงตอบโต้…ของ ไอ้ตู่ เขาก็ไม่ได้ปฎิเสธ หรือ พูดถึงเรื่อง “พาหญิงที่ไม่ใช่เมียไปทำอะไรที่ชายหาด”แต่อย่างใด

“ชู้รักไอ้ตู่”…เขาคืออดีตหญิงผู้น่าสงสาร ย้อนหลังไป 2- 3 ปี ก่อนที่จะให้ “ไอ้ตู่”ได้เชยชม พบว่าน้อง น. เคยผ่านการมีชีวิตยุ่งๆเกี่ยวกับความรักตามวัยสาวของตนเองอย่างชอกช้ำ เป็นชีวิตที่น่าสงสารถึงขั้นต้องทำงานหาเงินเลี้ยงแฟนหนุ่มที่ตกงาน จนเจ้าตัวไม่ไหวโดนแฟนหนุ่มดูด ไถเงิน ไปจนสิ้นเนื้อประดาตัว จากเคยมีรถยนต์  มีเงินใช้จ่ายฟุ่มเฟือย อยากซื้อ อยากกิน อยากแต่งตัวสวย ๆ ก็ไม่ได้ทำ  เพราะรถยนต์ที่ใช้อยู่ต้องถูกยึด  ห้องพักอพาร์ตเม้นต์ที่เคยเช่าอยู่กับแฟนหนุ่มก็ไม่มีเงินจ่ายค่าเช่า เงินทองที่เก็บไว้ก็ร่อยหรอ เนื่องจากแฟนหนุ่มไม่มีงานทำ แต่เล่นการพนัน เลี้ยง น้องด้วยลำแข้ง  ดั่งกระสอบทราย  โดยแฟนหนุ่มคนที่ว่านี้  ก่อนเคยทำงานพีทีวี เป็นหนุ่มรูปหล่อ สาวๆ ติดตรึม เพราะเจ้าหนุ่มเข้ามาทำงานอ้างตัวว่าเป็นเลขานุการส่วนตัว “เจ๊เพ็ญ”แต่ที่แท้เป็นเพียงคนขับรถ และถูกไล่ออกจากพีทีวี เพราะเรื่องทุจริตเกี่ยวกับเงิน ๆ ทอง ๆ

ก่อนหน้าที่จะมาเจอหนุ่มเพลย์บอยคนนี้ น้อง น. เคยมีแฟนเป็นถึงระดับผู้กำกับละคร ของค่ายดัง โดยทั้งสองวาดฝันถึงขั้นแต่งงาน โดยฝ่ายชายให้คำมั่นสัญญากับครอบครัว น้อง น. ว่าคบกัน 2 ปีจะแต่งงานกันทันที เพื่อที่จะได้น้องมาลองใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันในบ้านทาวน์เฮาส์ แต่เมื่อมาอยู่ด้วยกันเพียงปีเดียว ฝ่ายชายให้เหตุผลสั้นๆว่าเบื่อ ทัศนคติไม่ตรงกันขอเลิกรา แต่น้องมอบใจกายให้แล้วทำใจไม่ได้ ยังดื้อขอคบต่อ แต่ฝ่ายชายไม่ยอมให้น้องออกจากบ้าน เนื่องจากจะพาหญิงอื่นเข้ามาอยู่แทน

สมัยเมื่อเป็นผู้ประกาศข่าวช่องรัฐบาล น้อง น. จะเนื้อหอม มีชายมาเฝ้าดอมดมไม่ขาดสาย แต่ น้อง น. จะมีนิสัยทะเยอทะยาน มักใหญ่ใฝ่สูงชอบกุ๊กกิ๊กกับชายวัย 40 อัพ ระดับบริหาร จนได้ดิบได้ดี เป็นผู้ประกาศข่าวต่อเนื่อง จนพีทีวีเปิดทำการ ผู้บริหารจะโละน้อง น. หรือต้องการให้น้องมีงานดี เงินดี หรือไม่ทราบได้ เป็นผู้ฝากน้องเข้าทำงานที่พีทีวี จนไปได้คนขับรถ “เจ๊เพ็ญ” และเมื่ออกหักจากคนขับรถ น้อง น. ถูกทาบทาม จากคนใกล้ชิด “จตุพร” ว่าท่านเอ็นดูมานานแล้ว อยากใกล้ชิดสนิทสนม ถึงขั้นต้องการให้เป็นคู่ชีวิต น้องผู้เจ็บปวดกับความรักซ้ำแล้วซ้ำเล่า ตัดสินใจทันที เพราะเงินไม่มีติดตัว รถหรูที่เคยมีก็ไม่มีขับ แถมที่อยู่ก็ไม่แน่นอน เพื่ออนาคตที่สุขสบาย กับคำพูดโอ้โลมที่วาดฝันให้น้องได้เป็นถึงเมียรัฐมนตรี หากตุ๊ดตู่เป็นใหญ่เป็นโตได้เป็นรัฐมนตรี น้องจะได้มีสายสะพาย

การคบหาของตู่กับ น้อง น. จะเปรียบเสมือนสามี ภรรยา ที่ออกหน้า ออกตาไปทุกที่ ที่มีการปราศรัยเสื้อแดง ที่มีกิจกรรมเสื้อแดง ในออฟฟิศก็จะคอยดูแลใส่ใจซึ่งกันและกันเป็นอย่างดี ทุกคนจะให้เกียรติ ให้ความเกรงขาม แถมสมัยที่เมียหลวงคนที่เท่าไหร่ไม่รู้ ลูกอดีตผู้ว่าฯ เมืองน้ำดำ ตั้งท้อง ตุ๊ดตู่จะอยู่กับน้อง น. ทุกคืน เมียหลวงขอแค่ช่วงเช้าและเย็นแวะไปกินข้าวกับลูกและเมียหลวงบ้าง ซึ่งเมียหลวงบอกตู่ ว่าจะไปไหนก็ได้ จะคบกี่คนก็ได้ แต่ขอให้มีเวลามาให้ลูกเห็นหน้าบ้างก็เท่านั้น

สำหรับเรื่องชั่วทั้งหมดนี้….แกนนำเสื้อแดงผู้ให้ข้อมูล   ฝากถามไอ้ตู่  ว่าหากไม่จริง ปฎิเสธได้เลย เพราะจะมีเรื่องเลวๆของคนคนนี้ มาแจ้งให้ประชาชนทราบอีกเพียบ!

ใส่ความเห็น

เร่งสางคดี..!


ได้ข่าวนี้รู้สึกดีมั่กมานะฮ้า….

หมายความว่าคดีของผู้บริหารทอท.ใกล้ถึง”คิว”แล้วใช่ไหมฮ้า..?

11 ตุลาคม พ.ศ. 2553 เวลา 08:44:07 น. มติชน

ปธ.ศาลฎีกาเร่งสางคดีค้างเก่าแพ่ง-อาญา นำร่องศาลชั้นต้นทำงานนอกเวลาถึง2ทุ่มครึ่ง เสาร์-อาทิตย์เต็มวัน

โฆษกศาลยุติธรรมเผย ปธ.ศาลฎีกาฯมีนโยบายเร่งคัดคดีค้างเก่า เตรียมโครงการนำร่อง เปิดทำการศาลชั้นต้นนอกเวลาราชการ 2 ช่วง วันธรรมดาถึงสองทุ่มครึ่ง เสาร์-อาทิตย์เต็มวันทั้งคดีแพ่ง-อาญา แต่มีเงื่อนไขคู่ความทั้งสองฝ่ายต้องเต็มใจ รวมทั้งเจ้าพนักงานใน ก.ยุติธรรมเห็นชอบร่วมกัน มองไกลถึงขั้นต่อยอดในชั้นศาลสูง

นายสิทธิศักดิ์ วนะชกิจ โฆษกศาลยุติธรรม เปิดเผยเมื่อวันที่ 10 ตุลาคม ว่า เพื่อเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพการอำนวยความยุติธรรมให้แก่ประชาชนผู้มีอรรถคดี นายสบโชค สุขารมณ์ ประธานศาลฎีกา มีนโยบายมุ่งเร่งรัดการพิจารณาพิพากษาคดีให้แล้วเสร็จโดยเร็วในทุกชั้นศาล โดยกำหนดให้มีโครงการทดลองนำร่องเปิดทำการศาลนอกเวลาราชการเพื่อเร่งรัดการพิจารณาพิพากษาคดี และที่ประชุมคณะกรรมการบริหารศาลยุติธรรมมีมติเห็นชอบในหลักการแล้ว ดังนั้นเพื่อเป็นการสนองนโยบายดังกล่าว สำนักงานศาลยุติธรรมโดยนายวิรัช ชินวินิจกุล เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม จึงกำหนดแนวปฏิบัติในการเปิดทำการศาลนอกเวลาราชการ เพื่อให้มีแนวทางปฏิบัติเป็นระเบียบเดียวกัน เริ่มจากการทดลองนำร่องเปิดทำการศาลนอกเวลาราชการในศาลชั้นต้น

“มีสาระสำคัญ คือ การเปิดทำการศาลนอกเวลาราชการ ในศาลชั้นต้นให้เปิดทำการได้นอกเวลาราชการปกติตั้งแต่เวลา 16.30-20.30 น. และในวันหยุดราชการ (วันเสาร์ หรือ วันอาทิตย์) ตั้งแต่เวลา 08.30-16.30 น.”โฆษกศาลยุติธรรมกล่าว

นายสิทธิศักดิ์กล่าวว่า สำหรับประเภทคดีในศาลชั้นต้น ที่กำหนดให้มีการพิจารณาพิพากษาคดีนอกเวลาราชการนั้น ต้องเป็นคดีที่เข้าสู่กระบวนพิจารณาตามปกติ ไม่รวมถึงกรณีไกล่เกลี่ยข้อพิพาท ได้แก่ คดีจัดการพิเศษที่ต้องนัดพิจารณาในวันจันทร์และวันอังคาร ตามระบบการพิจารณาคดีต่อเนื่องของศาลชั้นต้น คดีที่คู่ความทั้งสองฝ่ายสมัครใจดำเนินคดีในศาลนอกเวลาราชการ คดีที่ต้องพิจารณาต่อเนื่องทั้งในคดีอาญาและคดีแพ่งที่คู่ความสมัครใจและไม่กระทบกับการปฏิบัติราชการของหน่วยงานในกระบวนการยุติธรรมอื่น

“คดีที่ค้างพิจารณาเป็นเวลานานที่คู่ความสมัครใจหรือบุคลากรในหน่วยงานในกระบวนการยุติธรรมเห็นชอบร่วมกันที่จะปฏิบัติงานนอกเวลาราชการคดีอาญาที่จำเลยต้องขัง และหน่วยงานในกระบวนการยุติธรรมเห็นชอบร่วมกัน ที่จะปฏิบัติงานนอกเวลาราชการ ทั้งนี้ ศาลชั้นต้นที่เปิดทำการศาลนอกเวลาราชการ จะมีการแจ้งประชาสัมพันธ์ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และประชาชนทราบเป็นการล่วงหน้า ก่อนดำเนินการตามนโยบายดังกล่าวต่อไป” โฆษกศาลยุติธรรมระบุ

นายสิทธิศักดิ์กล่าวว่า แม้เปิดทำการศาลนอกเวลาราชการ จะทำให้บุคลากรของศาลยุติธรรมทั้งในส่วนของผู้พิพากษา และข้าราชการ ตลอดจนเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ต้องรับภารกิจเพิ่มขึ้น แต่ทุกคนก็เต็มใจที่จะปฏิบัติหน้าที่ในการอำนวยความยุติธรรมให้แก่ประชาชนภายใต้จิตสำนึกการให้บริการที่ดีขณะเดียวกัน สำนักงานศาลยุติธรรมก็ได้ให้ความสำคัญและบริหารจัดการด้วยการกำหนดแนวทางการบริหารจัดการบุคลากรที่ปฏิบัติหน้าที่นอกเวลาราชการตลอดจนค่าตอบการปฏิบัติงานนอกเวลาราชการไว้แล้ว นอกจากนี้ สำนักงานศาลยุติธรรมยังได้เตรียมต่อยอดการเปิดทำการศาลนอกเวลาราชการ ในศาลสูงในอนาคตอันใกล้ ขณะนี้อยู่ระหว่างการกำหนดแนวทางและหลักเกณฑ์การปฏิบัติที่เหมาะสมต่อไป

โพสท์ใน categorized | ใส่ความเห็น